คําถามพัฒนากระบวนการคิด สังคม ม.3 เฉลย

สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง พระพุทธ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง พระธรรม

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง พระสงฆ์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ศาสนาอื่น ๆ

สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ระบบการเมืองการปกครองในโลกปัจจุบัน

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง วิเคราะห์ระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง กฎหมายกับชีวิต

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง วัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาไทย และวัฒนธรรมสากล

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ร่วมกันสร้างสังคมสันติสุข

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาท้องถิ่นและระบบสหกรณ์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง รัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ และนโยบายกิจกรรมทางเศรษฐกิจของรัฐบาล

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง  ปัญหาเศรษฐกิจในระดับประเทศ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจและการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง ทวีปอเมริกาเหนือ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ทวีปอเมริกาใต้

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดชั้นปีโครงสร้างรายวิชา

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรียนรู้ทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้
การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรียนรู้ทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน
การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรียนรู้การเมืองการปกครอง
การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรียนรู้การเมืองการปกครอง

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เศรษฐศาสตร์น่ารู้
การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เศรษฐศาสตร์น่ารู้

แผนกาจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ชีวิตพอเพียง
การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ชีวิตพอเพียง

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 พัฒนาการของมนุษยชาติ
การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 พัฒนาการของมนุษยชาติ

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ศึกษาประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์
การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ศึกษาประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 วิถีแห่งการพัฒนาจริยธรรมเพื่อการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 วิถีแห่งการพัฒนาจริยธรรมเพื่อการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง


บรรณานุกรม

แหล่งที่มา บริษัท สำนักพิมพ์แม็ค จำกัด

Share this:

  • Twitter
  • Facebook

Like this:

ถูกใจ กำลังโหลด...

มสี ่วนร่วมในการจัดการ ภัยพิบตั แิ ละการอนรุ ักษส์ ่ิงแวดลอ้ มในทวปี อเมรกิ าเหนือและทวปี อเมรกิ าใต้

ตัวช้วี ัด
ส 2.1 ม.3/1 - 5, ส 2.2 ม.3/1 - 4
ส 3.1 ม.3/1 - 3, ส 3.2 ม.3/1 - 6
ส 5.1 ม.3/1 - 2, ส 5.2 ม.3/1 - 5
รวม 25 ตัวชวี้ ัด

Pedagogy

คมู่ ือครู

ส งั ค มศึกษำฯ ม.3 ใชป้ ระกอบกบั หนงั สอื เรยี นรายวชิ าสงั คมศกึ ษาศาสนาและวฒั นธรรมหนา้ ทพี่ ลเมอื งวฒั นธรรม
และการดา� เนนิ ชวี ติ ในสงั คม เศรษฐศาสตร์ และภมู ศิ าสตร์ ม.3(ฉบบั อนญุ าต) ผจู้ ดั ทา� ไดอ้ อกแบบการจดั การเรยี นร ู้ และเทคนคิ
การสอน ตามรปู แบบการจดั การเรยี นการสอนในกลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม และสาระภมู ศิ าสตร์
(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกจิ กรรมการเรยี นร ู้(Instructional
Design) ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามร ู้ ความเขา้ ใจ ความสามารถ และทกั ษะกระบวนการทางภมู ศิ าสตร ์ ทส่ี ะทอ้ นแนวทางการจดั การเรยี นรู้
ทีใ่ หผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ทา� รจู้ กั การโตต้ อบ ตลอดจนการวเิ คราะหป์ ญั หา อนั เปน็ การจดั การเรยี นรแู้ บบ Active Learning ตลอดจน
สะทอ้ นถงึ สมรรถนะสา� คญั และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผเู้ รยี นทหี่ ลกั สตู รกา� หนดไว ้ โดยครสู ามารถนา� ไปใชจ้ ดั การเรยี นรู้
ในชน้ั เรยี นไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ ในรายวชิ าน ้ี ไดน้ า� รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความร ู้ (5Es Instructional Model)
และรปู แบบการสอนการรเู้ รอ่ื งภมู ศิ าสตร ์ (Geo - Literacy) มาใชใ้ นการออกแบบการสอน ดงั น้ี

รปู แบบกำรสอนแบบสบื เสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model)

ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนสังคมศึกษาฯ เพ่ือช่วยให้ กระeEตngุ้นaคg1วeาmมeสnนt ใจ
ผู้เรียนได้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห ์ สาํ รวEexจpแloลrะaคti้นoหn า
วจิ ารณ ์ มที กั ษะสา� คญั ในการคน้ ควา้ หาความร ู้ และมคี วามสามารถในการแกป้ ญั หา Eelขaยาย
อย่างเป็นระบบ ผู้จัดท�าจึงได้เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ตeEรvaวlจuaสtiอonบผล
5 าม ู้รtion2

(5Es Instructional Model) ซ่งึ เป็นข้นั ตอนการเรยี นรทู้ ี่ม่งุ ใหผ้ ้เู รียนได้มีโอกาส 5Es
สร้างองคค์ วามร้ดู ้วยตนเองผา่ นกระบวนการคดิ และการลงมือท�า เปน็ เครื่องมือ
ส�าคญั เพอื่ การพัฒนาทักษะการเรยี นรู้แห่งศตวรรษท่ี 21 ควาbมoเrข4a้าtiใoจn Eอxpธ3laิบnาaยคว
นอกจากใชร้ ปู แบบการสอนแบบ 5Es เปน็ วิธีการหลกั แล้ว ยังมีรปู แบบ
การจัดการเรียนการสอนอื่น ๆ เช่น การแก้ปัญหา การรู้เร่ืองภูมิศาสตร์ เพื่อกระตุ้น
ใหผ้ ู้เรียนเกดิ ความสนใจด้วยรปู แบบท่ีหลากหลาย

วธิ กี ำรสอน (Teaching Method)

ผจู้ ดั ทา� เลอื กใชว้ ธิ สี อนทห่ี ลากหลาย เชน่ การทดลอง การสาธติ การอภปิ รายกลมุ่ ยอ่ ย เปน็ ตน้ เพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรู้
รูปแบบการสอนต่าง ๆ ที่เลือกน�ามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ และพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้จากประสบการณ์การคิด
และการลงมือท�าด้วยตนเอง อนั จะช่วยให้ผู้เรยี นมีความรูแ้ ละเกดิ ทักษะท่ีจา� เป็นต่อการนา� ไปปรบั ใช้ในชีวิตประจ�าวนั

เทคนิคกำรสอน (Teaching Technique)

ผจู้ ดั ทา� เลอื กใชเ้ ทคนคิ การสอนทหี่ ลากหลายและเหมาะสมกบั เรอ่ื งทเี่ รยี น เพอื่ สง่ เสรมิ วธิ สี อนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ
เช่น การใช้คา� ถาม การเล่นเกม เพื่อนชว่ ยเพือ่ น เปน็ ตน้ ซึง่ เทคนคิ การสอนต่างๆ จะช่วยใหผ้ ้เู รยี นเกดิ การเรยี นรอู้ ยา่ งมี
ความสุขในขณะท่เี รยี นและสามารถปฏบิ ตั ิกจิ กรรมได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ รวมทง้ั ได้พฒั นาทกั ษะในศตวรรษที ่ 21 อกี ด้วย

• ทกั ษะกำรแกปญ หำ ทกั ษะกำรเรียนรูท้ ่ไี ด้ • ทักษะกำรคดิ สรำงสรรค์
• ทักษะกำรทำ� งำนรว มกนั • ทกั ษะทำงภูมิศำสตร์
• ทักษะกำรคดิ อยำ งมวี จิ ำรณญำณ
• ทักษะกำรส่ือสำร

เป้าหมายการจดั การการเรียนการสอนสาระภมู ิศาสตร์

• ลักษณะทางกายภาพของโลก รู้ ความสความ • ความเขา้ ใจระบบธรรมชาตแิ ละมนษุ ย์
• การใชแ้ ผนท่ีและเคร่ืองมือทางภมู ศิ าสตร์ ษะ • การใช้เหตุผลทางภูมิศาสตร์
• กระบวนการทางภูมิศาสตร์ สาระ ามารถ • การตัดสนิ ใจอยา่ งเป็นระบบ
• การใชภ้ ูมสิ ารสนเทศ กระบว
• ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ยก์ ับสงิ่ แวดลอ้ ม ภูมิศาสตร์ คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
ทางกายภาพ นการ ทัก
• การสังเกต
สมรรถนะส�ำคัญ • การแปลความข้อมูลทางภมู ิศาสตร์
• การใชเ้ ทคนิคและเคร่อื งมือทางภูมิศาสตร์
• การต้ังค�ำถามเชิงภูมิศาสตร์ • การคดิ เชงิ ภมู ิสมั พันธ์
• การรวบรวมขอ้ มลู • การคดิ แบบองคร์ วม
• การจัดการขอ้ มูล • การใชเ้ ทคโนโลยี
• การวิเคราะหข์ ้อมูล • การใชส้ ถิติพน้ื ฐาน
• การสรปุ เพือ่ ตอบคำ�ถาม

นอกจากใชร้ ปู แบบการสอนการรเู้ รื่องภมู ิศาสตร์ (Geo - literacy) เปน็ วิธกี ารหลกั ในการจัดการเรยี นการสอนแลว้ ยงั ม ี
รปู แบบการจัดการเรยี นการสอนอ่นื  ๆ ไดแ้ ก่

รปู แบบการสอนแบบ 5Es วิธกี ารสอน เทคนิคการสอน

• กระตุน้ ความสนใจ • การสาธติ • ใช้คำ�ถาม
• สำ� รวจค้นหา • การทดลอง • เลา่ เหตุการณ์ที่น่าสนใจและทนั สมยั
• อธบิ ายความรู้ • การใช้กรณตี วั อย่าง • ใช้ผังกราฟกิ
• ขยายความรู้ • การอภปิ รายกลมุ่ ย่อย • การออกนอกสถานที่
• ตรวจสอบผล • การเลน่ เกม

การจัดการเรียนการสอนตามแนวทางดังกลา่ ว จะทำ� ให้ผู้เรยี นไดพ้ ัฒนาทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 อันจะน�ำไปส่กู ารนำ� ไป
ปรบั ใชไ้ ด้จริงในการด�ำเนนิ ชวี ิต เพ่ือให้ผ้เู รยี นไดร้ เู้ ทา่ ทนั ตอ่ การเปลยี่ นแปลงตา่ ง ๆ ท่อี าจเกิดขึน้ ในอนาคตได้

Teacher Guide Overview

สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมฯ ม.3

หน่วย ตัวชี้วัด ทกั ษะทไ่ี ด้ เวลาทใี่ ช้ การประเมิน สอื่ ท่ใี ช้
การเรียนรู้

1 - อ ธบิ ายความแตกตา่ งของการกระทำ�ความ - ทกั ษะการเปรียบเทียบ - ต รวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรียน
ผิดระหว่างคดอี าญา และคดแี พง่ กอ่ นเรียน สังคมศกึ ษาฯ ม.3
กฎหมายแพง่ - ต รวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝึกสมรรถนะ
และกฎหมาย สมรรถนะและการคิด และการคิด
หน้าท่พี ลเมืองฯ ม.3 หน้าทพี่ ลเมอื งฯ ม.3
อาญา - ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรียน

4 ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น
- ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint
ชัว่ โมง - สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤติกรรม
การทำ�งานกลมุ่
- ประเมินคณุ ลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรยี น

2 - ม สี ว่ นรว่ มในการปกปอ้ งคมุ้ ครองผู้อืน่ - ทกั ษะการนำ�ความรไู้ ปใช้ - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสือเรยี น
ตามหลกั สิทธิมนุษยชน ก่อนเรยี น สงั คมศึกษาฯ ม.3
สิทธมิ นุษยชน - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ

สมรรถนะและการคดิ และการคดิ
หนา้ ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3 หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3
- ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรียน
4 - ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน - PowerPoint
- สงั เกตพฤติกรรม
ชว่ั โมง การทำ�งานรายบคุ คล

- สงั เกตพฤติกรรม
การทำ�งานกล่มุ
- ประเมนิ คณุ ลักษณะ
อันพึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น

3 - อนุรักษ์วฒั นธรรมไทยและเลอื กรับ - ทกั ษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรยี น
วฒั นธรรมสากลทเ่ี หมาะสม - ทกั ษะการนำ�ความรู้ไปใช้ ก่อนเรียน สงั คมศึกษาฯ ม.3
วฒั นธรรมไทย - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝึกสมรรถนะ
และวฒั นธรรม สมรรถนะและการคิด และการคิด
หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3 หน้าทพี่ ลเมืองฯ ม.3
สากล - ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรยี น

3 ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรียน
- ตรวจผลงาน/ช้ินงาน - PowerPoint
ชั่วโมง - สังเกตพฤติกรรม
การทำ�งานรายบคุ คล
- สังเกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานกล่มุ
- ประเมินคณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรียน

หน่วย ตัวช้ีวดั ทกั ษะท่ีได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ ส่ือทีใ่ ช้
การเรยี นรู้
1. ว เิ คราะหป์ จั จยั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาความ - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียน
4 ขัดแย้งในประเทศ และเสนอแนวคดิ - ทักษะกระบวนการคดิ กอ่ นเรยี น สงั คมศึกษาฯ ม.3
ในการลดความขดั แยง้ อยา่ งมวี ิจารณญาณ - ตรวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝกึ สมรรถนะ
สงั คมไทย
2. เสนอแนวคิดในการดำ�รงชวี ิตอยา่ งมี
ความสขุ ในประเทศและสังคมโลก สมรรถนะและการคิด และการคิด
หนา้ ท่ีพลเมืองฯ ม.3 หน้าท่พี ลเมอื งฯ ม.3
- ป ระเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น
4 - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint
- สงั เกตพฤติกรรม
ชวั่ โมง การทำ�งานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤติกรรม
5 การทำ�งานกลมุ่
- ประเมนิ คณุ ลักษณะ
ชัว่ โมง อนั พึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
3 หลังเรยี น

5 1. อธบิ ายระบอบการปกครองแบบต่าง ๆ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ ชัว่ โมง - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียน
ท่ีใช้ในยุคปัจจบุ ัน - ทักษะการเปรยี บเทยี บ ก่อนเรียน สังคมศกึ ษาฯ ม.3
การเมอื ง 2. วเิ คราะห์เปรยี บเทียบระบอบการ - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ
การปกครอง ปกครองของไทยกับประเทศอืน่  ๆ ทม่ี ี สมรรถนะและการคิด และการคิด
การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย หน้าทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 หนา้ ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3
ในปจั จุบัน 3. วิเคราะห์รัฐธรรมนญู ฉบับปัจจุบนั ใน - ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรยี น

มาตราตา่ ง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้องกบั การเลอื กตัง้ ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น
การมสี ว่ นร่วมและการตรวจสอบการใช้ - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน - PowerPoint
อำ�นาจรัฐ - สังเกตพฤตกิ รรม
4. วเิ คราะห์ประเด็นปญั หาที่เป็นอปุ สรรค การทำ�งานรายบคุ คล
ตอ่ การพัฒนาประชาธิปไตยของ - สังเกตพฤติกรรม
ประเทศไทยและเสนอแนวทางแกไ้ ข การทำ�งานกลุ่ม
- ประเมนิ คุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น

6 - อธิบายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ - ทกั ษะการสรปุ ความรู้ - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสือเรียน
- ทกั ษะการวิเคราะห์ กอ่ นเรียน สงั คมศกึ ษาฯ ม.3
กลไกราคาใน - ทักษะการเปรยี บเทยี บ - ตรวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝกึ สมรรถนะ
ระบบเศรษฐกจิ สมรรถนะและการคิด และการคิด
เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3
- ประเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น
- ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน - PowerPoint
- สงั เกตพฤติกรรม
การทำ�งานรายบคุ คล
- สงั เกตพฤติกรรม
การทำ�งานกลมุ่
- ประเมนิ คณุ ลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรยี น

หน่วย ตัวชว้ี ัด ทักษะที่ได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมิน สื่อทีใ่ ช้
การเรยี นรู้
1. ม สี ่วนรว่ มในการแก้ไขปญั หาและพัฒนา - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสือเรยี น
7 ทอ้ งถน่ิ ตามปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง - ทักษะการแกป้ ญั หา กอ่ นเรียน สังคมศกึ ษาฯ ม.3
- ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ
เศรษฐกิจ 2. วิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ระหวา่ งแนวคดิ สมรรถนะและการคดิ และการคิด
พอเพียงกับ เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั ระบบสหกรณ์ เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3
การพัฒนา
- ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ประเทศ

4 ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น
- ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint
ช่วั โมง - สังเกตพฤติกรรม
การทำ�งานรายบุคคล
- สังเกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานกลุ่ม
- ประเมินคณุ ลักษณะ
อันพึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น

8 1. อธบิ ายบทบาทหน้าทขี่ องรัฐบาลใน - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สอื เรยี น
ระบบเศรษฐกจิ - ทักษะการเช่อื มโยง ก่อนเรยี น สังคมศึกษาฯ ม.3
บทบาทของ - ทกั ษะการแกป้ ัญหา - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝึกสมรรถนะ
รัฐบาลในการ 2. แสดงความคิดเห็นตอ่ นโยบายและ สมรรถนะและการคิด และการคดิ
พฒั นาประเทศ กจิ กรรมทางเศรษฐกิจของรัฐทม่ี ตี ่อ เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3
บคุ คล กลุ่มคน และประเทศชาติ
3. อ ภปิ รายผลกระทบทเี่ กดิ จากภาวะ - ประเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรียน
เงินเฟอ้ เงินฝืด ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น
4. ว เิ คราะหผ์ ลเสยี จากการวา่ งงานและ 5 - ตรวจผลงาน/ช้นิ งาน - PowerPoint
แนวทางแกป้ ญั หา - สังเกตพฤติกรรม
ช่ัวโมง การทำ�งานรายบคุ คล

- สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานกลุม่
- ประเมินคณุ ลักษณะ
อนั พึงประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น

9 - ว ิเคราะหส์ าเหตแุ ละวธิ ีการกดี กนั ทาง - ทกั ษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียน
การค้าในการค้าระหว่างประเทศ กอ่ นเรยี น สังคมศึกษาฯ ม.3
การค้าและ - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ
การลงทุน
ระหวา่ งประเทศ สมรรถนะและการคิด และการคดิ
เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3
- ป ระเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรียน
ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรียน
3 - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน - PowerPoint
- สงั เกตพฤติกรรม
ชั่วโมง การทำ�งานรายบุคคล

- สังเกตพฤตกิ รรม
การทำ�งานกลุม่
- ประเมนิ คณุ ลักษณะ
อันพงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรียน

หนว่ ย ตัวชี้วัด ทกั ษะทไี่ ด้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ ส่อื ทีใ่ ช้
การเรียนรู้

10 - อภปิ รายบทบาท ความสำ�คญั ของการ - ทักษะการรวบรวมข้อมูล - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรยี น
รวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจระหวา่ งประเทศ - ทกั ษะการวเิ คราะห์
การรวมกลุ่ม - ทกั ษะการเปรยี บเทยี บ กอ่ นเรยี น สังคมศกึ ษาฯ ม.3

ทางเศรษฐกจิ - ตรวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝกึ สมรรถนะ

ระหวา่ งประเทศ สมรรถนะและการคดิ และการคิด

เศรษฐศาสตร์ ม.3 เศรษฐศาสตร์ ม.3

- ประเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

4 ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรยี น

ช่ัวโมง - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint

- สงั เกตพฤติกรรม

การทำ�งานรายบุคคล

- สังเกตพฤติกรรม

การทำ�งานกลุ่ม

- ประเมนิ คุณลักษณะ

อันพึงประสงค์

- ตรวจแบบทดสอบ

หลงั เรยี น

11 1. วิเคราะหล์ ักษณะทางกายภาพของ - ก ารสงั เกต - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรยี น

ทวปี ทวีปอเมรกิ าเหนือและทวปี อเมรกิ าใต้ - ก ารแปลความขอ้ มูล ก่อนเรียน สงั คมศึกษาฯ ม.3
อเมริกาเหนอื
โดยเลอื กใช้แผนทเ่ี ฉพาะเรื่องและ ทางภูมศิ าสตร์ - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ

เครือ่ งมือทางภมู ิศาสตรส์ ืบค้นขอ้ มูล - ก ารใชเ้ ทคนิคและ สมรรถนะและการคดิ และการคิด

2. วิเคราะห์สาเหตกุ ารเกิดภัยพิบตั ิและ เครื่องมอื ทางภมู ิศาสตร์ ภมู ศิ าสตร์ ม.3 ภมู ศิ าสตร์ ม.3

ผลกระทบในทวปี อเมรกิ าเหนือและ - การคดิ เชงิ พ้นื ท่ี - ป ระเมนิ การนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

ทวปี อเมรกิ าใต้ - การคดิ แบบองคร์ วม ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น

3. ส ำ� รวจและระบทุ ำ� เลทต่ี งั้ ของกจิ กรรมทาง - การใช้เทคโนโลยี - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint

เศรษฐกจิ และสงั คมในทวีปอเมรกิ าเหนอื - การใชส้ ถิติพื้นฐาน - สังเกตพฤตกิ รรม

และทวปี อเมรกิ าใต้ 18 การทำ�งานรายบคุ คล

4. ว ิเคราะห์ปัจจยั ทางกายภาพและปัจจัย ชัว่ โมง - สงั เกตพฤตกิ รรม

ทางสังคมที่ส่งผลตอ่ ท�ำเลทต่ี ั้งของ การทำ�งานกล่มุ

กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ และสงั คมใน - ประเมินคุณลกั ษณะ

ทวปี อเมรกิ าเหนือและทวีปอเมริกาใต้ อันพึงประสงค์

5. สบื คน้ อภปิ รายประเด็นปญั หาจาก - ตรวจแบบทดสอบ

ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงแวดลอ้ มทาง หลงั เรียน

กายภาพกับมนษุ ย์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในทวปี

อเมรกิ าเหนือและทวปี อเมรกิ าใต้

6. วเิ คราะหแ์ นวทางการจัดการภยั พิบัติ

และการจดั การทรัพยากรและ

สง่ิ แวดลอ้ มในทวปี อเมรกิ าเหนอื

และทวปี อเมริกาใต้ท่ียงั่ ยืน

หน่วย ตวั ชีว้ ัด ทักษะท่ีได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ ส่อื ทใ่ี ช้
การเรยี นรู้
1. วเิ คราะห์ลกั ษณะทางกายภาพของ - การสงั เกต - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สอื เรียน
12
ทวปี อเมรกิ าเหนอื และทวปี อเมรกิ าใต้ - ก ารแปลความข้อมลู ทาง ก่อนเรียน สังคมศึกษาฯ ม.3
ทวีป
อเมริกาใต้ โดยเลือกใชแ้ ผนทีเ่ ฉพาะเร่อื งและ ภมู ิศาสตร์ - ตรวจการทำ�แบบฝึก - แบบฝกึ สมรรถนะ

เครอ่ื งมอื ทางภูมิศาสตร์สบื คน้ ข้อมูล - การใช้เทคนคิ และ สมรรถนะและการคดิ และการคดิ

2. ว ิเคราะห์สาเหตุการเกิดภยั พิบัตแิ ละ เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ ภมู ศิ าสตร์ ม.3 ภูมศิ าสตร์ ม.3

ผลกระทบในทวีปอเมรกิ าเหนือและ - การคดิ เชิงพน้ื ท่ี - ป ระเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบก่อนเรียน

ทวปี อเมริกาใต้ - การคดิ แบบองค์รวม ผลงาน - แบบทดสอบหลังเรียน

3. สำ� รวจและระบทุ ำ� เลทต่ี งั้ ของกจิ กรรมทาง - การใชเ้ ทคโนโลยี - ตรวจผลงาน/ชิ้นงาน - PowerPoint

เศรษฐกจิ และสงั คมในทวปี อเมรกิ าเหนอื - การใชส้ ถติ พิ ้นื ฐาน - สงั เกตพฤติกรรม

และทวปี อเมรกิ าใต้ 18 การทำ�งานรายบคุ คล

4. วิเคราะห์ปัจจัยทางกายภาพและปจั จยั ชว่ั โมง - สงั เกตพฤติกรรม

ทางสงั คมที่ส่งผลต่อทำ� เลทต่ี ั้งของ การทำ�งานกลมุ่

กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ และสงั คมใน - ประเมินคณุ ลกั ษณะ

ทวีปอเมรกิ าเหนือและทวปี อเมริกาใต้ อนั พึงประสงค์

5. สืบคน้ อภปิ รายประเด็นปัญหาจาก - ตรวจแบบทดสอบ

ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสงิ่ แวดล้อมทาง หลงั เรียน

กายภาพกบั มนุษยท์ ่เี กดิ ขึ้นในทวีป

อเมรกิ าเหนือและทวีปอเมรกิ าใต ้

6. วเิ คราะห์แนวทางการจดั การภยั พิบตั ิ

และการจดั การทรัพยากรและ

สิ่งแวดล้อมในทวปี อเมรกิ าเหนือ

และทวีปอเมริกาใต้ทย่ี ง่ั ยนื

13 - ร ะบุความรว่ มมือระหว่างประเทศท่มี ีผล - การสงั เกต - ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรียน
ตอ่ การจัดการทรัพยากรและสงิ่ แวดล้อม - ก ารแปลความข้อมูล
การจัดการ กอ่ นเรียน สงั คมศกึ ษาฯ ม.3
ทรพั ยากร ทางภูมิศาสตร์
ธรรมชาติและ - ก ารใชเ้ ทคนคิ และ - ตรวจการทำ�แบบฝกึ - แบบฝึกสมรรถนะ
ส่ิงแวดลอ้ ม เครอ่ื งมือทางภูมิศาสตร์
ของโลก - การคดิ เชิงพื้นที่ สมรรถนะและการคดิ และการคิด
- การคิดแบบองค์รวม
- การใชเ้ ทคโนโลยี ภูมิศาสตร์ ม.3 ภูมศิ าสตร์ ม.3
- การใช้สถติ พิ นื้ ฐาน
- ประเมินการนำ�เสนอ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน

4 ผลงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น

ช่วั โมง - ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน - PowerPoint

- สังเกตพฤตกิ รรม

การทำ�งานรายบคุ คล

- สังเกตพฤตกิ รรม

การทำ�งานกล่มุ

- ประเมินคุณลกั ษณะ

อนั พึงประสงค์

- ตรวจแบบทดสอบ

หลังเรียน

สารบัญ

Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หน่วยการเรยี นรู้ท ่ี 1 กฎหมายแพ่งและกฎหมาย
อาญา T1 - T2 T3
T21 - T22
• กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ T4 - T12
• กฎหมายอาญา T35 - T36 T13 - T19
T49 - T50
หน่วยการเรียนรู้ท ่ี 2 สิทธมิ นุษยชน T 23
T71 - T72 T24 - T26
• ความหมายและความสำ� คญั ของสิทธิมนุษยชน T27 - T30
• การมสี ว่ นรว่ มในการปกปอ้ งคุ้มครองผูอ้ ่นื ตามหลกั สิทธิ
T31 - T33
มนษุ ยชน
• องคก์ รดา้ นสทิ ธมิ นษุ ยชน T 37

หนว่ ยการเรียนรู้ท ี่ 3 วัฒนธรรมไทย T38 - T42
และวฒั นธรรมสากล T42 - T47
T 51
• วฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย T52 - T53
• วัฒนธรรมสากล T54 - T55
T56 - T64
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 สงั คมไทย T65 - T66

• ลักษณะของสงั คมไทย T66 - T69
• ปัจจยั ที่ก่อใหเ้ กิดความขดั แย้งในสังคมไทย T73
• ปัญหาสงั คมและแนวทางแก้ไข
• แนวทางความรว่ มมอื ในการลดความขัดแยง้ และสร้าง T74 - T83
T84 - T85
ความสมานฉนั ท์
• ปัจจัยส่งเสริมการด�ำรงชวี ติ ใหม้ ีความสขุ T86 - T95

หน่วยการเรียนรู้ท ่ี 5 การเมืองการปกครอง T96 - T97
ในปจั จุบัน T98 - T99

• รูปแบบการปกครองในยุคปัจจุบัน
• เปรียบเทียบการปกครองของไทยกับประเทศที่ปกครองแบบ

ประชาธปิ ไตย
• รฐั ธรรมนูญฉบับปจั จุบันกบั การเลอื กต้ัง การมสี ว่ นรว่ ม

ของประชาชน และการตรวจสอบอ�ำนาจรฐั
• ปญั หาทเ่ี ปน็ อุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย
• แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาประชาธปิ ไตยของไทย

Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หนว่ ยการเรียนรู้ท ่ี 6 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ T101 - T102 T103
T121 - T122 T104 - T107
• ตลาดในระบบเศรษฐกิจ T108 - T112
• กลไกราคา T141 - T142 T113 - T119
• การกำ� หนดราคาในระบบเศรษฐกจิ T123
T165 - T166
หน่วยการเรียนรู้ท ่ี 7 เศรษฐกจิ พอเพยี งกับ T124 - T126
การพัฒนาประเทศ T183 - T184 T127 - T129

• ปัญหาท้องถนิ่ ของไทย T130 - T132
• แนวทางการแก้ปัญหาและพัฒนาทอ้ งถิน่ ตามปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง T132 - T139
• แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งกับการพฒั นาประเทศในระดับ T143

ต่าง ๆ T144 - T146
• ความสมั พนั ธ์ของแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับระบบสหกรณ์ T147 - T148
T149 - T154
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 8 บทบาทของรฐั บาลในการ T155 - T163
พัฒนาประเทศ
T167
• บทบาทหน้าท่ีของรฐั บาลในการพฒั นาประเทศ
• บทบาทและกจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ของรัฐบาล T168 - T173
• นโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล T174 - T177
• ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย T178 - T179
T180 - T181
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 9 การคา้ และการลงทุนระหว่าง
ประเทศ T185

• การคา้ ระหวา่ งประเทศของไทย T186
• การกดี กันทางการค้าในการค้าระหวา่ งประเทศ
• การลงทนุ ระหว่างประเทศของไทย T187
• การเงนิ ระหวา่ งประเทศ T188 - T194
T195 - T199
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 10 การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ
ระหวา่ งประเทศ

• วตั ถปุ ระสงค์ บทบาท และความสำ� คัญของการรวมกลมุ่
ทางเศรษฐกิจ
• ลกั ษณะของการรวมกลุม่ ทางเศรษฐกิจ
• กล่มุ ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่าง ๆ
• องค์กรระหวา่ งประเทศ

Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 11 ทวปี อเมริกำเหนอื T201 - T206 T207

• ลกั ษณะทางกายภาพของทวีปอเมริกาเหนอื T261- T266 T208 - T227
• ลักษณะประชากรของทวีปอเมริกาเหนอื T228 - T233
• ลักษณะสงั คมและวัฒนธรรมของทวปี อเมริกาเหนอื T317 - T318 T234 - T236
• ลกั ษณะเศรษฐกจิ ของทวีปอเมรกิ าเหนอื T237 - T248
• ภยั พบิ ตั ิและแนวทางการจดั การของทวปี อเมริกาเหนอื T249 - T255
• ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและแนวทาง T256 - T259
การจดั การของทวีปอเมรกิ าเหนอื
T267
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 12 ทวปี อเมริกำใต้
T268 - T286
• ลกั ษณะทางกายภาพของทวปี อเมรกิ าใต้ T287 - T291
• ลักษณะประชากรของทวปี อเมรกิ าใต้ T292 - T294
• ลักษณะสังคมและวฒั นธรรมของทวปี อเมรกิ าใต้ T295 - T306
• ลกั ษณะเศรษฐกิจของทวีปอเมรกิ าใต้ T307 - T311
• ภัยพิบตั แิ ละแนวทางการจดั การของทวปี อเมริกาใต้ T312 - T315
• ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมและแนวทาง
การจัดการของทวปี อเมรกิ าใต้ T319

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 13 กำรจดั กำรทรพั ยำกร T320 - T322
ธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม T323 - T325
ของโลก T326 - T328

• เปา้ หมายการพฒั นาท่ยี ัง่ ยนื T330
• ความร่วมมือระหวา่ งประเทศในนการจัดการทรัพยากร
ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม
• แนวทางการจดั การทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
ของโลก

บรรณำนุกรม

Chapter Overview

แผนการจัด สื่อท่ีใช้ จุดประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คณุ ลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พงึ ประสงค์

แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สอื เรียน 1. อธิบายลักษณะการ การจัดการ - ต รวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - ความสามารถใน 1. มวี ินัย
กฎหมายแพง่ - ตรวจการท�ำแบบฝึก การคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้
และพาณชิ ย์ สงั คมศึกษาฯ ม.3 กระทำ� ความผดิ ทาง เรยี นรู้แบบ - ความสามารถใน 3. มุง่ มน่ั ในการ
สมรรถนะและการคดิ การใชท้ กั ษะชีวติ ทำ� งาน
2 - แบบฝกึ สมรรถนะ แพ่งและความรบั ผิด ร่วมมือ : หนา้ ทีพ่ ลเมืองฯ ม.3
- ตรวจใบงานท่ี 1.1
ชั่วโมง และการคดิ ชอบทางแพ่งได้ (K) เทคนิคคคู่ ิด - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- ตรวจผลงาน/ช้ินงาน
หน้าทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 2. อธบิ ายการทำ� สญั ญา สสี่ หาย - สังเกตพฤตกิ รรม
การท�ำงานรายบคุ คล
- แบบทดสอบกอ่ นเรียน ซ้อื ขาย ก้ยู มื เงนิ - สังเกตพฤตกิ รรม
การท�ำงานกลุ่ม
- PowerPoint เช่าทรพั ยส์ นิ เช่าซื้อ - ป ระเมนิ คณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
- ใบงานท่ี 1.1 ทถ่ี กู ต้องได้ (K)

3. จ ำ� แนกลกั ษณะ

การกระทำ� ความผิด

ทางแพง่ และความ

รบั ผดิ ชอบทางแพง่ ที่

พบในชวี ิตประจ�ำวนั ได้

(P)

4. เ ห็นคุณคา่ ของการ

ปฏบิ ตั ติ นตามกฎหมาย

แพ่งและพาณิชยเ์ พ่ิม

มากขึ้น (A)

T1

แผนการจัด สอ่ื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คุณลักษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ที่ 2 - หนงั สือเรยี น 1. อธบิ ายลกั ษณะการ วธิ ีสอนแบบ - ต รวจการทำ� แบบฝึก - ค วามสามารถใน 1. มีวินยั
กฎหมายอาญา สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 การคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
กระทำ� ความผิดทาง สืบเสาะ สมรรถนะและการคดิ - ความสามารถใน 3. ม่งุ มน่ั ในการ
การใชท้ ักษะชีวติ ทำ� งาน
2 - แบบฝึกสมรรถนะ อาญาและบทลงโทษได้ หาความรู้ หน้าท่ีพลเมอื งฯ ม.3
และการคิด (K) 5Es (5Es - ต รวจการทำ� แบบวดั และ
ชว่ั โมง หน้าทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 2. เปรยี บเทียบความ Instructional บันทกึ ผลการเรยี นรู้

- แบบวัดและบนั ทึกผล แตกตา่ งของการกระทำ� Model) หนา้ ทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3

การเรยี นรู้ ความผดิ ทางอาญาและ - ตรวจใบงานที่ 1.2

หนา้ ที่พลเมอื งฯ ม.3 ความผดิ ทางแพง่ ได้ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน

- แบบทดสอบหลงั เรยี น (P) - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน

- PowerPoint 3. เปรยี บเทยี บความ - สงั เกตพฤตกิ รรม

- ใบงานที่ 1.2 แตกต่างของ การท�ำงานรายบคุ คล

กระบวนการยุติธรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม

ทางอาญาและทางแพ่ง การท�ำงานกลุ่ม

ได้ (P) - ประเมนิ คณุ ลักษณะ

4. เ ห็นคุณค่าของการ อันพึงประสงค์

ศึกษาและปฏิบตั ิตน - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน

ตามกฎหมายอาญา

ในชวี ติ ประจำ� วนั เพิม่

มากขนึ้ (A)

T2

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๑ กฎหมายแพง่ และกฎหมายอาญาหนว่ ยการเรยี นรทู ่ี ขน้ั นาํ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมือ

¡®ËÁÒÂᾋ§áÅÐ : เทคนคิ คคู ดิ สส่ี หาย)
¡®ËÁÒÂÍÒÞÒÁÕ¤ÇÒÁ
ᵡµ‹Ò§¡Ñ¹Í‹ҧäà 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเร่ือง
จดุ ประสงค และผลการเรียนรู
?
2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย
การเรยี นรทู ่ี 1 เรอื่ ง กฎหมายแพง และกฎหมาย
อาญา

3. ครูถามคําถามเพื่อกระตุนความสนใจของ
นักเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
ขอคําถามดังกลาว เชน
• กฎหมายมีความสําคัญตอการดํารงชีวิต
ประจําวนั ของคนในสงั คมอยางไร
(แนวตอบ กฎหมายถือเปนบรรทัดฐานทาง
สังคมอยา งหน่ึง ท่กี ําหนดขึ้นมาเพ่อื ใชเ ปน
ระเบียบทางสังคม ทําใหคนในสังคมอยู
รว มกันอยางสงบเรียบรอ ย)

การที่มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยน้ัน ย่อมต้องมีกฎ ระเบียบ
เป็นหลักในการปฏิบัต ิ โดยเฉพาะตอ้ งมกี ฎหมายเป็นขอ้ บงั คบั ให้ทุกคนปฏบิ ัติตาม หากผใู้ ดฝา่ ฝืน
ต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายได้บัญญัติไว้ ซ่ึงกฎหมายจะมีประสิทธิภาพเพียงใดน้ันขึ้นอยู่กับผู้ที่
บังคับใช้กฎหมายและผู้ที่น�ามาปฏิบัติ หากทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สังคมก็จะ
เกดิ ความสงบสขุ และปัญหาสังคมจะลดนอ้ ยลงดว้ ย

ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ส ๒.๑ ม.๓/๑ อธบิ ายความแตกตา่ งของการกระทา� ความผดิ • ล ักษณะการกระท�าความผดิ ทางอาญาและโทษ
ระหว่างคดีอาญาและคดีแพง่ • ลกั ษณะการกระทา� ความผดิ ทางแพง่ และความรบั ผดิ ทางแพง่

• ตัวอยา่ งการกระทา� ความผดิ ทางอาญา เชน่ ความผดิ
เกย่ี วกบั ทรัพย์
• ตัวอย่างการกระทา� ผดิ ทางแพง่ เช่น การทา� ผิดสัญญา
การละเมิด

เกร็ดแนะครู

ครูควรจัดกจิ กรรมการเรียนรโู ดยใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมตอ ไปน้ี เชน
• ตดิ ตามเหตุการณขาวสารปจจบุ นั ท่มี คี วามเก่ยี วของกับการบงั คบั ใชกฎหมาย
• สบื คน ขอ มูลเก่ียวกบั กฎหมายท่ีเปน ประโยชนตอ การดําเนินชีวติ ประจําวนั แลว นาํ เสนอขอมลู เพ่อื แลกเปลย่ี นความรู
• จดั เสวนากลมุ ยอยเพอ่ื ใหนกั เรียนแสดงความคิดเหน็ หรอื ขอเสนอแนะตางๆ ท่ีเก่ยี วกบั กฎหมาย

T3

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๑. กฎหมายแพง่ และพาณิชย์
กฎหมายแพง่ และพาณชิ ยเ์ ปน็ กฎหมายทใี่ ชบ้ งั คบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอกชนดว้ ยกนั เปน็
1. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับความแตกตาง กฎหมายท่มี ีความเก่ียวขอ้ งกับชวี ติ ประจ�าวนั เป็นอย่างมาก ประเทศไทยไดร้ วมเอากฎหมายแพ่ง
ของคดีแพงและคดีอาญา แลวใชคําถามให และพาณิชย์เข้าไว้ด้วยกัน โดยจัดท�าในรูปแบบของประมวลกฎหมายที่มีการจัดแบ่งเนื้อหาอย่าง
นักเรียนไดว เิ คราะหรวมกัน เชน เปน็ ระบบ เรยี กวา่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
• คดแี พง และพาณชิ ย และคดอี าญา มลี กั ษณะ
ทแี่ ตกตา งกันอยางไร ๑.๑ ลกั ษณะการกระทา� ความผดิ ทางแพง่ และความรบั ผดิ ชอบทางแพง่
(แนวตอบ คดีแพง คือ คดีท่ีเก่ียวกับความ การกระทา� ความผดิ ทางแพง่ เปน็ การฝา่ ฝนื หรอื ละเมดิ ตอ่ บทบญั ญตั ขิ องกฎหมายแพง่ และ
สมั พนั ธร ะหวา งบคุ คล หรอื เอกชนกบั เอกชน พาณชิ ย ์ ซ่งึ จะเป็นลักษณะเกี่ยวกบั เร่ืองบคุ คล ทรพั ย ์ นติ ิกรรม ระยะเวลา อายุความ หนี ้ ละเมิด
สวนคดีอาญาจะเปนคดีท่ีเก่ียวกับความ เอกเทศสญั ญา ทรัพย์สิน ครอบครัว และมรดก สา� หรับกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ทน่ี ักเรยี นควรรู้
ผิดตางๆ และกําหนดโทษสําหรับผูกระทํา ไดแ้ ก ่ เรอ่ื งนิตกิ รรมหรอื สัญญา โดยเฉพาะสัญญาบางประเภท เชน่ ซอื้ ขาย ก้ยู ืม เชา่ ซอื้
ผิดนั้นไว และจะเปนคดีที่เก่ียวกับความ นติ กิ รรม คอื การทบ่ี คุ คลแสดงเจตนากระทา� ไปโดยประสงคจ์ ะใหม้ ผี ลผกู พนั ใชบ้ งั คบั ไดต้ าม
สัมพันธระหวางรัฐกับประชาชน กลาวคือ กฎหมาย
แมเจาทุกขไมเอาความ แตรัฐมีหนาที่ สญั ญา คอื นติ กิ รรมประเภทหนง่ึ ทเี่ กดิ จากการตกลงกอ่ ความผกู พนั ในทางกฎหมายระหวา่ ง
ดําเนินการใหคดถี ึงที่สดุ ) บุคคลต้งั แต่สองฝา่ ยขนึ้ ไป ตามปกตบิ ุคคลมีสทิ ธิท�านิติกรรมหรอื สัญญาใด ๆ ใหม้ ผี ลผกู พนั กนั ได้
ทั้งสิ้น โดยนิติกรรมหรือสัญญาน้ันจะต้องไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย
2. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เช่น สัญญาจ้างให้ท�าร้ายผู้อ่ืน
ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง ซึ่งสัญญาจะมีลักษณะแตกต่างกนั ไป เชน่
เกง ปานกลางคอนขางออน และออ น โดยให
สมาชิกแตละคนเลือกหมายเลขประจําตัว
ตัง้ แตหมายเลข 1-4

๑) ซ้อื ขาย เปน็ สญั ญาประเภทหนึ่งซ่งึ บคุ คลฝ่ายหนึง่ เรียกวา่ “ผู้ขาย” โอนกรรมสทิ ธ์ิ
ทรพั ยส์ นิ ใหแ้ กบ่ คุ คลอกี ฝา่ ยหนง่ึ เรยี กวา่ “ผซู้ อ้ื ” โดยผซู้ อ้ื ไดใ้ ชร้ าคาทรพั ยส์ นิ นน้ั เปน็ เงนิ แกผ่ ขู้ าย
เพ่อื เป็นการตอบแทน
๑.๑) ทรัพย์สนิ ที่ซอ้ื ขายกนั ได ้ แบ่งเป็น ๒ ประเภท ดงั น้ี
๑. อสงั หารมิ ทรพั ย์ หมายถึง
ที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับท่ีดิน ท่ีมีลักษณะ
เป็นการถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกันกับ
ท่ีดินน้ัน และรวมถึงทรัพย์สินอันเกี่ยวกับท่ีดิน
หรือทรัพย์อันติดอยู่กับท่ีดินหรือประกอบเป็น
อนั เดียวกบั ทด่ี นิ น้นั เช่น บา้ นเรือน โรงงาน
๒. สังหาริมทรัพย์ หมายถึง
ทรัพย์สินอ่ืนนอกจากอสังหาริมทรัพย์ และ
 บา้ นและทดี่ นิ เปน็ ทรพั ยส์ นิ ทส่ี ามารถซอื้ ขายกนั ไดถ้ กู ตอ้ ง หมายความรวมถงึ สทิ ธอิ นั เกยี่ วกบั ทรพั ยส์ นิ นน้ั
ตามกฎหมาย
2

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด

ครูควรเตรียมบัตรคําดังตอไปนี้ การเชาทรัพย การเชาซื้อ การลักทรัพย ขอใดตอ ไปนีเ้ กย่ี วกับกฎหมายแพง และพาณิชย
การวิ่งราวทรัพย การชิงทรัพย การกูยืม การปลน การฆาคนตาย แลวให 1. ลักทรัพย
นักเรยี นแยกแยะวา บัตรคําใดเปนคดีแพงและพาณิชย บัตรคาํ ใดเปนคดอี าญา 2. นิตกิ รรม
3. ประหารชีวิต
ส่ือ Digital 4. ไมส ามารถยอมความได

ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ไดท ี่ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. นิติกรรม คือ การที่บุคคลแสดง
//www.krisdika.go.th สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา เจตนากระทําไปเพ่ือใหมีผลผูกพันบังคับไดตามกฎหมาย ซ่ึง
จดั อยใู นเรอ่ื งทเี่ กย่ี วกบั กฎหมายแพง และพาณชิ ย สว นในขอ 1., 3.
และ 4. เกย่ี วขอ งกบั กฎหมายอาญาท้งั สิ้น)

T4

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๑.๒) ทรพั ยส์ นิ ทซ่ี อื้ ขายกนั ไมไ่ ด ้ ทรพั ยส์ นิ บางประเภทไมส่ ามารถทา� การซอ้ื ขายกนั ได้ ขนั้ สอน
เน่ืองจากมีลักษณะเฉพาะบางอย่างซงึ่ กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ไดก้ �าหนดเอาไว ้ เช่น
๑. สาธารณสมบตั ิของแผ่นดนิ เชน่ ทช่ี ายตลิ่ง ทางนา้� 3. สมาชกิ แตล ะหมายเลขแยกยา ยไปรวมกลมุ ใหม
๒. สิทธิซึ่งกฎหมายห้ามโอน เชน่ สิทธิที่จะไดร้ บั มรดกของเจา้ มรดกที่ยังมชี วี ติ และรวมกันศึกษาความรูเรื่อง ลักษณะการ
สิทธิท่ีจะไดร้ ับค่าอุปการะเลยี้ งดู กระทําความผิดทางแพงและความรับผิดชอบ
๓. สทิ ธิทจ่ี ะได้บา� เหน็จ บ�านาญจากทางราชการ ทางแพง จากหนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ม.3
๕๔.. ทท่วีรัพดั แยลส์ ะินธทร่กีณฎสี หงมฆา1์ ยห้ามมีไว้ในครอบครอง เชน่ อาวธุ ปืนเถ่ือน ฝนิ หรือจากแหลง การเรยี นรูอ่ืนๆ เชน หนังสอื ใน
หองสมุด เวบ็ ไซตทางอินเทอรเน็ต หมายเลข
๖. ทรพั ยส์ นิ ทไ่ี ดม้ าโดยขอ้ กา� หนดหา้ มโอน เชน่ เจา้ มรดกไดโ้ อนทดี่ นิ แปลงหนงึ่ ละ 1 เรื่อง ดงั นี้
ให้แก่นายแดงในขณะท่ียังมีชีวิตอยู่ และได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าห้ามนายแดงโอน • หมายเลข 1 ศกึ ษาความรเู ร่อื ง ซอ้ื ขาย
ท่ดี ินดังกลา่ วใหแ้ กผ่ ูใ้ ดท้งั ส้นิ ดังนั้น ท่ดี นิ แปลงนก้ี ็ไมส่ ามารถซื้อขายได้ • หมายเลข 2 ศกึ ษาความรูเรื่อง กยู ืมเงนิ
• หมายเลข 3 ศกึ ษาความรเู รื่อง เชา ทรัพย
• หมายเลข 4 ศกึ ษาความรูเ รอ่ื ง เชา ซอ้ื

๑.๓) แบบของสัญญาซื้อขาย โดยปกติกฎหมายไม่ได้ก�าหนดแบบของสัญญาซื้อขาย
แต่การซ้ือขายทรัพย์ต่อไปน้ีต้องท�าตามแบบ คือ ต้องท�าเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อหน้า
พนักงานเจา้ หน้าท่ ี ไดแ้ ก่
๑. อสงั หารมิ ทรพั ย์ เช่น ทด่ี ิน อาคาร บ้านเรอื น
๒. สงั หารมิ ทรพั ยช์ นดิ พเิ ศษ เชน่ เรอื ทมี่ รี ะวางตงั้ แตห่ า้ ตนั ขน้ึ ไป แพทอ่ี ยอู่ าศยั
สตั วพ์ าหนะการซ้ือขายทรัพยท์ ้งั ๒ ชนดิ เช่น การซอ้ื บา้ นและท่ีดินตอ้ งไปจดทะเบียน2ทสี่ �านักงาน
ทดี่ นิ การซอื้ ขายสตั วพ์ าหนะตอ้ งไปจดทะเบยี นทอี่ า� เภอ ถา้ ไมม่ กี ารทา� เปน็ หนงั สอื หรอื จดทะเบยี น
แล้วสัญญาย่อมตกเป็นโมฆะ คือ เป็นการเสียเปล่า เท่ากับว่าไม่เคยมีการท�าสัญญากันเลย
การทา� สญั ญาจะซือ้ จะขายอสงั หารมิ ทรัพย ์ เช่น การทา� สญั ญาจะซอื้ จะขายบา้ นหรอื ที่ดิน จะตอ้ ง
ท�าสญั ญาหรอื หลักฐานอย่างใดอย่างหนงึ่ เปน็ หนงั สือลงลายมอื ช่อื ผ้ทู ่อี าจต้องรับผิดไว้ หรอื มกี าร
วางมัดจา� ไว้ หรือช�าระหน้บี างส่วนไว้ มฉิ ะนั้น จะฟ้องรอ้ งบงั คบั คดีไมไ่ ด้

 วัดและธรณสี งฆ์เป็นทรพั ย์สินทต่ี อ้ งหา้ มซื้อขายตามกฎหมาย

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

การซื้อขายในขอใดไมสามารถกระทําไดตามกฎหมายแพง 1 ธรณีสงฆ เปนท่ีดินซึ่งพุทธศาสนิกชนผูท่ีมีความศรัทธายกใหเปนของวัด
และพาณชิ ย ถือเปนสมบัติและกรรมสิทธ์ิของวัด ซ่ึงวัดจะไดรับผลประโยชนจากท่ีดินนั้น
ผูใดจะเขายึดครองหรือจะโอนกรรมสิทธ์ิใหผูอ่ืนไมได นอกจากจะมีการออก
1. ไผซ ้อื ทีด่ ินในเขตปาสงวน พระราชบญั ญตั ิเวนคนื
2. กุง ซอื้ รถยนตย โุ รปปายแดง 2 จดทะเบียน ทรัพยสินแตละประเภทมีสถานที่ในการจดทะเบียนตางกัน
3. แซนดขายแหวนเพชรใหเพ่ือน โดยทรพั ยสินตอ ไปนีม้ สี ถานทีจ่ ดทะเบยี น ดงั นี้
4. มนี ซอื้ บา นพรอ มทดี่ ินตอจากพชี่ าย
• ทด่ี นิ : สํานกั งานทีด่ ิน
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ท่ีดินในเขตปาสงวนถือเปน • เรอื : กรมเจาทา
ทรัพยสมบัติของแผนดิน ท่ีดินท่ีรัฐหวงหาม ซ่ึงตามกฎหมาย • แพ : อาํ เภอ เขต
ถือเปน ทรัพยสินที่ซอื้ ขายกันไมได) • สตั วพ าหนะ : อาํ เภอ เขต

T5

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน 1

4. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ เสนอผลการศกึ ษา ตัวอย่าง การท�าสัญญาซ้ือขายอสังหารมิ ทรัพย์
โดยเรม่ิ จากกลมุ : ซอ้ื ขาย จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถาม นายไตรขายทีด่ ินใหแ้ ก่นายวิทยเ์ ปน็ จา� นวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท นายวทิ ยไ์ ด้
ใหนกั เรยี นรวมกนั ตอบ เชน วางเงินมดั จา� ไว ้ ๑๐,๐๐๐ บาท ทงั้ สองคนนัดกันไปจดทะเบียนซือ้ ขายต่อ
• การซ้ือขายสามารถกระทําไดกับทรัพยสิน เจ้าพนักงานท่ดี นิ เม่ือถงึ วันนดั นายวิทยไ์ มไ่ ปจดทะเบยี นตอ่ เจา้ พนักงานท่ดี ิน
ทกุ ชนดิ ใชหรือไม นายวิทยผ์ ิดสัญญาซื้อขายท่ดี นิ ดงั น้นั นายไตรจงึ สามารถรบิ เงินจา� นวน
(แนวตอบ การซื้อขายไมสามารถทําไดกับ ๑๐,๐๐๐ บาทได้ และเรยี กค่าเสยี หายอยา่ งอนื่ ตามความเปน็ จรงิ ได้
ทรพั ยสินทุกชนิด มีทรพั ยสินทซี่ อื้ ขายไมได
เชน สาธารณสมบตั ิ ทรพั ยส นิ ทผี่ ดิ กฎหมาย) ส�าหรับการซ้ือขายสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาซื้อขายเป็นเงินต้ังแต่ ๒๐,๐๐๐ บาทข้ึนไป
• ทาํ ไมเมอ่ื มกี ารซอ้ื ขายทรพั ยส นิ บางประเภท ต้องมีหลักฐานการซ้ือขายเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง และลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบ
ตองมีการทําสัญญาตามแบบท่ีกฎหมาย วางมัดจา� หรือได้ชา� ระหนบ้ี างส่วน ถา้ ไม่ไดก้ ระทา� อย่างใดอย่างหนึ่งในสามอยา่ งดังกล่าวมาแล้ว
กาํ หนด กฎหมายห้ามไมใ่ หฟ้ ้องรอ้ งคดตี อ่ ศาล
(แนวตอบ เพ่ือใหเกดิ ความเปนธรรมแกผูซ้ือ
และผูขาย และเพื่อใชเปนหลักฐานในการ ตัวอย่าง การทา� สัญญาซ้อื ขายสงั หารมิ ทรัพย์
ดําเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย) นายมดตกลงขายนาิกาข้อมือน�าเข้าจากตา่ งประเทศแกน่ ายไผ ่
จากนน้ั ครยู กตวั อยา งการซอ้ื ขายอสงั หารมิ ทรพั ย ราคา ๓๐,๐๐๐ บาท ทงั้ สองท�าสัญญาซอ้ื ขายไว้ โดยก�าหนดวันสง่ มอบนาิกาขอ้ มือ
เชน บา น และตวั อยา งการซอ้ื ขายสงั หารมิ ทรพั ย เมือ่ ถงึ กา� หนดนดั นายมดเปล่ยี นใจไมย่ อมขายนาิกาขอ้ มือเพราะเห็นวา่ ราคาถกู เกินไป
เชน รถยนต ใหนักเรียนรวมกับบอกขั้นตอน ในกรณน� ้ถ� ือว่านายมดผิดสัญญา นายไผส่ ามารถฟอ้ งรอ้ งบังคับคด ี โดยใหน้ ายมด
การซ้อื ขาย สง่ มอบนาิกาข้อมือตามทีไ่ ด้ตกลงกนั ไวไ้ ด้

๑.๔) หน้าทแ่ี ละความรับผดิ ชอบของผู้ขาย มดี งั น้ี
๑. การสง่ มอบทรัพย์สิน ผ้ขู ายจะต้องส่งมอบทรัพยส์ นิ ท่ีขายน้ันให้แกผ่ ซู้ ื้อตาม
ขอ้ ตกลงในสญั ญา
๒. ถา้ ทรพั ย์สินท่ีซ้ือขายช�ารุดบกพร่องอย่างหน่ึงอย่างใด มีผลท�าให้ทรัพย์สิน
เสอื่ มราคาหรอื เส่อื มประโยชน์ในการใช้สอย ผขู้ ายจะต้องรบั ผดิ

