For Windows: Chinese (simplified), Chinese (traditional), Czech, Danish, Dutch, English, French, German, Hungarian, Indonesian, Italian, Japanese, Korean, Malay, Polish, Portuguese (Brazil), Portuguese (Portugal), Russian, Serbian, Slovak, Spanish, and Turkish. Show
For Mac: English only. For Android: Arabic, Chinese (simplified), Chinese (traditional), Czech, Danish, Dutch, English, Finnish, French, German, Greek, Hebrew, Hindi, Hungarian, Indonesian, Italian, Japanese, Korean, Malay, Norwegian, Polish, Portuguese (Brazil), Portuguese (Portugal), Russian, Serbian, Slovak, Spanish, Swedish, Thai, Turkish, Ukrainian, and Vietnamese.
แนะนำโปรแกรมสแกนไวรัส น่าใช้หรือไม่ในยุคนี้สำหรับผู้ใช้งาน Windows 10 แล้วกำลังเกิดคำถามว่ายุคนี้โปรแกรมป้องกันไวรัส ยังสำคัญอยู่ไหมกับ Windows 10 เพราะใน Windows 10 ก็มี Microsoft Defender หรือ Windows Security แล้วโปรแกรมยังคงจำเป็นอยู่ไหมเรามาหาคำตอบกัน สำหรับคำถามที่ว่า Windows 10 ยังคงจำเป็นต้องใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสตัวอื่นอยู่ไหม ถ้าให้ตอบตามความคิดเห็นของผู้เขียน ก็ต้องบอกว่าถ้าใช้งานทั่วไป ไม่มีความจำเป็นแล้วที่เราจะใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสตัวอื่น เพราะ Virus & threat protection ก็ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์อย่างระมัดระวัง เพราะอย่างไรเสีย สิทธิการเข้าถึงการติดตั้งโปรแกรมใดๆยังอยู่ที่เราอยู่ดี หากเราตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ติดตั้งโปรแกรมที่ไม่พึ่งประสงค์ลงไปในเครื่องของเรา ก็อาจทำความเสียหายให้กับระบบปฏิบัติการได้เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในบางกรณีก็ยังต้องการโปรแกรมกำจัดไวรัสหรือมัลแวร์ ที่หลุดรอดมาจาก Virus & threat protection อยู่บ้าง เพราะบางคนก็พบว่าผู้ใช้หลายรายยังคงโดนไวรัสโจมตีอยู่แม้จะเปิดใช้งาน Virus & threat protection เอาไว้ หรือบางท่านก็เลือกที่จะปิดการทำงานของมัน เพราะคิดว่ามันทำให้เครื่องทำงานช้าหรือไปปิดโปรแกรมบางอย่างที่คุณอยากติดตั้ง ทำให้ไวรัสหรือมัลแวร์หลุดหลอดมาได้ และ Virus & threat protection บางครั้งก็ไม่ได้สามารถกำจัดมันออกได้หมดหรือคืนค่าต่างๆที่ไวรัสแก้เอาไว้ และหากมีความจำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัส โปรแกรมที่จะแนะนำก็คือ Malwarebytesถือเป็นอีกหนึ่งโปรแกรม Malwarebytes ที่ได้รับความนิยมเป็นโปรแกรมที่ติดอันดับในการดาวน์โหลดในเว็บไซต์ cnet.com ถือเป็นโปแกรมที่สามารถสแกนและค้นหามัลแวร์หรือไวรัส และคืนค่าการตั้งค่าไฟล์ registry ต่างๆ ได้ในระดับหนึ่ง โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมได้แบบฟรีๆ ที่สามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง สามารถดาวน์โหลดได้จาก Malwarebytes CCleanerถือเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ได้รับความนิยมพอสมควร มันทั้งป้องกันและจำกัดไวรัสและสิ่งต่างๆที่ไวรัสสร้างความเสียหายเอาไว้ ถือเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้ หากจำเป็นต้องพึ่งตัวกำจัดไวรัส ดาวน์โหลดโปรแกรม CCleaner Glary Utilitiesโปรแกรมล้างและคืนค่า registry ของ Windows ที่ไวรัสหรือมัลแวร์อาจเข้าไปแก้ไขเพื่อให้ไม่สามารถทำอะไรบางอย่างกับเครื่องได้ โปรแกรมนี้ได้รับความนิยมาแก้ไขเรื่องพวกนี้โดยเฉพาะ ดาวน์โหลด Glary Utilities
