20400 1004 การพัฒนาบุคลิกภาพในงานอาชีพ

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ่งุ เนน้ สมรรถนะ บูรณาการคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ บบวฏั จกั รการเรยี นรู้ 5 ขั้น วิชา การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพนักขาย หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช 2556 จัดทำโดย นางศิราภรณ์ เวยี นไธสง วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาสรุ นิ ทร์ สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ

ก หลกั สตู รรายวชิ า วิชา การพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย รหสั วชิ า 2200-2008 ทฤษฎี 2 ปฎบิ ัติ 2 หน่วยกติ 3 จุดประสงค์รายวชิ า 1.เขา้ ใจหลักการและกระบวนการพัฒนาบคุ ลกิ ภาพนักขาย 2. เขา้ ใจศลิ ปะการพดู มารยาททางสังคมและการสรา้ งความประทับใจในงานขาย 3. มีทักษะในการพัฒนาบคุ คลิกภาพเหมาะสมกบั อาชพี ขาย 4. มเี จตคติและกิจนิสยั ที่ดใี นการทำงานด้วยความเชื่อม่ันในตนเอง ความสุภาพ อ่อนน้อม ความมีมนุษยสมั พนั ธ์ ความแนบเนยี น และความมีระเบยี บวนิ ัย สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความร้เู ก่ยี วกับหลกั การและกระบวนการพฒั นาบุคลกิ ภาพนักขาย 2. พฒั นาศิลปะการพดู มารยาททางสังคม และการสร้างความประทับใจ ในงานขายตามหลกั การ 3. พฒั นาบุคลิกภาพเหมาะสมกับอาชพี ขายตามหลกั การ คำอธิบายรายวชิ า ศึกษาและปฎิบัติเกี่ยวกับหลักการพัฒนาบุคลกภาพนักขาย จิตวิทยาและทฤษฎี บุคลิกภาพ บุคลิกภาพในงานอาชีพขาย กระบวนหารพัฒนาบุคลิกภาพ ศิลปะการพูด มารยาททางสังคมและการสร้าง ความประทบั ใจในงานขาย คำอธิบายรายวิชา (ปรับปรุง) ศึกษาและปฎิบัติเกี่ยวกับหลักการพัฒนาบุคลกภาพนักขาย จิตวิทยาและทฤษฎี บุคลิกภาพ บุคลิกภาพในงานอาชีพขาย กระบวนหารพัฒนาบุคลิกภาพ ศิลปะการพูด มารยาททางสังคมและการสร้าง ความประทบั ใจในงานขาย และบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

ขก ก ตารางวเิ คราะหห์ น่วยการเรียน การพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย รหสั วิชา 2200-2008 ท-ป-น 1-2-3 จำนวนชวั่ โมงสอน 4 ช่วั โมง/สัปดาห์ ระดบั ชั้น ปวช. คำอธิบายรายวชิ า ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ ศึกษาและปฎิบัติเกี่ยวกับหลักการพัฒนาบุ 1. ความรพู้ นื้ ฐานเกยี่ วกบั บุคลกิ ภาพ คลกภาพนักขาย จิตวิทยาและทฤษฎี บุคลิกภาพ 2. จิตวทิ ยาการขาย บุคลิกภาพในงานอาชีพขาย กระบวนหารพัฒนา 3. บุคลกิ ภาพในงานอาชพี ขาย บุคลิกภาพ ศิลปพการพูด มารยาททางสังคมและ 4. กระบวนการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ การสร้างความประทับใจในงานขาย และบูรณาการ 5. หลักการพฒั นาบุคลกิ ภาพนกั ขาย หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 6. ศิลปะการพดู 7. มนุษยสัมพันธข์ องนักขาย 8. มารยาททางสงั คมในงานขาย 9. การสร้างความประทบั ใจในงานขาย

คค ตารางวเิ คราะหห์ ลักสตู รรายวชิ า วชิ า การพฒั นาบุคลิกภาพนกั ขาย รหัสวชิ า 2200-2008 ความสอดคล้องระหว่างเนอ้ื หากบั คำอธิบายรายวชิ า จุดประสงค์รายวิชา และสมรรถนะรายวชิ า หนว่ ย ความสอดคล้องกับหลกั สตู รรายวชิ า การเรียนรู้ ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ คำอธิบายรายวชิ า จดุ ประสงค์ สมรรถนะรายวชิ า ที่ รายวชิ า 1 ความรู้พนื้ ฐานเก่ียวกบั บคุ ลิกภาพ 12312345 2 จติ วทิ ยาการขาย 3 บุคลิกภาพในงานอาชพี ขาย ความรู้พืน้ ฐานเก่ียวกับ  4 กระบวนการพัฒนา บคุ ลกิ ภาพ บุคลิกภาพ 5 หลักการพฒั นาบคุ ลิกภาพนกั ขาย จิตวิทยาการขาย  6 ศลิ ปะการพดู 7 มนษุ ยสัมพันธ์ของนักขาย บุคลกิ ภาพในงานอาชีพขาย     8 มารยาททางสงั คมในงานขาย กระบวนการพฒั นา  9 การสร้างความประทับใจใน บุคลกิ ภาพ งานขาย ความรเู้ กี่ยวกบั หลักการ     พฒั นาบุคลกิ ภาพนกั ขาย ความรเู้ กย่ี วกบั ศลิ ปะการพูด     ความรเู้ กี่ยวกับมนุษยสมั พนั ธ์     ของนักขาย ความรเู้ ก่ยี วกับมารยาททาง     สงั คมในงานขาย ความรูเ้ กีย่ วกบั การสร้าง     ความประทับใจในงานขาย

ง แหล่งข้อมลู ในการวเิ คราะห์หลักสตู ร วิชา การพัฒนาบคุ ลิกภาพนักขาย รหสั วิชา 2200-2008 ท-ป-น. 1-2-3 จำนวนชว่ั โมงสอน 4 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ระดบั ช้นั ปวช. หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วย จำนวน ที่มา 1 ช่ัวโมง A B C D E 2 3 ความรพู้ น้ื ฐานเก่ียวกบั บุคลิกภาพ 4   4 5 จติ วทิ ยาการขาย 4   6 7 บุคลิกภาพในงานอาชพี ขาย 4   8 9 กระบวนการพฒั นาบุคลิกภาพ 8   หลักการพฒั นาบุคลกิ ภาพนักขาย 8   ศลิ ปะการพดู 20      มนุษยสัมพนั ธ์ของนักขาย 8   มารยาททางสังคมในงานขาย 8   การสรา้ งความประทับใจในงานขาย 8   72      หมายเหตุ A = คำอธบิ ายรายวิชา B = ตำรา/เอกสาร C = ผูเ้ ชย่ี วชาญ D = ประสบการณ์ E = สถานประกอบการ/ผ้ชู ำนาญการ

จ กำหนดการสอน/หนว่ ยการเรียนรู้ หนว่ ยที่ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ จำนวนช่ัวโมง สัปดาห์ที่ 1 1 2 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบุคลิกภาพ 4 2 3 3 4 จติ วทิ ยาการขาย 4 4-5 5 6-7 6 บุคลกิ ภาพในงานอาชพี ขาย 4 8-12 7 8 กระบวนการพัฒนาบุคลิกภาพ 8 13-14 9 15-16 หลักการพฒั นาบุคลิกภาพนักขาย 8 17-18 ศิลปะการพูด 20 มนษุ ยสมั พันธ์ของนักขาย 8 มารยาททางสงั คมในงานขาย 8 การสร้างความประทบั ใจในงานขาย 8

ฉ หน่วยการเรยี นรู้ สมรรถนะประจำหนว่ ย กจิ กรรมการเรียนรู้ และแนวทางการประเมิน แนวทางการประเมนิ หนว่ ย รายการสอน สมรรถนะ กิจกรรมการเรียนรู้ ทดสอบความ ู้ร ท่ี ประจำหนว่ ย ประเมินการป ิฏ ับ ิตงาน ประเมินผลงาน ประเมินพฤ ิตกรม ่ือน ๆ (ระ ุบ) พฤ ิตกรรม 1 ความรพู้ น้ื ฐาน แสดงความรู้และอธิบายเกีย่ วกับความรู้ บรรยาย  เกยี่ วกบั บุคลิกภาพ พ้ืนฐานเก่ียวกบั บุคลิกภาพ 2 จติ วิทยาการขาย แสดงความรู้และอธิบายเกีย่ วกบั บรรยาย  จิตวทิ ยาการขาย 3 บคุ ลิกภาพในงาน แสดงความรู้และประยุกตใ์ ช้หน้าท่ี บรรยายและบทบาท      อาชีพขาย บคุ ลกิ ภาพในงานอาชพี ขาย สมมุติ 4 กระบวนการพัฒนา แสดงความรู้และจำแนก บรรยายและสาธิต      บคุ ลกิ ภาพ กระบวนการพฒั นาบคุ ลิกภาพ 5 หลักการพัฒนา แสดงความรแู้ ละอธบิ ายเก่ียวกับ บรรยาย  บุคลกิ ภาพนักขาย หลักการพัฒนาบุคลิกภาพนกั ขาย 6 ศลิ ปะการพูด แสดงความรู้อธบิ ายและสาธติ เกี่ยวกบั บรรยายและสาธิต      ศิลปะการพูด ผลติ ภัณฑ์ 7 มนษุ ยสัมพันธ์ของ แสดงความรแู้ ละอธิบายเกี่ยวกบั มนษุ ย บรรยาย  นักขาย สมั พันธข์ องนกั ขาย 8 มารยาททางสงั คมใน แสดงความรแู้ ละอธบิ ายเกีย่ วกับ บรรยาย  งานขาย มารยาททางสังคมในงานขาย 9 การสร้างความ แสดงความรู้และอธิบายเกี่ยวกบั การ บรรยาย  ประทับใจในงานขาย สร้างความประทบั ใจในงานขาย

ช ตารางวเิ คราะหห์ ลักสูตรเชิงพฤติกรรม หนว่ ยกิต 3 วิชา การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพนกั ขาย รหสั วชิ า 2200-2008 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชพี พุทธพิ ิสัย พฤติกรรม ความรู้ ความเ ้ขาใจ ชื่อหนว่ ย นำไปใช้ 1. ความรพู้ ้นื ฐานเกีย่ วกบั วิเคราะห์ บคุ ลกิ ภาพ สังเคราะห์ ประเ ิมนค่า 2. จติ วิทยาการขาย ทักษะ ิพสัย ิจตพิสัย รวม ร้อยละ ลำ ัดบความสำคัญ จำนวนช่ัวโมง 6741 7 10 35 12.5 2 4 464 6 8 28 10 2 4 3. บคุ ลิกภาพในงานอาชพี 4 6 42 6 8 30 10 4 4 ขาย 42 4. กระบวนการพัฒนา 57 41 7 9 34 10.71 3 8 บคุ ลิกภาพ 92 4 5. หลักการพัฒนาบุคลิกภาพ 4 5 4 7 9 30 10 4 8 นักขาย 4 6. ศิลปะการพดู 57 41 8 9 10 42 15 1 20 24 7 8 27 9.64 5 8 7. มนุษยสมั พนั ธข์ องนักขาย 4 4 7 8 27 9.64 5 8 ปานกลาง 8. มารยาททางสังคมในงาน 4 4 ขาย 9. การสรา้ งความประทบั ใจ 4 4 7 8 27 9.64 5 8 ในงานขาย รวม 40 50 63 78 280 100 72 ลำดับความสำคัญ 31 หมายเหตุ น้ำหนักคะแนนความสำคญั มากที่สุด 9-10 มาก 7-8 4-6 นอ้ ย 2-3 น้อยที่สุด 0-1 จำนวนชว่ั โมงสอน = 6

ซ การวัดผลและการประเมินผล เกณฑก์ ารวัดผลประเมินผล 100 คะแนน 1. สัดสว่ นคะแนน (80 :20) 30 คะแนน 1.1 คะแนนระหว่างภาค 80 คะแนน ประกอบดว้ ย 50 คะแนน 1.1.1 คะแนนคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 20 คะแนน 1.1.2 คะแนนการประเมินผลตามสภาพจรงิ 1.2 คะแนนปลายภาค 2. การตัดสนิ ผลการเรยี น ใช้แบบอิงเกณฑ์ 80-100 คะแนน เกรด 4 คะแนนระหวา่ ง 75-79 คะแนน เกรด 3.5 คะแนนระหว่าง 70-74 คะแนน เกรด 3 คะแนนระหวา่ ง 65-69 คะแนน เกรด 2.5 คะแนนระหว่าง 60-64 คะแนน เกรด 2 คะแนนระหว่าง 55-54 คะแนน เกรด 1.5 คะแนนระหวา่ ง 50-54 คะแนน เกรด 1 คะแนนระหว่าง 0-49 คะแนน เกรด 0 คะแนนระหวา่ ง

ฒ แผนจัดการเรียนการสอนเพอ่ื ประเมนิ พฤติกรรมผ้เู รยี นอาชวี ศึกษา ตามคา่ นยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาสรุ นิ ทร์ วิชา การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพนักขาย รหัสวิชา 2200-2008 ทฤษฎี 2 ปฎิบัติ 2 หนว่ ยกติ 3 รายการประเมิน พฤตกิ รรมท่ีแสดงออก พฤติกรรม ประจำ ทจี่ ะวัด หน่วยที่ 1. มคี วามรักชาติ ศาสนา 1.1 ร่วมกิจกรรมเขา้ แถว ยนื ตรง เคารพธงชาติ  1-9 พระมหากษัตรยิ ์ รอ้ งเพลงชาติ 1.2 รว่ มกิจกรรมวนั สำคญั ทางศาสนาท่ีตนนับถอื  1-9 1.3 รว่ มกจิ กรรมวนั สำคญั ทเ่ี กี่ยวกับการเทิดทูน  1-9 สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ 2. ซือ่ สัตย์ เสยี สละ อดทน 2.1 ประพฤติ ปฏบิ ัตติ นตามความเป็นจริงที่แสดง 1-9 ถึงการยึดม่นั ในความถกู ต้อง ยอมรับผลการ  กระทำของตนเองและผู้อนื่ 2.2 เสียสละกำลังกาย ทรัพย์ สติปัญญา ในการ  1-9 ช่วยเหลอื ผู้อื่นและสังคม 2.3 ควบคมุ ตนเองเมื่อประสบความยากลำบาก  1-9 และไมก่ ่อใหเ้ กดิ ความเสยี หาย 3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง 3.1 ร้จู ักบุญคณุ พ่อแม่ผปู้ กครอง ครบู าอาจารย์  1-9 ครบู าอาจารย์ และผูม้ ีพระคุณ 3.2 เอาใจใส่ ดแู ลช่วยเหลอื ภารกิจการงาน 1-9 ปฏิบัติตนตามคำสั่งสอนทีถ่ ูกตอ้ งและเหมาะสม  3.3 ตอบแทนบญุ คุณของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู  1-9 บาอาจารย์และผู้มีพระคุณ 4. ใฝห่ าความรู้ หมน่ั ศึกษาเลา่ 4.1 แสวงหาความรทู้ ้งั ทางตรงและทางอ้อม  1-9 เรียน ทง้ั ทางตรงและทางอ้อม 4.2 มงุ่ ม่นั ตงั้ ใจเพยี รพยายามในการศึกษาและ 1-9 ปฏิบัติงาน  4.3 แกป้ ญั หาและพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ จนบรรลผุ ล 1-9 สำเร็จ  5. รกั ษาวฒั นธรรม ประเพณไี ทย 5.1 เขา้ ร่วมโครงการหรือกจิ กรรมทเี่ ปน็ ไทย  1-9 อันงดงาม 5.2 ภาคภมู ใิ จในความเป็นไทย  1-9 5.3 อนรุ กั ษ์สบื ทอดวัฒนธรรมและประเพณไี ทย  1-9 อนั งดงาม

