Google Form คือ เครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้ ในลักษณะของคำถามออนไลน์ เป็นหนึ่งในชุด Google Apps for Business ซึ่งเราสามารถนำ Google Form มาใช้ในการทำแบบสอบถามความคิดเห็น หรือแบบสำรวจต่างๆ ได้ โดยผลของแบบสอบถามจะถูกรวบรวมไว้ใน Google Sheets ซึ่งเราสามารถนำมาประมวลผล หรือวิเคราะห์ข้อมูลต่อได้
ในบทความนี้จะยกตัวอย่างการนำ Google Form มาใช้เป็นแบบทดสอบความรู้ วิธีการตรวจคะแนนและวัดผลการประเมิน (ผ่าน/ไม่ผ่าน)
รูปแบบของแบบประเมินที่เหมาะสม
- คำตอบเป็นตัวเลือกที่ตายตัว (multiple choice, checkbox, choose from a list) เนื่องจากคำตอบที่ตายตัว สามารถนำมาใช้ในการตรวจคำตอบได้สะดวก
- เป็นการประเมินบุคคลากรในองค์กร เพื่อให้สามารถยืนยันตัวตนของคนที่ทำข้อสอบได้
โดยในบทความนี้ จะขอยกตัวอย่างข้อแบบประเมินที่มีข้อสอบจำนวน 10 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน เกณฑ์ผ่านอยู่ที่ 7 คะแนน
การตั้งค่า Google Form ตามโจทย์ดังกล่าว จะมีรายละเอียดดังนี้
การออกแบบข้อสอบ
เราสามารถเลือกให้ Google Form สลับลำดับของตัวเลือกเป็นแบบสุ่มได้ ทำให้แต่ละครั้ง ลำดับของตัวเลือก จะเรียงไม่เหมือนกันเสมอไป (ให้ยกเว้นข้อที่มีตัวเลือกจำพวก "ถูกทุกข้อ" ให้ไม่ต้องสลับ เพราะตัวเลือก "ถูกทุกข้อ" ควรจะเป็นตัวเลือกท้ายสุดเสมอ)
เลือกสุ่มลำดับของตัวเลือก และตั้งเป็นคำถามที่เลือกคำตอบ |
แต่ละข้อให้กำหนดเป็นข้อที่ต้องตอบ (Required question) เพื่อยังคับให้คนสอบตอบให้ครบทุกข้อ
กำหนดข้อความหลังจากผู้สอบกดส่งคำตอบ ตามความเหมาะสม เช่น แสดง link ไปยังหน้าเฉลย หรือที่อยู่ติดต่อ กรณีมีข้อสงสัย
ตัวอย่างข้อความที่จะแสดงเมื่อผู้สอบกดส่งคำตอบ |
การเก็บข้อมูล username
เพื่อยืนยันตัวตนผู้ทำข้อสอบ สามารถทำได้โดยการเลือกคำสั่ง
Require ... login to view this form และ
Automatically collect respondent's ... username
เลือก option ทั้ง 2 ส่วน เพื่อเก็บข้อมูล username สำหรับยืนยันตัวตน |
การตรวจข้อสอบ
สามารถใช้วิธีการให้ผู้ออกข้อสอบ submit คำตอบที่เป็นเฉลย เป็น response แรก (ทำให้ เฉลยจะอยู่ที่ row 2) ข้อสอบมีจำนวน 10 ข้อ เฉลยก็จะอยู่ที่ cell C2:L2
submit คำตอบที่เป็นเฉลยเข้ามาเป็น response แรก เพื่อใช้ในการตรวจคำตอบ |
คำตอบของผู้ทำข้อสอบก็จะเริ่มเก็บตั้งแต่ row ที่ 3 ไล่ลงมา 1 row คือ 1 คน
เราสามารถใส่สูตรใน Google Sheets เพื่อเทียบคำตอบกับเฉลย (ซึ่งอยู่ใน row ที่ 2) โดย cell ที่จะใช้นับคะแนนก็จะอยู่หลัง cell ที่เป็นคำตอบ เช่น คำตอบของคนแรกอยู่ในช่วง C3:L3 ดังนั้นเราสามารถใช้ cell M3:V3 สำหรับการนับคะแนน โดยการใช้คำสั่ง
=if(C3=C2,1,0)
หมายความว่า ถ้าคำตอบ (cell C3) ตรงกับเฉลย (cell C2) จะได้ค่าเป็น 1 ถ้าคำตอบไม่ตรงก็จะได้เป็น 0 และทำซ้ำไปจนครบทุกข้อ (ตอน copy สูตรให้ระวังเรื่องการอ้างอิง cell)
ตัวอย่างการตรวจคำตอบข้อที่ 1 กับ เฉลยข้อที่ 1 |
การนับคะแนน
เนื่องจาก คำตอบ และคะแนน จะกินพื้นที่มาถึง column V ดังนั้น เราจะรวมคะแนนที่ column W ด้วยสูตร
=sum(M3:V3)
ก็จะได้คะแนนรวมของคนนั้นๆ
ตัวอย่างการรวมคะแนนของผู้สอบในแต่ละแถว พร้อมใส่ conditional formatting เพื่อวัดผลการประเมิน |
การประเมินผล
การประเมินผล สามารถใช้ conditional formatting ได้ โดยเลือกที่ column ที่เก็บคะแนนรวม (ในที่นี้คือ column W) และเลือกที่เมนู
Format > Conditional formatting...
ใส่เงื่อนไขตามต้องการ ในที่นี้จะตัดที่ 7 คะแนน กรณีที่น้อยกว่าเกณฑ์ให้แสดงสีแดง ในทางตรงกันข้ามให้แสดงสีเขียว
จากตัวอย่างนี้จะเป็นเพียงการตรวจคะแนนอย่างง่าย ซึ่งเราสามารถประยุกต์ใช้ในกรณีที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้ เช่น แต่ละข้อมีค่าน้ำหนักในการคำนวณไม่เท่ากัน ก็สามารถดัดแปลงได้ที่ขั้นการตรวจข้อสอบ
หากสนใจนำระบบ Google Form ซึ่งเป็นหนึ่งในความสามารถอันหลากหลายของ Google Apps for Business สามารถติดต่อมาได้ที่ ครับ
---
www.tangerine.co.th