แนะนำ 10 โปรแกรมแอนตี้ไวรัสฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย (Top 10 Free Antivirus Software)เพราะอินเทอร์เน็ตทำได้ทุกอย่าง มันเป็นประตูสู่อิสระที่มีคุณประโยชน์มากมาย แต่มันก็เป็นช่องทางที่ผู้ไม่ประสงค์ดี (แฮกเกอร์) ใช้ในการก่ออาชญากรรมด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่กังวลถึงเรื่องความปลอดภัย การหาโปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus) มาใช้ ก็เป็นเรื่องที่ชวนให้อุ่นใจอยู่ไม่น้อย ข่าวดี คือ เราไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อโปรแกรมแอนตี้ไวรัสมาใช้ก็ได้นะ มันมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสฟรีให้เลือกใช้อยู่เหมือนกัน จะมีตัวไหนน่าสนใจบ้าง มาดูกัน เรื่องควรรู้ก่อนที่จะดาวน์โหลดโปรแกรมแอนตี้ไวรัสถึงแม้จะเป็นโปรแกรมฟรี แต่ผู้พัฒนาส่วนใหญ่ก็ต้องการหารายได้ ดังนั้นผู้พัฒนาส่วนใหญ่ก็ย่อมหาช่องทางสร้างรายได้ด้วยหลากหลายวิธี ก็มีอยู่ 3 สิ่งที่เราพึงระวังเอาไว้ด้วยครับ 1. จ่ายเงินอัปเกรดโปรแกรมแอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่จะพยายามชักจูงให้คุณจ่ายเงินเพื่ออัปเกรดผ่านหน้าต่างแจ้งเตือน หรืออีเมล ก็อย่าไปสนใจ ใช้แบบฟรีไปเรื่อย ๆ นี่แหละ แต่ถ้าใช้แล้วถูกใจ อยากได้ฟีเจอร์เพิ่ม จะจ่ายเงินอัปเกรดก็จัดไป 2. แถบเครื่องมือ (Toolbar) และ ส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์ (Browser Extension)นี่เป็นหนึ่งในปัญหาโลกแตกที่ทำให้โปรแกรมที่ปลอดภัยหลายๆ ตัว ถูกกล่าวหาว่ามีไวรัส มี มัลแวร์ (Malware) อันที่จริง โดยส่วนใหญ่แล้วไอมัลแวร์ที่ว่าก็จะเป็นซอฟต์แวร์พวกที่เป็น แถบเครื่องมือ (Toolbar) และ ส่วนขยายของเว็บเบราว์เซอร์ (Browser Extension) นี่แหละ แต่ปกติแล้ว เราสามารถเลือกที่จะไม่ติดตั้งของแถมไม่พึงประสงค์เหล่านี้ได้ ปัญหา คือ หลายคนคลิก "ปุ่ม Next" อย่างเดียว ไม่อ่านอะไรเลย พอได้ของแถมไป ก็ออกมาโวยวายซะงั้น 3. เลือกใช้งานโปรแกรมแอนตี้ไวรัสเพียงตัวเดียวพอส่วนใหญ่แล้ว โปรแกรมพวกนี้ถ้าติดตั้งหลายตัวพร้อมกันมักจะทำงานขัดแย้งกัน ทำให้ระบบมีปัญหาได้ ควรเลือกติดตั้งเพื่อใช้งานแค่ทีละตัวนะครับ ถ้าเข้าใจเงื่อนไข 3 ข้อด้านบนแล้ว ก็มาเลือกกันเลยว่าจะใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวไหนดี 1. โปรแกรม TotalAV (Windows / macOS)ภาพจาก https://www.totalav.com/en/free-antivirus โปรแกรม TotalAV โปรแกรมแอนตี้ไวรัสแบบฟรีที่มีคุณสมบัติให้มาเหมือนกับตัวจ่ายเงิน ได้รับคำชมจากหลายสำนัก และมียอดจำนวนผู้ใช้กว่า 25 ล้านคนทั่วโลก มีทั้งการป้องกันแบบเรียลไทม์, ตรวจจับมัลแวร์, ป้องกันมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ฯลฯ ครบเครื่องมากเลยล่ะ