ญ รายการประเมนิ พฤติกรรมทีแ่ สดงออก พฤตกิ รรม ประจำ ที่จะวดั หน่วยท่ี 6. มศี ีลธรรม รักษาความสัตย์ หวัง 6.1 ประพฤติตนตามหลกั ศลี ธรรมอันดีงาม  1-9 ดตี ่อผูอ้ ื่นเผ่ือแผแ่ ละแบ่งปนั 6.2 ปฏบิ ตั โิ ดยยดึ ตามกตกิ าข้อตกลง/กฎ/  1-9 ระเบียบของสถานศกึ ษา  1-9  6.3 หวงั ดี โอบออ้ มอารชี ่วยเหลอื ผอู้ ื่นตาม  1-9  1-9 โอกาส   1-9 6.4 ให้แบง่ ปนั เอือ้ เฟ้ือ และชว่ ยเหลอื ผูอ้ ่ืน  1-9  7. เขา้ ใจเรยี นรูก้ ารเป็นประชาธปิ ไตย 7.1 เขา้ ร่วมกิจกรรมเก่ยี วกบั ประชาธปิ ไตย  1-9  1-9 อันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ ท่ี อนั มีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมขุ  1-9 ถูกต้อง 7.2 เคารพสิทธิของผู้อน่ื 1-9  1-9 7.3 ปฏิบตั ิตนตามระบอบประชาธิปไตยอันมี  1-9 พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ  1-9 8. มีระเบียบ วินยั เคารพกฎหมาย 8.1 ตรงตอ่ เวลา  1-9 ผู้น้อยรจู้ ักเคารพผู้ใหญ่ 8.2 ประพฤติตรงตามคำสง่ั หรือข้อบังคบั ของ 1-9 สถานศึกษา 1-9 8.3 เคารพและนอบน้อมต่อผ้ใู หญ่ 9. มีสติ รตู้ ัว รคู้ ดิ รู้ทำ รปู้ ฏบิ ัติ 9.1 คิดดี พูดดี ทำดี ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จ 9.2 สภุ าพ เรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน พระเจ้าอยู่หวั ฯ ตามสถานภาพและกาลเทศะ 9.3 รอบคอบเหมาะสมกับวยั สถานการณ์และ บทบาทของตนเองตามแนวพระราชดำรัสฯ 10. รจู้ ักดำรงตนอยโู่ ดยใช้หลกั 10.1 ใช้วสั ดถุ ูกต้องพอเพียงและเหมาะสม ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งตาม กับงาน พระราชดำรสั ของพระบาทสมเด็จพระ 10.2 เก็บออมถนอมใชท้ รพั ย์สนิ ส่ิงของให้เกิด เจ้าอยหู่ ัวฯ รจู้ กั อดออมไว้ใชเ้ ม่ือยาม ประโยชน์คุ้มค่า จำเปน็ มีไวพ้ อกนิ พอใช้ ถา้ เหลอื ก็ แจกจ่ายจำหนา่ ยและพร้อมที่จะขยาย 10.3 ปฏบิ ตั ติ ามท่ีไดร้ บั มอบหมายสำเรจ็ ตาม กจิ การเมื่อมีความพร้อมเมอ่ื มี กำหนดโดยคำนงึ ถงึ ความปลอดภยั ของตนเอง ภูมคิ ้มุ กนั ที่ดี และผูอ้ ื่น 11. มีความเขม็ แขง็ ท้งั รา่ ยกาย และ 11.1 ดูแล รกั ษาสขุ ภาพร่างกายตาม จิตใจไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝา่ ยตำ่ หรอื สุขอนามัย

กเิ ลส มคี วามละอายเกรงกลัวต่อบาป 11.2 ไมเ่ ก่ยี วข้องกบั อบายมุข  1-9  1-9 ตามหลักของศาสนา 11.3 ไมน่ ำทรัพย์สนิ ของผู้อืน่ เป็นของตนเอง  1-9  1-9 11.4 หลีกเล่ียงแหลง่ มว่ั สุม  1-9 12. คำนงึ ถึงผลประโยชน์ของ 12.1 มีจิตอาสา อุทศิ ตนเพื่อประโยชนต์ อ่ ส่วนรวมและของชาติมากกวา่ สงั คมและสว่ นรวม ผลประโยชนข์ องตนเอง 12.2 เสยี สละความสุขส่วนตน เพื่อทำ ประโยชน์แกผ่ อู้ ื่น

แผนการจัดการเรยี นรมู้ ่งุ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรูว้ ฏั จักรการเรียนรู้ 5 ขั้น สอนครั้งท่ี 1 ชอ่ื หน่วย ความรู้พน้ื ฐานเกยี่ วกบั บุคลิกภาพ ชวั่ โมงรวม 1-4 จำนวนชั่วโมง 4 ชือ่ เร่ือง ความรพู้ ้นื ฐานเก่ียวกบั บคุ ลิกภาพ 1. สาระสำคญั บุคลิกภาพเป็นลักษณะของบุคคลโดยรวมทั้งลักษณะภายในและภายนอก ซึ่งเป็นเครื่องกำหนด ปฏกิ ริ ยิ าของบคุ คลที่มีตอ่ ตนเองและผู้อ่นื อกี ทงั้ ยงั เปน็ ผลต่อสิ่งแวดล้อม วัตถุ บคุ คล และวฒั นธรรมของสังคม 2. สมรรถนะประจำหนว่ ย มีความร้แู ละเข้าใจบุคลกิ ภาพ ความสำคัญของบคุ ลิกภาพ องคป์ ระกอบท่มี ีอทิ ธพิ ลต่อบคุ ลิกภาพ ประเภทของบุคลิกภาพและทฤษฎบี ุคลกิ ภาพ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. บอกความหมายของบุคลกิ ภาพ 2. บอกความสำคัญของบุคลกิ ภาพ 3. บอกองค์ประกอบท่ีมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพ 3.2 ดา้ นทักษะ 1. นักเรียนรปู้ ระเภทของบุคลกิ ภาพ 2. นักเรียนร้ทู ฤษฎีบคุ ลกิ ภาพ 3.3 คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ มคี วามซื่อสตั ยต์ ่อข้อมูล มคี วามสามคั คีในกลุม่ รกั ษาความสะอาด และมคี วามรบั ผิดชอบ 4. เนอ้ื หาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของบคุ ลิกภาพ บุคลิกภาพ (Personality) มีรากศัพท์จากภาษากรีกว่า Persona หมายความว่า Mask หรือ หน้ากากสำหรับตัวละครท่ีใชส้ วมในการแสดงบทบาทต่างๆ นักจิตวิทยาได้ให้คำจำกัดความของบุคลิกภาพไว้อย่างกว้างขวาง เพื่ออธิบายลักษณะของแต่ละ บุคคลดังน้ี บุคลิกภาพ ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 หมายถึงสภาพ นสิ ยั จำเฉพาะตน กวี วงศ์พุฒ (2542:39) บุคลิกภาพเป็นลักษณะเฉพาะของบุคคล เช่น รูปร่าง หน้าตา การแต่ง กาย คำพูด ความรู้สึกนึกคิดการรับรู้ ค่านิยม ความเชื่อถือและความรู้ ทักษะต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อการ ปรับตวั ของบคุ คล

นงลักษณ์ สุทธิวัฒนพันธ์ (2539:35-37) บุคลิกภาพเป็นสภาวะที่ประกอบกันขึ้นเป็นตัวบุคคล โดยรวมถงึ คุณลักษณะทางจิตใจ ซ่ึงมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การกระทำของบุคคลในสถานการณ์ต่างๆ 2. ความสำคญั ของบุคลิกภาพ บคุ ลิกภาพเป็นสง่ิ ทท่ี ำใหบ้ ุคคลมีเอกลักษณโ์ ดดเดน่ เฉพาะตวั สามารถสร้างความรู้สึกที่ดีต่อผู้พบ เห็นได้ บุคลกิ ภาพที่ดีจึงเป็นทั้งเสน่หแ์ ละอำนาจ มีส่วนชว่ ยในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลอ่ืนๆ ได้อน่างราบร่ืน บคุ ลกิ ภาพสำคัญ ดังน้ี 2.1 ความมั่นใจในตนเอง การสร้างความเช่อื มั่นในตนเองเปน็ ส่ิงสำคญั ที่สง่ ผลให้บุคคลนนั้ มบี ุคลิกท่ีโดเด่นและแตกต่างจาก คนอ่ืนๆ การสร้างความเชื่อมั่นและสร้างบุคลิกภาพที่ดีแก่ตนเองทำได้โดยการเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็น เห็น คณุ ค่าของตนเอง คิดในทางบวก ฝึกจติ ใจให้สงบ และสร้างบุคลกิ ภาพท่ีดีแก่ตนเอง ซึง่ บุคคลที่มีบุคลิกภาพท่ีดี จะมีความมั่นใจในตนเองและการแสดงออก เช่น นกั กฬี า นักการเมือง นกั แสดง นักเรอ้ ง เปน็ ต้น 2.2 เอกลกั ษณเ์ ฉพาะบคุ คล บคุ ลิกภาพทำใหบ้ ุคคลมเี อกลักษณเ์ ฉพาะตน ซึง่ ทำใหม้ ีความไดเ้ ปรยี บคนอื่นเพราะจะทำให้ได้รับ ความเชือ่ มัน่ ศรัทธาจากผพู้ บเห็นและผูท้ ่ีมปี ฏิสัมพนั ธ์ด้วย 2.3 การยอมรบั ของกลุ่มหรือทีม บุคคลที่มีบุคลิกภาพดีย่อมเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปและต้องการให้อยู่ในกลุ่มหรือทีม เช่น ทีมงานขายของบรษิ ัทประกนั ชวี ิต ทมี ของวงดนตรี เปน็ ตน้ 2.4 การปรบั ตวั ให้เขา้ กับคนอื่น ผู้ทม่ี ีบคุ คลิกภาพดจี ะเปน็ ผู้ที่สามารถมองเห็นส่ิงต่างๆ ตามทีเ่ ปน็ จริงอย่างถูกต้อง ไม่ต่อต้านหรือ ยอมรบั ทกุ สง่ิ ทกุ อย่างโดยไรห้ ลักการ และไม่วา่ จะอยูใ่ นสภาวการณ์ใดๆ กย็ ังสามารถปฏิบัิไดอ้ ย่างสมำ่ เสมอ ธรรมชาติของมนุษย์จะไม่ชอบอยู่ตามลำพัง การปรับบุคลิกภาพของตนเองและรู้ถึงบุคลิกภาพ ของผู้อื่นจะทำให้ปรับตัวเข้ากับความแตกต่างระหว่างบุคคลและสถานการณ์สิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้ดีข้ึน บุคลิกภาพที่ดีจึงมีความสำคัญรวมทั้งทำให้บคุ คลมีความสามารถในการรับรู้และปรับตัวให้เข้ากับสภาพความ เปน็ จรงิ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 2.5 ความสำเรจ็ บุคคลที่มีบุคลิกภาพดีจะได้เปรียบผู้อื่น เพราะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือศรัทธาแก่ผู้พบเห็น รวมทงั้ ได้รบั ความร่วมมือในด้านต่างๆ ซึ่งจะชว่ ยให้การทำงานประสบความสำเรจ็ 3. องคป์ ระกอบทม่ี ีอทิ ธพิ ลต่อบคุ ลิกภาพ 3.1.1 พันธุกรรม (Heredity) เป็นสิ่งที่บุคคลได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ เช่น ความสูง ลกั ษณะเสน้ ผม สีผวิ ชนดิ ของโลหิต โรคภัยไขเ้ จ็บบางชนิด เป็นต้น และขอ้ บกพร่องทางรา่ งกาย เช่น ตาบอดสี ศรี ษะล้าน เป็นตน้ ลกั ษณะทางกายจึงเปน็ อิทธพิ ลของพนั ธกุ รรมทมี่ ีต่อบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล พัฒนาการของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางร่างกายหรือบุคลิกภาพ ล้วนอยู่ภายใต้ อิทธิพลทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม เพียงแต่พัฒนาการบางชนิดอาจอยู่ใต้อิทธิพลทางพันธุกรรมมากกว่า ส่ิงแวดล้อม หรือสิง่ แวดลอ้ มมากกวา่ พันธกุ รรม

3.1.2 สิ่งแวดล้อม (Environment) มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของมนุษย์ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจและ บุคลิกภาพ ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่มีออิทธิพลต่อพัฒนาการของมนุษย์มากที่สุด คือ ครอบครัว บุคคลอื่น และ วัฒนธรรม โดยสิ่งแวดล้อมที่เป็นมนุษย์จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาทางบุคลิกภาพ ทัศนคติ และ พฤติกรรมทางสังคม บคุ ลิกภาพของแต่ละบุคคลสามารถพัฒนาได้จากการเรียนรู้ทางสังคมท่มี ีอิทธิพลต่อพัฒนาการ ของบคุ ลิกภาพ ไดแ้ ก่ ครอบครวั โรงเรยี น กลมุ่ คน สังคม และวัฒนธรรม โดยนักจิตวิทยาพฒั นาการเชื่อว่าการ ถ่ายทอดลักษณะทางสังคมจากคนรุ่งหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่งทำได้โดยผ่านตัวแทนกลุ่มตัวอย่าง เช่น บิดาหรือ มารดาจะถา่ ยทอดใหบ้ ุตร พ่จี ะถ่ายทอดให้น้อง ครจู้ ะถา่ ยทอดให้นักเรยี นนกั ศกึ ษา เป็นต้น 3.1.3 ประสบการณ์ (Experience) เป็นการเรียนรู้และปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่บุคคลเข้าไป เกยี่ วขอ้ ง สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ดงั นี้ 1) ประสบการณ์ทั่วไป เป็นประสบการณ์ธรรมดาที่ทุกคนในสังคมได้รับเหมือนกัน เช่น ขนบธรรมเนยี น ประเพณี หรอื การเรยี นร้บู ทบาทของตนเอง 2) ประสบการณ์ส่วนตัว เป็นประสบการณ์ของแต่ละคนที่ประสบด้วยตนเอง โดยที่บุคคล อ่ืนไมเ่ คยพบ หรอื อาจเปน็ เรื่องท่ีตนเองเป็นผูป้ ระสบการณ์น้ันเพียงคนเดียว 3.2 บุคลกิ ภาพของบุคคล บคุ ลกิ ภาพของบุคคลประกอบดว้ ยส่งิ ตา่ งๆ ซงึ่ สามารถแบ่งออกได้ 6 ดา้ น ดงั นี้ 3.2.1 ด้านกายภาพ เป็นลักษณะประจำตัวของบุคคล ซึ่งมองเห็นและสังเกตได้ง่ายจากภายนอก ไดแ้ ก่ รูปร่าง หน้าตา สัดสว่ น ผวิ พรรณ สผี ม นำ้ หนัก ส่วนสูง น้ำเสียง 3.2.2 ด้านจิตใจ เปน็ เรอื่ งเกยี่ วกบั สมอง ซง่ึ สังเกตไดค้ ่องข้างยาก ได้แก่ ความคิด ความจำ สติปญั ญา จิตนาการ ความสนใจ ความตัง้ ใจ การตัดสินใจ เปา้ หมาย และความสามารถในการปรับตัว 3.2.3 ด้านอุปนิสัย เป็นกิริยาที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางสังคม ได้แก่ ความสุภาพ ความ ซื่อสัตย์ ความเชื่อในทางบวก การเคารพสิทธิส่วนบุคคล ดังนั้นอุปนิสัยจึงเป็นองค์ประกอบของบุคลิกภาพที่มี ความสำคญั ตอ่ ชวี ติ 3.2.4 ดา้ นอารมณ์ เปน็ ความรสู้ ึกทางจิตที่ก่อให้เกดิ อาการตา่ งๆ เชน่ ตนื่ เตน้ ตกใจ วติ กกงั วล โกรธ กลวั รา่ เรงิ่ เป็นตน้ ผู้ที่มบี ุคลกิ ภาพทีด่ ีจะตอ้ งสามารถควบคุมการแสดงออกทางอารมณไ์ ด้อย่างเหมาะสม 3.2.5 ด้านความสนใจและเจตคติ เป็นการแสดงออกทางความรู้สึก ความสนใจ หรือความพึงพอใจ ซึ่งบุคคลแต่ละคนจะมีความสนใจและเจตคติที่แตกต่างกัน เช่น บางคนสนใจเรื่องของเศรษฐกิจ บางคนสนใจ ในเรอ่ื งการเมือง โดยความสนใจของแต่ละคนอาจมีเพยี งเร่อื งใดเร่ืองหนงึ่ หรือหลากหลายเรือ่ ง 3.2.6 ด้านการปรับตวั เป็นการที่บคุ คลพยายามปรบั สภาพปัญหาท่ีเกิดข้นึ และพยายามปรับเปลี่ยน พฤติกรรมของตนใหเ้ ข้ากบั สภาพแวดล้อมและความต้องการของตนเอง การปรบั ตัวมีผลต่อบคุ ลกิ ภาพอย่างยิ่ง เพราะการปรับตัวตลอดจนการมีพฤติกรรมที่เหมาะสมและสังคมยอมรับจะทำใหบ้ ุคคลสามารถอยู่ในสังคมได้ อย่างมีความสุข แตถ่ า้ ปรบั ตวั ให้เข้ากบั สัมสมไม่ได้หรอื ไม่เหมาะสมจะเกดิ ผลเสยี ต่อบุคลกิ ภาพดา้ นอืน่ ๆด้วย

