HIGHLIGHTS การบันทึกบัญชีเช่าซื้อทรัพย์สินมี่ขั้นตอนดังนี้ครับ 1.บันทึกภาระผูกพันที่ได้รับมา 2.บันทึกบัญชีมนกรณีที่มีเงินดาวน์ที่ต้องจ่ายก่อนตอนทำสัญญา 3.บันทึกบัญชีเมื่อมีการจ่ายเงินค่างวดในแต่ละงวด และ 4.บันทึกค่าเสื่อมราคาสำหรับสินทรัพย์ที่เช่าซื้อมาในทุกๆสิ้นรอบ ครับ พอดีมีลูกเพจ Inbox เข้ามาบอกว่าช่วยสรุปการบันทึกบัญชีเช่าซื้อทรัพย์สินให้หน่อย ทำสรุปให้เรียบร้อยแล้วครับ ^__^ 1. เมื่อมีการเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ถือว่ากิจการได้มีภาระผูกพันที่จะต้องนำมาบันทึกบัญชีดังนี้ ปล. สินทรัพย์ให้บันทึกด้วยราคาเงินสด, หนี้สินตามสัญญาเช่าทางการเงินให้บันทึกด้วยเงินงวดที่ต้องจ่ายทั้งหมด ดอกเบี้ยรอตัดจ่ายเป็นผลต่างระหว่างค่างวดที่ต้องจ่ายหมดหักด้วยราคาเงินสดของทรัพย์สิน 2. หากมีเงินดาวน์ที่ต้องจ่ายก่อนตอนทำสัญญาก็ให้บันทึกบัญชีดังนี้ ปล. บันทึกบัญชีตามจำนวนเงินดาวน์ที่จ่าย 3. เมื่อมีการจ่ายเงินค่างวดในแต่ละงวด ให้บันทึกบัญชีดังนี้ ปล. บัญชีดอกเบี้ยจ่ายให้ทยอยบันทึกในแต่ละงวดด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 4. ทุกๆสิ้นรอบ อย่าลืมบันทึกค่าเสื่อมราคาสำหรับสินทรัพย์ที่เช่าซื้อมาด้วยดังนี้ กรณี เช่าซื้อ และ ลิสซิ่ง กับการ ประหยัดภาษี คงเป็นประเด็นที่นักบัญชีและสรรพากร เองก็คงกุมขมับทุกครั้งที่พูดถึง และในมุมของผู้ประกอบการนั้น การที่จะเช่าซื้อ หรือลิสซิ่ง แล้วต้องการจะปรับหยัดภาษีแบบไหนจะมากกว่ากัน วันนี้เราลองมาดูตัวอย่างกันครับ – สมมุตว่าซื้อรถยนต์ มูลค่า 4,799,000 บาท – จ่ายเงินดาวน์ 2,251,264.48 บาท – ผ่อน 60 งวด งวดที่ 1 – 59 ผ่อนงวดละ 36,000 บาท – งวดที่ 60 ผ่อน 1,235,750 บาท – ราคาซากหลังสิ้นสุดสัญญาเช่า 3,471,324 บาท เรามาทำความเข้าใจกับสัญญาการซื้อรถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง การบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีและภาษีของรถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง ได้มาโดยสัญญา แต่ละประเภทกันก่อนดีกว่า พอจะสรุปได้ดังนี้
จากข้อมูล การซื้อรถยนต์ BMW โดยสัญญาลิสซิ่ง(ทางการเงิน) จะสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายทางบัญชี และ ค่าใช้จ่ายทางภาษี ดังนี้ ค่าเสื่อมราคาทางบัญชี 1 ปี ( 4,799,000 * 20% *1 ) = 959,800.00 บาท ค่าเสื่อมราคาทางภาษี 1 ปี ( 4,799,000 + 832,324 ) * 20% * 1 = 1,126,264.80 บาท เทียบค่างวดที่ผ่อนชำระ 1 ปี ( 36,000 * 12 ) = 432,000.00 บาท
จากข้อมูลสรุปข้างต้นการซื้อรถยนต์ตามสัญญาลิสซิ่ง ทางบัญชีจะบันทึกเป็นทรัพย์สิน และคำนวณหักค่าเสื่อมราคา แต่ทางภาษีถือว่ารถยนต์ดังกล่าวเป็นการเช่า เนื่องจากกรรมสิทธิ์ตามสัญญายังไม่เป็นของบริษัท จึงต้องบวกกลับค่าเสื่อมทางบัญชีในการคำนวณภาษี และนำค่าเช่าหรือค่างวดที่จ่ายชำระมาหักเป็นรายจ่าย แต่ไม่เกินเพดานที่กำหนด จากข้อมูลสรุปได้ว่า การซื้อรถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง ด้วยสัญญาลิสซิ่ง จะสามารถประหยัดภาษีมากกว่า สัญญาเช่าซื้อ โดยสามารถนำค่างวดที่ชำระไม่เกินเพดานที่กำหนด คูณ ด้วยระยะเวลาเช่า ซึ่งสามารถหักรายจ่ายได้เท่ากับ 432,000 X 5 = 2,160,000 เมื่อเปรียบเทียบกับสัญญาเช่าซื้อ จะสามารถหักค่าเสื่อมราคาฯ รถยนต์ได้เพียง 1.0 ล้านบาท นอกจากนี้เมื่อครบสัญญาลิสซิ่ง หากกิจการซื้อซากรถยนต์ มูลค่า 3,471,324 บาท สามารถนำมาบันทึกทรัพย์สิน และคำนวณหักค่าเสื่อมราคาฯ ทางภาษีสำหรับมูลค่าส่วนที่ไม่เกิน 1,000,000 บาทได้อีกด้วยจ้า ที่ปรึกษาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คำตอบข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อท่าน เพื่อทำความเข้าใจ สำหรับการตัดสินใจซื้อรถยนต์ในอนาคตต่อไป อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เราคิดตามกรณี รถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง ซึ่งถ้าเป็นกรณีรถทั่วไป เช่น รถกระบะ หรือรถตู้11ที่นั่ง ก็จะถือว่า > การเช่าซื้อสามารถตัดค่าเสื่อมราคาได้ทั้งมูลค่ารถยนต์ (ไม่มีเกณฑ์ห้ามเกิน 1 ล้านมาคิด) และ > ถ้าเป็นกรณีลิสซิ่งก็สามารถนำค่าเช่ามาเป็นรายจ่ายทางภาษีได้เลยทั้งก้อน (ไม่จำกัดแค่ 36,000 บาท ต่อเดือน) ที่มา : https://onesiri-acc.com/ |