คำถามที่เกิดขึ้นของผู้คนที่กำลังตัดสินใจอยากจะมีบัตรเครดิตสักใบหนึ่ง คือ สมัครบัตรเครดิตแล้วได้อะไร หรือหากใช้บัตรเครดิตแล้วเกิดไม่สามารถชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้จะทำอย่างไร คำถามเหล่านี้มักจะวนเวียนอยู่เสมอสำหรับมือใหม่ที่ต้องการสมัครบัตรเครดิต แต่หลายคนที่เคยสมัครบัตรเครดิตหรือมีบัตรเครดิตอยู่แล้ว ก็น่าจะพอตอบคำถามในใจได้ว่าบัตรเครดิตให้อะไรกับเราบ้าง ทั้งในแง่ดีและในแง่ไม่ดี "บัตรเครดิตช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าโดยไม่ต้องพกเงินสด แต่เป็นเพียงการใช้เงินล่วงหน้าแล้วก็ต้องไปชำระคืนเมื่อถึงกำหนดตามรอบบิลเรียกเก็บ" ในความเป็นจริงแล้วนั้น บัตรเครดิต ถือเป็นบัตรวิเศษที่สามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการแทนเงินสดได้ โดยที่เจ้าของบัตรเครดิตไม่ต้องพกเงินสด แต่วงเงินในบัตรก็ต้องมีเพียงพอสำหรับชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วย ดูเหมือนบัตรเครดิตจะเป็นบัตรที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าโดยไม่ต้องพกเงินสด แต่เป็นเพียงการใช้เงินล่วงหน้าแล้วก็ต้องไปชำระคืนเมื่อถึงกำหนดตามรอบบิลเรียกเก็บ แต่ทั้งนี้บัตรเครดิตก็มีประโยชน์และให้โทษได้ด้วยเช่นกัน มาดูกันว่าตกลงบัตรเครดิตเป็นพระเอกหรือผู้ร้ายกันแน่
จากข้างต้นเป็นการทำหน้าที่พระเอกของบัตรเครดิต แต่ในส่วนต่อไปคืออีกมุมหนึ่งของบัตรเครดิตที่เล่นเป็นบทผู้ร้าย ผู้ร้ายอย่างไรมาดูกัน
จากที่กล่าวมาทั้งหมด บัตรเครดิตให้คุณหรือให้โทษ น่าจะพอมีคำตอบกันบ้างแล้ว แต่หากมองให้ดีแล้ว บัตรเครดิตนั้นแท้จริงแล้วมีประโยชน์อย่างมาก ในยามฉุกเฉินและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย แต่ถ้าคุณไม่มีวินัยในการใช้จ่ายผ่านบัตร หนี้บัตรเครดิตก็จะเป็นผู้ร้ายที่เข้ามาให้โทษคุณ ดังนั้นท้ายที่สุดแล้ว จากใจของผู้เขียนเชื่อว่าบัตรเครดิตนั้นมีบทบาทของพระเอก แต่ถ้าคุณใช้ผิดวัตถุประสงค์ บัตรเครดิตก็จะเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้ร้ายทันที เชื่อว่าหลายๆท่านอาจจะเคยเจอปัญหา ที่ว่าเราสมัครบัตรเครดิตแบบไม่ได้ตั้งใจจะสมัครสักเท่าไร อาจจะสมัครเพราะว่า ช่วยเหลือเพื่อน ช่วยเหลือคนรู้จัก หรือสมัครบัตรเครดิตด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม แต่เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะต้องการใช้บัตรเครดิตนั้น ๆจริงๆ หรือบางกรณี อาจจะมีการสมัครบัตรเครดิต ให้โดยธนาคารที่เรามักทำธุรกรรมประจำหรือมีสินเชื่ออื่นๆอ ยู่กับธนาคารนั้น แต่เราก็ไม่ได้ทำการเปิดบัตรเครดิตนั้น เราเราก็คิดว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะก่อนที่เราจะ สมัครบัตรเครดิตหรือได้บัตรเครดิตมาแล้ว เราก็อาจจะไปคิดแทนเองว่า ไม่เปิดบัตรก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หารู้ไม่ว่า ในปัจจุบัน บางครั้งบัตรเครดิตมีการเปิดให้บริการอัตโนมัติแล้ว และพอถึงสิ้นปีมาก็มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต มาที่บ้านของเรา และเท่านั้นยังไม่พอ บางรายยังอาจโดนหนักกว่าที่คิดไว้ซะอีก เพราะว่าโดนเรียกเก็บค่าดอกเบี้ยเพิ่มจากวงเงินที่บัตรเคร ดิตเค้าได้อนุมัติวงเงินมาให้เราอีก ตายๆ ทำไงทีนี้ นั่งๆนอน วันๆทำแต่งาน อยู่ดีๆก็เป็นหนี้ซะงั้น จะทำยังไงดี กระวนกระวายใจ ร้อนรนไปหมด เพราะว่าเงินก็ไม่ค่อยจะมี ยังมาเป็นหนี้อีก แต่ไม่ต้องกลัวนะครับ เพราะวันนี้เราได้นำเกร็ดน่ารู้ง่ายๆ ให้กับใครที่กำลังปวดหัวอยู่กับเรื่องนี้กันอยู่นะครับ โดยเราต้องพึงระลึกไว้เลยนะครับว่า ของฟรีในโลกย่อมไม่มีอย่างแน่นอน สมัครบัตรเครดิตไม่ได้เหมือนสมัครบัตรกดเงินสดนะครับ รายหลังนั้นสมัครแล้วไม่ใช้ไม่สนใจ ไม่มีค่าธรรมเนียมจริง เพราะบัตรกดเงินสดค่าธรรมเนียมฟรีตลอดชีพ แต่บัตรเครดิตไม่ใช่เป็นแบบนั้น ดังนั้นแล้วเราจึงต้องมีการจัดการกับบัตรเครดิตที่เราได้ม าแล้วไม่เปิดใช้ง่ายๆที่สุดเลยครับนั้นก็คือ ให้เราทำการแจ้งยกเลิกครับกับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่อ อกบัตรเครดิตให้กับเราทันทีเลยครับ ง่ายๆเลยครับมีแค่นี้จริงๆ เมื่อไม่ใช้ก็ต้องยกเลิกเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราก็ถือว่าช่วยเพื่อนเรา คนรู้จักสมัครบัตรเครดิตแล้วพยายามอย่านิ่งนอนใจเป็นอันขา ดครับ และที่สำคัญคือ อย่าคิดไปเอง เรื่องการสมัครบัตรเครดิตถือว่าเป็นธุรกรรมทางการเงิน เรื่องเงินๆทองๆ เป็นสิ่งที่เราจะต้องให้ความสนใจมาเป็นอันดับแรก อ่านครับ อ่านทุกเงื่อนไขของธนาคาร เพราะธนาคารแต่ละธนาคาร เงื่อนไขการให้บริการบัตรเครดิตมีความแตกต่างกัน อย่าไปคิดเอง และที่สำคัญคือ ต้องรีบจัดการ อย่าปล่อยผ่าน ไม่อย่างนั้นเราจะไม่สามารถที่จะยกเลิกหรือปิดบัตรเครดิตเ หล่านั้นได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเราได้บัตรเครดิตมาแล้วถ้าไม่ต้องการหรือไม่ได้มีควา มจำเป็นที่จะใช้จริงๆ รีบยกหูโทรศัพท์ของท่าน โทรไปยกเลิกทันทีครับ เป็นการป้องกันปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย แต่ถ้าหากว่าเราไม่ได้ตั้งใจและเผอเรอ ไม่ได้ที่จะทำการแจ้งไปยังธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เราส มัครบัตรเครดิตให้เรา จนเมื่อมันเกิดเหตุการณ์เลยเถิด จนถึงวันที่มีใบแจ้งเก็บเงินค่าธรรมเนียมนั้นส่งมาถึงบ้าน องเราแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราจะทำยังไงดี ถ้าหากว่าถึงวันที่เกิดเหตุการณ์นั้นจริง