4.ประเภทของบุคลกิ ภาพ นักจิตวิทยาและนกั วชิ าการได้แบ่งประเภทของบุคลิกภาพของบุคคลไว้ตามลกั ษณะตา่ งๆ ดังน้ี 4.1 แบง่ ตามลกั ษณะโครงสร้างร่างกาย วลิ เลยี ม เชลดอน (William Sheldon) นักจิตวทิ ยาชาวอเมรกิ นั ไดก้ ลา่ ววา่ ลกั ษณะทางกายสามารถ บ่งบอกถึงลักษณะทางจิตใจบางประการของมนุษย์ได้ โดยแบ่งประเภทบุคลิกภาพของบุคคลตามลักษณะ โครงสรา้ งของรา่ งกายได้ 3 ประเภท ดังนี้ 4.1.1 รปู ร่างผอมบาง (Ectomorph) ไดแ้ ก่ บคุ คลท่ีมีบุคลกิ ภาพในลักษณะผอม สงู ชว่ งไหล่หอ่ เอว สะโพกเลก็ มกี ลา้ มเน้ือนอ้ ย ออ่ นไหวง่าย ใจนอ้ ย กลวั ความเจ็บปวด และไม่ชอบเข้าสงั คม 4.1.2 รูปร่างอว้ นเตีย้ (Endomorph) ไดแ้ ก่ บุคคลท่ีมีลกั ษณะอว้ นเต้ีย เปน็ คนชอบสังคม สนกุ สนาน ร่าเรงิ ช่างพูดคยุ ใจเย็น อารมณด์ ี เสียงดงั และตอ้ งการให้คนเอาใจ 4.1.3 รูปร่างสมส่วน (Mesomorph) ได้แก่ บุคคลที่มีรูปรา่ งสมส่วน ลำตัวตรง ไหล่กว้าง กล้ามเนื้อ และโครงสร้างกระดูกแข็งแรงเป็นบุคคลที่กล้าหาญ กล้าผจญภัยและกล้าเสี่ยงมีความเข็มแข็ง คล่องแคล่ว ว่องไว และสว่ นใหญช่ อบเลน่ กฬี า 4.2 แบง่ ตามประเภทลักษณะพฤตกิ รรม คารล์ กุสตาฟ จงุ (Carl Gustav Jung) ได้แบ่งบุคลกิ ภาพของมนุษย์ตามลักษณะพฤติกรรมออกเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี 4.2.1 ประเภทเก็บตัว (Introvert) เป็นบุคคลท่ีมีลักษณะเงียบเฉย ขี้อาย เก็บตัว ไม่ชอบสังคม ชอบ ความเงยี บสงบ มกั คิดเพ้อฝันตามลำพัง บุคคลประเภทน้ีเม่ือประสบปญั หาจะหลีกเลี่ยงปญั หาหรือแยกตัวออก จากตัวเอง มีอารมณ์รนุ แรง คดิ และตดั สนิ ใจช้า ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง 4.2.2 ประเภทสายกลาง (Ambient) บุคคลประเภทนี้เป็นคนที่มีชีวิตเรียบง่าย เดินทางสายกลาง อยคู่ นเดียวอย่างมีความสุข อยู่มนสงั คมก็มีความสุข คบหาสมาคมกับคนทัว่ ไปได้ดี 4.2.3 ประเภทแสดงตัว (Extrovert) บุคคลประเภทนี้มีบุคลิกภาพกล้าแสดงออก เปิดเผย ร่าเริง แจม่ ใส มนี ้ำใจ ชอบงานสังคม การสังสรรค์ พดู คยุ พบปะกับคนอ่ืน มีความเชื่อม่นั ในตนเอง สามารถปรับตัวได้ ดี ชอบช่วนเหลือสังคม ไม่สนใจตนเอง ถือสังคมเป็นศูนย์กลาวง ชอบทำงานกลุ่มติดต่องานได้คล่องแคล่ว วอ่ งไว มีขอ้ เสีย คอื เป็นคนพดู มาก เกบ็ ความลบั ไมอ่ ยู่ พดู เกินจรงิ พูดไมถ่ ูกกาลเทศะและชอบพูดทับถมผู้อ่ืน 4.3 แบ่งตามลกั ษณะบคุ ลิกภาพ ลกั ษณะบคุ ลกิ ภาพของมนุษย์แบ่งออกไดเ้ ปน็ 2 ลกั ษณะ ดงั นี้ 4.3.1 บุคลิกภาพภายนอก (External Personality) เป็นลักษณะของร่างกายที่ปรากฏต่อ บุคคลภายนอกและเป็นภาพลักษณ์ของบคุ คลทส่ี ามารถมองเห็นได้งา่ ย ประกอบดว้ ย 1) รูปร่าง หน้าตา เป็นลักษณะภายนอกทีก่ ่อให้เกดิ ความพึงพอใจแก่บุคคลรอบขา้ งและผู้พบ เห็น บุคคบที่หน้าตาไม่ดีอาจมีบุคลิกภาพที่ดีได้โดยอาศัยลักษณะอย่างอื่นประกอบด้วย เช่น หน้าตายิ้มแย้ม แจม่ ใส กริ ยิ ามารยาทดี มคี วามเปน็ กันเอง มีน้ำใจเอื้อเฟ้อื เผอ่ื แผ่ และมีความสามารถในการพดู เปน็ ต้น

2) การแต่งกาย ผู้ที่มีบุคลิกภาพดีจะต้องแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ มีรูปแบบของเสื้อผ้ าที่ เหมาะสม และมีความสะอาด การแต่งกายเป็นตัวแทนของมนุษย์ซึ่งสามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ง่ายและ รวดเรว็ ตลอดจนเปน็ ตวั กำหนดระเบียบของสงั คมด้วย 3) ความสะอาดและสุภาพอนามัย บุคลิกภาพภายนอกที่ดีจะต้องมีการดูแลอวัยวะส่วนต่างๆ ร่ายกายนับตั้งแตศ่ รี ษะจรดปลายเท้าให้สะอาด ซึ่งจะส่งผลให้มสี ขุ ภาพอนามยั 4) กิริยาท่าทาง เป็นลักษณะของบุคลิกภาพภายนอกซึ่งสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ พบเห็นได้ ดังนั้นบุคคลจึงควรจะมีกิริยาท่าทางที่แสดงออกถึงความเรว็ คล่องแคล่วว่องไวไม่อืดอาดหรือเกียจ คร้าน 5) คำพูด น้ำเสียง และภาษา ผู้ที่มีบุคลกิ ภาพดจี ะต้องมีวาจาสภุ าพนุ่มนวลและมีหางเสียง ซึ่ง จะทำให้เป็นที่ชื่นชมรักใคร่ของคนทั่วไป รวมทั้งภาษาที่ใช้ต้องเข้าใจและจดจำได้ง่าย บุคคลที่จะต้องติดต่อ พบปะกับผู้อื่นจำเป็นต้องสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจและแปลความหมายได้อย่างถูกต้อง การใช้ภาษาหรือคำพูดได้ ถกู ต้องตามหลักภาษาไทษจะทำให้ผู้ฟงั เข้าใจได้ง่ายและไม่สับสน คำพูด นำ้ เสยี ง และภาษาท่ีเหมาะสม จงึ เป็นสง่ิ สำคัญทผี่ ู้พดู จะต้องระมดั ระวงั ให้อย่ใู นลักษณะ ที่พอดี เช่น พูดจาเสียงกระด้างจนเหมือนกับเกรี้ยวกราด หรือพูดจานุ่มนวลมากจนเหมือนการแสร้าเกินความ พอดี ซงึ่ จะเป็นผลเสยี ตอ่ ผพู้ ดู และควรเลือกใชค้ ำพดู ทสี่ ภุ าพเหมาะสม 4.3.2 บุคลิกภาพภายใน (Internal Personality) เป็นลักษณะที่อยู่ภายในจิตใจหรืออุปนิสัยที่มองไม่ เห็น สัมผัสไม่ได้ และแก้ไขได้ยาก แต่สามารถศึกษาได้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างได้แก่ ความ เชื่อมั่นในตนเอง ความซื่อสตั ยส์ ุจรติ ความคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์ ความรบั ผิดชอบ 5. ทฤษฎีบคุ ลิกภาพ 5.1 ทฤษฎีลำดบี ข้ันความตอ้ งการของมาสโลว์ เป็นทฤษฎที ่พี ัฒนาขนึ้ โดยอับราฮมั มาสโลว์ (Abraham Maslow) นกั จติ วิทยาแหง่ มหาวิทยาลัยแบ รนดีส์ ระบุว่าบุคคลมีความต้องการเรีบยลำดับจากระดับพื้นฐานที่ต่ำสุดไปยังระดับสูงสุดโดยแบ่งออกเป็น 5 ระดบั ดังนี้ 5.1.1 ความต้องการทางร่างกาย (Physiological Needs) เป็นความต้องการขั้นพื้นฐานที่มีอำนาจ มากที่สุดและสามารถสังเกตเห็นได้ชัดที่สุด เพราะเป็นความต้องการที่จะดำรงชีวิตของมนุษย์ ได้แก่ ความต้องการอากาศ นำ้ ดื่ม อาหาร ท่อี ยอู่ าศยั ยารกั ษาโรค 5.1.2 ความต้อวการความปลอดภัย (Safety Needs) เป็นความต้องการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ความ ต้องการร่ายกายได้รบั การตอบสนองอย่างเต็มที่แล้ว ได้แก่ ความต้องการสภาพแวดล้อมที่ปลอดจากอันตลาด ทั้งทางกายและจิตใจความมั่นคงในหน้าที่การงาน ชีวิตและสุขภาพ เช่น การประกัน ชีวิตและสุขภาพ กฎระเบยี บขอ้ บังคับของสถานศกึ ษาหรือหนว่ ยงาน ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ านความปลอดภัยในชวี ติ หรือ ทรัพย์สิน เปน็ ตน้ 5.1.3 ความตอ้ งการทางสังคม (Social Needs) เมื่อมีความปลอดภยั ในชวี ิตและมั่นคงในการทำงาน แล้ว มนษุ ย์จะตอ้ งการความรัก มิตรภาพ ความใกล้ชดิ ผกู พัน ต้องการเพือ่ นฝูง การมีโอกาสเข้าสมาคมสงั สรรค์ กบั ผู้อน่ื หรอื ได้รบั การยอมรับเป็นสมาชิกในกลุ่ม

5.1.4 ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียง (Esteem Needs) เมื่อความต้องการทางสังคมได้รับการ ตอบสนองแล้ว มนุษย์จะต้องการสร้างสถาาภาพของตนเองให้สูงขึ้น มีความภูมิใจ และสร้างการนับถือตนเอง ชื่นชมในความสำเร็จของงานที่ทำ และเกียรติยศ ได้แก่ ยศ ตำแหน่ง ระดับเงินเดือนที่สูงขึ้น งานที่ท้าทาย ได้รับการยกย่องชมเชยจากผู้อื่น มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในงาน มีโอกาสก้าวหน้าในการศึกษาหรืออาชีพ เป็นต้น 5.1.5 ความต้อวการเติมความสมบูรณ์ให้ชีวิต Self-actualization Needs) เป็นความต้องการ ในระดับสูงสุด ซึ่งต้องการจะเติมเต็มศักยภาพของตนเอง ต้องการความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาสูงสุด ความเจริญก้าวหน้า การพัฒนาทกั ษะความสามารถให้ถึงขีดสูงสดุ มคี วามเปน็ อิสระในการตดั สินใจและการคิด สร้างสรรคส์ ิง่ ตา่ งๆ ตบอดจนการกา้ วสตู่ ำแหน่งท่ีสงู ข้ึนในอาชพี และการงาน 5.2 ทฤษฏีจติ วิเคราะห์ นักจิตวิทยา ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) ผู้ให้กำเนิดทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ได้ให้ความเห็นว่า มนษู ยป์ ระกอบด้วย 2โครงสร้าง ดงั นี้ 5.2.1 โครงสร้างทางบุคลิกภาพ (Structure of Personality) เป็นการวิเคราะห์บุคลิกภาพของ มนุษยต์ ามหลักจิตวทิ ยา โดยแบง่ จิตของมนุษย์ ตามโครงสร้างทางจิตเป็น 3 ส่วน ดงั นี้ 1) อิด (Id) เป็นความปรารถนา ประกอบด้วยทุกสิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพันธุกรรม ดั้งเดิม แรงกระตุ้นที่มีมาตั้งแต่แรกเกิดจัดเป็นสัญชาตญาณขั้นพื้นฐานของมนุษย์ รวมถึงความต้องการของ ร่างกาย ความปรารถนาทางเพศ และแรงกระตุน้ ความก้าวรา้ ว 2) อีโก้ (Ego) เป็นระดับจิตสำนึกบางส่วนของจิตใจที่อาศัยเหตุผลและความเป็นจริงของ สิ่งแวดล้อมและสังคม ทำหน้าที่ตามหลักการแห่งความจริง (Reality Principle) เป็นตัวกลางที่ตัดสินว่าจะ ดำเนนิ ตามอดิ ซึง่ เป็นสญั ชาตญาณความอยาก ความหิวกระหาย หรอื จะทำตามสิ่งทเี่ ปน็ คณุ ธรรมและมโนธรรม (Super Ego) เช่น ถ้าบุคคลหนึ่งมีความหิวอีโก้จะช่วยทำให้บุคคลนัน้ รูจ้ ักแสวงหาอาหารมาได้อย่างเหมาะสม เพอื่ ชว่ ยลดความเครยี ดท่ีเกิดข้ึนจากความหิวซ่ึงมาจากอิด ถา้ ปราศจากอโี ก้อิดจะต้องแสวงหาอาหารหรือวัตถุ อน่ื เพื่อวัตถุอนื่ เพือ่ ตอบสนองความพอใจต่อความต้องการนั้น 3) ซูเปอร์อีโก้ (Super Ego) เป็นระดับจิตที่อยู่ในจิตสำนึก ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการแสวงหา ความสุขของอิดจากแรงกระตุ้น ซูเปอรอ์ โี ก้ยอมให้อิดแสวงหาความสขุ ภายใต้เงื่อนไขท่ีแน่นอนและจะยอมให้ แรงกระตุ้นของอิดได้รับการตอบสนองเฉพาะการกระทำที่ถูกต้องทางด้านศิลธรรมและมโนธรรม ซูเปอร์อีโก้ เป็นสิ่งท่ีเกิดจากการมีประสบการณ์ โดยได้รับการถ่ายทอดและฝึกอบรมมาจากพ่อแม่ ตลอดจนการสอน ทางดา้ นศีลธรรม ซึ่งเปน็ บรรทดั ฐาน (Norms) ของสังคมท่ีใชเ้ ป็นมารตฐานสำหรับยึดถือและปฏิบัติของบุคคล ในสงั คม ในการทำงานตามหน้าที่ของบุคคลย่อมมีการต่อสู้ การยอมรับ การปรับตัวหรือความขัดแย้งกัน ถ้า ส่วนของจิตที่เป็นอิด อีโก้ หรือซูปเปอร์อีโก้ส่วนใดเป็นฝ่ายชนะ บุคลิกภาพของบุคคลก็จะแสดงพฤติกรรม ออกไปตามแนวของจติ ฝ่ายท่ีชนะ