ตวั อยา่ ง หนา้ ท่ีและความรบั ผิดชอบของผขู้ าย
นางสาวแววตาซื้อโทรทศั น์จากร้านขายเครอ่ื งใช้ไฟฟ้าแหง่ หนง�ึ โดยมีการทดลอง
ใช้งานก่อนซึง� ใชไ้ ดป้ กติ จึงตัดสินใจซ้อื แต่หลงั จากนางสาวแววตาเปดิ ดโู ทรทศั นท์ ีบ่ ้าน
ในเวลากลางคนื พบว่า จอภาพมเี สน้ บนจอและเกดิ ภาพซ้อนกนั ดังนัน้ เจ้าของร้าน
จึงต้องรบั ผิดชอบ โดยเปล่ยี นโทรทัศนเ์ ครอ่ื งใหมใ่ ห้แก่นางสาวแววตา

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 สัญญาซื้อขาย แบงเปนรูปแบบตางๆ ดังนี้ สัญญาซ้ือขายเสร็จเด็ดขาด ปอ มตกลงขายรถยนตใ หว ใี นราคา 400,000 บาท โดยทงั้ สองให
คอื สัญญาซือ้ ขายที่คูสัญญาไดตกลงซื้อขายกันไดเรียบรอ ยแลว ไมมเี ร่ืองอะไร สัญญาปากเปลา ตอมาปอมเปลี่ยนใจไมยอมขายรถให วีสามารถ
ทค่ี ูสัญญาจะตอ งตกลงกันอกี เชน การซ้อื ขายรถยนตท่ผี ูซ ื้อจายเงนิ ครบถวนใน ฟอ งรอ งตอ ศาลไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
คราวเดียว โดยไมใชวิธกี ารผอ น การซ้อื ขายจึงเสรจ็ สิ้นสมบรู ณ สญั ญาซ้อื ขาย
มเี งื่อนไข คือ สัญญาซ้ือขายเสรจ็ เดด็ ขาดทคี่ ูสัญญาไดตกลงกันวา กรรมสิทธิ์ 1. ได เพราะปอ มผิดสัญญา
ในทรพั ยส นิ ทซ่ี อื้ ขายกนั นน้ั ยงั ไมโ อนไปยงั ผซู อื้ จนกวา การซอื้ ขายจะเปน ไปตาม 2. ได เพราะเปนความผดิ ทางแพง
เงือ่ นไข เชน การซือ้ ขายรถยนตเ งินผอ น จะมีการกาํ หนดเงอ่ื นไข คือ กรรมสิทธ์ิ 3. ไมไ ด เพราะไมไดท ําสญั ญาซือ้ ขายกันไว
จะยังไมเ ปนของผซู ้ือจนกวาจะผอ นชาํ ระเงนิ ครบถวน 4. ไมได เพราะราคาซอื้ ขายตา่ํ กวาราคาทีก่ ฎหมายกาํ หนด

T6 (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. กฎหมายกาํ หนดไวว าการซ้ือขาย
สังหาริมทรัพยร าคาตง้ั แต 20,000 บาทข้ึนไป ตอ งมีการทําสัญญา
ซอื้ ขายเปน หนงั สอื ลงลายมอื ชอ่ื มกี ารวางมดั จาํ หรอื ชาํ ระบางสว น
ซ่งึ หากไมมกี ารกระทําดังกลาว กฎหมายหา มไมใหมีการฟองรอง
คดีตอศาล)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ทง้ั น ี้ ผขู้ ายไมจ่ า� เปน็ ตอ้ งรบั ผดิ ในทรพั ยส์ นิ ทชี่ า� รดุ บกพรอ่ ง ในกรณตี อ่ ไปน้ี ขน้ั สอน
• ผู้ซื้อรู้อยู่แล้วต้ังแต่ในเวลาซื้อขายว่าทรัพย์สินน้ันมีความช�ารุดบกพร่อง หรือ
ควรจะได้รู้แต่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังอันบุคคล 5. ครูนําตัวอยางสัญญาซื้อขายมาใหนักเรียน
ท่วั ไปพงึ คาดหมายได้ รวมกันศึกษา และอภิปรายความรูเช่ือมโยง
• ความชา� รดุ บกพรอ่ งนน้ั เหน็ กับตัวอยางการทําสัญญาซ้ือขาย และหนาที่
ประจักษ์แล้วในเวลาส่งมอบ และผู้ซ้ือรับเอา ความรับผิดชอบของผูขาย จากหนังสือเรียน
ทรพั ย์สินนั้นไว้โดยไมไ่ ดอ้ ดิ เอ้ือน สังคมศึกษาฯ ม.3 หรือจากแหลงการเรียนรู
ก ารขายทอดตลาด• เทพรรพั ายะส์ในนิ กทาไ่ี รดขซ้ าอ้ื ยขทาอยดมตาลจาาดก1 อื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตใน
นั้น เป็นการขายท่ีเปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้ซื้อ อนิ เทอรเ น็ต โดยครแู นะนาํ เพ่มิ เตมิ
นา่ จะมีโอกาสตรวจสอบก่อนแลว้
๑.๕) หน้าทข่ี องผซู้ ือ้ มดี ังนี้ 6. ครูใหนักเรียนกลุมท่ีทําการศึกษา : กูยืม
นําเสนอผลการศึกษา แลวรวมกันอภิปราย
ความรูเก่ียวกับหลักฐานในการกูยืม ตัวอยาง
หนังสอื กยู ืมมาอภปิ ราย

 ผซู้ อ้ื มสี ทิ ธเิ ลอื กสนิ คา้ ทต่ี นพงึ พอใจมากทสี่ ดุ กอ่ นจะชา� ระ
เงินค่าสนิ ค้าน้นั

๑. ผซู้ อ้ื จะตอ้ งรบั มอบทรพั ยส์ นิ ท่ีตนได้ซอื้ และใชร้ าคาตามสญั ญาซ้ือขาย
๒. ถา้ ผซู้ อื้ พบเหน็ ความชา� รดุ บกพรอ่ งในทรพั ยส์ นิ ทตี่ นไดซ้ อ้ื ผซู้ อ้ื มสี ทิ ธทิ จ่ี ะยงั
ไมช่ า� ระราคา เว้นแตผ่ ู้ขายจะหาประกนั ที่สมควรมาให้

๒) กู้ยืม คือ สัญญาท่ีบุคคลหน่ึง เรียกว่า “ผู้กู้” ได้ขอยืมเงินจ�านวนหน่ึงตามท่ีได้
ก�าหนดไว้จากบคุ คลอกี คนหนง่ึ เรยี กว่า “ผ้ใู หก้ ”ู้ เพ่ือผูก้ ้จู ะนา� เงนิ ไปใช้สอยตามที่ต้องการ และ
ผู้กู้ตกลงคืนเงินจ�านวนดังกล่าวแก่ผู้ให้กู้ตามเวลาที่ก�าหนด พร้อมกับยินยอมเสียดอกเบ้ียให้แก่
ผ้ใู ห้กู้ตามอตั ราท่ีตกลงไว้เปน็ การตอบแทน
๒.๑) หลักฐานในการกยู้ มื การกูย้ ืมเงินเกินกวา่ สองพันบาทขน้ึ ไป หากไมม่ ีหลักฐาน
การกู้ยมื เงินเป็นหนงั สอื และลงลายมือช่ือผกู้ ูเ้ ป็นส�าคญั จะฟอ้ งร้องให้บงั คับคดีกันไมไ่ ด ้ กล่าวคือ
ในการกู้ยืมเงินเกินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ต้องท�าหลกั ฐานแห่งการกู้ยืมเปน็ หนงั สือลงลายมือชื่อ
ผกู้ ไู้ วเ้ ป็นหลกั ฐานเพ่อื ฟ้องร้องบังคับคด ี แตท่ ้งั นี้ กฎหมายไมไ่ ด้ก�าหนดว่าตอ้ งท�าตามแบบ เพยี ง
แต่มีขอ้ ความทพ่ี อจะใหเ้ ขา้ ใจได้ว่าเป็นหลกั ฐานที่แสดงว่ามกี ารกู้ยืมเงินกนั จรงิ โดยอาจจะบนั ทกึ
เปน็ ขอ้ ความ จดหมาย หรอื เอกสารทีแ่ สดงใหเ้ หน็ วา่ มกี ารกยู้ ืมกันและมีลายมือชอ่ื ผกู้ ้กู ็ใช้ได้
ในกรณที ท่ี า� สญั ญาใหก้ ยู้ มื เงนิ กนั โดยทผ่ี กู้ ไู้ มส่ ามารถเขยี นหนงั สอื ได ้ จะตอ้ งมลี ายพมิ พ์
นวิ้ มอื ของผูก้ ้ปู ระทบั ในหนังสือดังกล่าวดว้ ย โดยมีพยานลงลายมอื ชื่อรบั รองลายพมิ พน์ ิ้วมือของ
ผกู้ ู้อย่างน้อย ๒ คน เพ่อื ใชแ้ ทนลายมอื ชือ่ ของผ้กู ู้

5

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

การกระทําในขอ ใดผดิ หลักเกณฑก ารกยู ืมเงนิ ตามกฎหมาย 1 ขายทอดตลาด คือ การขายทรัพยสินโดยเปดเผยแกบุคคลท่ัวไป ดวยวิธี
1. มดผอนชาํ ระหนเ้ี งินกูครบแลว จงึ ขอหลกั ฐานการกยู ืมเงนิ คนื เปดโอกาสใหผ ซู ือ้ สรู าคากนั ผใู ดใหราคาสูงสดุ ผูนน้ั เปน ผซู อ้ื ทรัพยส ินนน้ั ได
2. โจกยู ืมเงินฝน 1,000 บาท โดยไมไ ดทาํ หนังสือสัญญากนั ไว
3. กายชาํ ระหนเ้ี งนิ กบู างสว นจงึ ลงชอื่ ในหนงั สอื สญั ญาพรอ มบอก ส่ือ Digital

จาํ นวนเงนิ ท่ีชาํ ระ ศกึ ษาคน ควา ขอ มลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การซอื้ ขาย การกยู มื ไดท ี่ //www.
4. แอรใหวจีกูยืมเงิน 50,000 บาท โดยคิดดอกเบ้ียรอยละ 20 led.go.th/dbases/pdf/e-book กรมบงั คบั คดี กระทรวงยตุ ิธรรม

ตอป และมกี ารทําหนังสือสัญญากนั

(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. กฎหมายกําหนดใหผูใหกูคิด
ดอกเบ้ียสูงสุดไดไมเกินรอยละ 15 ตอป หากคิดอัตราดอกเบี้ย
เกินกวา น้นั จะมีผลทําใหด อกเบี้ยเปนโมฆะ ผูใหกขู อเรียกเงนิ ตน
คืนไดเ ทานน้ั )

T7

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๒.๒) การชา� ระหนี้กยู้ มื เงนิ คอื การใชเ้ งินที่ยมื พรอ้ มดอกเบย้ี ตามข้อตกลงในสญั ญาที่
ผกู้ จู้ ะตอ้ งชา� ระใหแ้ กผ่ ใู้ หก้ ใู้ นอตั ราทกี่ ฎหมายกา� หนด กฎหมายไดก้ า� หนดวา่ ในการพสิ จู นว์ า่ ได้มี
7. ครูแบงนักเรียนออกเปนฝายผูกูและผูใหกู การชา� ระหนี้การกู้ยมื เงินนนั้ จะตอ้ งมหี ลกั ฐานหรอื มกี ารกระทา� อย่างใดอยา่ งหน่ึง ดังต่อไปนี้
ใหฝายผูใหกูบอกเงื่อนไขในการกูยืม และให ๑. หลักฐานเป็นหนังสือที่มีข้อความแสดงว่า ผู้ให้กู้ได้รับช�าระหนี้เงินกู้จ�านวน
ฝายผูก ูบอกวธิ ีการผอนชําระ โดยครูใหขอมูล นั้นแล้ว พร้อมท้ังลงลายมือช่ือผู้ให้กู้ ดังน้ัน เม่ือผู้กู้ได้ช�าระหน้ีแล้ว จ�าเป็นจะต้องขอหลักฐาน
ในการคดิ อตั ราดอกเบย้ี จากนน้ั ครตู งั้ คาํ ถาม เป็นหนงั สอื ทแ่ี สดงวา่ ผใู้ ห้กรู้ ับเงนิ จากผู้กไู้ ปแลว้
ใหน ักเรียนรวมกนั ตอบ เชน ๒. มีการเวนคนื เอกสาร อันเปน็ หลกั ฐานแห่งการกู้ยืมเงิน กลา่ วคือ ผู้ใหก้ ู้เงิน
• ทําไมเมือ่ มกี ารกยู ืมเงินจึงตอ งทาํ นติ ิกรรม จะต้องสง่ มอบสญั ญากูห้ รือหลักฐานการกู้ยมื เงนิ คืนใหแ้ กผ่ ูก้ ู้
(แนวตอบ เพื่อใหเกิดความเปนธรรมทั้งฝาย ๓. มกี ารเพกิ ถอนในเอกสาร กลา่ วคอื มกี ารบนั ทกึ ขอ้ ความลงในเอกสารหนงั สอื
เจา หน้แี ละลกู หน้ี และเพื่อสามารถฟอ งรอ ง สัญญากู้ หรอื ผู้ใหก้ บู้ นั ทึกลงในหลักฐานการกยู้ ืมเงินนัน้ ว่า ไดเ้ ลิกสญั ญากู้ยมื หรอื เอกสารนัน้ แล้ว
และใหก ฎหมายคมุ ครองได) หรอื ผใู้ หก้ บู้ นั ทกึ วา่ ไดร้ บั ชา� ระหนเ้ี งนิ กยู้ มื รายนแี้ ลว้ ตามจา� นวนเงนิ ทกี่ า� หนด โดยมลี ายมอื ชอ่ื ผใู้ หก้ ู้
• ทาํ ไมกฎหมายจงึ ตอ งกาํ หนดอตั ราดอกเบยี้ ถ้าหากผกู้ ู้ช�าระเงนิ คืนแคเ่ พยี งบางสว่ น จะตอ้ งใหผ้ ู้ใหก้ ู้บนั ทกึ เปน็ หลกั ฐานในหนงั สอื
ในการกยู ืมเงินไวไมเกินรอ ยละ 15 ตอป สญั ญากยู้ ืมท่ีไดท้ �ากนั ไว้น้ันวา่ ไดม้ ีการชา� ระเงนิ คืนเป็นจา� นวนเงนิ เท่าใด โดยผใู้ ห้ก้ลู งลายมือชื่อ
(แนวตอบ เพื่อปองกันการเอารัดเอาเปรียบ กา� กบั ไว้เป็นหลักฐาน พรอ้ มท้ังลงวนั เดอื น ปี ใหค้ รบถ้วน
จากเจาหนี)้ ผู้ให้กู้คิดดอ๒ก.เ๓บ)ี้ย กสาูงรสคุดดิ ไดดอ้ไมก่เเบกยี้ินกรา้อรยใลหะก้ ยู้ ๑มื ๕เง นิ ต ่อในปกี าเรวก้นยู้ แมื ตเง่ในนิ สก่นวั นนขน้ั อ กงฎธนหามคาายรไ ดสม้ ถกี าาบรกันา� กหานรดเงวินา่ 1
กฎหมายก�าหนดให้คิดดอกเบ้ียได้มากกว่าน้ัน ถ้าในสัญญาผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่
กฎหมายกา� หนด จะมีผลให้ดอกเบ้ยี เป็นโมฆะทงั้ หมด คือ ไม่มีสิทธไิ ดด้ อกเบย้ี เลย ผู้ใหก้ ูม้ ีสทิ ธิ
เรียกใหผ้ ้กู ้ชู �าระเงนิ ต้นคนื เทา่ นั้น ในกรณที เี่ ขยี นอตั ราดอกเบย้ี ในสญั ญากยู้ มื เงนิ ไวว้ า่ ใหด้ อกเบยี้
ตามกฎหมาย ผู้ให้กมู้ ีสิทธเิ รียกดอกเบย้ี ไดใ้ นอตั รารอ้ ยละเจ็ดครง่ึ ต่อปี

ตัวอย่าง การกู้ยมื เงิน
นางสาวหวานทา� สญั ญาก้ยู ืมเงนิ นางสาวส้มเป็นจ�านวนเงนิ ๒๐,๐๐๐ บาท
โดยก�าหนดชา� ระเงนิ พร้อมดอกเบยี้ ในวันที่ ๓๐ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ดอกเบีย้ อตั รา
ร้อยละ ๑๒ ตอ่ ปี เมอ่ื ถงึ ก�าหนดวันช�าระเงินนางสาวหวานไมย่ อมช�าระ จึงถือว่า
นางสาวหวานผดิ สญั ญาจะตอ้ งรับผิด ตอ้ งคนื เงินตน้ ๒๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบีย้
รอ้ ยละ ๑๒ ต่อปี ต้ังแต่วนั ท�าสัญญาจนกว่าจะชา� ระเสร็จ

๓) เช่าทรัพย์ คือ สัญญาซ่ึงบุคคลหนึ่ง เรียกว่า “ผู้ให้เช่า” ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่ง

เรียกว่า “ผู้เช่า” ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหน่ึงชั่วระยะเวลาอันมีจ�ากัด
และผู้เช่าตกลงจะให้คา่ เช่าแกผ่ ูใ้ หเ้ ชา่

6

เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรา งเสริม

ครูอาจแนะนําใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเก่ียวกับอัตราดอกเบี้ย นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร
เงินฝาก-เงินกูในปจจุบัน ไดท่ี www.bot.or.th เว็บไซตของธนาคารแหง พาณิชยวามีอัตราการคิดดอกเบี้ยอยางไร แลวนําขอมูลที่ไดมา
ประเทศไทย รว มกันศกึ ษาในหอ งเรียน

นักเรียนควรรู กิจกรรม ทา ทาย

1 สถาบันการเงิน ในประเทศไทยมีสถาบันการเงินที่ต้ังขึ้นตามกฎหมาย ครูนํากรณีตัวอยางการทําสัญญาซ้ือขาย เชน มานีกูยืมเงิน
ทั้งสิ้น 12 สถาบัน โดยแบงออกเปนหลายประเภท เชน ธนาคารพาณิชย จากมานะเปน จํานวนเงิน 50,000 บาท โดยกําหนดดอกเบ้ยี อัตรา
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย บริษัทประกันวินาศภัย ซ่ึงสถาบันการเงินแตละแหง รอ ยละ 15 ตอ ป มีกาํ หนดระยะเวลาชาํ ระคนื ภายใน 6 เดอื น เมื่อ
ตางดาํ เนนิ บทบาทที่แตกตางกันไป ถงึ กาํ หนดมานีจะตองจา ยเงนิ พรอมทง้ั ดอกเบีย้ เปนจาํ นวนเทาไร
จากน้ัน ใหนักเรียนรวมกันศึกษา วิเคราะห แลวตอบประเด็น
T8 คําถามดงั กลา ว