2. โปรแกรม Kaspersky Security Cloud Free (Windows)ภาพจาก https://www.ghacks.net/2019/12/27/kaspersky-replaces-free-antivirus-with-security-cloud-free/ โปรแกรม Kaspersky Security Cloud Free เป็นแอนตี้ไวรัสแบบฟรีที่ Kaspersky ปล่อยออกมาให้ใช้งานแทนโปรแกรมตัวเดิมอย่าง Kaspersky Free Antivirus รองรับการสแกน และลบมัลแวร์ต่าง ๆ ลูกเล่นไม่เยอะเท่าตัวเสียเงิน แต่จุดเด่นน่าจะอยู่ที่มีให้ใช้งานทั้งบนคอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนเลย
3. โปรแกรม Avira Free Antivirus (Windows / macOS)ภาพจาก https://www.avira.com/en/free-antivirus-mac โปรแกรมแอนตี้ไวรัส Avira หรือที่หลายคนนิยมเรียกกันว่า โปรแกรมแอนตี้ไวรัสร่มแดง (Red Umbrella Antivirus) เป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสยอดนิยม ตัวโปรแกรมใช้งานง่าย และมีหน้าตาที่สวยงาม จากผลการทดสอบล่าสุดของ AV-Comparatives ได้ระบุว่า Avira (เวอร์ชัน Pro) สามารถปกป้องได้ถึง 99.9% เลยทีเดียว ก็คาดหวังว่าเวอร์ชันฟรีก็น่าจะมีประสิทธิภาพที่ดีไม่แพ้กัน โปรแกรมนี้มีระบบกำหนดเวลาสแกนล่วงหน้าที่ตั้งค่าได้อย่างง่ายดาย อย่างการตั้งให้สแกนอย่างรวดเร็วทุกวัน และสแกนแบบละเอียดอาทิตย์ละครั้งเป็นต้น เมื่อรวมกับความสามารถในการปกป้องแบบ Real-time มันก็น่าจะทำหน้าที่เฝ้าระวังภัยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้เป็นอย่างดี
4. โปรแกรม Bitdefender Antivirus Free (Windows / macOS)ภาพจาก https://www.bitdefender.com/solutions/free.html โปรแกรม Bitdefender Antivirus Free เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ในเวอร์ชันได้ผลทดสอบการป้องกันสูงถึง 99.9% สำหรับเวอร์ชันฟรีของโปรแกรม Bitdefender นั้นมีคุณสมบัติเด่นอย่างการตรวจจับมัลแวร์ และตรวจจับฟิชชิ่ง (ล่อหลอกลวงพราง) ในขณะที่หน้าตาโปรแกรมค่อนข้างเรียบง่าย ไม่มีตัวเลือกที่ดูยุ่มย่าม อีกทั้งยังออกแบบมาให้ใช้ทรัพยากรเครื่องในการทำงานต่ำอีกด้วยล่ะ
5. โปรแกรม Avast Free Antivirus (Windows / macOS)ภาพจาก https://www.avast.com/lp-ppc-free-mac-security-download#pc แม้ว่าโปรแกรม Avast Free Antivirus จะได้รับผลการทดสอบในการป้องกันต่ำกว่า 2 ตัวแรกที่เราหยิบมาแนะนำไปเล็กน้อย (98.9%) แต่มันก็ยังถือว่าเป็นคะแนนที่ค่อนข้างสูงมากอยู่ดี จุดแข็งหลักของ Avast คือการใช้ทรัพยากรเครื่องในการทำงานที่ต่ำมาก ทำให้เราใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ได้เหมือนปกติ ไม่รู้สึกช้าลงแต่อย่างใด ตัวโปรแกรมใช้งาน และติดตั้งง่าย ใครที่กำลังมองหาโปรแกรมแอนตี้ไวรัสฟรีมาใช้งาน โปรแกรมนี้ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว
6. โปรแกรม AVG Free Antivirus (Windows / macOS)ภาพจาก https://www.avg.com/en-ww/free-antivirus-download โปรแกรม AVG Free Antivirus สามารถทำคะแนนในการทดสอบได้ดี (98.9%) และใช้ทรัพยากรเครื่องในการทำงานต่ำ แม้ว่าจะมีฟีเจอร์ที่เราอาจจะไม่ได้ใช้อย่างเครื่องมือล้างไฟล์ขยะในระบบ และแอปแอนตี้ไวรัสสำหรับใช้บนสมาร์ทโฟนแถมมาด้วย แต่โดยรวมแล้วมันก็เป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่น่าใช้งานอยู่นะ แต่อย่างไรก็ตาม เราอาจจะเจอหน้าต่างเชิญชวนอัปเกรดเด้งมารบกวนบ้าง แต่ถ้ามองว่ามันช่วยให้เราอัปเกรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ง่ายขึ้น มันก็โอเคแหละ
