อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ชี้ทำคนไทยอับอาย หลังนายสุภัฒ สงวนดีกุล ถูกจับขโมยรูปที่ญี่ปุ่น บอกรูปดี ๆ มีเยอะแยะไม่ขโมย !! เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ (เกิด 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498) จิตรกรไทยมีผลงานจิตรกรรมไทยหลายอย่าง ได้มีผลงานเช่น ภาพจิตรกรรมไทยในอุโบสถวัดพุทธประทีป และผลงานศิลปะที่ วัดร่องขุ่น ซึ่งมีทั้งงานสถาปัตถยกรรม, ประติมากรรมปูนปั้น และงานจิตรกรรมไทย .
เกิดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 เป็นบุตรคนที่ 3 ของนายฮั่วชิว แซ่โค้ว ชีวิตตอนเด็กๆ เป็นคนเกเร ไม่ตั้งใจเรียน แต่มีความชอบวาดรูป ในตอนที่เรียนอยู่ตอนปีที่ 4 มีผลงานรูปวาดตามผนังของวัดไทยมากมาย ผลงานปัจจุบัน ท่านตั้งใจที่จะสร้างวัดร่องขุ่น ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ด้วยศิลปะสมัยใหม่ (ภาพวาด โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ) ผลงาน
(ภาพวาด โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ) หากจะนับชื่อศิลปินไทยที่เรารู้จัก แน่นอนว่า “เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” เป็นศิลปินในลำดับต้นที่ถูกนึกมาเป็นชื่อแรกๆ เขาเป็น 1 ใน 3 ของศิลปินสายจิตรกรรมในประเทศไทย
(ภาพวาด โดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ) การจัดงานนิทรรศการ “วาดทำบุญ” ที่ผ่านมา 3 ครั้ง เป็นการจากมาและจากไปแต่ละครั้งของชีวิต เมื่อ 7 ปีที่แล้ว การพักงานเขียนเพื่อที่จะลงมือสร้างวัดร่องขุ่น เริ่มมาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ชื่อของเขาก็ยังขายได้มาตลอด ปัจจุบันงานนิทรรศการของเขาที่ผ่านมาจึงไม่ใช่การขายผลงานจริง แต่เป็นเพียงแค่การแสดงผลงานที่ผ่านมา ที่จำหน่ายและตั้งใจนำรายได้สมทบทุนสร้างวัดร่องขุ่นโดยให้ทุกคนร่วมทำบุญ
เขาไม่ได้ต้องการวาดรูปขายหรือเพื่อประทังชีวิต เพราะสิ่งที่เขามีอยู่ตอนนี้เรียกได้ว่าเกินพอ การวาดของเขาก็เพื่อศาสนา วาดในวัดแค่นี้ก็คงพอแล้ว การจำกัดไม่ให้ใครคนใดบริจาคมากเกินไป ก็เพื่อหวังจะให้ผลงานนี้ เป็นของทุกคนในประเทศ และเป็นงานของแผ่นดินจริง เขาเล่าว่า ได้รับการติดต่อจากวัดหลายแห่งทั่วประเทศเพื่อที่จะสร้างผลงน แต่เขาเลือกที่จะไม่ไป
รวมถึงเงินบริจาค รายได้ตกอยู่เฉลี่ยเดือนละ 1.2 ล้านบาท โดยที่เฉลิมชัยวางตัวและดำรงอยู่ในฐานะเป็นศิลปินผู้ออกแบบเท่านั้น ถูกจัดแบ่งหน้าที่ตามฝ่ายต่างๆ 6 ฝ่าย ประกอบด้วยลูกศิษย์ที่เป็นช่างฝีมือชาวบ้านจังหวัดเชียงรายทั้งสิ้น รายได้หมดไปกับเงินเดือนพนักงานราวเดือนละ 2 แสนบาท และวัสดุอุปกรณ์เพื่อสร้างงาน พื้นฐานโครงสร้างที่กำลังจะต่อเติมเพิ่มขึ้นอีก 9 หลัง ที่เป็นฝ่ายทำให้ชายผู้เรียกตัวเองว่า “บ้า” ระดับหนึ่ง กลายเป็นจริง
“หากเขาจากไปเมื่อไหร่ทุกส่วนต้องอยู่ได้ตัวของตัวเอง”
พื้นที่ราว 3 ไร่ โดยเป็นพื้นที่เมื่อเริ่มแรก ก่อนที่จะได้รับบริจาคและจัดซื้อบริเวณโดยรอบราว 12 ไร่ อันเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านเล่าว่าแต่ก่อนเคยเป็นป่ารกแต่ 7 ปีถัดมาได้กลายสภาพเป็นพื้นที่ร้านค้า และร้านอาหาร ลานจอดรถ รวมไปถึงบริเวณรอบนอกที่กำลังจะถูกพัฒนา โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นปัญหาสำคัญ รวมไปถึงการดูแลภูมิทัศน์โดยรอบไม่ว่าบ้านสองหลังในกรุงเทพฯ ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ และบ้านที่สะพานใหม่ พื้นที่ที่เขาใช้สิทธิเลือกตั้ง บ้านที่เชียงใหม่สำหรับโรงเรียนของลูกและที่อยู่ของภรรยา และการจัดการทรัพย์สิน รวมไปถึงภาพเขียนที่เป็นที่ต้องการของตลาด ภาพวัดร่องขุ่น จังหวัด เชียงราย ขอขอบคุณข้อมูล : http://www.sipang-artgallery.com |