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๓.๑) หลักเกณฑก์ ารเช่า มีดงั นี้ ขน้ั สอน
ส ังหาริมทร ัพย์ชน๑ิด. พกิเศารษเ ชา่เชส่นงั ห าเรรือมิ ทที่มรพัีระยวไ์ ามงจ่ ตา� ้ังเแปตน็ ่หตอ้้าตงมันหีขล้ึนกัไปฐา นแเพปหน็ รหือนสงั ัตสวอื ์พ แามหจ้ นะะเ1ปกน็็ไมก่ตาร้อเงชมา่ ี
หลักฐานการเช่าเปน็ หนงั สอื แต่อยา่ งใด 8. ครูใหน กั เรียนกลุมทท่ี าํ การศึกษา : เชาทรัพย
๒. การเชา่ อสงั หารมิ ทรพั ย ์ จะตอ้ งมหี ลกั ฐานเปน็ หนงั สอื ลงลายมอื ชอ่ื ผตู้ อ้ งรบั ผดิ นําเสนอผลการศกึ ษา จากน้ันครตู ้ังคาํ ถามให
มฉิ ะนน้ั จะฟอ้ งรอ้ งกนั ไมไ่ ด ้ และถา้ เปน็ การเชา่ อสงั หารมิ ทรพั ยท์ ม่ี รี ะยะเวลาเกนิ กวา่ สามปขี นึ้ ไป นักเรยี นรวมกนั ตอบ เชน
หรือตลอดอายุของผู้เช่าหรอื ผใู้ หเ้ ชา่ จะตอ้ งทา� เปน็ หนังสือและจดทะเบยี นต่อพนกั งานเจา้ หนา้ ท ี่ • การเชาสังหาริมทรัพยและอสังหาริมทรัพย
มฉิ ะนนั้ จะฟอ้ งร้องกันได้เพียงสามปี มีความแตกตา งกันอยา งไร
(แนวตอบ การเชาสังหาริมทรัพย ไมจําเปน
ตัวอยา่ ง การเช่าอสงั หารมิ ทรัพย์ ตองมีหลักฐานเปนหนังสือ แมจะเปนการ
นางสาวหมวิ ตกลงเช่าห้องพักของนางสาวตาลเป็นเวลา ๓ ป ี ท�าหนงั สือ เชา สงั หารมิ ทรพั ยช นดิ พเิ ศษ เชน เรอื กาํ ปน
สญั ญาเช่ากันเอง ไม่ได้ไปจดทะเบยี นต่อพนกั งานเจ้าหน้าที่ โดยตกลงช�าระค่าเชา่ เรอื กลไฟ แตก ารเชา อสงั หารมิ ทรพั ย จะตอ งมี
เป็นรายเดือน เดอื นละ ๓,๐๐๐ บาท นางสาวหมวิ ชา� ระค่าเช่าทุกเดือนเป็นเวลา หลกั ฐานเปน หนงั สอื ลงลายมอื ชอื่ ผรู บั ผดิ ชอบ
๖ เดอื น แลว้ ไม่ช�าระอีกเลย ถอื วา่ นางสาวหมวิ ผิดสญั ญา นางสาวตาลมสี ิทธบิ อก และถา เปน การเชา อสงั หารมิ ทรพั ยท ี่มีระยะ
เลกิ สัญญา นางสาวหมิวจะต้องรบั ผดิ ในคา่ เชา่ ทีค่ า้ งชา� ระตอ่ นางสาวตาล เวลาเกินกวา 3 ปข ึน้ ไป หรือตลอดอายขุ อง
ผูเชา จะตองทําเปนหนังสอื และจดทะเบียน
๓.๒) หน้าท่ีและความผิดของผู้ใหเ้ ช่า ไดแ้ ก่ ตอ พนกั งานเจา หนา ที่ มฉิ ะนนั้ จะฟอ งรอ งให
๑. ผ้ใู ห้เชา่ ต้องส่งมอบทรัพยส์ ินซงึ่ ใหเ้ ชา่ ในสภาพทซี่ ่อมแซมดแี ล้ว บังคับคดไี ดเ พยี ง 3 ป)
๒. ถา้ ผใู้ หเ้ ชา่ สง่ มอบทรพั ยส์ นิ ซง่ึ ใหเ้ ชา่ โดยสภาพไมเ่ หมาะสมแกก่ ารใชป้ ระโยชน์
ของผูเ้ ชา่ ผเู้ ชา่ จะบอกเลิกสญั ญากไ็ ด้
๓. ผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบต่อความช�ารุดบกพร่องซ่ึงเกิดข้ึนในระหว่างเวลาเช่า
โดยผู้ให้เช่าต้องจัดการซ่อมแซมในสิ่งจ�าเป็น เว้นแต่ว่าการซ่อมแซมนั้นมีกฎหมายหรือจารีต
ประเพณีวา่ ผู้เช่าต้องซอ่ มแซมเอง

๓.๓) หนา้ ที่และความรับผิดของผู้เช่า ได้แก่
๑. ผเู้ ชา่ จะใชท้ รพั ยส์ นิ ทเี่ ชา่ ในกจิ การอน่ื นอกจากทใี่ ชก้ นั ตามประเพณนี ยิ มปกติ
หรือในกจิ การท่ีกา� หนดไวใ้ นสญั ญานน้ั ไม่ได้
๒. ผเู้ ชา่ จะตอ้ งสงวนทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ชา่ นน้ั เชน่ เดยี วกนั กบั ทรพั ยส์ นิ ของตนเอง และ
ต้องบ�ารุงรกั ษาท้ังท�าการซ่อมแซมเลก็ น้อยด้วย
๓. ผเู้ ชา่ จะตอ้ งใหผ้ ใู้ หเ้ ชา่ หรอื ตวั แทนของผใู้ หเ้ ชา่ สามารถตรวจดทู รพั ยส์ นิ ทเี่ ชา่
เป็นคร้ังคราว ในเวลาและระยะอนั เหมาะสม
๔. ถา้ ผเู้ ช่าไม่ช�าระค่าเชา่ ผใู้ หเ้ ชา่ จะบอกเลิกสัญญาได้

7

ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

การเชาทรัพยสินในขอใดตองมีการทําหลักฐานเปนหนังสือ 1 สัตวพาหนะ ตามพระราชบัญญัติสัตวพาหนะ หมายถึง ชาง มา โค
ลงลายมือช่ือผตู องรบั ผดิ กระบอื ลอ ลา ซง่ึ ไดท าํ หรอื ตอ งทาํ ตว๋ั รปู พรรณตาม พ.ร.บ. น้ี และตาํ หนริ ปู พรรณ
หมายถงึ ลกั ษณะสณั ฐานโดยเฉพาะของสตั วพ าหนะแตล ะตวั ซงึ่ อาจแตกตา งกนั ไป
1. รถจกั รยาน ทงั้ นอ้ี าจเปนนตาํ หนิท่ีมีอยูแลว หรือทําข้นึ ใหมเพอ่ื ใชเ ปนเครอ่ื งหมาย เน่อื งจาก
2. ทน่ี าปลกู ขา ว สตั วพ าหนะตา งๆ เหลา นม้ี รี ปู พรรณเหมอื นกนั การจาํ แนกเปน การเฉพาะจงึ ตอ ง
3. เครอ่ื งคอมพวิ เตอร มีการทําเครือ่ งหมายไว และสตั วพ าหนะตาม พ.ร.บ.นีไ้ มร วมถึงกรณที ่ีเปน สัตว
4. ชา งสาํ หรบั เปน พาหนะ พาหนะของทางราชการเวนแตม ีการโอนกรรมสทิ ธ์ิใหส ตั วน ้ันแกเอกชน

(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. การเชาอสังหาริมทรัพยจะตอง
มีหลักฐานเปนหนังสือลงลายมือชื่อผูตองรับผิด มิฉะน้ันจะ
ฟองรองกันไมไดตามกฎหมาย สวนการเชาสังหาริมทรัพยหรือ
สงั หาริมทรพั ยชนิดพเิ ศษไมจ ําเปน ตอ งมหี ลักฐานเปน หนงั สือ)

T9

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๔) เชา่ ซอ้ื คอื สญั ญาซงึ่ เจา้ ของเอาทรพั ยส์ นิ ออกใหเ้ ชา่ และใหค้ า� มน่ั วา่ จะขายทรพั ยส์ นิ นน้ั

7. ครูใหนักเรียนกลุมที่ทําการศึกษา : เชาซ้ือ หรือใหท้ รัพย์สนิ นัน้ ตกเปน็ สทิ ธิแก่ผู้เช่า โดยเง่อื นไขทีผ่ ้เู ชา่ ไดใ้ ช้เงินเป็นจ�านวนเท่านั้นเทา่ น้คี ราว
นําเสนอผลการศึกษา จากนั้นครูตั้งคําถาม ทรัพย์สนิ ท่ีเช่าซ้ือน้นั ได้แก่ ทรัพย์สนิ ทุกประเภท สญั ญาเชา่ ซื้อจะตอ้ งทา� เปน็ หนังสือ มิฉะนนั้
ใหน ักเรยี นรว มกนั ตอบ เชน แจะลเะปจ็นดโทกมาะฆรเบเะชยี า่กนซลกอื้ ่าาอวรสคโองัอื หน 2าตครอ่สู่ มิ พญั ทนญรกัพั างจยา ะ์นกตเรอ้จรา้งมหลสงนทิ ลา้ ธาท1จิ์ย ี่ะถมโา้ออื ผนชใู้ ไ่อืหปใเ้ ยนชงัสา่ ผซญั เู้อ้ืชญผา่ าซดิ ทอสื้ ้ังญไั สดญ อ้ กงาต็ ฝไอ่ม่าเย่ยมอ อื่ มผไใู้ ปหจเ้ ชดา่ ทซะอ้ื เบไดยี ท้ นา� กหานรงโั อสนอื
• การเชา ทรพั ยแ ละการเชา ซอ้ื มคี วามแตกตา ง ต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ี ผู้เช่าซ้ือมีสิทธิฟ้องต่อศาลเพ่ือบังคับให้ผู้ให้เช่าซื้อไปจดทะเบียนการโอน
กันอยา งไร ตอ่ พนักงานเจา้ หน้าทีไ่ ด้
(แนวตอบ สัญญาเชาทรัพย เปนการใช
ทรัพยสินของผูอ่ืนช่ัวคราว โดยทรัพยสิน ตวั อยา่ ง การเช่าซอื้ อสงั หารมิ ทรัพย์
ไมตกเปนของผูเชา เจาของทรัพยยังมี นายอัครเดชน�าบ้านพรอ้ มทด่ี ิน ๑ แปลง ใหน้ ายศภุ ชัยเชา่ ซ้อื ในราคา
กรรมสิทธิ์ในทรัพยน้ันอยู และการเชา ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท นายศภุ ชัยไดช้ �าระเงินคา่ เช่าซอ้ื ครบ ๑๐ งวด งวดละ
อสังหาริมทรัพยตั้งแต 3 ปขึ้นไปตองทํา ๓๐๐,๐๐๐ บาท แตน่ ายอคั รเดชไม่ยอมไปท�าหนงั สอื และจดทะเบยี นการโอน
หนังสือสัญญา สวนสัญญาเชาซื้อ เปน บ้านพร้อมทด่ี นิ ต่อพนกั งานเจ้าหนา้ ท่ีใหแ้ กน่ ายศภุ ชัย ถือว่านายอคั รเดชผดิ
การเชาสวนหน่ึง และทรัพยนั้นจะตกเปน สญั ญา ดงั น้นั นายศภุ ชัยมีสทิ ธฟิ ้องศาลเพอ่ื บงั คับให้นายอคั รเดชไปจดทะเบยี นการโอนได้
กรรมสทิ ธขิ์ องผเู ชา ภายหลงั โดยทก่ี รรมสทิ ธ์ิ
ยังเปนของผูใหเชาซื้ออยู หากผูเชาซ้ือ ในกรณีทีผ่ ้เู ชา่ ซือ้ ผิดนดั ไม่ใช้เงินสองคราวตดิ ต่อกนั หรือกระท�าผดิ สญั ญาในข้อทเี่ ป็นสว่ น
ยังผอนชําระเงินไมครบตามจํานวน และ ส�าคัญ เจา้ ของทรพั ยส์ ินจะบอกเลกิ สญั ญาก็ได ้ และเงินท่ีได้รบั ชา� ระมาแล้วให้รบิ เปน็ ของเจ้าของ
การเชาซ้ือตอ งทําเปน สญั ญาเสมอ) ทรพั ยส์ ิน และเจ้าของทรพั ยส์ ินสามารถท่ีจะกลับเขา้ ครอบครองทรัพยส์ นิ นน้ั ไดด้ ว้ ย

ตัวอย่าง การผดิ สญั ญาการเชา่ ซอื้ สังหาริมทรัพย์
นายเอกเช่าซ้อื รถยนต์จากบรษิ ทั ยานยนต์ จา� กดั เปน็ เงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
โดยมขี อ้ ตกลงในสญั ญาวา่ จะช�าระเงนิ จา� นวน ๒๕ งวด งวดละ ๒๐,๐๐๐ บาท
นายเอกช�าระเงินแกบ่ รษิ ทั ยานยนต ์ จ�ากัด ไปแลว้ ๒๐ งวด แต่ไม่มีเงนิ ไป
ช�าระในงวดท่ ี ๒๑ และงวดท่ ี ๒๒ บริษัทยานยนต ์ จา� กัด จงึ บอกเลิกสญั ญา
และเรยี กรถยนต์คนื พร้อมรบิ เงินท่นี ายเอกช�าระมาแลว้ จา� นวน ๒๐ งวดไว้
นายเอกซึ�งเป็นผูเ้ ช่าซื้อจะตอ้ งคืนรถยนตใ์ ห้แก่บรษิ ัทยานยนต ์ จา� กัด

ประเด็นส�าคัญของการเช่าซื้อ คือ สัญญาเชา่ ซื้อจะตอ้ งท�าเปน็ หนงั สือ ค่สู ญั ญาจะต้องลง
ลายมือชอ่ื ในสัญญาท้งั สองฝ่าย กรรมสทิ ธิใ์ นทรัพย์สนิ ยังเป็นของผ้ใู หเ้ ช่าซื้ออยู่

8

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ

1 กรรมสิทธิ์ สิทธิ์ที่ไดการรับรอง โดยระบุวาผูเปนเจาของมีสิทธิจากการ ตอ งตกลงเชา หอ งแถวจากอว น โดยอว นตกลงวา จะขายตกึ แถว
เปนเจาของวามีสิทธิในการไดรับประโยชนและมีขอจํากัดในการใชทรัพยากร ใหตอ ง เม่ือตอ งจายคาเชา ครบ 24 เดือน เดือนละ 8,000 บาท
หรอื ทรัพยส นิ นนั้ อยา งไรบา ง ตามสัญญา กรณนี ีถ้ อื เปน สญั ญาประเภทใด
2 การโอน กฎหมายไดกําหนดแบบและวิธีการโอนเอาไว โดยตองทําเปน
หนังสือและจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่ ไมอยางนั้นการโอนจะไมมีผล 1. สญั ญาเชา ซื้อ
ผกู พนั กับผูร บั โอน และตกเปนโมฆะ 2. สัญญาเชาทรัพย
3. สัญญาซอื้ เงนิ ผอ น
4. สัญญาจะซ้อื จะขาย

(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. สัญญาเชา ซ้ือเปนสัญญาซง่ึ เจา ของ
เอาทรพั ยส ินออกใหเ ชา และใหค าํ มั่นวา จะขายทรัพยสนิ นน้ั โดยมี
เงื่อนไขทผ่ี ูเชา ไดใชเ งินครบตามจาํ นวน)

T10

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

หลกั เกณฑ ขน้ั สอน
ของสัญญา
10. ครูใหนักเรียนแตละหมายเลขกลับไปท่ีกลุม
เช่าซอ้ื เดิมและจับสลากเพือ่ เลือกทําใบงาน ดังนี้
• ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง ซ้ือขาย
ผ้ใู ห้เชา่ ซือ้ ผ้เู ชา่ ซื้อ • ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง กูยืมเงนิ
• ใบงานท่ี 1.3 เร่อื ง เชา ทรพั ย
• เปน็ เจ้าของกรรมสิทธใ์ิ นทรพั ย์สินทใี่ ห้เช่า • ต้องช�าระเงนิ ตอบแทนให้แก่ผใู้ ห้เชา่ จนครบถว้ น • ใบงานท่ี 1.4 เรอ่ื ง เชาซอื้
ตามจา� นวนท่ีไดต้ กลงกนั ไว้
• มอบทรพั ยส์ ินใหผ้ ้เู ชา่ น�าไปใช้ประโยชน์ • สามารถบอกเลิกสัญญาใน 11. นักเรียนแตละกลุมชวยกันตรวจสอบความ
• ผ ใู้ หเ้ ชา่ ซอ้ื ใหค้ า� มนั่ วา่ จะขายทรพั ยส์ นิ หรอื ใหท้ รพั ยส์ นิ เวลาใด เวลาหนึ่งกไ็ ด้ โดย ถูกตองของใบงาน
มอบทรัพย์สินกลับคนื ให้
นน้ั ตกเปน็ กรรมสิทธ์ขิ องผูเ้ ชา่ แกเ่ จ้าของ โดยเสยี 12. ครูใหอ าสาสมัครนกั เรยี น 2-3 กลมุ นาํ เสนอ
• ในกรณที ผี่ เู้ ชา่ ซอื้ ไมช่ า� ระเงนิ งวดสองคราวตดิ ตอ่ กนั คา่ ใชจ้ ่ายของตนเอง ผลงานในใบงานหนา ชนั้ เรยี น และใหก ลมุ อน่ื
ทม่ี ีผลงานทแ่ี ตกตางกันไดนาํ เสนอเพิม่ เติม
ผใู้ หเ้ ชา่ มสี ทิ ธทิ จ่ี ะบอกเลกิ สญั ญากไ็ ด ้ รวมถงึ มสี ทิ ธิ
ท่ีจะรบิ เงนิ ทไี่ ด้ใชม้ าแลว้ พรอ้ มกับมสี ิทธทิ ่จี ะกลับ 13. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมท่ีเกี่ยวกับกฎหมาย
เขา้ ครองทรพั ยส์ นิ ทีใ่ ห้เชา่ ซ้ือน้ันได้ แพงและพาณิชย ในแบบฝกสมรรถนะฯ
หนาที่พลเมืองฯ ม.3 เพื่อเปนการบานสงครู
สิ่งท่ีสองฝา ยต้องท�ารว่ มกนั คือ ตอ้ งท�าเปนหนงั สือและลงลายมอื ชื่อของคู่สญั ญาทง้ั สองฝา ย ในช่ัวโมงถดั ไป