สิ่งแรกที่เราควรจะทำคือ ตั้งสติครับ อย่าไปตกเป็นเหยื่อของธนาคาร ยิ่งเราตกใจ ยิ่งมีโอกาสตกเป็นเหยื่อของธนาคารได้ง่ายขึ้น ให้เรานั้นทำการเก็บหลักฐานทั้งหมดที่เคยได้มาจากธนาคารหร ือสถาบันการเงินเหล่านั้นเอาไว้ แล้วให้ตัวเราหรือตัวเจ้าของบัตรเครดิตนั้นทำทำหนังสือบอก เลิกสัญญาการใช้บริการบัตรเครดิต ด้วยการส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับอย่างเป็นทางการไปถึงคู ่สัญญาซึ่งก็คือ ธนาคาร หรือ สถาบันการเงินที่ออกบัตรเครดิตให้เรานั้นเอง การแจ้งไปอย่างเป็นทางการก็คือเป็นการแสดงเจตนาการเบิกเลิ กสัญญาแล้ว เพราะการทำธุรกรรมเรื่องของการสมัครบัตรเครดิต เรามีสิทธิ์ที่จะบอกเลิกสัญญาได้ฝ่ายเดียว แต่หากว่าผู้ให้บริการบัตรเครดิต ยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมโดยไม่ถูกต้องมายังเราอีกแล้วละก ็ เราก็มีสิทธิที่จะยื่นเรื่องราวร้องทุกข์ต่อสำนักงานคณะกร รมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ตามความมาตรา 20 (1) แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ได้ทันทีนะครับ เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ต้องกลัว ว่าจะเกิดปัญหาและมีหนี้วุ่นวายทั้งที่เราไม่ได้ก่อ แต่เราควรที่จะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะว่าถ้าหากเราเพิกเฉย ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน ไม่สนใจ ทางธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ออกบัตรเครดิตให้กับเราเค้า จะถือว่าเรายอมรับในการใช้บัตรเครดิตและข้อตกลงต่างๆ ซึ่งมันอาจจะทำให้เราแก้ไขอะไรยากขึ้นกว่าเดิมมาก เห็นมั้ยครับสำหรับเกร็ดน่ารู้สำหรับผู้ที่มีการสมัครบัตร เครดิต แต่ไม่ได้เปิดใช้วันนี้ง่ายๆ แต่ได้ประโยชน์ เชื่อว่าทุกคนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ น่าจะได้ประโยชน์จากบทความนี้กันนะครับผม เพราะเห็นมีคนจำนวนมาก ที่เจอกับปัญหารูปแบบนี้จนบ่นกันอุบ เพราะหลายๆบัตรก็เกิดจากการที่ทางธนาคารหรือสถาบันการเงิน นั้นออกบัตรเครดิตออกมาให้เองบ้าง หรือทำเพราะว่าถูกคนรู้จักมาตื้อให้ทำ ก็เลยทำให้จบๆไป แล้วก็คิดว่าถ้าไม่ได้ใช้ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร จนสุดท้ายก็เลยเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นมา ทางที่ดีที่สุดก่อนที่เราจะทำอะไรก็ควรที่จะคิดไตร่ตรองให ้ดีก่อนดีกว่าครับ เพราะว่ามักจะไม่ค่อยมีอะไรที่ให้เราฟรีๆ โดยที่เราไม่ต้องเสียอะไร หรืออะไรที่ไม่ใช่ของเราหรือเราไม่ได้ทำก็ควรจัดการให้มัน เสร็จเรียบร้อยจะดีกว่าครับ เพราะว่าจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาทีหลังนะครับ ขอให้ทกคนพ้นจากปัญหาที่เกี่ยวกับัตรเครดิตทุกๆคนนะครับ |