โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคติดต่อจากสัตว์มาสู่คนที่มีอันตรายร้ายแรงที่สุด พบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด สุนัขยังคงเป็นสัตว์นาโรคที่สาคัญที่สุดในประเทศไทย ในปีหนึ่งๆ มีคนถูกสุนัขกัดในประเทศไทยมากกว่า 1 ล้านคน ส่วนหนึ่งของคนที่ถูกกัดจะมารับบริการดูแลรักษาที่สถานบริการสาธารณสุข การตัดสินใจให้วัคซีนและ/หรือ อิมมูโนโกลบุลิน ป้องกันพิษสุนัขบ้าเป็นสิ่งสาคัญ เพราะถ้าหากผู้ป่วยสัมผัสโรคนี้ได้รับการดูแลรักษาไม่ถูกต้องทาให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ Show การบริการดูแลรักษาผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแพทย์ต้องพิจารณาและวินิจฉัยในการสัมผัส ประวัติของสัตว์ที่สัมผัส สาเหตุที่ถูกสัตว์กัด ก่อนที่จะให้การรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม บาดแผลที่อยู่ตาแหน่งที่สาคัญ เช่น ใบหน้า ต้องการความรวดเร็วในการรักษาด้วย มิฉะนั้นอาจไม่ทันต่อการหยุดยั้งโรค นอกจากแพทย์ผู้ให้การรักษาจะต้องรักษาอย่างรอบคอบแล้ว ระบบการเตรียมเวชภัณฑ์วัคซีน และอิมมูโนโกลบุลิน ต้องมีความพร้อมที่จะให้บริการ หรือรู้แหล่งที่จะขอยืมมาใช้ก่อน นับว่าเป็นสิ่งจาเป็นที่จะปกป้องชีวิตคนไข้ การดูแลรักษาผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าหรือสงสัยว่าสัมผัส การสัมผัส หมายถึง การถูกกัด ข่วน หรือน้าลายกระเด็นเข้าบาดแผลหรือผิวหนังที่มีรอยถลอก หรือถูกเลีย จมูก ตา หรือกินอาหารดิบที่ปรุงจากสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า ผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า หมายถึง ผู้ที่สัมผัสกับสัตว์หรือผู้ป่วยที่ได้รับการพิสูจน์หรือสงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงกรณีที่สัตว์หนีหาย และสัตว์ไม่ทราบประวัติ การวินิจฉัยภาวะเสี่ยงจากการสัมผัส หากผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้ามีบาดแผล ต้องรีบปฐมพยาบาลแผลทันทีก่อนดาเนินการขั้นอื่นๆ ต่อไป ประวัติของการสัมผัส ใช้แบบฟอร์มการซักประวัติผู้สัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า ระดับความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งแยกได้เป็น 3 กลุ่ม ตามลักษณะสัมผัส ดังนี้ การสัมผัสที่ไม่ติดโรค– การถูกต้องตัวสัตว์ ป้อนน้า ป้อนอาหาร ผิวหนังไม่มีแผลหรือรอยถลอก – ถูกเลีย สัมผัสน้าลายหรือเลือดสัตว์ ผิวหนังไม่มีแผลหรือรอยถลอก– ล้างบริเวณสัมผัส – ไม่ต้องฉีดวัคซีนกลุ่มที่ 2 การสัมผัส ที่มีโอกาสติดโรค– ถูกงับเป็นรอยช้าที่ผิวหนัง ไม่มีเลือดออก หรือเลือดออกซิบๆ – ถูกข่วนที่ผิวหนังเป็นรอยถลอก (Abrasion) มีเลือดออกซิบๆ – ถูกเลียโดยที่น้าลายถูกผิวหนังที่มีแผลหรือรอยถลอกหรือรอยขีดข่วน– ล้างและรักษาแผล – ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies vaccine)กลุ่มที่ 3 การสัมผัสที่มีโอกาสติดโรคสูง– ถูกกัดโดยฟันแทงทะลุผ่านผิวหนังแผลเดียวหรือหลายแผลและมีเลือดออก (Laceration) – ถูกข่วน จนผิวหนังขาดและมีเลือดออก – ถูกเลีย หรือน้าลาย สิ่งคัดหลั่งถูกเยื่อบุของตา ปาก จมูกหรือแผล แผลที่มีเลือดออก – มีแผลที่หลังและสารคัดหลั่งจากร่างกายสัตว์ ซากสัตว์ เนื้อสมองสัตว์รวมถึงการชาแหละซากสัตว์ และลอกหนังสัตว์ – กินอาหารดิบที่ปรุงจากสัตว์/ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า– ล้างและรักษาแผล – ฉีดวัคซีนและอิมมูโนโกลบุลิน (Rabies vaccine และ RIG โดยเร็วที่สุด) วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ใช้ในประเทศไทยปัจจุบัน
วิธีการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า 1.การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular) ,IM)
2. การฉีดเข้าผิวหนัง (Intradermal, ID) ใช้ได้กับวัคซีน PVRV, PCECV หรือ HDCV
2). ทางเลือกในการรักษา 2.1. การสัมผัสที่ไม่ติดเชื้อ คือ การถูกต้องสัตว์ สัมผัสน้าลายหรือเลือดสัตว์ โดยผิวหนังผู้สัมผัสไม่มีแผลหรือรอยถลอก ไม่ต้องฉีดวัคซีนหรือสังเกตอาการของสัตว์ 2.2. การสัมผัสที่มีโอกาสติดเชื้อ คือ การที่น้าลายหรือสารคัดหลั่งของสัตว์สัมผัสกับรอยถลอกของผิวหนังหรือรอยข่วน แผลเยื่อ เมือกหรือถูกกัดโดยฟันสัตว์ทะลุผิวหนัง ให้พิจารณาปฏิบัติดังต่อไปนี้
3). ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของการตรวจรักษา
4). การปฏิบัติตัวและข้อพิจารณาก่อน – หลังเข้ารับการรักษา
การปฏิบัติต่อผู้สัมผัสโรคที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน
การฉีดป้องกันโรคล่วงหน้า (Pre-exposure immunization) ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อพิษสุนัขบ้า เช่น สัตวแพทย์ ผู้ทางานในห้องปฏิบัติการ หรือเดินทางเข้าไปในถิ่นที่มีโรคพิษสุนัขบ้าชุกชุม ควรได้รับการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าและฉีดกระตุ้นซ้าเมื่อสัมผัสโรค – ฉีดวัคซีน HDCV, PCECV หรือ PDEV ใช้ปริมาณ 1ml. หรือถ้าฉีดวัคซีน PVRV ใช้ปริมาณ 0.5 ml. เข้ากล้ามเนื้อ (IM) 1เข็ม หรือขนาด 0.1ml. 1 จุดเข้าในผิวหนัง (ID) บริเวณต้นแขน (Deltoid) ในวันที่ 0, 7 และ 21 หรือ 28 ยาพิษสุนัขบ้าซื้อมาฉีดเองได้ไหมสัตวแพทย์ จุฬา เตือนประชาชน ไม่ควรซื้อวัคซีนพิษสุนัขบ้ามาฉีดเอง เนื่องจากทำให้สัตว์เลี้ยงเป็นอันตรายได้ ขณะที่ร้านค้าที่จำหน่าย หากไม่ผ่านการรับรองโดยกรมปศุสัตว์ผิดกฎหมาย
ฉีด วัคซีน กัน พิษสุนัขบ้า ฉีดตรงไหน– ฉีดวัคซีนจุดละ 0.1 ml. โดยฉีดวัคซีนเข้าในผิวหนังบริเวณต้นแขนซ้ายและขวาข้างละ 1 จุด ในวันที่ 0, 3, 7 และฉีดที่ต้นแขน 1 จุด ในวันที่ 30 และ 90. การฉีดแบบ 2-2-2-0-2. – ฉัดวัคซีน จุดละ 0.1 ml. โดยฉีดวัคซีนเข้าในผิวหนัง บริเวณต้นแขนซ้าย และขวาข้างละ 1 จุด ในวันที่ 0, 3, 7 และ30.
ฉีดวัคซีนสุนัขยังไงฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 2 - 4 สัปดาห์ โดยให้ฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป วัคซีนลูกสุนัขที่เลี้ยงในสถานสงเคราะห์สัตว์ ไวรัสไข้หัดสุนัข + อะดิโนไวรัส-2 + พาร์โวไวรัส-2. ฉีดทันทีเมื่อรับสุนัขเข้าสถานสงเคราะห์ เมื่อมีอายุ 4 สัปดาห์ กระตุ้นซ้ำทุก 2 สัปดาห์ จนกว่าสุนัข
Verorab ฉีดกี่เข็ม1. ฉีดใต้ผิวหนัง(ID) ครั้งละ 2 จุด ในวันที่ 0 และ 7. 2. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ(IM) 1 เข็ม ในวันที่ 0 และ 7.
|