สญั ญาเชา่ ซอื้ มคี วามแตกตา่ งจากสญั ญาซอ้ื ขายเงนิ ผอ่ น คอื สญั ญาซอื้ ขายเงนิ ผอ่ นเปน็ การ
ซอ้ื ขายเสร็จเด็ดขาด โดยมกี ารตกลงเรอ่ื งการชา� ระราคาวา่ ผู้ขายยนิ ยอมให้ผู้ซือ้ ผอ่ นชา� ระราคา
เป็นงวด ดังนั้น ถ้าเป็นสัญญาซ้ือขายเงินผ่อน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินโอนไปยังผู้ซื้อทันทีเม่ือมี
การตกลงซอ้ื ขายกัน สว่ นสัญญาเชา่ ซ้ือนนั้ เปน็ เพยี งการที่เจ้าของเอาทรัพย์สนิ ใหผ้ ูอ้ นื่ เชา่ โดยมี
คา� มน่ั วา่ เมอ่ื ผเู้ ชา่ ชา� ระคา่ เชา่ ตามสญั ญาแลว้ ใหก้ รรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส์ นิ นน้ั ตกเปน็ ของผเู้ ชา่ ดงั นนั้
สญั ญาเชา่ ซอ้ื กรรมสทิ ธยิ์ งั อยทู่ ผ่ี ใู้ หเ้ ชา่ ผเู้ ชา่ ซอื้ คงมแี ตส่ ทิ ธคิ รอบครองในระหวา่ งการเชา่ เทา่ นน้ั
กล่าวได้ว่า ถ้าผใู้ ดไม่ปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาซ้อื ขาย กู้ยืม เช่าทรัพย ์ เชา่ ซอ้ื ดงั ตวั อย่างท่ีกล่าว
ไปแล้วนั้น ถอื วา่ ผู้นนั้ ผดิ สญั ญาตอ้ งชดใชค้ า่ เสียหายทเ่ี กิดข้ึน จากกรณีที่ไดย้ กตวั อยา่ งมานั้นเป็น
ลกั ษณะการทา� ผดิ สญั ญาตา่ ง ๆ ซง่ึ ในกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยน์ น้ั ยงั มลี กั ษณะการทา� ผดิ ทน่ี า่ สนใจ
คอื การละเมิด
การละเมดิ หมายถงึ การกระทา� ทจี่ งใจหรอื ประมาทเลนิ เลอ่ กระทา� ตอ่ ผอู้ น่ื โดยผดิ กฎหมาย
ใหเ้ ขาเสียหายถงึ ชวี ติ ร่างกาย อนามยั เสรภี าพ ทรพั ยส์ ิน หรือสิทธิอยา่ งใดอย่างหนึง่ ลกั ษณะ
ของการเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากการท�าละเมิดแบ่งออกได้เป็น ๓ ลักษณะ ได้แก่ ชดใช้
โดยให้กระท�าการ ชดใช้โดยงดเวน้ กระทา� การ และชดใช้คา่ สินไหมทดแทน

กิจกรรม เสรมิ สรางคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค เกร็ดแนะครู

นักเรียนแบงกลมุ ออกเปน 5 กลุม เพ่อื แบงกันศกึ ษาตามหวั ขอ ครอู าจแนะนาํ เพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั หลกั เกณฑข องสญั ญาเชา ซอ้ื วา จะมปี ระโยชน
ดังนี้ อยางย่ิงสําหรับผูประกอบการท่ีเก่ียวกับการขายสินคาทั้งท่ีเปนสังหาริมทรัพย
และอสังหาริมทรัพย เชน ผูที่ทําโครงการบานจัดสรร หรือผูท่ีขายรถยนต
• สญั ญาซ้อื ขาย เพอ่ื เปน ประโยชนห รอื แนวทางในการประกอบอาชพี ของนักเรียนไดในอนาคต
• การกูยมื เงนิ
• การเชา ทรพั ยสนิ
• การเชา ซอ้ื
• กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพง
โดยใหน กั เรยี นแตล ะคนในกลมุ ชว ยกนั ศกึ ษาหวั ขอ ดงั กลา ว และ
รวมอภิปรายตามหัวขอ ท่ีไดรบั มอบหมาย แลวสรปุ ผลการอภิปราย
เพื่อเตรยี มนําเสนอหนาช้นั เรยี น

T11

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

ขนั้ สรปุ ตัวอยา่ ง การกระทา� ละเมิด
นายด�าเอากอ้ นอิฐขวา้ งปาหลังคาบา้ นนางแดง ทา� ใหก้ ระเบื้องหลังคาบา้ นแตก
ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ เสยี หาย เป็นการทา� ละเมดิ ตอ่ นางแดง นายด�าต้องรบั ผิดชดใชค้ า่ เสยี หายแกน่ างแดงเป็นค่า
กฎหมายแพงและพาณิชย หรือใช PPT สรุปสาระ กระเบ้ืองหลังคาบ้านทแ่ี ตกเสียหาย รวมทั้งค่าจ้างใหผ้ ู้อืน่ มาซอ่ มหลังคาใหเ้ หมอื นเดิม
สําคัญของเนื้อหา ตลอดจนความสําคัญของ
กฎหมายแพงและพาณิชย กระบวนการยุติธรรม ๑.2 กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพง่
ตอ การดําเนนิ ชีวิตประจําวนั
กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพ่งเริ่มดว้ ยคูค่ วามฝ่ายโจทก ์ ผ้รู ้อง หรือผยู้ นื่ ฟอ้ ง เสนอค�าฟ้อง
ขนั้ ประเมนิ ต่อศาล ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎหมายแพ่ง คู่ความในคดีแพ่งซ่ึงเป็นผู้ย่ืนฟ้อง เรียกว่า “โจทก์”
สว่ นผ้ทู ่ีถกู ฟ้อง เรยี กว่า “จ�าเลย” ในการดา� เนินคดีทางแพ่ง กฎหมายยินยอมให้โจทก์และจา� เลย
1. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั มอบหมายใหผ้ อู้ น่ื ดา� เนนิ การแทนได ้ เชน่ คคู่ วามทงั้ โจทกแ์ ละจา� เลยอาจตง้ั ทนายความเปน็ ตวั แทน
ทํางาน และการนําเสนอผลงานหนา ชน้ั เรียน ในการว่าคดีหรือแก้คดีแทนตนได้ แต่ต้องท�าหนังสือลงลายมือช่ือคู่ความและทนายความเป็น
หลักฐานยื่นตอ่ ศาล
2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพง่ เรมิ่ ตน้ จากโจทกเ์ สนอคา� ฟอ้ งตอ่ ศาล ศาลจะสง่ สา� เนาคา� ฟอ้ ง
สมรรถนะฯ หนา ท่ีพลเมืองฯ ม.3 ให้แก่จ�าเลยเพื่อให้การต่อสู้คดี โดยมีการสืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจ�าเลย จากนั้นศาลจะมี
คา� พพิ ากษาหรอื ตดั สนิ คด ี โจทก์หรอื จา� เลยอาจอทุ ธรณ์คา� พิพากษาของศาลชนั้ ต้นตอ่ ศาลอุทธรณ ์
ศาลฎกี า ตามล�าดับ แล้วจงึ มีการบังคบั คดีใหเ้ ปน็ ไปตามค�าพพิ ากษาของศาลนั้น ๆ เจ้าหนา้ ทก่ี รม
บังคับคดีมีหน้าที่ด�าเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามค�าส่ังหรือค�าพิพากษาของศาล ตัวอย่างเช่น
การยึดทรัพย ์ บุคคลทเี่ กยี่ วข้องในกระบวนการยตุ ิธรรมทางแพง่ คือ คู่ความทเ่ี ป็นโจทกแ์ ละจ�าเลย
รวมถึงทนายความ ศาล เจา้ หนา้ ทงี่ านบังคบั คดี

การเร่ิมต้น ศาลพิจารณา ศาลนัดพจิ ารณาคดี
ของกระบวนการ รบั คา� ฟอ้ ง สืบพยานฝา่ ยโจทก์
ยุตธิ รรมทางแพง่
ในศาลช้ันตน้ โจทก์เสนอคา� ฟ้องตอ่ ศาล

ศาลพจิ ารณาคดี ศาลนดั สบื พยาน
และมคี �าพพิ ากษา พยานฝ่ายจา� เลย

โจทก์หรอื จา� เลยอาจอุทธรณ์ เจา้ พนกั งานบังคบั คดี
ค�าพพิ ากษาของศาลช้ันต้นตอ่ ท�าหนา้ ทีบ่ ังคับคดีตาม
ศาลอุทธรณ ์ ศาลฎีกา ตามล�าดับ คา� พิพากษาหรือค�าสั่งศาล

หมายเหตุ : กรณีการเสนอคดเี ป็นค�ารอ้ ง เช่น กรณีผจู้ ดั การมรดก

๑๐

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด

ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง กฎหมายแพงและ กระบวนการยตุ ธิ รรมทางแพง มหี นว ยงานและบคุ คลทเ่ี กย่ี วขอ ง
พาณิชย ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน อยา งไร
หนาช้ันเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการ
นําเสนอผลงานทแี่ นบทายแผนการจัดการเรยี นรูห นว ยที่ 1 เรือ่ ง กฎหมายแพง (แนวตอบ มหี นว ยงานและบุคคลทีเ่ ก่ียวของ ดังน้ี คคู วาม คือ
และกฎหมายอาญา ผเู ปน โจทก จาํ เลย ทนายความ คอื บคุ คลซงึ่ ไดจ ดทะเบยี นอนญุ าต
ใหมีสิทธิประกอบอาชีพทนายความได เปนบุคคลที่คูความได
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน มอบหมายใหฟองหรือตอสูคดีแทนคูความ ศาล คือ ผูมีอํานาจ
หนา ท่ใี นการพิพากษาคดี เจาพนักงานบังคับคดี คือ เจาพนกั งาน
คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งที่ ของศาล หรือเจาพนักงานอื่นท่ีเปนผูมีอํานาจตามกฎหมายที่จะ
ตรงกบั ระดับคะแนน ปฏบิ ตั หิ นาทีต่ ามคําสง่ั ศาล เพ่อื คุมครองสทิ ธขิ องคูความ)

ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเนื้อหา
2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเรื่อง
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกลมุ่

รวม

ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่

ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

T12 ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ò. ¡®ËÁÒÂÍÒÞÒ ขนั้ นาํ (5Es Instructional Model)

กฎหมายอาญา เป็นกฎหมายที่ต้องก�าหนดว่าการกระท�าใดเป็นความผิดโดยชัดแจ้ง และ ขัน้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ
กบา�ทหลนงโดทบษทนลั้นงจโทะอษยทใู่ านงปอราะญมาวสลา� กหฎรหบั มคาวยามอาผญดิ นา น้ั แ ซละ่ึงพบทระบรญัาชญบตั ัญวิ ญา่ ดตั ว้1อิ ยน่ื ก าๆร กทรก่ี ะา�ทหา� นผดดิ โททาษงอทาาญงอาาแญละา
ส�าหรับการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินั้น ๆ เช่น พระราชบัญญัติการพนัน พระราชบัญญัติจราจร 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่องท่ี
ทางบก พระราชบญั ญัติยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ จะเรียนรู จุดประสงคการเรียนรู และผลการ
ลักษณะส�าคัญของกฎหมายอาญา มีดังน้ี เรียนรู
๑. เป็นกฎหมายท่ีต้องก�าหนดว่าการกระท�าใดเป็นความผิดไว้โดยชัดแจ้ง ในขณะกระท�า
ความผดิ ตอ้ งมกี ฎหมายบญั ญตั ไิ วแ้ ลว้ อยา่ งชดั แจง้ วา่ การกระทา� นน้ั เปน็ ความผดิ เจา้ หนา้ ทจ่ี ะออก 2. ครูนําภาพหรือขาวการกระทําความผิดทาง
กฎหมายใหม่ขึ้นมาใช้บังคับแก่ประชาชนคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะไม่ได้ เช่น กฎหมายบัญญัติว่า อาญามาใหนักเรียนดู แลวใหนักเรียนรวมกัน
“การลกั ทรพั ย์เปน็ ความผิด” ดงั นนั้ ผูใ้ ดลักทรัพย์ยอ่ มมีความผิดเชน่ เดียวกัน อภปิ รายวา การกระทาํ ผดิ ตามภาพมผี ลกระทบ
๒. เป็นกฎหมายที่ไม่มีผลย้อนหลัง ถ้าหากในขณะที่มีการกระท�าส่ิงใด ๆ ก็ตามท่ียังไม่มี ตอใครบาง สรางปญหาใหสังคมและประเทศ
กฎหมายบญั ญตั วิ า่ เปน็ ความผดิ แมต้ อ่ มาภายหลงั จะมกี ฎหมายบญั ญตั วิ า่ การกระทา� อยา่ งเดยี วกนั ชาติอยา งไร
นั้นเป็นความผิด ก็จะน�ากฎหมายที่บัญญัติข้ึนมาภายหลังน้ันมาใช้กับผู้กระท�าไม่ได้ เว้นแต่เป็น
กฎหมายที่เป็นคณุ แกผ่ ู้กระทา� ความผดิ 3. ครอู าจสรปุ ใหเ หน็ วา การกระทาํ ผดิ ทางอาญา
นอกจากจะมีผลตอผูถูกกระทําแลว ยังมี
2.๑ ลกั ษณะการกระทา� ความผิดทางอาญาและโทษทางอาญา ผลกระทบท่เี สียหายตอสังคมอกี ดว ย จากนน้ั
ครูใหความรูเก่ียวกับลักษณะการทําความผิด
เมื่อบุคคลได้กระท�าความผิดทางอาญา กฎหมายอาญาได้มีการบัญญัติบทลงโทษไว้ตาม ทางอาญาและโทษพรอมยกตัวอยางประกอบ
ลกั ษณะของการกระทา� ความผิด ซึ่งการลงโทษจะหนักหรอื เบาน้นั จะตอ้ งพจิ ารณาจากการกระท�า แลว ใหน ักเรียนรวมกันอภปิ รายความผิด
ของบุคคลนั้น ๆ

๑) ความรับผิดทางอาญาและโทษทางอาญา บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาเม่ือมี

การกระทา� ดังน้ี
๑.๑) กระทา� โดยเจตนา เป็นการกระทา� โดยผู้กระท�ารู้สา� นกึ คอื ผู้กระท�ารสู้ �านกึ ในการ

เคล่ือนไหวร่างกายของตนเอง ในขณะเดียวกันผู้กระท�าประสงค์ต่อผลท่ีเกิดตามท่ีคิดไว้ หรือ
ผู้กระทา� ยอ่ มเลง็ เห็นผลในการกระทา� น้ัน

ตวั อยา่ ง การกระทา� โดยเจตนา

นายโอ้และนางปอมเกิดมปี ากเสยี งทะเลาะกนั อย่างรนุ แรง และถงึ ข้ันทา� ร้ายร่างกายกนั
นางปอมเหน็ ว่าตนเองไมส่ ามารถส้แู รงของนายโอ้ได้ จงึ ควา้ มดี ปลายแหลมท่อี ยขู่ า้ ง ๆ
แทงนายโอ้ท่ีทอ้ งจา� นวน ๕ ครั้ง นายโอถ้ งึ แกค่ วามตายทันที นางปอ มยอ่ มมีความผดิ
ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

๑๑

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

ขอใดตอ ไปนคี้ อื ลักษณะทีส่ าํ คัญของกฎหมายอาญา 1 พระราชบัญญัติ บทกฎหมายท่ีใชบังคับอยูเปนประจําตามปกติ เพื่อเปน
1. ไมมบี ทกาํ หนดโทษ ระเบียบบังคับความประพฤติของบุคคล องคกร และเจาหนาที่ของรัฐ ถือเปน
2. กําหนดความผดิ ไวโ ดยชัดแจง บทบญั ญัตแิ หง กฎหมายทมี่ ฐี านะสูงกวา บทกฎหมายอ่นื ๆ รองจากรฐั ธรรมนูญ
3. กําหนดใหความผิดมผี ลยอ นหลังได
4. คุม ครองสิทธิและหนา ท่ีของบุคคลโดยทว่ั ไป

(วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. กฎหมายอาญาเปนกฎหมายท่ีมี
ขอกําหนดอยางชัดแจงวาการกระทําใดเปนความผิดทางอาญา
ซึ่งถือเปนลักษณะที่สําคัญของกฎหมายอาญา เชน กฎหมาย
บัญญัติวา “การชิงทรัพย” เปนความผิด ดังน้ัน ผูใดชิงทรัพย
ยอ มมคี วามผิดและตองรับโทษตามกฎหมายกําหนด)

T13

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๑.๒) การกระท�าโดยประมาท เป็นการกระท�าความผิดโดยไม่เจตนา แต่กระท�าโดย
ปราศจากความระมดั ระวัง ซึ่งบคุ คลในภาวะเช่นนน้ั จะต้องมีตามวสิ ัยและพฤตกิ ารณ์ และผ้กู ระทา�
ขั้นท่ี 2 สาํ รวจคน้ หา
อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่าน้ันได้ แต่ไม่ได้
1. ครูยกตัวอยางหรือกรณีศึกษาการกระทํา ระมดั ระวงั ใหเ้ พยี งพอ
โดยประมาทและการกระทําโดยไมเ จตนา ให การกระทา� โดยประมาทแมจ้ ะเกดิ ขน้ึ
นักเรียนรวมกันอภิปรายความผิดและโทษ โดยไม่เจตนา แต่หากการกระท�าน้ันส่งผล
จากน้ันใหนักเรียนแบงกลุม เพ่ือศึกษาและ กระทบต่อผู้อ่ืน ก่อให้เกิดภยันตรายต่อสังคม
อภิปรายตามหัวขอ ดงั นี้ เชน่ การทา� ใหเ้ กดิ เพลงิ ไหมโ้ ดยประมาท การทา�
• ความผดิ เกย่ี วกบั ทรพั ยส ิน ให้ผู้อ่ืนได้รับอันตรายสาหัสโดยประมาท ก็จะ
• ความผดิ เก่ยี วกบั ชวี ิตและรา งกาย ต้องได้รบั โทษตามกฎหมาย
• กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา
 อบุ ัตเิ หตุทางจราจรถือเปน็ การกระท�าโดยประมาท
2. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศท่ีนาเชื่อถือ ลกั ษณะหนึ่ง
ใหกับนกั เรียนเพิ่มเติม
ตัวอยา่ ง การกระท�าโดยประมาท

นายไก่นา� คตั เตอร์ออกมาเล่น โดยแกวง่ โยนไปมาหยอกล้อกับนายเจ๊ยี บ
ซึ�งเป็นเพ่ือนรักกัน แต่นายไกไ่ มร่ ะมัดระวงั เป็นเหตใุ หค้ ัตเตอรไ์ ปถกู แขนนายเจ๊ียบ
เป็นแผลกวา้ ง นายไกม่ ีความผดิ ฐานประมาท ทา� ใหผ้ ู้อน่ื ไดร้ บั อนั ตรายแกก่ าย

๑.๓) การกระทา� โดยไมเ่ จตนา เปน็ การกระทา� โดยรสู้ า� นกึ แตผ่ กู้ ระทา� ไมป่ ระสงคต์ อ่ ผล
หรือไม่อาจเล็งเหน็ ผลของการกระทา� วา่ จะเกดิ ข้นึ

ตัวอย่าง การกระท�าโดยไม่เจตนา

นายไข่ใชก้ �าลังชกตอ่ ยนายขวดถกู บริเวณใบหน้า ทา� ให้นายขวดลม้ หงาย ประหารชวี ติ
หมดสต ิ ศรี ษะฟาดพน้ื ถนนแขง็ กะโหลกศีรษะแตก และเสียชีวิตในวนั รงุ่ ขึ้น จ�าคกุ
นายไขม่ คี วามผดิ ฐานฆา่ คนตายโดยไม่เจตนา กักขงั
ปรับ
สา� หรบั โทษทางอาญา1น้ันมรี ะดบั ของการลงโทษ
หนักเบาตา่ งกนั ไปขึ้นอยกู่ บั ลักษณะของการกระท�าความผดิ รบิ ทรพั ย์สิน
รวมถึงปจั จยั ท่นี �ามาประกอบในหลาย ๆ ดา้ น ซงึ่ จะมี
กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนทถี่ ูกต้อง
โดยโทษสูงสุดทางอาญา คอื ประหารชวี ติ
และมโี ทษในระดบั อนื่ ๆ รองลงมา ดงั นี้