5.2.2 โครงสรา้ งทางจติ (Structure of Mental) แบง่ ออกเป็น 3 ภาค ได้แก่ 1) จติ สำนกึ (Conscious Mind) เป็นสภาวะที่บุคคลได้รับร้จู ากประสาทสมั ผสั ท้งั ห้า มีหนา้ ท่ี รบั รู้ นกึ คดิ และส่งั การ ไดแ้ ก่ การมองเห็นดว้ ยตา การไดย้ นิ ด้วยหู การรับกล่ินด้วยจมูก การรับรสด้วยลิ้น การ สัมผัสด้วยผิวกาย นอกจากนี้จิตสำนึกยังเป็นภาวะจิตที่รู้ตัว ได้แก่ การแสดงพฤติกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับ หลกั แหง่ ความเปน็ จรงิ 2) จิตใกลส้ ำนึก (Subconscious Mind) เป็นภาวะจติ ทร่ี ะลึกถงึ ได้ มีหนา้ ทบี่ ันทกึ ข้อมลู ต่างๆ ทีผ่ า่ นเข้ามาทางประสาทสัมผัสทงั้ ห้า เป็นสว่ นที่จิตใจมไิ ด้แสดงออกมาเปน็ พฤตกิ รรมในขณะน้นั แตเ่ ป็นส่วนท่ี ร้ตู วั และสามารถดึงออกมาใช้ได้ทุกเมื่อ 3) จิตไร้สำนึกหรือจิตใต้สำนึก (Unconscious mind) เป็นภาวะจิตที่ไม่รู้ตัว ระลึกถึงไม่ได้ จิตเหนือสำนึกเป็นแหล่งความคิดสร้างสรรค์ (Ceative) การหยั่งรู้เองความเมตตาและความสุขที่ยิ่งใหญ่ของ มนุษณ์ ตลอดจนเป็นส่ิงท่ีฝังลึกอยู่ภายในจิตใจ มีการเก็บกด (Repression) เอาไว้ ซึ่งอาจเป็นเพราะถูกบังคับ หรือไมส่ ามารถแสดงอาการโตต้ อบไดใ้ นขณะนัน้ และแสดงออกมาในลักษณะการพลง้ั เผลอ 5.3 ทฤษฎีของเคลย์ แอลเดอรเ์ ฟอร์ (Claton Elderfer) 5.3.1 ทฤษฎี ERG เคลย์ตัน แอลเดอร์เฟอร์ ได้ปรับปรุงระดับความต้องการตามแนวคิดของมาส โลว์ ดังนี้ 1) ความต้องการดำรงชีวิตอยู่ (Existence Needs:E) เปรียบได้กับความต้องการระดับต่อ ของมาสโลว์ 2) ความต้องการความสัมพันธ์ (Relatedness Needs :R) เป็นความต้องการต่างๆ ท่ี เกีย่ วเนอื่ งกบั ความสัมพันธร์ ะหว่างบุคคล เช่น ความสมั พนั ธ์ในสถานศึกษา ความสัมพันธ์ในสถานทที่ ำงานและ สภาพแวดลอ้ ม ซ่งึ ตรงกับความตอ้ งการทางสงั คมตามแนวคิดของมาสโลว์ 3) ความต้องการเจรญิ เตบิ โต (Growth Needs :G) เปน็ ความต้องการภายในเพื่อการพัฒนา ตนเอง การเจริญเติบโต การพัฒนาแบะใช้ความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่ แสวงหาโอกาส ในการ เอาชนะความท้าทายใหม่ๆ เปรียบได้กับความต้องการชื่อเสียงและการเติมความสมบูรณ์ให้ชีวิตตามแนวคิด ของมาสโลว์ 5.3.2 ความแตกตา่ งระหว่างทฤษฎี ERG และทฤษฎีลำดับความตอ้ งการ มดี ังน้ี 1) มาสโลว์ยืนยันว่า บุคคลจะหยุดอยู่ที่ความต้องการระดับหนึ่งจนกว่าจะได้รับการ ตอบสนองแล้ว แต่ทฤษฎี ERG อธิบายว่า ถ้าความต้องการระดับนั้นยังไม่ได้รับการตอบสนองบุคคลจะเกิด ความคบั ขอ้ งใจ จากนนั้ จะถดถอยลงมาให้ความสนใจในความตอ้ งการระดับตำ่ กว่าอีกครัง้ หนง่ึ 2) ทฤษฎี ERG อธิบาย ความต้องกามากกว่าหนึ่งระดับอาจเกิดขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน หรือ บคุ คลสามารถถกู จูงใจดว้ ยความต้องการมากกว่าหนงึ่ ระดับในเวลาเดียวกนั เช่น ความต้องการเงนิ เดือนสงู (E) พรอ้ มกับความตอ้ งทางสังคม (R) และความต้องการโอกาสและอิสระในการคิดตดั สินใน (G)

5. กจิ กรรมการเรียนการสอน 5.1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1. ครูชี้นำให้นักเรียนเห็นถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบุคลิกภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ของเราทกุ คน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลุม่ เลอื กหัวหนา้ กลมุ่ เพอื่ เป็นตวั แทนในการนำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น 5.2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (60 นาท)ี 1. ครูบอกความรู้พ้ืนฐานเกยี่ วกับบคุ ลกิ ภาพพรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถึงความหมายของความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบุคลิกภาพ โดยให้นักเรียน ตอบตามความเขา้ ใจของตนเองเป็นรายบุคคล ซง่ึ ผู้สอนจะสมุ่ เรยี กชอื่ ข้ึนมา 5.3 ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (30 นาที) 3. ครสู รุปความหมายของ “ความรพู้ นื้ ฐานเกย่ี วกบั บุคลิกภาพ” ท่ีถูกตอ้ ง ใหผ้ ู้เรยี นบนั ทึกลง สมุด เพอ่ื ส่งใหค้ รูตรวจ 4. ให้ผู้เรียนที่จัดกลุ่มไว้แล้วแต่ละกลุ่มร่วมอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของความรู้ พน้ื ฐานเก่ยี วกับบุคลกิ ภาพ พร้อมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกต์ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงในการ ดำเนินชีวิต โดยส่งตวั แทนกกลุม่ ออกมานำเสนอหน้าชน้ั เรยี น 5. ครูสรุปประเด็นที่ผู้เรียนอภิปรายเพิ่มเติมในส่วนที่ผู้เรียนยังไม่กล่าวถึง และให้ผู้เรียน บันทกึ ลงสมดุ เพ่อื สง่ ให้ครตู รวจ 5.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครูซักถามเพม่ิ เตมิ 5.5 ขัน้ ประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาท)ี 15) นกั เรยี นทำใบงาน 16) นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน 6. สอื่ การเรยี นรู/้ แหล่งการเรยี นรู้ 6.1 สอ่ื ส่ิงพมิ พ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกิจกรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรยี น 5. แบบทดสอบหลงั เรยี น 6.2 สือ่ โสตทศั น์ (ถ้าม)ี PowerPoint สรปุ เนือ้ หาความรพู้ นื้ ฐานเกีย่ วกบั บคุ ลกิ ภาพ

แผนการจัดการเรยี นร้มู ุง่ เนน้ สมรรถนะ หน่วยที่ 2 โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรวู้ ฏั จกั รการเรยี นรู้ 5 ข้นั สอนครง้ั ที่ 2 ชื่อหนว่ ย จติ วิทยาการขาย ชว่ั โมงรวม 1-4 จำนวนช่วั โมง 4 ชือ่ เรอื่ ง จติ วทิ ยาการขาย 1. สาระสำคญั จติ วิทยาเปน็ วิชาท่ศี ึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมหรือกิริยาอาการของมนุษย์ รวมถงึ ตัวแปรที่เก่ียวข้องกับ การเกิดพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถคาดคะเนหรือพยากรณ์ได้ โดยใช้แนวทางหรือวิธีการทาง วทิ ยาศาสตร์เป็นเครอ่ื งมอื ในการช่วยวเิ คราะห์ 2. สมรรถนะประจำหนว่ ย มีความรู้และเข้าใจความหมายของจิตวิทยา จิตวิทยาการขาย การจุงใจลูกค้าและการตอบสนอง ความต้องการของลูกคา้ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของจติ วทิ ยา 2. บอกความสำคญั ของจติ วิทยาการขาย 3.2 ดา้ นทักษะ 1. นักเรยี นรูก้ ารจงุ ใจลกู คา้ 2. นกั เรียนรู้การตอบสนองความตอ้ งการของลกู คา้ 3.3 คณุ ลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ มคี วามซ่อื สตั ยต์ อ่ ขอ้ มลู มคี วามสามคั คีในกลมุ่ รกั ษาความสะอาด และมีความรบั ผดิ ชอบ 4. เน้อื หาสาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของจติ วิทยา 2. จิตวทิ ยาการขาย 3. การจงุ ใจลูกคา้ 4. การตอบสนองความตอ้ งการของลกู ค้า 5. กิจกรรมการเรยี นการสอน 5.1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1. ครูชี้นำให้นักเรียนเห็นถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับจิตวิทยาการขาย ท่ีมีความเก่ียวข้องกับ ชวี ติ ประจำวันของเราทกุ คน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลุ่มเลือกหัวหนา้ กลุ่มเพอ่ื เป็นตัวแทนในการนำเสนอหน้าช้ันเรยี น

5.2 ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาท)ี 1. ครบู อกความรูพ้ ืน้ ฐานเกย่ี วกบั จิตวทิ ยาการขาย พรอ้ มยกตวั อย่างประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถึงจิตวิทยาการขาย โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เปน็ รายบุคคล ซง่ึ ผ้สู อนจะสุ่มเรียกช่อื ขนึ้ มา 5.3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาที) 3. ครูสรุปความหมายของ “จิตวิทยาการขาย” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลงสมุด เพื่อส่งให้ ครตู รวจ 4. ใหผ้ ู้เรียนทจ่ี ดั กลุม่ ไวแ้ ลว้ แตล่ ะกลุ่มรว่ มอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคญั ของจิตวิทยาการ ขายพร้อมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต โดยส่ง ตัวแทนกกลุม่ ออกมานำเสนอหนา้ ชนั้ เรียน 5. ครูสรุปประเด็นที่ผู้เรียนอภิปรายเพิ่มเติมในส่วนที่ผู้เรียนยังไม่กล่าวถึง และให้ผู้เรียน บันทึกลงสมดุ เพ่อื สง่ ให้ครูตรวจ 5.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที) 1. ครูซกั ถามเพ่ิมเตมิ 5.5 ขัน้ ประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาท)ี 15) นักเรยี นทำใบงาน 16) นกั เรียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน 6. ส่ือการเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ 6.1 ส่อื ส่ิงพมิ พ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกจิ กรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรยี น 5. แบบทดสอบหลงั เรยี น 6.2 สื่อโสตทัศน์ (ถ้าม)ี PowerPoint สรุปเนื้อหาจิตวิทยาการขาย

แผนการจดั การเรียนรมู้ ุง่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยที่ 3 โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรวู้ ัฏจักรการเรยี นรู้ 5 ข้ัน สอนครง้ั ท่ี 3 ช่อื หนว่ ย บุคลิกภาพในงานอาชพี ขาย ชั่วโมงรวม 1-4 จำนวนชวั่ โมง 4 ช่ือเร่ือง บุคลกิ ภาพในงานอาชีพขาย 1. สาระสำคัญ งานอาชีพขายเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเสนอสินค้าและบริการ เพื่อให้สอดคล้องกับ ความต้องการของผู้ซ้ือ โดยในงานอาชีพขายประกอบดว้ ยกระบวนการต่างๆ 2. สมรรถนะประจำหน่วย มีความรู้และเข้าใจความหมายของความหมายของงานอาชีพขาย อิทธิพลของบุคลิกภาพต่องาน อาชีพ และบคุ ลกิ ภาพในงานอาชพี ขาย 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของงานอาชีพขาย 2. บอกความสำคัญของอิทธิพลของบุคลกิ ภาพต่องานอาชพี 3.2 ดา้ นทกั ษะ 1. นกั เรยี นรบู้ ุคลกิ ภาพในงานอาชพี ขาย 3.3 คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ มคี วามซื่อสตั ย์ตอ่ ข้อมลู มคี วามสามัคคใี นกลมุ่ รกั ษาความสะอาด และมคี วามรับผดิ ชอบ 4. เน้ือหาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของงานอาชพี ขาย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวถึงงานอาชีพขายไว้ว่า งานขายมีลักษณะเกี่ยวกับความสามารถในการชักจูงใจและโน้วน้าว หรือใช้ศิลปะการขายเป็นสำคัญการขาย เกิดจากพฤตกิ รรมภายใน ไดแ้ ก่ ความรสู้ กึ นึกคดิ ความนยิ มชมชอบ ความพงึ พอใจ ความเตม็ ใจ สำนักงานจัดหางานกรุ่งเทพฯ เขตพื้นที่ 6 ได้กำหนดขอบเขตของอาชีพงานขาบไว้ว่า งานขายเป็น อาชีพที่ต้องออกพบปะลูกค้าตามตารางนัด เพื่อเสนอขายผลิตภัณฑ์และจูงใจลูกค้าด้วยการให้สินเชื่อ โดยใน งานอาชีพขายประกอบดว้ ยกระบวนการตา่ งๆ ดังน้ี 1.1 สินค้าหรือบริการ (Products) 1.2 นักขายหรือพนักงานขาย (Salesman) 1.3 กระบวนการและขั้นตอนการขาย (Process) 1.4 ผูม้ งุ่ หวัง (Prospects) 1.5 ลกู ค้า (Customers)

