ซื้อรถ มือสอง มา ขาย ต่อ ได้ไหม

ขายรถมือสองแบบเงินสด กับขายผ่านไฟแนนซ์ ต่างกันยังไง

การขายรถมือสองมี 2 แบบ คือ ขายเงินสด กับขายผ่านบริษัทไฟแนนซ์

Show

ขายเงินสด

ส่วนใหญ่ เกิน 80 % มักจะเป็นพวกพ่อค้ามืออาชีพที่มักจะรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง ใช้หลักฐานเอกสารอะไรบ้าง

ขั้นตอนก็คือ พ่อค้าเต็นท์รถ จะเอาเอกสารทุกอย่างมาให้เราเซ็น เช่น ใบโอน ใบมอบอำนาจ เราแค่เตรียมรถ กับเล่มทะเบียนให้เขาแค่นั้น โดยปกติเต็นท์รถจะจ่ายเงินให้เราก่อน สมัยนี้สามารถโอนกันต่อหน้า ผ่านแอปฯ ธนาคารได้เลย ปิดการขายจบเสร็จสิ้น เราได้เงิน เขาก็ขับรถเราไป

ขายผ่านไฟแนนซ์

จะเสียเวลามากกว่า โดยขั้นตอนคร่าวๆ มีดังนี้

  1. เมื่อคนซื้อตกลงจะซื้อรถของเรา ต้องติดต่อไฟแนนซ์ โดยเราต้องเตรียมหลักฐาน เช่น สำเนาเล่มทะเบียนรถ รูปถ่ายรถ ฯลฯ เพื่อเข้าไปคุยกับไฟแนนซ์ว่าจะจัดไฟแนนซ์ให้ได้เท่าไหร่ อย่างเช่น คุณขายราคา 400,000 บาท แล้วไฟแนนซ์จัดวงเงินได้ที่ 400,000 บาท แบบนี้คนซื้อไม่ต้องดาวน์ เพราะคุณจะได้รับเงินจากไฟแนนซ์เต็มๆ 400,000 บาท แต่ถ้า คุณขายราคา 400,000 บาท แต่ไฟแนนซ์ปล่อยสินเชื่อให้แค่ 350,000 บาท เท่ากับว่าคุณต้องไปเก็บเงินจากคนซื้ออีก 50,000 บาท
  2. เมื่อคุยกับไฟแนนซ์เรียบร้อย ทางไฟแนนซ์จะนัดดูเอกสาร เช่น เล่มทะเบียนรถ พร้อมทั้งรูปถ่ายรถของเรา ดูสภาพโดยรวม และคอนเฟิร์มยอดที่จะสามารถอนุมัติให้ได้อีกครั้ง ซึ่งถ้าผู้ซื้อตกลงตามนั้น ก็จะทำการเซ็นสัญญา โดยที่ทางไฟแนนซ์สามารถเช็คเครดิตบูโรได้ทันที และสามารถประเมินคร่าวๆ ได้ ณ ตอนนั้นเลยว่า มีแนวโน้มว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน
  3. หลังจากจัดไฟแนนซ์ผ่านแล้ว คุณจะต้องเซ็นโอนรถคันนี้ให้แก่บริษัทไฟแนนซ์เสียก่อน โดยที่ยังไม่ได้รับเงินค่ารถ
  4. ทางไฟแนนซ์จะนำเอกสารที่คุณเซ็นโอน ไปโอนที่กรมการขนส่งทางบก และถ้าไม่มีปัญหาอะไร ในการโอนเปลี่ยนชื่อจากชื่อคุณ เป็นชื่อบริษัทไฟแนนซ์ได้เรียบร้อย คุณก็เตรียมรับเช็คได้เลย

อย่างไรก็ดี การซื้อขายรถมือสองกันเอง กับการซื้อขายผ่านเต็นท์ จะค่อนข้างแตกต่างกัน ในเรื่องวงเงินการให้สินเชื่อ ถ้าซื้อขายกันเองมักจะได้น้อยกว่า เพราะบริษัทไฟแนนซ์จะเชื่อใจเต็นท์มากกว่า หากมีเต็นท์รถที่สนิทกันไว้ใจได้ ก็อาจจะเอารถไปฝากขายกับเต็นท์ แล้วจ่ายค่าเสียเวลาให้ แต่ก็มีความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก เพราะหากเต็นท์ไม่โอนเงินให้เรา ก็จบกัน