7. โปรแกรม Adaware Antivirus (Windows)ภาพจาก https://www.adaware.com/free-antivirus-download โปรแกรม Adaware Antivirus เป็น โปรแกรมแอนตี้ไวรัสตัวนี้ในเวอร์ชันโปรทำคะแนนได้สูงถึง 99.3% ทำให้เราเชื่อมั่นได้ว่ามันจะคุ้มครองคอมพิวเตอร์ของเราได้เป็นอย่างดี แม้ว่าโปรแกรมนี้จะใช้ทรัพยากรเครื่องสูงกว่าโปรแกรมอื่น แต่ก็ถือว่าน่าใช้งานมากทีเดียวสำหรับผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ในขณะที่เวอร์ชันเสียเงินของโปรแกรมนี้จะเพิ่มการป้องกันให้กับเว็บไซต์, อีเมล และมีไฟร์วอลให้ใช้งานด้วย ซึ่งจ่ายเพิ่มก็ไม่แพงเท่าไหร่เลย
8. โปรแกรม Trend Micro HouseCall (Windows / macOS)ภาพจาก https://www.trendmicro.com/th_th/forHome/products/housecall.html โปรแกรม Trend Micro HouseCall เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งจาก Trend Micro สามารถใช้งานได้เลยทันทีหลังจากดาวน์โหลดมา แถมยังสามารถสแกนไปยังอุปกรณ์ IoT ที่มีอยู่ในเครือข่ายได้ด้วยนะ ข้อเสียก็เหมือนกับโปรแกรมตัวก่อนหน้านี้ คือ ไม่สามารถปกป้องแบบ Real-time ได้ หากคุณคิดว่าเครื่องของคุณน่าจะโดนโจมตีอยู่ ก็ลองดาวน์โหลดมันมาสแกนเพื่อตรวจสอบได้ นอกจากนี้แล้วทาง Trend Micro ยังมีเครื่องมือดีๆ ที่ดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีอีกเพียบ อย่าง เครื่องมือการป้องกันมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Anti-ransomware Toolkit) เครื่องมือป้องกันเว็บเบราว์เซอร์ (Browser Guard) และ เครื่องมือปราบรูทคิท (Rootkit Buster)
9. โปรแกรม Malwarebytes Anti-Malware (Windows / macOS)ภาพจาก https://www.malwarebytes.com/mac/ โปรแกรมแอนตี้ไวรัส จากค่าย Malwarebytes นั้นมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมานานแล้ว และสำหรับ โปรแกรม Malwarebytes Anti-malware จากค่ายนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มันมีความสามารถในการตรวจจับ Adware ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ข้อดีอีกอย่างของโปรแกรมนี้มีขนาดไฟล์ที่เล็กมาก แถมยังสแกนได้อย่างว่องไวอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันฟรีคุณจะต้องสั่งสแกนด้วยตนเองเท่านั้น ถ้าอยากให้มันป้องกันแบบสดๆ เดี๋ยวนั้น หรือที่เรียกว่าเรียลไทม์ (Real-time) ล่ะก็ต้องจ่ายเงินอัปเกรดเท่านั้น แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น โปรแกรมนี้ก็ถือว่าเจ๋งอยู่ดีนะครับ
10. โปรแกรม ZoneAlarm Free Antivirus (Windows)ภาพจาก https://sea.pcmag.com/software/32691/check-point-zonealarm-free-antivirus นอกเหนือจากความสามารถในการป้องกันไวรัสแบบพื้นฐานแล้ว โปรแกรม Zone Alarm Free Antivirus ก็ยังมาพร้อมกับ Firewall แบบพื้นฐานให้เราใช้อีกด้วย ซึ่งหาได้ยากในโปรแกรมแอนตี้ไวรัสแบบแจกฟรี แถมยังมีระบบป้องกันการขโมยข้อมูลจากหน้าเว็บอันตรายให้ใช้อีกด้วย
ก็หวังว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ที่เราหยิบมาแนะนำทั้ง 10 โปรแกรม จะมีสักตัวที่ถูกใจคุณผู้อ่าน ได้รับโอกาสไปปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณบ้างนะครับ |