2. อทิ ธพิ ลของบุคลกิ ภาพตอ่ งานอาชีพ จอห์น แอล ฮอลแลนด์ (John L.Holland) ได้กล่าวไว้ในทฤษฎีการเลือกอาชีพว่า บุคคลิกภาพของคนจะ สะท้อนผ่านการเลือกอาชีพของตน โดยเหตุผลในการเลือกอาชีพน้ันเกิดจากการผสมผสานความคิดต่อตนเอง และความเข้าใจต่ออาชีพทีเ่ ลือก หมายความว่าคนท่ีเลือกอาชีพได้สอดคล้องกับบุคลิกภาพของตนมากท่ีสุดจะ มีความพึงพอใจในอาชีพและส่งผลให้ประสบความสำเร็จในอาชีพนัน้ ๆ ได้โดยมีรายละเอียดในการเลอื กอาชีพ ดงั น้ี 2.1 มแี นวคิดพน้ื ฐาน 4 ประการ ดงั นี้ 2.2 สาระสําคญั ของทฤษฎี 3. บคุ ลิกภาพในงานอาชพี ขาย อาชีพขายเป็นงานที่มีหน้าที่ให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่ผู้ขายเสนอขายแก่ ลูกค้าเพื่อสร้างความพึงพอใจและกระจายสินค้าไปสู่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึงนักขายมีหน้าที่ช่วยประสานงานการ ส่งเสรมิ การตลาดใหบ้ รรลผุ ลสำเรจ็ ตามเปา้ หมายขององคก์ รท่ีไดต้ งั้ ไว้ บุคลิกภาพในงานอาชีพขายสามารถแบ่ง ออกได้เปน็ 2 ลักษณะ ดังนี้ 3.1 ลักษณะทั่วไปของบุคลกิ ภาพในงานอาชพี ขาย 3.2 ลักษณะเฉพาะของบุคลิกภาพในงานอาชีพขาย 3.3 ลักษณะบคุ ลิกภาพที่นกั ขายไม่ควรมี 5. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 5.1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1. ครูชี้นำให้นักเรียนเห็นถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบุคลิกภาพในงานอาชีพขาย ท่ีมีความเก่ียวข้อง กบั ชีวติ ประจำวนั ของเราทุกคน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลุ่มเลือกหัวหนา้ กลุม่ เพอ่ื เป็นตวั แทนในการนำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น 5.2 ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (60 นาที) 1. ครูบอกความรู้พ้นื ฐานเกี่ยวกบั บุคลกิ ภาพในงานอาชีพขาย พรอ้ มยกตัวอยา่ งประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถึงบุคลิกภาพในงานอาชีพขาย โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเองเปน็ รายบุคคล ซึ่งผู้สอนจะสุ่มเรยี กชอื่ ขึน้ มา 5.3 ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (30 นาท)ี 3. ครูสรุปความหมายของ “บุคลิกภาพในงานอาชีพขาย” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลงสมุด เพ่ือส่งใหค้ รูตรวจ 4. ให้ผู้เรียนที่จัดกลุ่มไว้แล้วแต่ละกลุ่มร่วมอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของบุคลิกภาพ ในงานอาชีพขาย พร้อมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนิน ชวี ติ โดยส่งตัวแทนกกลมุ่ ออกมานำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน

5. ครสู รปุ ประเดน็ ทผ่ี เู้ รยี นอภปิ รายเพมิ่ เตมิ ในสว่ นท่ผี ้เู รียนยงั ไมก่ ลา่ วถึงและใหผ้ ูเ้ รียนบันทึกลง สมุดเพอ่ื ส่งให้ครตู รวจ 5.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที) 1. ครูซกั ถามเพ่ิมเติม 5.5 ข้ันประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาที) 15) นักเรยี นทำใบงาน 16) นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน 6. สอื่ การเรยี นรู้/แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกิจกรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 5. แบบทดสอบหลังเรยี น 6.2 สอ่ื โสตทศั น์ (ถ้าม)ี PowerPoint สรปุ เนอ้ื หาบคุ ลกิ ภาพในงานอาชพี ขาย

แผนการจัดการเรียนรู้มงุ่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 4 โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้วฏั จกั รการเรยี นรู้ 5 ข้นั สอนคร้งั ที่ 4 ชื่อหนว่ ย กระบวนการพฒั นาบคุ ลิกภาพ ชั่วโมงรวม 1-4 จำนวนช่ัวโมง 4 ชอื่ เรอ่ื ง กระบวนการพฒั นาบคุ ลิกภาพ 1. สาระสำคญั การพฒั นาบุคลิกภาพเป็นการปรับปรุงลักษณะทางกาย อารมณ์ สงั คม และสติปัญญาให้ดีข้ึน ทำให้ สามารถดำเนนิ กิจกรรมตา่ งๆ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ 2. สมรรถนะประจำหน่วย มีความรแู้ ละเข้าใจความหมายของการพัฒนาบุคลิกภาพ กระบวนการพัฒนาบุคลิกภาพ การพัฒนา ภาพภายนอกและการพฒั นาสุขภาพภายใน 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของการพัฒนาบคุ ลิกภาพ 2. บอกความสำคัญของกระบวนการพฒั นาบุคลิกภาพ 3.2 ดา้ นทกั ษะ 1. นกั เรียนร้กู ารพัฒนาภาพภายนอก 2. นกั เรียนรกู้ ารพฒั นาสุขภาพภายใน 3.3 คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ มีความซ่ือสตั ย์ตอ่ ข้อมลู มีความสามคั คีในกลุ่ม รักษาความสะอาด และมีความรับผิดชอบ 4. เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของการพัฒนาบุคลิกภาพ 1.1 ความหมายของการพัฒนาบุคลกิ ภาพ 1.2 บุคลิกภาพของนกั ขาย 2. กระบวนการพัฒนาบคุ ลกิ ภาพ 2.1 กระบวนการพัฒนาบคุ ลิกภาพ กระบวนการพัฒนาบุคลกิ ภาพจะหมนุ เวียนเป็นวงจรอยา่ งไม่สน้ิ สุดประกอบดว้ ย 4 กระบวนการดงั นี้ การวิเคราะห์ตนเอง บุคคลที่ต้องการพัฒนาบุคลิกภาพจะต้องเริมต้นจากการวิเคราะห์ตนเองก่อน เนื่องจาก มนุษย์ทุกคนจะมีนิสัยเข้าข้างตนเองและคิดว่าตนเองไม่มีข้อบกพร่องใดๆ โดยใช้กลยุทธ์การประเมิน สถานการณ์เเวดล้อม (SWOT Analysis) มีองคป์ ระกอบ ดัง้ นี้ 1) จุดแข็ง (Strengths) เป็นการวิเคราะห์ว่าตนเองมีจุดแข็งหรือส่วนดีด้านใดบ้างเกjงทางด้านไหน รวมท้งั ควรหาวธิ กี ารพัฒนาและฝกึ ฝนด้านดตี ลอดเวลา เพ่ือเพม่ิ ศักยภาพใหด้ ขี น้ึ

2) จุดออ่ น (Weaknesses) เป็นการวเิ คราะหข์ อ้ ดอ้ ยว่ามีสงิ ไหนที่ไมถ่ นัด ไม่ชอบ หรอื อาจทำไม่ค่อย ได้ ควรพยายามหาทางเเกไ้ ข ปรับปรุง และพัฒนาจุดอ่อนน้นั 3) โอกาส (Opportunities) เป็นปจั จัยของสภาพแวดลอ้ มภายนอกที่เอ้ืออำนายใหก้ ารทำงานเป็นไป ตามจุดม่งุ หมายท่ีวางไว้ ตลอดจนช่วยสง่ เสริมและพฒั นาตนเองให้มีประสิทธภิ าพทดี่ ยี ิง่ ขน้ึ 4) อุปสรรค (Threats) เป็นปจั จัยภายนอกท่ีส่งผลกระทบต่อเปา้ หมายซ่งึ อุปสรรคนี้อาจทำให้บุคคล ไมส่ ามารถบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ที่วางไวไ้ ด้ 3. การพฒั นาภาพภายนอก 3.1 ความหมายของบุคลิกภาพภายนอก เป็นบุคลิกภาพท่ีสังเกตได้ชัดหรือสัมผัสได้และเป็นส่งิ ท่ี สมั ผสั ไดด้ ้วยประสาทสมั ผสั ทัง้ 5 ไดแ้ ก่รปู รา่ งหน้าตาการแต่งกายกริ ยิ าทา่ ทางและการพูด 3.2 การพฒั นาบุคลิกภาพภายนอก เป็นส่งิ ทสี่ ามารถทำได้งา่ ยและใช้เวลาไม่มากแต่ผู้ปฏิบัติต้อง มีความตง้ั ใจโดยตอ้ งมีการพฒั นาในส่งิ ต่างๆ ดังนี้ 4. การพฒั นาสขุ ภาพภายใน 4.1 ความหมายของบคุ ลกิ ภาพภายใน บคุ ลกิ ภาพภายใน (Internal Personality) เปน็ คณุ สมบัติ ภายในของบุคคลที่เป็นความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ภายในจิตใจ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้แต่สามารถสัมผัสและ แสดงออกได้ เช่น อารมณก์ ารตดั สินใจ ความรู้ ความสามารถ เป็นต้น 4.2 การปรับปรุงบุคลิกภาพภายใน เป็นการปรับปรุงคุณสมบัติที่มองไม่เห็นและสัมผัสได้ยาก ต้องมีโอกาสทำงานร่วมกันหรืออยู่ด้วยกันนานๆ บุคลิกภาพภายในจึงจะแสดงออกมา การแก้ไขเปลี่ยนแปลง ทำได้ค่อนข้างยาก ใช้เวลานานและประเมินผลยาก การปรับปรุงบุคลิกภาพภายในให้เหมาะสมในด้านต่างๆ มดี ังนี้ 4.2.1 ความสุขภาพ (Courtesy) 4.2.2 ปฏิภาณไหวพริบ (Intuition) 4.2.3 ความรู้ (Knowledge) 4.2.4 ความจำดี (Good Memory) 4.2.5 ความกระตือรือรน้ (Enthusiasm) 4.2.6 ความตนื่ ตวั (Alertly) 4.2.7 ความมคี ุณธรรม (Virtue) 4.2.8 ความแนบเนียน (Tact) 4.2.9 ความยับย้ังชัง่ ใจ (Self-control) 4.2.10 ความจรงิ ใจ (Sincerity) 4.2.11 ความรว่ มมอื (Co-operation) 4.2.12 มอี ารมณข์ ัน (Sense Of Humor) 4.2.13 การตดั สนิ ใจทีด่ ี (Good Decision Maker)

5. กจิ กรรมการเรียนการสอน 5.1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1. ครูชน้ี ำใหน้ ักเรียนเหน็ ถงึ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาบุคลกิ ภาพ ทม่ี ีความเกยี่ วข้อง กบั ชวี ติ ประจำวนั ของเราทุกคน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลุ่มเลอื กหัวหน้ากลมุ่ เพอื่ เป็นตัวแทนในการนำเสนอหนา้ ชั้นเรียน 5.2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาที) 1. ครูบอกความรพู้ น้ื ฐานเก่ยี วกบั กระบวนการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถึงกระบวนการพัฒนาบุคลิกภาพ โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเองเป็นรายบุคคล ซึ่งผ้สู อนจะสมุ่ เรยี กช่ือขนึ้ มา 5.3 ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (30 นาท)ี 3. ครูสรุปความหมายของ “กระบวนการพัฒนาบุคลกิ ภาพ” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลงสมดุ เพอ่ื ส่งใหค้ รูตรวจ 4. ให้ผู้เรียนที่จัดกลุ่มไว้แล้วแต่ละกลุ่มร่วมอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของ กระบวนการพฒั นาบคุ ลิกภาพ พรอ้ มปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใน การดำเนนิ ชวี ติ โดยส่งตัวแทนกกลุ่มออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น 5. ครูสรุปประเด็นท่ผี ้เู รียนอภปิ รายเพม่ิ เตมิ ในส่วนท่ีผเู้ รยี นยงั ไมก่ ล่าวถึงและใหผ้ ู้เรียนบันทึกลง สมดุ เพื่อส่งใหค้ รูตรวจ 5.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครูซกั ถามเพ่ิมเติม 5.5 ข้ันประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาที) 15) นักเรียนทำใบงาน 16) นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น 6. ส่อื การเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้ 6.1 ส่ือส่ิงพิมพ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกิจกรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรียน 5. แบบทดสอบหลังเรียน 6.2 สอ่ื โสตทัศน์ (ถ้ามี) PowerPoint สรปุ เนอ้ื หากระบวนการพฒั นาบุคลิกภาพ

แผนการจัดการเรียนรู้มงุ่ เนน้ สมรรถนะ หน่วยที่ 4 โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้วฏั จกั รการเรยี นรู้ 5 ขัน้ สอนครั้งที่ 5 ชื่อหนว่ ย กระบวนการพฒั นาบคุ ลิกภาพ ชั่วโมงรวม 1-4 จำนวนชวั่ โมง 4 ชอื่ เรอ่ื ง กระบวนการพฒั นาบคุ ลิกภาพ 1. สาระสำคญั การพฒั นาบุคลิกภาพเป็นการปรับปรุงลักษณะทางกาย อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญาให้ดีข้ึน ทำให้ สามารถดำเนนิ กิจกรรมตา่ งๆ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ 2. สมรรถนะประจำหน่วย มีความรแู้ ละเข้าใจความหมายของการพัฒนาบุคลิกภาพ กระบวนการพัฒนาบุคลิกภาพ การพัฒนา ภาพภายนอกและการพฒั นาสุขภาพภายใน 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของการพัฒนาบคุ ลิกภาพ 2. บอกความสำคัญของกระบวนการพฒั นาบุคลิกภาพ 3.2 ดา้ นทกั ษะ 1. นกั เรียนร้กู ารพัฒนาภาพภายนอก 2. นกั เรียนรกู้ ารพฒั นาสุขภาพภายใน 3.3 คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ มีความซ่ือสตั ย์ตอ่ ข้อมลู มีความสามคั คีในกลุ่ม รักษาความสะอาด และมคี วามรับผิดชอบ 4. เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของการพัฒนาบุคลิกภาพ 1.1 ความหมายของการพัฒนาบุคลกิ ภาพ 1.2 บุคลิกภาพของนกั ขาย 2. กระบวนการพัฒนาบคุ ลกิ ภาพ 2.1 กระบวนการพัฒนาบคุ ลิกภาพ กระบวนการพัฒนาบุคลกิ ภาพจะหมนุ เวียนเป็นวงจรอยา่ งไม่สน้ิ สุดประกอบดว้ ย 4 กระบวนการดงั นี้ การวิเคราะห์ตนเอง บุคคลที่ต้องการพัฒนาบุคลิกภาพจะต้องเริมต้นจากการวิเคราะห์ตนเองก่อน เนื่องจาก มนุษย์ทุกคนจะมีนิสัยเข้าข้างตนเองและคิดว่าตนเองไม่มีข้อบกพร่องใดๆ โดยใช้กลยุทธ์การประเมิน สถานการณ์เเวดล้อม (SWOT Analysis) มีองคป์ ระกอบ ดัง้ นี้ 1) จุดแข็ง (Strengths) เป็นการวิเคราะห์ว่าตนเองมีจุดแข็งหรือส่วนดีด้านใดบ้างเกjงทางด้านไหน รวมท้งั ควรหาวธิ กี ารพัฒนาและฝกึ ฝนด้านดตี ลอดเวลา เพ่ือเพม่ิ ศักยภาพใหด้ ขี น้ึ