ตั้งราคารถมือสองเพื่อขายต่อแบบมือโปรฯ

ทำยังไงให้ได้ราคาดีนะ มาดูวิธีตั้งราคารถของคุณกันเถอะ

1.ราคากลางของตลาด

สำรวจราคากลางของรถรุ่นและปีที่คุณจะวางขายจากเว็บไซต์ขายรถมือสองต่างๆ เพื่อดูว่าราคาที่คนขายรถรุ่นของเราอยู่ที่เท่าไหร่ ทำการบ้านเพิ่มเติมด้วยการเช็คราคาประเมินที่แน่นอนอีกครั้งจาก ประกาศของ กรมขนส่งทางบก ด้วยเพื่อให้ได้ราคาที่เป็นกลาง

2.ประวัติรถ

ติดต่อตัวแทนประกันภัยรถยนต์ของคุณเพื่อเช็คประวัติ ทางบริษัทประกันฯ จะมอบรายละเอียดอุบัติเหตุ ประวัติการซ่อมแซมที่คุณอาจลืม เช็คตัวเลขไมล์บนหน้าปัด สิ่งนี้เป็นตัวช่วยไกด์ให้คุณตั้งค่าเสื่อมสภาพของรถที่เหมาะสม

3.สถานะการเงินของรถคุณ

คุณเป็นเจ้าของรถเต็มตัว หรือยังคงผ่อนรถคันนี้อยู่ หากยังผ่อนกับไฟแนนซ์ เราแนะนำให้คุณขายราคาดาวน์และนำสัญญาผ่อนไปทำการรีไฟแนนซ์ ให้ผู้ซื้อทำการผ่อนต่อจะดีที่สุด

4.การปรับแต่งตัวรถ

การแต่งรถที่นอกเหนือจากเดิมก็มีข้อดีเช่นกัน กรณีที่การแต่งรถช่วยให้รถเบาลง และทำให้อัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงลดลง ประหยัดน้ำมัน คุณก็สามารถนำจุดนี้มาอัพราคาได้อีกพอสมควร

5.ราคาในใจที่อยากได้

ตั้งเป้าหมายไว้ว่าอยากได้เงินเท่าไหร่ ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมความจริงอันเจ็บปวดว่ารถมันราคาตกตั้งแต่วันแรกที่คุณขับมันลงถนน สมมติว่า คุณต้องการขายให้ได้เงินเพิ่ม 10% คุณสามารถคำนวณง่ายๆ ตามนี้ หักค่าเสื่อม 25% จากราคาเดิม (รถขับหนึ่งปี) บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และบวกอีก 10% เผื่อไว้สำหรับต่อรองราคา

6.คู่มือประกอบรถ

เช็คให้มั่นใจว่าสภาพรถยังตรงกับที่ระบุในคู่มือที่มากับตัวรถหรือไม่ หากคุณเห็นส่วนไหนพัง หรือต้องซ่อมแซม ควรตรวจเช็คราคาค่าเปลี่ยนอะไหล่หรือค่าซ่อม และนำมาหักลบจากราคาที่ตั้งขาย ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งจำเป็น เมื่อคุณขายรถของคุณให้แก่ผู้อื่น

เทคนิคขายรถมือสองให้ได้ราคาดีที่คุณเองก็ทำได้

ขั้นแรก: ทำความสะอาดภายนอกและภายในรถ

เพื่อให้รถของคุณดูเหมือนใหม่ออกจากศูนย์ ล้างรถ กำจัดรอยขีดข่วน และแว็กซ์ให้เงางาม (หากรอยขีดข่วน และสีรถลอกสาหัสมาก แนะนำให้นำไปเข้าอู่เพื่อทำสีใหม่) สำรวจ ดูล้อรถ และยางรถยนต์ ให้มั่นใจว่าดอกยางยังมีสภาพดี และทุกล้อมีแรงดันและสูงเท่ากัน ดูดฝุ่นทำความสะอาดภายในห้องโดยสารให้ทั่ว ตรวจดูความสะอาดของหัวเทียน เปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ เติมน้ำกลั่นให้เต็ม รวมถึงคลัทช์

หากรถของคุณเป็นรุ่นเก่ามากๆ อาจอัพราคาด้วยการติดตั้ง อุปกรณ์ไฮเทคสำหรับรถของคุณ เพื่อทดแทนกัน