๑2

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 โทษทางอาญา การกระทาํ ความผดิ ทางอาญามี 2 ลกั ษณะ คอื 1. ความผิด ขอ ใดเปนลักษณะของการกระทาํ ผิดโดยประมาท
ตอแผนดิน หมายถึง ความผิดในทางอาญาที่มีผลตอตัวผูรับผลรายและมี 1. กงุ เอาไมต หี ัวเพือ่ นเพราะโมโห
ผลกระทบตอ สงั คมดว ย ความผดิ ประเภทนย้ี อมความไมไ ด รฐั ตอ งเขา ไปดาํ เนนิ 2. กัง้ แอบขโมยรถจักรยานทจ่ี อดไวไปข่ีเลน
คดีฟอ งรองเอาตัวผกู ระทาํ ผดิ มาลงโทษใหไ ด 2. ความผิดยอมความกนั ได เปน 3. กบขับรถดวยความคกึ คะนองจงึ ชนคนกําลงั ขามถนน
ความผิดทางอาญาซ่ึงไมไดมีผลรายกระทบตอสังคมโดยตรง หากผูเสียหายไม 4. แกว ยึดอาชีพขายแผน ซีดภี าพยนตรเ ถอื่ นเพราะรายไดด ี
ตดิ ใจเอาความแลว รัฐก็ไมอ าจเขามาดําเนนิ คดกี บั ผผูก ระทาํ ความผิดได
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. กบกระทําการโดยปราศจากความ
ระมัดระวัง ขาดความรอบคอบจนเปนเหตุใหเกิดความเดือดรอน
หรอื เสยี หายตอ ผอู น่ื การกระทาํ ของกบเปน การขบั รถโดยประมาท
เปน เหตุใหผ อู ่นื ไดรบั อนั ตราย)

T14

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒) ลักษณะตา่ ง ๆ ของการกระทา� ความผดิ ทางอาญา การกระทา� ความผิดทางอาญา ขน้ั สอน

มหี ลายลักษ๒ณ.๑ะ) ซค่งึ วแาบมง่ ผอดิ อเกกไ่ยี ดวต้ กาบั มทลรักพั ษยณส์ ะนิ ก1 ากรากรรกะรทะทา� ค�าวผาดิ มเกผ่ยีิดวทกี่สบั �าทครญั ัพ ยเชส์ น่ินทคี่ วรรู ้ มีดังนี้ ขน้ั ที่ 3 อธิบายความรู้
๑. ลักทรัพย์ คือ การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยท่ีเจ้าของไม่ยินยอม แม้ต่อมา
เจ้าของทรัพย์จะสงสารไม่ติดใจเอาความ ก็ยังคงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เพราะเป็นความผิด 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลท่ีตนไดจาก
อาญาทไี่ มส่ ามารถยอมความกนั ได้ การรวบรวม มาอธิบายแลกเปล่ียนความรู
ระหวางกัน
ตวั อย่าง ความผดิ เก่ยี วกับการลกั ทรพั ย์
2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล
นางแกว้ เป็นหญิงหมา้ ยต้องหารายไดม้ าเลย้ี งลกู ๖ คน วันหนง�ึ นางแก้วไปตลาด ทน่ี ําเสนอเพ่อื ใหไดขอ มลู ทถ่ี กู ตอง
เห็นกลว้ ยหอมสุกงอมวางอย่ ู จึงหยิบเอาไป ๑ หว ี โดยไมไ่ ด้รับอนุญาตจากเจ้าของ
นางแกว้ มีความผดิ ฐานลักทรัพย์ 3. ใหกลุมนักเรียนท่ีศึกษาและอภิปราย เรื่อง
ความรบั ผดิ ชอบเกยี่ วกบั ทรพั ยสนิ มานําเสนอ
ผลการศกึ ษาและผลการอภปิ รายหนา ชนั้ เรยี น
ครูและนักเรียนคนอื่นๆ รวมกันสรุปสาระ
สําคญั ของเรื่อง

๒. วิง่ ราวทรพั ย์ คอื การลักทรัพยโ์ ดยฉกฉวยเอาซ่ึงหน้า เป็นการเอาไปตอ่ หน้า
โดยไมม่ คี วามเกรงกลวั ในการวง่ิ ราวทรพั ยน์ น้ั ไมจ่ า� เปน็ วา่ เมอื่ ลกั ทรพั ยแ์ ลว้ จะตอ้ งวงิ่ หนเี สมอไป
อาจเป็นการเดินหนีข้ึนรถไปกจ็ ดั วา่ เปน็ การวิง่ ราวทรัพย์เชน่ กัน
๓. ชงิ ทรพั ย ์ คอื การลกั ทรพั ยข์ องผอู้ น่ื โดยใชก้ า� ลงั หรอื อาวธุ ทา� รา้ ยเจา้ ของทรพั ย ์
หรอื ขูว่ า่ จะใช้กา� ลงั หรอื อาวธุ ท�ารา้ ยเจา้ ของทรัพย์เพือ่ อย่างใดอยา่ งหนงึ่ ตอ่ ไปนี้
• ให้ความสะดวกแก่การลกั ทรพั ยห์ รือการพาทรัพย์นั้นไป
• ใหย้ ื่นทรัพย์น้นั • ยดึ ถือทรพั ย์นน้ั ไว้
• ปกปดิ การกระทา� ความผดิ นนั้ • ให้พน้ จากการจับกมุ
๔. ปลน้ ทรัพย ์ คอื การท่ีคนต้งั แต ่ ๓ คนข้ึนไป รว่ มมอื กนั ชงิ ทรัพยข์ องผู้อนื่
๒.๒) ความผดิ เก่ียวกบั ชีวติ และร่างกาย การกระท�าความผิดเก่ยี วกบั ชวี ิตและรา่ งกาย
ทีค่ วรรู้ มดี งั นี้
๑. ความผิดฐานท�าให้คนตาย การท�าให้คนตายไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
ย่อมมีความผิดท้ังสิ้น ซึ่งโทษที่ได้รับน้ันจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า เป็นการท�าให้คนตาย
โดยเจตนา หรอื ท�ารา้ ยร่างกายผอู้ น่ื ถงึ ตายโดยไม่มเี จตนาฆา่

ตวั อย่าง ความผิดฐานท�าให้คนตาย

นายหาญยิงปืนเข้าไปในรถโดยสารประจ�าทาง กระสุนปืนไปถูกนางแววถึงแก่ความตาย นายหาญ
มีความผดิ ฐานฆา่ คนตายโดยเจตนา

๑๓

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

พงศกรโกรธสทุ ธพิ งษท ไ่ี มย อมใหย มื เงนิ จงึ เอายาพษิ ใสใ นนา้ํ ให 1 ความผิดเกี่ยวกับทรัพยสิน ประกอบไปดวย 1. บุกรุก การเขาเคหะผูอื่น
สทุ ธพิ งษด ม่ื แตส ทุ ธพิ งษไ มต ายเนอ่ื งจากหมอชว ยชวี ติ ไวท นั กรณี โดยไมไ ดร ับอนญุ าติ 2. กรรโชกทรัพย การขมขู ขม ขนื ใจผอู นื่ ใหย นิ ยอมใหตน
น้พี งศกรจะมคี วามผดิ ฐานใด หรือผูอ่ืนไดประโยชน หรืออาจใชกําลังประทุษราย หรือขูวาจะทําอันตรายตอ
ชีวติ รา งกาย เสรภี าพ ช่อื เสียง หรอื ทรพั ยส ินของผถู ูกขม ขู และ 3. รบั ของโจร
1. เจตนาฆา การรบั ซอ้ื รบั จาํ นาํ รบั ไว ชว ยซอ นเรน ปกปด ความจรงิ ของทรพั ยท ไ่ี ดม าโดยผดิ
2. พยายามฆา กฎหมาย
3. ประมาทฆา
4. ประสงคใ นการฆา

(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. พงศกรมีความผดิ ฐานพยายามฆา
เนื่องจากไดกระทําการไปตลอดแลวแตการนั้นไมบรรลุผลตามที่
ตนตองการ กลา วคือ สุทธพิ งษไมตายตามท่ีเจตนาไว ผลจึงเปน
พยายามฆา )

T15

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๒. ความผดิ ฐานทา� รา้ ยรา่ งกาย1 คอื การทา� รา้ ยจนเปน็ เหตใุ หผ้ อู้ น่ื ไดร้ บั อนั ตราย
ต่อรา่ งกายหรือจติ ใจ ถือเป็นความผดิ แต่อาจไดร้ บั โทษแตกต่างกันไป ตามระดับของความหนกั
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู้ เบาหรืออันตรายที่ผู้อื่นได้รับ เช่น ได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่สาหัส และยังต้องดูองค์ประกอบ
ของการท�าความผิดด้วยว่าเป็นการกระท�าโดยเจตนาหรือไมเ่ จตนา
4. นักเรียนท่ีศึกษาและอภิปราย เร่ือง ความผิด ความผดิ ฐานทา� รา้ ยรา่ งกายผอู้ น่ื จนเปน็ เหตใุ หไ้ ดร้ บั อนั ตรายสาหสั เชน่ ตาบอด
เก่ียวกับชีวิตและรางกาย มานําเสนอผลการ มหือหู นเวทกา้ ลห้นิ รขอื าอดว ยั สวญู ะอเส่ืนยี ใดอ วใยั บวหะสนบืา้ เพสนัยี ธโฉหุ์ มรอือคยวา่ างตมดิสตามัว าจรถิตใพนกิ กาารรอสยืบา่ พงตนั ดิธต์ ุ สวั ญู แเสทยี้งลอกูวยั ทวะพุ พเชลน่ ภ าขพา2
ศึกษาและผลการอภิปรายหนาชั้นเรียน ครู หรือเจบ็ ป่วยเร้ือรงั ซง่ึ อาจถงึ ตลอดชวี ิต หรือเจบ็ ป่วยดว้ ยอาการทุกขเวทนาเกนิ กว่า ๒๐ วัน
และนกั เรียนคนอื่นๆ รวมกันสรปุ สาระสําคัญ
ของเร่อื ง ตวั อยา่ ง ความผดิ ฐานทา� ร้ายร่างกาย
นายสุดและนายศกั ดิ์รุมกระทืบนายแสงจนท�าให้นายแสงหนา้ บวมและซโี่ ครงหกั
5. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหกรณีตัวอยาง จนตอ้ งนอนรกั ษาตวั เป็นเวลา ๖๐ วนั นายสุดและนายศักดม์ิ คี วามผดิ ฐานท�าร้ายร่างกาย
จากหนังสือเรียน แลวตั้งคําถามใหนักเรียน จนเปน็ เหตุให้ผู้ถูกท�าร้ายไดร้ ับอันตรายสาหัส
รว มกันวเิ คราะห ดังนี้
ï• องคป ระกอบของการกระทาํ ความผดิ ฐานฆา ๓. ความผิดท่ีกระท�าโดยประมาทต่อชีวิตและร่างกาย การกระท�าความผิดโดย
คนตายโดยเจตนา ไดแ กสิ่งใด ประมาท สามารถแบง่ ออกได้เป็น ๓ ลกั ษณะ ไดแ้ ก ่ การกระท�าโดยประมาทเปน็ เหตใุ ห้ผู้อ่นื ถึงแก่
(แนวตอบ มีการกระทําคือ การฆา มีผูถูก ความตาย การกระทา� โดยประมาทเปน็ เหตใุ หผ้ อู้ น่ื ไดร้ บั อนั ตรายสาหสั และการกระทา� โดยประมาท
กระทาํ คือผูถกู ฆาเปนผูอ ่ืน และมเี จตนา) เป็นเหตใุ ห้ผอู้ น่ื ได้รบั อนั ตรายแก่รา่ งกายหรอื จติ ใจ ข้นึ อยกู่ ับผลของการกระท�าความผดิ
•ï องคประกอบของการกระทําความผิดฐาน
ฆาคนตายโดยไมเจตนา ไดแ กสงิ่ ใด ตวั อย่าง ความผดิ ท่กี ระท�าโดยประมาทต่อชวี ิตและรา่ งกาย
(แนวตอบ มกี ารทาํ รายผูอ่นื เปนเหตใุ หผูถกู นายพงศกรขบั รถมาด้วยความเรว็ สูง เมื่อถึงสแี่ ยกนายพงศกรเลย้ี วรถ
ทํารา ยถึงแกความตาย และมเี จตนาทํารา ย ทิ้งโคง้ อย่างแรงโดยทีไ่ มท่ นั เห็นรถจกั รยานยนต์ รถของนายพงศกรจึงพุ่งเข้า
แตไ มมีเจตนาฆา ) ชนรถจกั รยานยนตอ์ ย่างแรง ท�าให้ผขู้ ีร่ ถจกั รยานยนต์เสยี ชวี ิตในท่ีเกิดเหตุทนั ที
นายพงศกรมคี วามผดิ ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุใหผ้ ู้อ่นื ถงึ แก่ความตาย

2.2 กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา

กระบวนการยุติธรรมทางอาญา เป็นกระบวนการส�าหรับการด�าเนินคดีอาญาเม่ือมีการ
กระทา� ผดิ ทางอาญาแลว้ และมวี ธิ กี ารนา� ตวั ผกู้ ระทา� ผดิ มาลงโทษ บคุ คลทเ่ี กย่ี วขอ้ งในกระบวนการ
ยตุ ธิ รรมทางอาญา ไดแ้ ก ่ ผตู้ อ้ งสงสยั ผตู้ อ้ งหา จา� เลย ผเู้ สยี หาย พนกั งานฝา่ ยปกครองหรอื ตา� รวจ
พนักงานอยั การ ศาล พนกั งานคมุ ประพฤติ เจา้ หน้าทร่ี าชทณั ฑ ์ และทนายความ

๑๔

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ

1 ความผิดฐานทํารายรางกาย แมผูเสียหายจะยอมความแตก็ไมมีผลใหคดี เหตกุ ารณใ ดตอ ไปนถี้ อื เปน เหตยุ กเวน ความผดิ ตามกฎหมายอาญา
ยุติ เพราะการทาํ รายรางกายถอื เปนความผิดอาญาแผนดิน ซงึ่ เปน การกระทํา 1. แมวขโมยกระเปา สตางคของเหมยี วไป
ความผิดซงึ่ รัฐเปน ผเู สยี หาย 2. หมูพังประตูบานของมดดว ยความจาํ เปน
2 ทุพพลภาพ การสญู เสียอวยั วะ สญู เสยี สมรรถภาพของอวัยวะ หรอื สญู เสยี 3. มายดท ํารา ยรางกายหมิวจนไดรับบาดเจ็บสาหัส
สภาวะปกตขิ องจติ ใจ จนไมส ามารถทาํ งานได 4. มิน้ ตเ อาไมฟาดแมนเพ่อื ปอ งกนั ตนเองจากการถกู ยงิ

(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. การกระทําท่เี ปนการปองกนั สิทธิ
ของตนเองหรือผูอื่นพอสมควรแกเหตุถือเปนเหตุยกเวนความผิด
กลา วคอื ไมม คี วามผดิ ตามกฎหมาย)

T16

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

การเร่มิ ตน้ ของกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา ขน้ั สอน

ในกรณผี ู้เสียหายแจง้ ความตอ่ ตาำ รวจ ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้

การเร่ิมต้น ตา� รวจสอบสวนคดี 6. นกั เรยี นทศี่ กึ ษาและอภปิ ราย เรอ่ื ง กระบวนการ
ของกระบวนการ เสนอเหน็ สมควรส่งั ฟ้อง ยุติธรรมทางอาญา มานําเสนอผลการศึกษา
ยุติธรรมทางอาญา สง่ สา� นวนไปยังอยั การ และผลการอภิปรายหนาช้ันเรียน ครูและ
ในศาลช้ันตน้ นกั เรยี นคนอ่ืนๆ รวมกนั สรปุ สาระสําคญั ของ
เรื่อง

7. ครูใหนักเรียนดูแผนผังกระบวนการยุติธรรม
ทางอาญา จากน้ันใหนักเรียนเขียนรายงาน
แสดงความคิดเห็นหรือขอเสนอแนะตางๆ ท่ี
เกีย่ วกับกระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญา

ส่งฟอ้ งศาลชั้นต้น อยั การส่ังฟอ้ งผ้ตู ้องหา อยั การกล่นั กรองคดี

ศาลรบั ฟ้องและด�าเนินการ ศาลพจิ ารณาคดี เจา้ หน้าท่รี าชทัณฑ์
พิจารณาคดีสืบพยาน และมคี �าพพิ ากษาลงโทษ ด�าเนนิ การตามคา� พิพากษา
ศาลพจิ ารณาคดี
จ�าเลยสามารถมีคา� อทุ ธรณ์ไปยัง สบื พยานโจทก์
ศาลอทุ ธรณ์และศาลฎกี า ตามล�าดับ

ในกรณผี ู้เสียหายฟ้องคดตี ่อศาล

การเรม่ิ ต้น ศาลจะสงั่ ไต่สวนมลู ฟอ้ ง
ของกระบวนการ
ยตุ ธิ รรมทางอาญา คดีไมม่ ีมลู คดมี ีมลู
ในศาลชน้ั ต้น ศาลพิพากษา ให้ศาล

ยกฟ้อง ประทับฟอ้ ง

เจา้ หน้าที่ราชทัณฑ์ ศาลพจิ ารณา ศาลพิจารณาคดี
ดา� เนนิ การตามคา� พิพากษา ลงโทษจ�าเลย สืบพยานจ�าเลย

โจทกแ์ ละจ�าเลยสามารถอทุ ธรณค์ �าพพิ ากษาไปยังศาลอทุ ธรณแ์ ละศาลฎกี า ตามล�าดับ ๑5

ขอ สอบเนน การคดิ บูรณาการอาเซียน

บุคคลในขอใดไมเ ก่ียวขอ งกบั กระบวนการยุติธรรมทางอาญา สืบเน่ืองจากการวมตัวกันเปนประชาคมอาเซียนทําใหมีการเปดเสรี
1. เจาหนาทร่ี าชทณั ฑ ในดา นตา งๆ เชน การคา การเคลอ่ื นยา ยการลงทนุ ซง่ึ นอกจากจะทาํ ใหเ กดิ ผลดี
2. พนกั งานคมุ ประพฤติ ทางดา นเศรษฐกจิ แลว ยงั ทาํ ใหเ กดิ ผลกระทบตามมา นน่ั คอื ปญ หาอาชญากรรม
3. เจา พนักงานบงั คับคดี และการกออาชญากรรมระหวางประเทศ ดวยเหตขุ องปญ หาดังกลาว อาเซยี น
4. อัยการและพนกั งานสอบสวน จึงเตรียมความพรอมในการใหความรวมมือทางอาญาเกี่ยวกับการสงผูราย
ขามแดน ซึง่ มีวตั ถปุ ระสงคในการปราบปรามอาชญากรรมในภูมภิ าค
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. เจาพนกั งานบงั คับคดี เปน บคุ คล
ทเี่ กย่ี วขอ งกบั กระบวนการยตุ ิธรรมทางแพง มใิ ชท างอาญา)