2) จุดออ่ น (Weaknesses) เป็นการวเิ คราะหข์ อ้ ดอ้ ยว่ามีสงิ ไหนที่ไมถ่ นัด ไม่ชอบ หรอื อาจทำไม่ค่อย ได้ ควรพยายามหาทางเเกไ้ ข ปรับปรุง และพัฒนาจุดอ่อนน้นั 3) โอกาส (Opportunities) เป็นปจั จัยของสภาพแวดลอ้ มภายนอกที่เอ้ืออำนายใหก้ ารทำงานเป็นไป ตามจุดม่งุ หมายท่ีวางไว้ ตลอดจนช่วยสง่ เสริมและพฒั นาตนเองให้มีประสิทธภิ าพทดี่ ยี ิง่ ขน้ึ 4) อุปสรรค (Threats) เป็นปจั จัยภายนอกท่ีส่งผลกระทบต่อเปา้ หมายซ่งึ อุปสรรคนี้อาจทำให้บุคคล ไมส่ ามารถบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ที่วางไวไ้ ด้ 3. การพฒั นาภาพภายนอก 3.1 ความหมายของบุคลิกภาพภายนอก เป็นบุคลิกภาพท่ีสังเกตได้ชัดหรือสัมผัสได้และเป็นส่งิ ท่ี สมั ผสั ไดด้ ้วยประสาทสมั ผสั ทัง้ 5 ไดแ้ ก่รปู รา่ งหน้าตาการแต่งกายกริ ยิ าทา่ ทางและการพูด 3.2 การพฒั นาบุคลิกภาพภายนอก เป็นส่งิ ทสี่ ามารถทำได้งา่ ยและใช้เวลาไม่มากแต่ผู้ปฏิบัติต้อง มีความตง้ั ใจโดยตอ้ งมีการพฒั นาในส่งิ ต่างๆ ดังนี้ 4. การพฒั นาสขุ ภาพภายใน 4.1 ความหมายของบคุ ลกิ ภาพภายใน บคุ ลกิ ภาพภายใน (Internal Personality) เปน็ คณุ สมบัติ ภายในของบุคคลที่เป็นความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ภายในจิตใจ ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้แต่สามารถสัมผัสและ แสดงออกได้ เช่น อารมณก์ ารตดั สินใจ ความรู้ ความสามารถ เป็นต้น 4.2 การปรับปรุงบุคลิกภาพภายใน เป็นการปรับปรุงคุณสมบัติที่มองไม่เห็นและสัมผัสได้ยาก ต้องมีโอกาสทำงานร่วมกันหรืออยู่ด้วยกันนานๆ บุคลิกภาพภายในจึงจะแสดงออกมา การแก้ไขเปลี่ยนแปลง ทำได้ค่อนข้างยาก ใช้เวลานานและประเมินผลยาก การปรับปรุงบุคลิกภาพภายในให้เหมาะสมในด้านต่างๆ มดี ังนี้ 4.2.1 ความสุขภาพ (Courtesy) 4.2.2 ปฏิภาณไหวพริบ (Intuition) 4.2.3 ความรู้ (Knowledge) 4.2.4 ความจำดี (Good Memory) 4.2.5 ความกระตือรือรน้ (Enthusiasm) 4.2.6 ความตนื่ ตวั (Alertly) 4.2.7 ความมคี ุณธรรม (Virtue) 4.2.8 ความแนบเนียน (Tact) 4.2.9 ความยับย้ังชัง่ ใจ (Self-control) 4.2.10 ความจรงิ ใจ (Sincerity) 4.2.11 ความรว่ มมอื (Co-operation) 4.2.12 มอี ารมณข์ ัน (Sense Of Humor) 4.2.13 การตดั สนิ ใจทีด่ ี (Good Decision Maker)

5. กจิ กรรมการเรียนการสอน 5.1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1. ครูชน้ี ำใหน้ ักเรียนเหน็ ถงึ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาบุคลกิ ภาพ ทม่ี ีความเกยี่ วข้อง กบั ชวี ติ ประจำวนั ของเราทุกคน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลุ่มเลอื กหัวหน้ากลมุ่ เพอื่ เป็นตัวแทนในการนำเสนอหนา้ ชั้นเรียน 5.2 ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาที) 1. ครูบอกความรพู้ น้ื ฐานเก่ยี วกบั กระบวนการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถึงกระบวนการพัฒนาบุคลิกภาพ โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเองเป็นรายบุคคล ซึ่งผ้สู อนจะสมุ่ เรยี กช่ือขนึ้ มา 5.3 ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (30 นาท)ี 3. ครูสรุปความหมายของ “กระบวนการพัฒนาบุคลกิ ภาพ” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลงสมดุ เพอ่ื ส่งใหค้ รูตรวจ 4. ให้ผู้เรียนที่จัดกลุ่มไว้แล้วแต่ละกลุ่มร่วมอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของ กระบวนการพฒั นาบคุ ลิกภาพ พรอ้ มปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใน การดำเนนิ ชวี ติ โดยส่งตัวแทนกกลุ่มออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น 5. ครูสรุปประเด็นท่ผี ้เู รียนอภปิ รายเพม่ิ เตมิ ในส่วนท่ีผเู้ รยี นยงั ไมก่ ล่าวถึงและใหผ้ ู้เรียนบันทึกลง สมดุ เพื่อส่งใหค้ รูตรวจ 5.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครูซกั ถามเพ่ิมเติม 5.5 ข้ันประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาที) 15) นักเรียนทำใบงาน 16) นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น 6. ส่อื การเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้ 6.1 ส่ือส่ิงพิมพ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกิจกรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรียน 5. แบบทดสอบหลังเรียน 6.2 สอ่ื โสตทัศน์ (ถ้ามี) PowerPoint สรปุ เนอ้ื หากระบวนการพฒั นาบุคลิกภาพ

แผนการจัดการเรยี นร้มู ุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 5 โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรวู้ ัฏจกั รการเรียนรู้ 5 ขัน้ สอนครง้ั ที่ 6 ชื่อหนว่ ย หลกั การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพนกั ขาย ชว่ั โมงรวม 1-4 จำนวนชั่วโมง 4 ชอื่ เร่ือง หลักการพฒั นาบุคลกิ ภาพนักขาย 1. สาระสำคัญ นกั ขาย (Salesperson) เป็นบคุ คลท่ที ำหนา้ ทแ่ี ละรับผิดชอบในการติดต่อแสวงหาลกู คา้ ทำการเสนอ ขาย ตลอดจนให้คำแนะนำปรึกษารวมทั้งให้บริการก่อนและหลังการขาย เพื่อโน้มน้าวใจและกระตุ้นให้ลูกค้า เกิดความต้งั ใจและตดั สนิ ใจซื้อ 2. สมรรถนะประจำหนว่ ย มคี วามรแู้ ละเข้าใจความหมายของนักขายและบุคลิกภาพนักขาย หลกั และวธิ เี สรมิ สรา้ งบุคลิกภาพน ขาย แนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย ประโยชน์ในการพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย และอุปสรรคในการ พัฒนาบคุ ลกิ ภาพนกั ขาย 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของนกั ขายและบคุ ลิกภาพนกั ขาย 2. บอกหลกั และวธิ เี สรมิ สรา้ งบุคลกิ ภาพนขาย 3.2 ด้านทักษะ 1. นกั เรียนรู้แนวทางการพฒั นาบุคลกิ ภาพนกั ขาย 2. นักเรียนรปู้ ระโยชนใ์ นการพัฒนาบุคลิกภาพนขาย 3. นกั เรียนรู้อุปสรรคในการพัฒนาบุคลกิ ภาพนกั ขาย 3.3 คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ มคี วามซ่ือสัตย์ต่อขอ้ มูล มคี วามสามัคคีในกลมุ่ รักษาความสะอาด และมีความรบั ผดิ ชอบ 4. เน้ือหาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของนกั ขายและบคุ ลกิ ภาพนกั ขาย 2. หลกั และวิธเี สรมิ สรา้ งบุคลกิ ภาพนขาย 3. แนวทางการพฒั นาบุคลิกภาพนกั ขาย 4. ประโยชนใ์ นการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพนขาย 5. อปุ สรรคในการพฒั นาบุคลกิ ภาพนักขาย

5. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 5.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1. ครูชี้นำให้นักเรียนเห็นถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักการพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย ที่มีความ เกย่ี วข้องกบั ชีวติ ประจำวนั ของเราทุกคน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลุ่มเลือกหัวหนา้ กลุ่มเพอ่ื เปน็ ตัวแทนในการนำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น 5.2 ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาที) 1. ครบู อกความรูพ้ ้ืนฐานเกี่ยวกับหลกั การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพนกั ขาย พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถงึ หลักการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพนักขาย โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเองเปน็ รายบคุ คล ซงึ่ ผู้สอนจะสุ่มเรียกช่อื ข้นึ มา 5.3 ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (30 นาที) 3. ครูสรุปความหมายของ “หลักการพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลง สมุด เพื่อส่งให้ครตู รวจ 4. ใหผ้ เู้ รียนที่จดั กลมุ่ ไว้แล้วแตล่ ะกล่มุ รว่ มอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของหลักการพัฒนา บุคลิกภาพนักขาย พร้อมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนิน ชีวิต โดยส่งตัวแทนกกล่มุ ออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรียน 5. ครสู รปุ ประเด็นทีผ่ ู้เรียนอภปิ รายเพม่ิ เตมิ ในสว่ นท่ผี เู้ รียนยงั ไมก่ ล่าวถึงและใหผ้ ูเ้ รยี นบันทึกลง สมดุ เพอ่ื ส่งใหค้ รูตรวจ 5.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที) 1. ครซู ักถามเพมิ่ เติม 5.5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) (30 นาท)ี 15) นักเรียนทำใบงาน 16) นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน 6. ส่ือการเรยี นร้/ู แหลง่ การเรียนรู้ 6.1 สือ่ สิ่งพิมพ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกจิ กรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรียน 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 6.2 ส่อื โสตทศั น์ (ถา้ ม)ี PowerPoint สรุปเน้ือหาหลกั การพัฒนาบคุ ลิกภาพนกั ขาย

แผนการจัดการเรียนร้มู ุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 5 โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรวู้ ัฏจกั รการเรียนรู้ 5 ขัน้ สอนครง้ั ท่ี 7 ชื่อหน่วย หลกั การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพนกั ขาย ชว่ั โมงรวม 1-4 จำนวนชั่วโมง 4 ชอื่ เร่ือง หลักการพฒั นาบุคลกิ ภาพนักขาย 1. สาระสำคัญ นกั ขาย (Salesperson) เป็นบคุ คลท่ที ำหนา้ ทแ่ี ละรับผิดชอบในการติดต่อแสวงหาลูกคา้ ทำการเสนอ ขาย ตลอดจนให้คำแนะนำปรึกษารวมทั้งให้บริการก่อนและหลังการขาย เพื่อโน้มน้าวใจและกระตุ้นให้ลูกค้า เกิดความต้งั ใจและตดั สนิ ใจซื้อ 2. สมรรถนะประจำหนว่ ย มคี วามรแู้ ละเขา้ ใจความหมายของนักขายและบุคลิกภาพนักขาย หลกั และวิธเี สรมิ สรา้ งบุคลิกภาพน ขาย แนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย ประโยชน์ในการพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย และอุปสรรคในการ พัฒนาบคุ ลิกภาพนกั ขาย 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของนกั ขายและบคุ ลิกภาพนักขาย 2. บอกหลกั และวธิ เี สรมิ สรา้ งบุคลกิ ภาพนขาย 3.2 ด้านทักษะ 1. นกั เรียนรแู้ นวทางการพฒั นาบุคลกิ ภาพนกั ขาย 2. นักเรียนร้ปู ระโยชนใ์ นการพฒั นาบุคลกิ ภาพนขาย 3. นกั เรียนรู้อุปสรรคในการพัฒนาบุคลกิ ภาพนักขาย 3.3 คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ มคี วามซ่อื สตั ย์ต่อขอ้ มูล มคี วามสามัคคใี นกลมุ่ รักษาความสะอาด และมีความรบั ผดิ ชอบ 4. เนื้อหาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของนกั ขายและบคุ ลกิ ภาพนักขาย 2. หลกั และวธิ ีเสริมสรา้ งบุคลกิ ภาพนขาย 3. แนวทางการพัฒนาบุคลิกภาพนกั ขาย 4. ประโยชนใ์ นการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพนขาย 5. อปุ สรรคในการพฒั นาบุคลกิ ภาพนักขาย

5. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 5.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1. ครูชี้นำให้นักเรียนเห็นถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักการพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย ที่มีความ เกย่ี วข้องกบั ชีวติ ประจำวนั ของเราทุกคน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลุ่มเลือกหัวหนา้ กลุ่มเพอ่ื เปน็ ตัวแทนในการนำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น 5.2 ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาที) 1. ครบู อกความรูพ้ ้ืนฐานเกี่ยวกับหลกั การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพนกั ขาย พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถงึ หลักการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพนักขาย โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเองเปน็ รายบคุ คล ซงึ่ ผู้สอนจะสุ่มเรียกช่อื ข้นึ มา 5.3 ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (30 นาที) 3. ครูสรุปความหมายของ “หลักการพัฒนาบุคลิกภาพนักขาย” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลง สมุด เพื่อส่งให้ครตู รวจ 4. ใหผ้ เู้ รียนที่จดั กลมุ่ ไว้แล้วแตล่ ะกล่มุ รว่ มอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของหลักการพัฒนา บุคลิกภาพนักขาย พร้อมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนิน ชีวิต โดยส่งตัวแทนกกล่มุ ออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรียน 5. ครสู รปุ ประเด็นทีผ่ ู้เรียนอภปิ รายเพม่ิ เตมิ ในสว่ นท่ผี เู้ รียนยงั ไมก่ ล่าวถึงและใหผ้ ูเ้ รยี นบันทึกลง สมดุ เพอ่ื ส่งใหค้ รูตรวจ 5.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที) 1. ครซู ักถามเพมิ่ เติม 5.5 ขั้นประเมินผล (Evaluation) (30 นาท)ี 15) นักเรียนทำใบงาน 16) นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน 6. ส่ือการเรยี นร้/ู แหลง่ การเรียนรู้ 6.1 สือ่ สิ่งพิมพ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกจิ กรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรียน 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 6.2 ส่อื โสตทศั น์ (ถา้ ม)ี PowerPoint สรุปเน้ือหาหลกั การพัฒนาบคุ ลิกภาพนกั ขาย

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หน่วยท่ี 6 โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรวู้ ฏั จกั รการเรียนรู้ 5 ข้นั สอนครั้งท่ี 8 ชอ่ื หน่วย ศิลปะการพูด ชั่วโมงรวม 1-4 จำนวนชวั่ โมง 4 ชือ่ เร่ือง ศลิ ปะการพดู 1. สาระสำคัญ การพูดเป็นกระบวนการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดความรู้ ความคิด และความรู้สึกต่างๆ จากผู้พูดไปยัง ผู้ฟัง ด้วยการใชถ้ อ้ ยคำ น้ำเสียงและกิริยาอาการ เพือ่ สอื่ สารใหเ้ ข้าใจตรงตามจดุ มุง่ หมายของการพดู 2. สมรรถนะประจำหน่วย มีความรู้และเข้าใจความหมายของการพูด จุดมุ่งหมายของการพูด องค์ประกอบของการพูด บคุ ลกิ ภาพกับการพดู และศลิ ปะการพูดของนักขาย 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของการพูด 2. บอกจุดมุ่งหมายของการพูด 3. องคป์ ระกอบของการพูดบุคลกิ ภาพกับการพดู 3.2 ด้านทกั ษะ 1. นักเรยี นรศู้ ิลปะการพูดของนักขาย 3.3 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ มีความซือ่ สัตยต์ อ่ ข้อมลู มคี วามสามคั คใี นกลมุ่ รักษาความสะอาด และมีความรบั ผดิ ชอบ 4. เนือ้ หาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของการพูด 2. จุดมงุ่ หมายของการพูด 3. องค์ประกอบของการพดู บุคลิกภาพกับการพดู 4. ศิลปะการพดู ของนกั ขาย 5. กิจกรรมการเรยี นการสอน 5.1 ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1. ครูชี้นำให้นักเรียนเห็นถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ ศิลปะการพูด ที่มีความเกี่ยวข้องกับ ชีวติ ประจำวันของเราทกุ คน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลมุ่ เลอื กหวั หน้ากลุ่มเพอื่ เป็นตวั แทนในการนำเสนอหน้าชั้นเรยี น

5.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาท)ี 1. ครบู อกความรู้พื้นฐานเกยี่ วกบั ศลิ ปะการพูด พร้อมยกตวั อย่างประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถึงศิลปะการพูด โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเองเป็น รายบุคคล ซงึ่ ผู้สอนจะสุม่ เรยี กชื่อข้ึนมา 5.3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (30 นาท)ี 3. ครูสรุปความหมายของ “ศิลปะการพูด” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลงสมุด เพื่อส่งให้ครู ตรวจ 4. ให้ผู้เรียนที่จัดกลุ่มไว้แล้วแต่ละกลุ่มร่วมอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของศิลปะการพูด พร้อมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต โดยส่งตัวแทน กล่มุ ออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 5. ครสู รปุ ประเด็นทีผ่ ู้เรียนอภิปรายเพิ่มเติมในส่วนทผี่ เู้ รียนยงั ไมก่ ล่าวถึงและใหผ้ ้เู รยี นบันทึกลง สมดุ เพอื่ ส่งให้ครตู รวจ 5.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครซู กั ถามเพ่มิ เตมิ 5.5 ขั้นประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาท)ี 15) นักเรยี นทำใบงาน 16) นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 6. ส่อื การเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สือ่ สิ่งพมิ พ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกิจกรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรียน 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 6.2 ส่ือโสตทัศน์ (ถา้ มี) PowerPoint สรุปเน้อื หา ศลิ ปะการพดู