ขั้นที่สอง: ถ่ายรูปรถของคุณออกมาให้ปัง

เลือกทำเลและเวลาให้ดีสำหรับการถ่ายรูป เวลาที่เหมาะสมคือช่วงเย็น และช่วงรุ่งเช้า ตอนที่แสงอาทิตย์ยังไม่จัด ทำให้รถของคุณสะท้อนเงาพระอาทิตย์ และภาพออกมาชัด คุณจำเป็นต้องมีมุมเหล่านี้สำหรับการโฆษณารถของคุณ; ด้านหน้า (มุมเฉียง), หน้าตรง, ด้านข้าง (ทั้งสองข้าง), ด้านหลัง, ด้านหน้าห้องโดยสาร, เบาะหลัง, เครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงรถ และอย่าลืมถ่ายรูปแผงหน้าปัดที่บอกจำนวนกิโลเมตรด้วย เพราะลูกค้าของคุณต้องถามแน่นอน

ขั้นที่สาม: ลูกค้ามา พาไปลองขับ

ขอดูใบขับขี่ของผู้ซื้อเพื่อความปลอดภัยก่อนออกถนน การนำรถออกไปทดลองขับเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ตัดสินใจได้มากขึ้น ช่วยให้คุณได้ต่อรองราคา และอธิบายสาเหตุที่คุณขายรถคันนี้ให้แก่ผู้ซื้อมากขึ้น

ขั้นที่สี่: รถคันนี้มีประกันรถยนต์

คนที่ซื้อรถต่อจากคุณ ต้องอยากได้รถที่ขับและดูแลรักษาได้ง่าย รวมถึงมีเจ้าของรถที่ขับอย่างระมัดระวัง ดังนั้น การเป็นรถที่ทำประกันภัยรถยนต์ตั้งแต่ต้นจนปลาย และมีประวัติที่ดี ช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจในการขับขี่ ทำให้คุณสามารถตั้งราคาขายมือสองได้สูงกว่าปกติ ตั้งแต่ 10,000–17,500 บาท เลยทีเดียว

เว็บไซต์แนะนำสำหรับขายรถมือสอง / Recommended website to post online

รวมเว็บไซต์แหล่งขายรถมือสองที่น่าเชื่อถือ พร้อมช่วยคุณขายรถมือสองได้เอง ตั้งราคาขายเองได้อย่างเหมาะสม

1. carmana.com

สถานที่รวมผู้ซื้อ-ขายไว้ด้วยกัน สามารถลงประกาศง่ายดาย แถมมีโปรแกรม การันตีขายได้ใน 30 วัน และยังช่วยจับคู่รถคุณกับคนที่กำลังมองหารถแบบเดียวกัน

2. facebook

แม้จะไม่การันตีว่าคุณจะขายได้ไวก็ตาม แต่ก็มีวิธีลงประกาศในกรุ๊ปที่ตรงจุด ลองหากลุ่มที่ร่วมผู้ซื้อกับผู้ขายด้วยกันอย่าง “Desperately Seeking –Bangkok (DSBKK)” คุณสามารถลงรูปรถ ลงรายละเอียด และตั้งราคาขายได้เลย คุณอาจจะมีงบนิดหน่อยในการบูสต์โพสต์ให้คนเห็นเยอะขึ้นก็ได้

3. kaidee.com

คุณสามารถโหลดแอปลงประกาศ และติดต่อผู้ซื้อผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ได้ครบวงจรในที่เดียวโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม อาจลงทุนเพิ่มสักสองร้อยบาท เพื่อโปรโมทประกาศของคุณ ให้ติดลำดับด้านบนเพื่อให้คนเห็นมากขึ้น และขายรถได้เร็วกว่าเดิม

4. carsome.co.th

หากคุณอยากได้เงินไวๆ แต่เจรจาไม่เก่ง อาจให้ carsome ช่วยได้ เว็บนี้มีการประมูลรถระหว่างนายหน้าต่างๆ หลังจากลงประกาศของคุณภายใน 24 ชั่วโมง คุณก็จะได้รับโทรศัพท์เพื่อนำเสนอราคารับซื้อที่ดีที่สุดจากนายหน้าทั้งหมด และตัดสินใจทำการขายได้เลย

5. Car forums

เว็บบอร์ดของผู้ขับขี่ไว้แลกเปลี่ยนความรู้ รวมถึงประกาศขายรถ วิธีการหากลุ่มเหล่านี้นั้นง่ายมาก เพียงเสิร์ชใน Google ด้วยคีย์เวิร์ด “ยี่ห้อ + รุ่น + club”