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หน่วยท่ี 6 โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรวู้ ฏั จกั รการเรียนรู้ 5 ข้นั สอนครั้งท่ี 9 ชอ่ื หน่วย ศิลปะการพูด ชั่วโมงรวม 1-4 จำนวนชวั่ โมง 4 ชือ่ เร่ือง ศลิ ปะการพดู 1. สาระสำคัญ การพูดเป็นกระบวนการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดความรู้ ความคิด และความรู้สึกต่างๆ จากผู้พูดไปยัง ผู้ฟัง ด้วยการใชถ้ อ้ ยคำ น้ำเสียงและกิริยาอาการ เพือ่ สอื่ สารใหเ้ ข้าใจตรงตามจดุ มุง่ หมายของการพดู 2. สมรรถนะประจำหน่วย มีความรู้และเข้าใจความหมายของการพูด จุดมุ่งหมายของการพูด องค์ประกอบของการพูด บคุ ลกิ ภาพกับการพดู และศลิ ปะการพูดของนักขาย 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของการพูด 2. บอกจุดมุ่งหมายของการพูด 3. องคป์ ระกอบของการพูดบุคลกิ ภาพกับการพดู 3.2 ด้านทกั ษะ 1. นักเรยี นรศู้ ิลปะการพูดของนักขาย 3.3 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ มีความซือ่ สัตยต์ อ่ ข้อมลู มคี วามสามคั คใี นกลมุ่ รักษาความสะอาด และมีความรบั ผดิ ชอบ 4. เนือ้ หาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของการพูด 2. จุดมงุ่ หมายของการพูด 3. องค์ประกอบของการพดู บุคลิกภาพกับการพดู 4. ศิลปะการพดู ของนกั ขาย 5. กิจกรรมการเรยี นการสอน 5.1 ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1. ครูชี้นำให้นักเรียนเห็นถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ ศิลปะการพูด ที่มีความเกี่ยวข้องกับ ชีวติ ประจำวันของเราทกุ คน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลมุ่ เลอื กหวั หน้ากลุ่มเพอื่ เป็นตวั แทนในการนำเสนอหน้าชัน้ เรยี น

5.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาท)ี 1. ครบู อกความรู้พื้นฐานเกยี่ วกบั ศลิ ปะการพดู พร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถึงศิลปะการพูด โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเองเป็น รายบุคคล ซงึ่ ผู้สอนจะสุม่ เรยี กชื่อข้ึนมา 5.3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (30 นาที) 3. ครูสรุปความหมายของ “ศิลปะการพูด” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลงสมุด เพื่อส่งให้ครู ตรวจ 4. ให้ผู้เรียนที่จัดกลุ่มไว้แล้วแต่ละกลุ่มร่วมอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของศิลปะการพูด พร้อมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต โดยส่งตัวแทน กล่มุ ออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 5. ครสู รปุ ประเด็นทีผ่ ู้เรียนอภิปรายเพ่มิ เตมิ ในสว่ นที่ผู้เรยี นยังไม่กล่าวถึงและให้ผเู้ รยี นบันทึกลง สมดุ เพอื่ ส่งให้ครตู รวจ 5.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครซู กั ถามเพ่มิ เตมิ 5.5 ขั้นประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาท)ี 15) นักเรยี นทำใบงาน 16) นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 6. ส่อื การเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สือ่ สิ่งพมิ พ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกิจกรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรียน 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 6.2 ส่ือโสตทัศน์ (ถา้ มี) PowerPoint สรุปเน้อื หา ศลิ ปะการพดู

แผนการจัดการเรยี นรู้ม่งุ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ 6 โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความร้วู ฏั จักรการเรียนรู้ 5 ขน้ั สอนคร้งั ท่ี 10 ชือ่ หน่วย ศลิ ปะการพดู ชั่วโมงรวม 1-4 จำนวนช่วั โมง 4 ชอ่ื เร่ือง ศิลปะการพดู 1. สาระสำคัญ การพูดเป็นกระบวนการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดความรู้ ความคิด และความรู้สึกต่างๆ จากผู้พูดไปยัง ผฟู้ งั ดว้ ยการใชถ้ อ้ ยคำ น้ำเสยี งและกริ ิยาอาการ เพอ่ื สอื่ สารให้เข้าใจตรงตามจุดมุ่งหมายของการพดู 2. สมรรถนะประจำหนว่ ย มีความรู้และเข้าใจความหมายของการพูด จุดมุ่งหมายของการพูด องค์ประกอบของการพูด บคุ ลิกภาพกับการพดู และศลิ ปะการพูดของนกั ขาย 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของการพูด 2. บอกจดุ มุ่งหมายของการพดู 3. องค์ประกอบของการพดู บุคลิกภาพกับการพดู 3.2 ด้านทักษะ 1. นกั เรยี นร้ศู ลิ ปะการพูดของนกั ขาย 3.3 คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ มีความซอ่ื สัตย์ตอ่ ขอ้ มูล มีความสามคั คีในกลุ่ม รกั ษาความสะอาด และมคี วามรบั ผิดชอบ 4. เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของการพดู 2. จดุ มุ่งหมายของการพูด 3. องคป์ ระกอบของการพูดบุคลกิ ภาพกับการพูด 4. ศิลปะการพูดของนักขาย 5. กิจกรรมการเรียนการสอน 5.1 ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1. ครูชี้นำให้นักเรียนเห็นถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ ศิลปะการพูด ที่มีความเก่ียวข้องกับ ชีวติ ประจำวันของเราทุกคน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลมุ่ เลือกหัวหน้ากลุ่มเพ่อื เป็นตัวแทนในการนำเสนอหน้าชน้ั เรียน

5.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาท)ี 1. ครบู อกความรู้พื้นฐานเกยี่ วกบั ศลิ ปะการพดู พร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถึงศิลปะการพูด โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเองเป็น รายบุคคล ซงึ่ ผู้สอนจะสุม่ เรยี กชื่อข้ึนมา 5.3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (30 นาที) 3. ครูสรุปความหมายของ “ศิลปะการพูด” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลงสมุด เพื่อส่งให้ครู ตรวจ 4. ให้ผู้เรียนที่จัดกลุ่มไว้แล้วแต่ละกลุ่มร่วมอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของศิลปะการพูด พร้อมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต โดยส่งตัวแทน กล่มุ ออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 5. ครสู รปุ ประเด็นทีผ่ ู้เรียนอภิปรายเพ่มิ เตมิ ในสว่ นที่ผู้เรยี นยังไม่กล่าวถึงและให้ผเู้ รยี นบันทึกลง สมดุ เพอื่ ส่งให้ครตู รวจ 5.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครซู กั ถามเพ่มิ เตมิ 5.5 ขั้นประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาท)ี 15) นักเรยี นทำใบงาน 16) นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 6. ส่อื การเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สือ่ สิ่งพมิ พ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกิจกรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรียน 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 6.2 ส่ือโสตทัศน์ (ถา้ มี) PowerPoint สรุปเน้อื หา ศลิ ปะการพดู

แผนการจัดการเรยี นรู้ม่งุ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ 6 โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความร้วู ฏั จักรการเรียนรู้ 5 ขน้ั สอนคร้งั ท่ี 11 ชือ่ หน่วย ศลิ ปะการพดู ชั่วโมงรวม 1-4 จำนวนช่วั โมง 4 ชอ่ื เร่ือง ศิลปะการพดู 1. สาระสำคัญ การพูดเป็นกระบวนการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดความรู้ ความคิด และความรู้สึกต่างๆ จากผู้พูดไปยัง ผฟู้ งั ดว้ ยการใชถ้ อ้ ยคำ น้ำเสยี งและกริ ิยาอาการ เพอ่ื สอื่ สารให้เข้าใจตรงตามจุดมุ่งหมายของการพดู 2. สมรรถนะประจำหนว่ ย มีความรู้และเข้าใจความหมายของการพูด จุดมุ่งหมายของการพูด องค์ประกอบของการพูด บคุ ลิกภาพกับการพดู และศลิ ปะการพูดของนกั ขาย 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของการพูด 2. บอกจดุ มุ่งหมายของการพดู 3. องค์ประกอบของการพดู บุคลิกภาพกับการพดู 3.2 ด้านทักษะ 1. นกั เรยี นร้ศู ลิ ปะการพูดของนกั ขาย 3.3 คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ มีความซอ่ื สัตย์ตอ่ ขอ้ มูล มีความสามคั คีในกลุ่ม รกั ษาความสะอาด และมคี วามรบั ผิดชอบ 4. เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของการพดู 2. จดุ มุ่งหมายของการพูด 3. องคป์ ระกอบของการพูดบุคลกิ ภาพกับการพูด 4. ศิลปะการพูดของนักขาย 5. กิจกรรมการเรียนการสอน 5.1 ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (20 นาที) 1. ครูชี้นำให้นักเรียนเห็นถึงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ ศิลปะการพูด ที่มีความเก่ียวข้องกับ ชีวติ ประจำวันของเราทุกคน 2. ครูชี้แจงเรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6-7 คน และให้แต่ ละกลมุ่ เลือกหัวหน้ากลุ่มเพ่อื เป็นตัวแทนในการนำเสนอหน้าชน้ั เรียน

5.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาท)ี 1. ครบู อกความรู้พื้นฐานเกยี่ วกบั ศลิ ปะการพดู พร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ 2. ครูซักถามนักเรียนถึงศิลปะการพูด โดยให้นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเองเป็น รายบุคคล ซงึ่ ผู้สอนจะสุม่ เรยี กชื่อข้ึนมา 5.3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (30 นาที) 3. ครูสรุปความหมายของ “ศิลปะการพูด” ที่ถูกต้อง ให้ผู้เรียนบันทึกลงสมุด เพื่อส่งให้ครู ตรวจ 4. ให้ผู้เรียนที่จัดกลุ่มไว้แล้วแต่ละกลุ่มร่วมอภิปรายกลุ่มย่อยถึงความสำคัญของศิลปะการพูด พร้อมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต โดยส่งตัวแทน กล่มุ ออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น 5. ครสู รปุ ประเด็นทีผ่ ู้เรียนอภิปรายเพ่มิ เตมิ ในสว่ นที่ผู้เรยี นยังไม่กล่าวถึงและให้ผเู้ รยี นบันทึกลง สมดุ เพอื่ ส่งให้ครตู รวจ 5.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 1. ครซู กั ถามเพ่มิ เตมิ 5.5 ขั้นประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาท)ี 15) นักเรยี นทำใบงาน 16) นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 6. ส่อื การเรียนร/ู้ แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สือ่ สิ่งพมิ พ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกิจกรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบก่อนเรียน 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 6.2 ส่ือโสตทัศน์ (ถา้ มี) PowerPoint สรุปเน้อื หา ศลิ ปะการพดู

แผนการจดั การเรียนรู้มุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 6 โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรวู้ ัฏจักรการเรยี นรู้ 5 ข้นั สอนครัง้ ท่ี 12 ช่ือหนว่ ย ศิลปะการพูด ช่วั โมงรวม 1-4 จำนวนชั่วโมง 4 ชอ่ื เรื่อง ศิลปะการพดู 1. สาระสำคญั การพูดเป็นกระบวนการสื่อสารเพื่อถ่ายทอดความรู้ ความคิด และความรู้สึกต่างๆ จากผู้พูดไปยัง ผู้ฟัง ด้วยการใช้ถอ้ ยคำ น้ำเสยี งและกิรยิ าอาการ เพอื่ ส่ือสารใหเ้ ข้าใจตรงตามจดุ ม่งุ หมายของการพูด 2. สมรรถนะประจำหน่วย มีความรู้และเข้าใจความหมายของการพูด จุดมุ่งหมายของการพูด องค์ประกอบของการพูด บคุ ลกิ ภาพกับการพดู และศิลปะการพดู ของนกั ขาย 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ด้านความรู้ 1. ความหมายของการพูด 2. บอกจุดมงุ่ หมายของการพดู 3. องคป์ ระกอบของการพดู บุคลิกภาพกับการพูด 3.2 ดา้ นทกั ษะ 1. นักเรียนรศู้ ิลปะการพูดของนกั ขาย 3.3 คุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ มคี วามซื่อสัตย์ต่อขอ้ มลู มีความสามคั คีในกล่มุ รกั ษาความสะอาด และมคี วามรบั ผิดชอบ 4. เน้อื หาสาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของการพดู 2. จดุ ม่งุ หมายของการพูด 3. องค์ประกอบของการพดู บุคลิกภาพกบั การพูด 4. ศลิ ปะการพูดของนักขาย 5. กจิ กรรมการเรยี นการสอน 5.1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (20 นาท)ี 1) ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มๆ ละ 5 – 6 คน คละนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน นักเรียนใน กลมุ่ รว่ มกันกำหนดหน้าที่ของสมาชิกให้เหมาะสมกับความสามารถ 2) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายเพ่ือทบทวนเกยี่ วกบั ศิลปะการพดู เพือ่ เชื่อมโยงความรู้เดิม กับเนอ้ื หาใหม่ โดยครูยกตวั อย่างผลติ ภณั ฑ์ให้รว่ มกันวเิ คราะห์ ดว้ ยคำถามต่อไปน้ี - ถา้ นกั เรยี นจะขายสินค้าในชวี ิต นักเรียนจะขายสนิ ค้าอะไรที่จำเป็นทีส่ ุดคะ

3) ครูใช้คำถามกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนรู้เป้าหมายการเรยี น โดยใชค้ ำถามต่อไปน้ี - นักเรียนจะทราบได้อย่างไรว่าสินค้านั้นๆมีความสำคัญและคุ้มค่ากับที่เราซื้อไป ตามท่ี นักเรียนกลา่ วมา และสินคา้ น้นั ๆสามารถนำมาเปน็ ศลิ ปะการพดู ได้หรือไม่ - นักเรียนคิดว่า วิธีการทดสอบการนำเสนอโดยใช้ศิลปะการพูดได้ถูกต้อง จะมีประโยชน์ ตอ่ นกั เรยี นอย่างไร 5.2 ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (60 นาท)ี 4) นักเรียนแตล่ ะคนศกึ ษาใบกิจกรรม 5) ครูตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรียน ที่ได้จากการศึกษาใบกิจกรรมก่อนที่จะ ปฏิบัติการทดสอบการนำเสนอโดยใช้ศิลปะการพูด โดยให้นักเรียนร่วมกันอธิบายวิธีการทดสอบการนำเสนอ โดยใช้ศลิ ปะการพดู ดว้ ยคำถามต่อไปนี้ - จากการศึกษาใบกจิ กรรม - มวี ิธกี ารทดสอบอย่างไร - สงั เกตผลการทดสอบได้อยา่ งไร 6) ครูชี้แจงแนวทางการปฏิบัติกจิ กรรม ข้อควรระวังตามเงือ่ นไขทีก่ ำหนดในใบกิจกรรม โดยใช้ คำถามต่อไปนี้ - นักเรียนวางแผนแบ่งหน้าที่การทำงานภายในกลุ่มอย่างไรให้เหมาะสมกับความต้องการ ของสมาชกิ และให้งานสำเรจ็ ตามเป้าหมายทันเวลาทีก่ ำหนด - การปฏิบัติกิจกรรมให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายจากกลุ่มนักเรียนจะต้องปฏิบัติตน อย่างไร - การบันทึกผลการทดลองตามผลการทดลองที่ได้ โดยไม่ลอกผลการทดลองของกลุ่มอ่ืน จะสง่ ผลดอี ย่างไร 7) ให้นักเรียนวางแผนการทำงานและร่วมกันอภิปรายถึงการมีส่วนร่วมภายในกลุ่มที่จะทำให้ งานทไี่ ด้รบั มอบหมายประสบความสำเรจ็ ตามเวลาทก่ี ำหนด 8) นักเรียนทุกกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมการตรวจสอบหาการนำเสนอโดยใช้ศิลปะการพูดมาใช้ โดยครแู นะนำชว่ ยเหลือเมอ่ื เกดิ ปัญหา และสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ของนกั เรียน 5.3 ข้นั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (30 นาท)ี 9) นักเรียนร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่มเกี่ยวกับผลการทดลองที่ได้สรุปผล และบันทึกผลการ ทดลอง 10) สุ่มตัวแทนนักเรียน นำเสนอผลการทดลองหน้าชั้นเรียน จำนวน 4 กลุ่ม กลุ่มละ 5 นาที โดยนกั เรยี นแต่ละกลุ่มตอ้ งวางแผนและออกแบบวธิ กี ารนำเสนอในเวลาท่ีกำหนด 11) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ โดยใชค้ ำถามตอ่ ไปนี้ - การนำเสนอโดยใช้ศิลปะการพูดมีวิธีการทดสอบอย่างไร และจะสังเกตผลการทดลอง อยา่ งไร

5.4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาท)ี 12) ครูซักถามเพิ่มเติมเกี่ยวกบั การนำเสนอโดยใช้ศิลปะการพูดจะสามารถนำมาทดสอบในใช้ ชวี ิตได้หรือไมแ่ ละใหต้ ัวแทนนกั เรยี นออกมาสาธติ ใหเ้ พื่อนดู 13) นักเรยี นศึกษาใบความรู้ 14) นักเรยี นศึกษาใบกจิ กรรม 5.5 ขั้นประเมนิ ผล (Evaluation) (30 นาที) 15) นักเรยี นทำใบงาน 16) นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 6. ส่ือการเรยี นรู้/แหลง่ การเรียนรู้ 6.1 สอ่ื สิ่งพมิ พ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบกจิ กรรม 3. ใบงาน 4. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 5. แบบทดสอบหลังเรียน 6.2 สือ่ โสตทศั น์ (ถา้ ม)ี PowerPoint สรปุ เนื้อหาศิลปะการพดู 6.3 อุปกรณก์ ารทดลอง ชุดตรวจสอบการใชห้ ลัก การนำเสนอโดยใช้ศลิ ปะการพดู 7. การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กับวชิ าอืน่ 7.1 การบูรณาการสะเต็มศกึ ษา S: Science T: Technology E: Engineering M: Mathematics • การนำเสนอ • ใช้อินเทอร์เน็ตสบื คน้ ใช้กระบวนการออกแบบ • ก า ร ค ำ น ว ณ ก า ร โดยใช้ศลิ ปะ การพูด ขอ้ มลู เชิงวศิ วกรรม 6 ข้นั ในการ น ำ เ ส น อ โ ด ย ใ ช้ • หลกั การใช้ • ใชเ้ ทคโนโลยี ออกแบบการนำเสนอโดย ศิลปะการพูด กระบวนการการ นำเสนอโดยใช้ศลิ ปะ ออกแบบส่อื โฆษณา ใช้ศิลปะการพดู • การคำนวณปริมาณ การพดู ผลิตภัณฑ์ โดยใช้การ 1. ระบุปัญหา (ใช้ส่อื อะไร) ของวัสดุ อุปกรณ์ นำเสนอโดยใช้ศลิ ปะ 2. รวบรวมข้อมูล (วิธีการ สื่อ ที่ใช้ตัวอย่าง การพดู การนำเสนอโดยใช้ศิลปะ เพอ่ื ใช้ทดลอง • ใช้เทคโนโลยีในการ การพดู ) • การออกแบบตาราง นำเสนอผลงาน 3. อ อ ก แ บ บ ว ิ ธ ี ก า ร เพื่อบันทึกผลการ แก้ปัญหา (ระดมความคิด ทดลอง เพื่อหาวิธีการคำนวณ

ปริมาณของวัสดุ อุปกรณ์ • การวัดปริมาณ สื่อ ที่ใช้ตัวอย่าง เพื่อใช้ วัตถุดิบที่ใช้ในการ การนำเสนอโดยใช้ศิลปะ ทดลอง การพูด) 4. วางแผนและดำเนินการ แก้ปัญหา (วิเคราะห์การ นำเสนอโดยใช้ศิลปะการ พดู 5. ทดสอบและ ประเมนิ ผล (นำข้อมูลที่ วเิ คราะห์ และคำนวณมา ตรวจสอบความถูกตอ้ ง หรือปรกึ ษาผู้เชี่ยวชาญ 6. เสนอผลงานจัดทำส่ือ นำเสนอผลงานหนา้ ชน้ั 8. การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งส่กู ารจดั การเรยี นรู้ 8.1 ผูส้ อน ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ตอ่ ไปน้ี 3 หว่ ง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในตัว ประเด็น เนื้อหา - เนื้อหาวิธีการทดสอบใช้หลัก การ - ต้องการให้ผู้เรียนรู้วิธีการทดสอบ - สรปุ เน้อื หาใหอ้ า่ นเขา้ ใจงา่ ย - การตรวจสอบโดย นำเสนอโดยใช้ศิลปะการพูด สอดคล้องกบั หาการนำเสนอโดยใช้ศิลปะการพูด มีภาพประกอบเนื้อหา ใชห้ ลกั การนำเสนอ สมรรถนะ ตัวชี้วัด เหมาะสมกับเวลาที่ และนำไปปรับใชใ้ นชวี ิตประจำวัน - เรียงเนื้อหาตามลำดับการ โดยใช้ศิลปะการพูด กำหนดและวัย เรยี นรู้ ของผู้เรียน - จัดการเรยี นรไู้ ด้ครบถ้วนตามที่ เวลา - กำหนดเวลาในแตล่ ะกจิ กรรมเหมาะสม ออกแบบไว้ - กำหนดเวลาในแตล่ ะกิจกรรม 3 ชวั่ โมง กบั กจิ กรรม และวยั ของผเู้ รยี น ไว้เกนิ จรงิ เล็กนอ้ ยเพอื่ รองรับ - ตอ้ งการให้ผเู้ รยี นปฏิบตั ิกจิ กรรม การเปลย่ี นแปลงที่อาจเกดิ การจัดกจิ กรรม - แบ่งกลุ่มผเู้ รยี นให้พอดกี บั จำนวน อย่างทวั่ ถงึ ตามความสามารถ ระหวา่ งจัดกจิ กรรม นักเรียน - เพอ่ื ตอ้ งการใหผ้ เู้ รยี นเกิดการ - แบง่ กลมุ่ คละความสามารถ - กำหนดกจิ กรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับ เรยี นรตู้ ามเปา้ หมายทก่ี ำหนด ของนกั เรียน เวลาทีก่ ำหนด - ผู้เรียนนำความรไู้ ปประยกุ ต์ใชก้ บั - เตรยี มชดุ คำถามใหพ้ ร้อม - มอบหมายภาระงานและช้นิ งาน ภาระงานได้ ตามลำดบั กจิ กรรมการเรยี น เหมาะสมกับความสามารถผู้เรียนและ - สงั เกตพฤติกรรมและให้ความ สอดคลอ้ งกบั เปา้ หมายการเรยี นรู้ ชว่ ยเหลอื เม่ือนกั เรียนมปี ญั หา

สอ่ื /อุปกรณ์ - จำนวนใบความรู้ ใบงานและวัสดุ - ต้องการให้นักเรียนได้ปฏิบัติ - เตรียมสื่ออุปกรณ์ให้พร้อม อุปกรณ์ เหมาะสมกับกิจกรรม และ กิจกรรมได้จริงตามจุดประสงค์การ กอ่ นการจดั กจิ กรรม ปริมาณเพียงพอกับจำนวนนักเรียน เรยี นรู้ท่ีกำหนดไว้ - มีลำดับขั้นตอนการใช้สื่อและ จดั เก็บอย่างเปน็ ระบบ - มีความชำนาญในการใช้สื่อ อุปกรณ์ แหล่งเรยี นร/ู้ - ห้องปฏิบัติการตลาดเหมาะสมกับ - ต้องการให้นักเรยี นใช้วสั ดุอปุ กรณ์ - เตรียมห้องปฏิบัตกิ ารใหพ้ รอ้ ม ฐานการเรยี นรู้ กจิ กรรมท่ีกำหนด ทม่ี ีความพรอ้ มในห้องปฏิบตั กิ าร มา ก่อนการทดลอง ปฏิบตั ิการทดลองตามตวั ชีว้ ดั การประเมินผล - จัดทำแบบประเมินผลงานและประเมิน - ต้องการประเมินผลการเรียนรู้ตาม -วางแผนการวัด/ประเมินผล พฤติกรรมได้เหมาะสมกับเป้าหมายการ เป้าหมายทก่ี ำหนด ตามขนั้ ตอนของกิจกรรม เรยี นรู้ - แ บ บ ป ร ะ เ ม ิ น ผ ล ม ี ก า ร ตรวจสอบความเที่ยงตรงในการ วดั ตามตวั ชว้ี ัด เงือ่ นไขความร้ทู ี่ครูต้องมีกอ่ นสอน 1. การนำเสนอโดยใช้ศลิ ปะการพูด 2. การใช้อปุ กรณ์ วัตถดุ บิ สื่อประกอบ 3. หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 4. จติ วทิ ยาในการสอน เงอ่ื นไขคุณธรรมของครู 1. มคี วามรักเมตตาศิษย์ 3. มีความยตุ ิธรรม 2. มีความรบั ผดิ ชอบ 4. ตรงต่อเวลา 8.2 คณุ ลักษณะอยอู่ ย่างพอเพยี งทีเ่ กดิ กบั ผู้เรียน พอประมาณ มีเหตผุ ล มภี มู ิคมุ้ กันในตวั ทด่ี ี 1. นักเรียนกำหนดหนา้ ท่ขี องสมาชิกภายในกลุ่ม 1. นักเรียนนำข้อมูลการทดลอง 1. วางแผนการทำงานกลุ่มอย่างละเอียดเปน็ ไดเ้ หมาะสมกับศักยภาพของแตล่ ะคน มาวิเคราะห์ได้อย่างเป็นเหตุเป็น ขน้ั ตอน 2. นักเรียนใช้วัสดุอุปกรณ์ในการทดลองได้ ผลเพือ่ อธบิ ายสรุปการทดลอง 2. เตรยี มวัสดอุ ปุ กรณก์ ารทดลองได้ครบถ้วน เหมาะสมกบั กจิ กรรมการทดลอง 2. นักเรียนสามารถข้อมูลมา และตรงตามกิจกรรมการทดลอง 3. นกั เรยี นทดสอบการการนำเสนอโดยใช้ศิลปะ วิเคราะห์ ตอบคำถามในชุด 3. ศึกษาวธิ ีการทดลองให้เขา้ ใจก่อนทดลอง การพูดกับวัสดุอปุ กรณ์สอดคล้อง คำถามไดอ้ ย่างเป็นเหตุเปน็ ผล 4. วางแผนปอ้ งกันอนั ตรายจากการทดลอง เง่ือนไขความรู้ 1. การใชห้ ลักการนำเสนอโดยใช้ศิลปะการพูด 2. การจัดทำรายงานการทดสอบ 3. พ้ืนฐานวธิ กี ารใช้วัสดุ อุปกรณ์ สอ่ื เงอ่ื นไขคุณธรรม 1. ความสามัคคีในกลมุ่ 2. ความรับผิดชอบ 3. แบ่งปันและเอื้อเฟื้อเผือ่ แผ่

ส่งผลตอ่ ความสมดุล มั่นคง ย่งั ยนื ใน 4 มติ ิ ดงั นี้ ด้าน สมดุลและพร้อมรับการเปล่ยี นแปลงในด้านตา่ งๆ องคป์ ระกอบ วัตถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม วฒั นธรรม ความรู้ - ความรู้ในการใช้วัสดุ - มีความรู้ในการจัดแบ่ง - มีความรู้ในการดูแล - มคี วามรเู้ กีย่ วกบั อปุ กรณ์ ส่ือ ในการ หน้าที่ภายในกลุ่มได้อย่าง รักษาความสะอาดการ การใชห้ ลัก การ ทดสอบการใชห้ ลักการ เหมาะสม จดั การขยะอย่าง นำเสนอโดยใช้ นำเสนอโดยใช้ศลิ ปะการ - มคี วามรู้ในการปฏิบัติตน ถกู ต้องของ ศิลปะการพูด พดู ได้อย่างถูกต้องและ ที่จะทำงานรว่ มกบั ผ้อู น่ื หอ้ งปฏิบตั กิ ารหลงั ประหยดั ทดลอง ทักษะ - มีทักษะในการใช้วัสดุ - ทำงานร่วมกันภายใน - รักษาความสะอาด - ทดสอบหาการใช้ อุปกรณ์อย่างปลอดภัย กลมุ่ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย ของห้องปฏบิ ัตกิ ารหลัง หลัก การนำเสนอ และประหยัด จนสำเรจ็ และมคี วามสขุ การทดลอง โดยใช้ศิลปะการพูด ค่านิยม - เห็นความสำคัญของการ - มีความรับผิดชอบต่อการ - มีจิตสำนึกในการ - ตระหนักถึงคุณค่า ใช้วัสดุอุปกรณ์ในการ ทำงานของกลุ่ม รักษาสภาพแวดล้อม ของการขายที่มีต่อ ทดลองอย่างประหยัด - ยอมรับความคิดเห็นซึ่ง ของห้องปฏิบัติการให้ การนำเสนอโดยใช้ คุ้มค่า กันและกันมีความเสียสละ สะอาดเปน็ ระเบียบ ศิลปะการพู ดใน อดทน ทอ้ งถิ่น 9. การวัดและประเมินผล รายการประเมนิ วิธกี าร เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ เกณฑ์การประเมนิ ผา่ น การทดสอบกอ่ นเรียน การทดสอบ แบบทดสอบก่อนเรียน - จำนวน 10 ข้อ การประเมนิ ระหวา่ งเรยี น การสงั เกต แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียน ไดร้ ะดับ 2 ขึ้นไป การซกั ถาม ต ั ้ ง ค ำ ถ า ม ใ ห ้ ค ร อ บ ค ลุ ม ตอบคำถามทุกขอ้ จดุ ประสงค์ การทำแบบฝกึ ปฏิบตั ิ แบบฝึกปฏบิ ตั ิที.่ .......... ไดร้ ะดบั 2 ข้ึนไป การประเมินหลังเรยี น การทดสอบ แบบทดสอบหลังเรยี น ตอบถูก 5 ข้อข้นึ ไป จำนวน 10 ขอ้ งานท่ีมอบหมาย มอบหมายใหเ้ สนอ - สามารถเสนอสื่อโฆษณา ก า ร น ำ เ ส น อ โ ด ย ใ ช้ ผลิตภัณฑ์ โดยใช้การ ศลิ ปะการพูด นำเสนอโดยใช้ศิลปะการ พูด ผ่านความเห็นชอบ จากครูที่ปรึกษาภายใน 1 สัปดาห์

10. บันทกึ หลังสอน 10.1 ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้นี้เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ ซึ่งสามารถดำเนนิ การสอนไดต้ ามแผนอย่างครบถว้ นตามเวลาทก่ี ำหนด 10.2 ผลการเรยี นรู้ของนักเรียน นกั ศกึ ษา นักเรียนสามารถเรียนรู้ และปฏิบัติกิจกรรมได้อย่างทั่วถึง มีส่วนร่วมทุกคน และสามารถ สรปุ ผลการทดลองได้ถกู ต้อง ทันเวลา และนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นกิจกรรมไดเ้ หมาะสม 10.3 แนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นรู้ นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ในหน่วยนี้ไปประยุ กต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และเช่ือมโยงกับวชิ าชพี ได้อย่างเหมาะสม