ตัวอย่าง หากคุณต้องการขาย Toyota รุ่น Vios ให้พิมพ์ Toyota Vios club ลงใน Google เท่านี้คุณก็สามารถหาแหล่งลงประกาศขายรถมือสองที่ตรงกับคนที่กำลังสนใจรถยี่ห้อนี้ รุ่นนี้อยู่อย่างง่ายดาย

โอนรถจากของเราเป็นของคนอื่นทำอย่างไร

หลังจากขายรถได้แล้ว ขั้นต่อไปคือ การโอนรถ หรือการเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก สำหรับการซื้อขายรถมือสอง หากไม่ดำเนินการโอนรถให้เรียบร้อย ผลที่ตามมาก็คือ ผู้ซื้อจะยังไม่เป็นเจ้าของรถโดยสมบูรณ์ ส่วนผู้ขายก็อาจเจอปัญหาตามมา กรณีที่ผู้ซื้อนำรถไปใช้แล้วเกิดคดีความ ดังนั้นจึงควรไปดำเนินการเองให้เสร็จสิ้นที่กรมขนส่งทางบก อย่าโอนลอย โดยการเซ็นไว้ก่อนเด็ดขาด

เอกสารที่ต้องใช้ในการโอนรถ

  • เล่มทะเบียนรถตัวจริง
  • สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
  • แบบคำขอโอน และรับโอน ซึ่งกรอกรายการ รวมทั้งลงลายมือชื่อผู้โอน และผู้รับโอนเรียนร้อยแล้ว
  • สัญญาซื้อขาย ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษี
  • หนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนผู้รับมอบ ถ้าผู้โอน และ/หรือ ผู้รับโอนไม่ได้มาทำด้วยตัวเอง

ขั้นตอนการโอนรถ / Steps to transfer

เมื่อเตรียมเอกสารครบ ขั้นตอนต่อไป เป็นการโอนกรรมสิทธิ์รถ ใช้เวลาเร็วสุดประมาณครึ่งวัน เริ่มจาก

  1. นำรถเข้ารับการตรวจสภาพที่กรมขนส่งทางบก
  2. ยื่นเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ และชำระค่าธรรมเนียมที่งานทะเบียนรถ
  3. รับใบคู่มือจดทะเบียนรถคืน
  4. รับใบเสร็จรับเงิน ใบคู่มือจดทะเบียนรถ เครื่องหมายการเสียภาษี และแผ่นป้ายทะเบียนรถ

ค่าใช้จ่าย / Fees

ค่าใช้จ่ายที่ทางขนส่งฯ เรียกเก็บ จะมีค่าคำขอ 5 บาท ค่าธรรมเนียมการโอน 100 บาท ค่าธรรมเนียมการตรวจสภาพรถยนต์ 50 บาท และค่าอากรซื้อขายต่อราคาประเมินรถ อยู่ที่แสนละ 500 บาท

หมายเหตุ: ผู้ซื้อ และผู้ขายต้องแจ้งต่อนายทะเบียน ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันโอน (ถ้าเกินกำหนดจะต้องเสียค่าปรับ 2,000 บาท)

ข้อควรระวังในการขายรถมือสอง

หากกำลังคิดทำอาชีพเป็นนักขายรถมือสอง ควรระวัง…

  • รถย้อมแมว รถเถื่อน และรถสวมทะเบียน ก่อนการตกลงซื้อขายรถ ควรตรวจสอบตัวรถและเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับตัวรถอย่างละเอียด อย่าหลงเชื่อซื้อขายรถราคาถูกเกินจริง เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าเป็นรถที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ป้องกันการตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ
  • ถ้าได้รถมาราคาสูงๆ ขายส่งต่อไม่ได้คุณจะขาดทุนทุกเดือน เพราะราคารถมือสองไหลลงเร็วมาก
  • ไม่มีประสบการณ์ มีโอกาสเจ็บตัวสูง ในการดูแล ตามงานทั้งเรื่องช่างซ่อม ช่างเครื่อง ช่างแอร์ ฯลฯ ขบวนการแปลงโฉมรถให้ดูใหม่ใกล้เคียงสภาพเดิมๆ ที่สุด
  • ต้องจับรถประเภทที่ตลาดต้องการ เน้นรุ่นที่ขายง่าย ปล่อยเร็ว เช่น VIOS, JAZZ, CITY และ CIVIC

ขายรถมือสองกับการทำประกันภัยรถยนต์

หลายคนอาจคาใจว่า ถ้าเราขายรถของเราให้คนอื่นไปแล้ว ประกันภัยรถยนต์ที่ทำไว้จะยกให้เขาไปเลย หรือยกเลิกดี?

กรณีประกันฯ เหลือระยะเวลาไม่มาก ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จะหมดอายุแล้ว คุณอาจแถมให้แก่ผู้ซื้อรถ เพื่อให้ความคุ้มครองต่อไปก็ได้ แต่ทั้งนี้ความคุ้มครองต้องเป็นไปตามเงื่อนไขทั่วไปของบริษัทประกันฯ ด้วย เช่น ผู้ซื้อต้องมีใบขับขี่ ไม่ใช้รับจ้างหรือให้เช่า เป็นต้น
(อดีต) รถของคุณทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แบบไม่ระบุผู้ขับขี่ หรือประกันภัยรถยนต์ ประเภทอื่นๆ สามารถยกให้ผู้ซื้อต่อได้เลย เพียงแค่มอบกรมธรรม์ตัวจริงทั้งชุดแก่ผู้ซื้อรถ พร้อมสลักหลังชื่อ และให้ผู้ซื้อไปติดต่อที่บริษัทประกันฯ อีกที หากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ซื้อรถของเราจะได้ใช้เป็นหลักฐานในการแจ้งเคลมกับบริษัทฯประกันฯ รวมถึงจะได้ทราบถึงเงื่อนไขและวันหมดอายุกรมธรรม์
แต่ถ้า (อดีต) รถของคุณทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แบบระบุผู้ขับขี่ “ไม่ควรยกให้” เพราะจะสร้างปัญหาในอนาคตแก่ผู้ซื้อต่อที่ไม่ได้ระบุชื่อไว้ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วรถเราเป็นฝ่ายผิด ผู้ซื้อต่อต้องจ่ายค่าความรับผิดส่วนแรกหรือ ค่า Excess สูงถึงครั้งละ 8,000 บาท ดีไม่ดีคุณอาจต้องเสียเวลาช่วยเคลียร์เรื่องให้ด้วย ทางที่ดีควรแจ้งยกเลิก ทางบริษัทประกันฯ จะจ่ายเบี้ยประกันคืนให้คุณตามจำนวนวันและอัตราที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

กรณีประกันยังเหลือเวลาอีกเยอะ และคุณต้องการยกเลิกเพื่อขอรับเบี้ยคืน ให้ทำเรื่องแจ้งไปทางบริษัทประกันฯ ระบุว่าต้องการยกเลิกกรมธรรม์ตั้งแต่วันไหน และสาเหตุที่ต้องการยกเลิก บริษัทประกันฯ จะดำเนินการยกเลิก เพื่อคืนเบี้ยให้กับเราตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ต่อไป และเมื่อทำเรื่องเรียบร้อย ก่อนส่งคืนกรมธรรม์ตัวจริงให้แก่บริษัทประกันฯ อย่าลืมถ่ายสำเนากรมธรรม์เก็บไว้เป็นหลักฐานหนึ่งชุดด้วย

การซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เพื่อเสริมความคุ้มครองนอกเหนือจาก พรบ. นอกจากเพื่อช่วยเพิ่มความคุ้มครองให้แก่รถยนต์ของคุณ ตัวคุณหรืออาจจะรวมไปถึงคู่กรณีแล้ว รถที่ทำประกันภัยรถยนต์ ไว้ตลอดการใช้งาน และมีประวัติที่ดี จะช่วยให้ผู้ซื้อรถต่อจากคุณมั่นใจในการขับขี่อย่างปลอดภัย ทำให้คุณสามารถตั้งราคาขายมือสองได้สูงกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นก่อนการตัดสินใจซื้อคุณควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีและครบถ้วนเสียก่อน เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวคุณเอง EasyCompare มีเทคนิคในการซื้อประกันภัยรถยนต์ให้ได้ดั่งใจ มาให้คุณได้ศึกษาก่อนทำประกันด้วย

ขับขี่อย่างปลอดภัย ทำประกันรถยนต์ไว้ดีที่สุด ไม่ว่าจะจะประกันชั้น 1 ชั้น 2+ ชั้น 3+ หรือ ชั้น 3 เพื่อความอุ่นใจในการขับขี่ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ทุกชั้นกับเราวันนี้เลย