T17

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน กระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา เรมิ่ จากเมอื่ มผี เู้ สยี หายหรอื ผมู้ อี า� นาจจดั การแทนผเู้ สยี หาย
ไปรอ้ งทกุ ขห์ รอื แจง้ ความตอ่ ต�ารวจหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ใหด้ า� เนนิ คดกี บั ผกู้ ระท�าความผดิ ตา� รวจ
ขัน้ ที่ 3 อธิบายความรู้ จะเปน็ เจา้ หนา้ ท่ชี ้นั ตน้ ทรี่ บั ผิดชอบในการดา� เนินคดีอาญา โดยจะรบั แจง้ ความ จับกุมผตู้ ้องสงสยั
คน้ ตวั บคุ คลและสถานท ี่ ควบคมุ ผตู้ อ้ งหาระหวา่ งสอบสวน สอบสวนผตู้ อ้ งหา ผเู้ สยี หายและพยาน
8. นักเรียนรวมกันศึกษาลักษณะการกระทํา เพตรร้อียมมทพั้งยสา่งนตหัวผลัูก้ตฐ้อางนหตา ่างเว ๆ้น แแตล่ผ้วู้ตท้อ�างคหวาานม้ันเหถู็กนขตังาอมยสู่แ�าลน้วว นตว่อ่าจคาวกรนสั่งั้นฟพ้อนงักหงราือนไอมัย่คกวารร1สซ่ังึ่งฟเป้อ็นง
ผิดของเด็กและเยาวชนรวมถึงการรับโทษ เจ้าหน้าที่ของรัฐจะพิจารณากลั่นกรองดูตามหลักฐานในส�านวนการสอบสวน และถ้าเห็นสมควร
จากนน้ั นาํ ความรูทไ่ี ดม าแลกเปลี่ยนกนั สงั่ ฟอ้ งกจ็ ะดา� เนนิ การฟอ้ งผตู้ อ้ งหาตอ่ ศาล โดยถอื วา่ พนกั งานอยั การมอี า� นาจหนา้ ทใี่ นการดา� เนนิ คดี
ในนามของรัฐ ท�าหน้าท่ีเป็นโจทก์ เปรียบเสมือนเป็นทนายของแผ่นดิน ในกรณีที่ผู้เสียหาย
9. จากการอภิปรายแลกเปล่ียนความรูระหวาง ไม่ประสงค์จะใหเ้ จ้าหนา้ ทดี่ า� เนินการให้ ผู้เสยี หายกอ็ าจด�าเนินการฟอ้ งรอ้ งคดเี องได้
กัน ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นถึงความ ในคดอี าญานนั้ เมอื่ ผตู้ อ้ งหาหรอื จ�าเลยมคี วามประสงคจ์ ะขอตอ่ สคู้ ดกี จ็ ะปรกึ ษาทนายความ
เหมาะสมในกระบวนการลงโทษเด็กและ เพ่ือให้ค�าแนะน�าปัญหาข้อกฎหมาย ข้อขัดแย้งทางกฎหมาย เป็นที่ปรึกษาในการต่อสู้คดีตาม
เยาวชน และชวยกันเสนอแนะส่ิงท่ีเปน ค�ากลา่ วหาของโจทก ์ ซงึ่ เปน็ ไปตามขน้ั ตอนของกระบวนการยตุ ธิ รรม
ประโยชน ผพู้ ิพากษาจะท�าหน้าทใ่ี นการพจิ ารณาคดี มกี ารสืบพยานทั้งฝา่ ยโจทกแ์ ละฝา่ ยจา� เลย โดย
เม่ือศาลมีคา� พพิ ากษาใหจ้ �าคุกหรือประหารชวี ิต เจ้าหน้าท่รี าชทัณฑ์ก็จะด�าเนินการใหเ้ ป็นไปตาม
คา� พพิ ากษาของศาล เจา้ หนา้ ทรี่ าชทณั ฑจ์ ะเขา้ มาเกยี่ วขอ้ งกบั กระบวนการยตุ ธิ รรมตง้ั แตก่ อ่ นศาล
พิจารณาคดี ระหว่างการพิจารณาคดี และภายหลังท่ีศาลพิพากษาคดีแล้ว กล่าวคือ เจ้าหน้าท่ี
ราชทัณฑ์จะท�าหน้าท่ีควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือจ�าเลยไว้ในระหว่างการด�าเนินคดี ในกรณีท่ีศาล
ไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาหรือจ�าเลย ในคดีอาญาน้ัน หากผู้เสียหายต้องการจะเป็นโจทก์
ร่วมกับพนักงานอัยการเพื่อฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ก็สามารถแต่งตั้งทนายความในการด�าเนินการ
ต่อสคู้ ดโี ดยเปน็ โจทก์รว่ มกบั พนักงานอัยการได้

เรอ่ื งนา่ รู้

เดก็ และเยาวชนจะถกู จบั กมุ ไดใ้ นกรณใี ดบา้ ง

เมอ่ื เดก็ หรอื เยาวชนกระทา� ความผดิ การจบั กมุ ทา� ไดเ้ มอื่ เดก็ นน้ั กระทา� ผดิ ซงึ่ หนา้ หรอื มหี มายจบั หรอื คา� สงั่

ของศาล การจบั กมุ เยาวชนกระทา� ไดเ้ ชน่ เดยี วกบั การจบั ผตู้ อ้ งหาทเ่ี ปน็ ผใู้ หญ ่ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา

ความอาญา หรอื ตอ้ งจบั ตามหมาย แตก่ รณตี อ่ ไปน ี้ ตา� รวจสามารถจบั ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งมหี มาย ไดแ้ ก่

• กระทา� ผดิ ซง่ึ หนา้ • พบโดยมพี ฤตกิ ารณต์ อ้ งสงสยั วา่ จะกอ่ เหตรุ า้ ย

• เปน็ การจบั ผตู้ อ้ งหาหรอื จา� เลยทห่ี น ี • มเี หตอุ อกหมายจบั แตจ่ า� เปน็ เรง่ ดว่ นไมอ่ าจรอหมายได้

ทมี่ า : กรมพนิ จิ และคมุ้ ครองเดก็ และเยาวชน กระทรวงยตุ ธิ รรม

๑6

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด

1 พนักงานอัยการ มอี าํ นาจหนา ที่ตามท่ีกฎหมายบญั ญตั ิไว ดังน้ี บุคคลในขอใดสามารถเขาเปนโจทกรวมกับผูเสียหายในคดี
• อํานวยความยตุ ิธรรม อาญาได
• รักษาผลประโยชนข องรฐั
• คุม ครองสิทธแิ ละเสรภี าพของประชาชน 1. พนกั งานอยั การ
• หนา ท่อี ่นื ตามท่กี ฎหมายบญั ญัติ 2. พนกั งานสืบสวน
3. พนักงานสอบสวน
4. พนักงานคุมประพฤติ

(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. พนกั งานอยั การมอี าํ นาจในการเขา
เปนโจทกรวมในคดีอาญารวมกับผูเสียหายได ทั้งน้ีก็เพ่ือเปนการ
เขาไปตรวจสอบการดําเนินคดีและใชสิทธิในการอุทธรณ ฎีกา
เปน ตน )

T18

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

2.๓ ความแตกตา่ งของการกระท�าความผิดทางแพง่ และทางอาญา ขน้ั สรปุ

การกระทา� ความผดิ ทางแพง่ และทางอาญามคี วามแตกตา่ งกนั โดยสามารถแยกเปน็ ประเดน็ ข้ันที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ
ได ้ ดงั น้ี
1. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงานที่ 1.5 เรอ่ื ง การกระทาํ
ประเดน็ คดแี พ่ง คดีอาญา ความผิดทางอาญา

การกระท�าผิดกฎหมายเอกชนที่เป็น การกระท�าผิดกฎหมายซึ่งก�าหนด 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ หนาที่
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอกชนกบั เอกชน ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเอกชนกบั รฐั ที่ พลเมอื งฯ ม.3 เกย่ี วกบั เรอื่ ง กฎหมายอาญา
ในทางแพ่งและพาณิชย์ ซ่ึงจะมีการ ปกครองประชาชนภายในอาณาเขต เพื่อเปนการบานสงครใู นชัว่ โมงถัดไป
ก�าหนดหลักเกณฑ์เอาไว้ในประมวล โดยจะต้องมีตัวบทกฎหมายท่ีเป็น
กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย ์ หรอื กา� หนด ลายลักษณ์อักษรก�าหนดความผิด ขน้ั ประเมนิ
การกระทา� ความผดิ ในกฎหมายอ่ืน แต่ในกรณีที่ไม่มีตัว และโทษไว้อย่างชัดเจน ซ่ึงโทษที่จะ
บทกฎหมายก�าหนดไว้เป็นลายลักษณ์ ไดร้ บั ต้องเป็นโทษทก่ี ฎหมายก�าหนด ข้นั ท่ี 5 ตรวจสอบผล
อกั ษร ศาลสามารถตดั สนิ ขอ้ พพิ าทโดย ไว้ในขณะกระท�าผิด จะอาศัยจารีต
ใช้หลักจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นที่ ประเพณี หลักกฎหมายใกล้เคียง 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ
ใกล้เคยี งอยา่ งย่งิ มาใช้บงั คับ หรือหลกั กฎหมายท่ัวไปมาใช้ในการ ตอบคาํ ถาม การทาํ ใบงาน และการทาํ แบบฝก
ลงโทษผูก้ ระทา� ผดิ ไมไ่ ด้ สมรรถนะฯ หนา ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3

การกระท�าความผิดนั้นจะมีผลกระทบ การกระท�าน้ันก่อให้เกิดผลเสียหาย 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน
ระหว่างเอกชนกับเอกชนคู่กรณีเท่านั้น ไม่เพียงแต่เอกชนหรือแต่ละบุคคล (รวบยอด) ตารางเปรียบเทียบความแตกตาง
ผลกระทบจาก โดยถอื เปน็ ความเสยี หายตอ่ สว่ นตวั ของ เท่านั้น หากแต่เสยี หายต่อความสงบ ของการกระทําความผิดระหวางคดีแพงกับ
การกระท�าผดิ เอกชนหรือแต่ละบุคคล มิได้เป็นการ เรียบร้อย รวมถึงความม่ันคงของ คดีอาญา

3. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ หนาท่ีพลเมืองฯ ม.3
เร่ือง กฎหมายแพงและกฎหมายอาญาเพ่ือ
ทดสอบความรทู ีไ่ ดศกึ ษามา

กระทบต่อสังคมสว่ นรวม สังคมส่วนรวม

ลักษณะของโทษ ศาลจะพพิ ากษาใหผ้ แู้ พค้ ดชี า� ระหนเี้ ปน็ ศาลจะพพิ ากษาใหผ้ กู้ ระทา� ผดิ รบั โทษ
ที่จะลงแกผ่ กู้ ระทา� เงนิ สง่ มอบทรพั ยส์ นิ กระท�าการตา่ ง ๆ ตามระดับของการกระท�าผิด ภายใน
หรอื งดเวน้ การกระทา� อยา่ งหนง่ึ อยา่ งใด ขอบเขตท่ีกฎหมายก�าหนดไว้ ซึ่งม ี
ความผดิ
๕ ระดบั ได้แก่ ประหารชวี ติ จา� คุก
กกั ขัง ปรับ และริบทรพั ยส์ ิน

กลา่ วโดยสรปุ การทจี่ ะอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมไดอ้ ยา่ งเปน็ ระเบยี บเรยี บรอ้ ย สมาชกิ ในสงั คม

จะตอ้ งเคารพและปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ไมฝ่ า่ ฝนื ละเมดิ ซง่ึ ทงั้ กฎหมายแพง่ และกฎหมายอาญา

ต่างก็มีลักษณะการกระท�าผิด และมีบทลงโทษส�าหรับผู้ฝ่าฝืนแตกต่างกันไป ส่ิงส�าคัญ คือ

เราตอ้ งตระหนกั ถงึ ความสา� คญั ของกฎหมายและปฏบิ ตั ติ ามอยา่ งเครง่ ครดั เพอ่ื การอยรู่ ว่ มกนั

ในสงั คมได้อย่างมคี วามสขุ ๑7

กิจกรรม 21st Century Skills แนวทางการวัดและประเมินผล

นักเรียนรวมกลุมสืบคนและศึกษาคนควาเก่ียวกับประมวล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเน้ือหา เร่ือง กฎหมายอาญาได
กฎหมายแพงและอาญาของประเทศสมาชิกอาเซียน จากนั้น จากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
วิเคราะหเปรียบเทียบบทลงโทษในความผิดทางแพงและอาญากับ โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่
ประมวลกฎหมายแพง และอาญาของประเทศไทย วา มคี วามเหมอื น แนบทา ยแผนการจดั การเรยี นรหู นว ยท่ี 1 เรอ่ื ง กฎหมายแพง และกฎหมายอาญา
หรือแตกตางกันอยางไร จากน้ันสรุปความรูท่ีไดจากการศึกษา
เพอื่ นาํ เสนอหนา ชน้ั เรียน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

คาช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องที่
ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา

2 การลาดบั ขั้นตอนของเรื่อง

3 วิธีการนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์

4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ

5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม

รวม

ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมนิ
............/................./................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน

เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ

T19

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เฉลย คาํ ถามประจําหน่วยการเรียนรู้ คÓถาม ประจÓหนว่ ยการเรียนรู้
๑. ในชวี ติ ประจา� วันของนกั เรยี นจะตอ้ งเกย่ี วขอ้ งกบั กฎหมายประเภทใดบ้าง จงยกตัวอย่าง
1. ในชีวิตประจําวันเรามักมีความเก่ียวของกับ ๒. ลักษณะส�าคญั ของกฎหมายอาญาเปน็ อย่างไร
กฎหมายแพงและพาณิชย เชน การซื้อรถ ๓. การกระท�าความผดิ ทางแพ่งและทางอาญาต่างกนั อยา่ งไร
ซื้อบา น ๔. กฎหมายแพ่งและพาณชิ ย ์ กฎหมายอาญา มคี วามส�าคญั ต่อการดา� เนนิ ชีวิตในสงั คมอยา่ งไร
๕. หากในสงั คมไม่มีกฎหมายบังคบั ใชจ้ ะสง่ ผลอย่างไร
2. เปน กฎหมายทมี่ กี ารกาํ หนดวา การกระทาํ ใดผดิ
และความผดิ นน้ั มบี ทลงโทษทางอาญาทชี่ ดั เจน กิจกรรม สร้างสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้

3. การกระทําผิดทางแพงเปนลักษณะของความ กจิ กรรมที ่ ๑ น ักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน ค้นคว้าข่าวเกี่ยวกับการกระท�าผิดทางแพ่ง
สัมพันธระหวางเอกชนกับเอกชน สวนการ
กระทําความผิดทางอาญาเปนลักษณะความ และทางอาญา และวิเคราะห์ลักษณะของการกระท�าความผิดและความรับผิด
สมั พนั ธระหวา งเอกชนกับรฐั แลว้ น�าขอ้ มลู มาอภปิ รายรว่ มกนั

4. ทั้งกฎหมายแพงและอาญาตางมีความสําคัญ กจิ กรรมท ่ี ๒ น กั เรยี นรว่ มกนั สบื คน้ ขอ้ มลู และจดั ปา้ ยนเิ ทศแสดงตวั อยา่ งทเ่ี กยี่ วกบั การกระทา�
ของการเปนระเบียบหรือขอบังคับ ซึ่งถาหาก
สมาชกิ ของสงั คมปฏบิ ตั อิ ยา งเครง ครดั จะชว ย ผดิ ทางแพ่งหรอื ทางอาญา
ใหส ามารถอยูรวมกนั ไดอยา งมีความสขุ
กจิ กรรมท ี่ ๓ น ักเรียนศึกษาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญาจากบุคคลท่ีมี
5. สงั คมจะไรค วามเปน ระเบยี บ เกดิ ความวนุ วาย
ไมสงบสุข ความรู้ หรอื จากแหล่งการเรียนรู้ตา่ ง ๆ จากน้นั สรปุ ความรู้เปน็ แผนผังความคดิ
น�าส่งครูผู้สอน

๑8

เฉลย แนวทางประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาทกั ษะ

ประเมินความรอบรู
• ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพ้ืนฐาน กระบวนการความสัมพันธของข้ันตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเร่ืองตางๆ โดยทั่วไป
ซ่งึ เปนงาน หรอื ช้ินงานทีใ่ ชเ วลาไมน าน สําหรับประเมนิ รปู แบบนีอ้ าจเปนคําถามปลายเปดหรอื ผงั มโนทัศน นิยมสําหรับประเมินผูเรียนรายบคุ คล

ประเมินความสามารถ
• ใชในการประเมินความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกปญหา ความสามารถในการใชทักษะชีวิต และ
ความสามารถในการใชเทคโนโลยีของผูเรียน โดยงานหรือช้ินงานจะสะทอนใหเห็นถึงทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปประยุกตใช
ในชวี ติ ประจาํ วันในฐานะพลเมืองทดี่ ีของสงั คม อาจเปนการประเมนิ จากการสงั เกต การเขียน การตอบคาํ ถาม การวิเคราะห การแกป ญหา ตลอดจน
การทาํ งานรว มกัน

ประเมินทักษะ
• ใชในการประเมินการแสดงทักษะของผูเรียน ในฐานะการเปนพลเมืองท่ีดีของสังคมท่ีมีความซับซอน และกอเกิดเปนความชํานาญในการนํามาเปน
แนวทางปฏิบัติจริงในชีวิตประจําวันอยางยั่งยืน เชน ทักษะในการส่ือสาร ทักษะในการแกปญหา ทักษะชีวิตในดานตางๆ โดยอาจมีการนําเสนอ
ผลการปฏบิ ตั ิงานตอผูเกยี่ วขอ ง หรือตอสาธารณะ
สงิ่ ทต่ี อ งคาํ นงึ ในการประเมนิ คอื จาํ นวนงานหรอื กจิ กรรมทผ่ี เู รยี นปฏบิ ตั ิ ซง่ึ ผปู ระเมนิ ควรกาํ หนดรายการประเมนิ และทกั ษะทตี่ อ งการประเมนิ ใหช ดั เจน

T20

Chapter Overview

แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สอื เรยี น 1. อธิบายความหมาย การจดั การ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - ความสามารถใน 1. มวี นิ ยั
ความหมายและ สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 และความสำ� คญั ของ เรยี นร้แู บบ - ตรวจการท�ำแบบฝึก การคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้
ความส�ำ คญั ของ - แบบฝึกสมรรถนะ สิทธมิ นษุ ยชนได้ (K) รว่ มมอื : สมรรถนะและการคิด - ความสามารถใน 3. มุง่ ม่นั ในการ
สทิ ธิมนุษยชน และการคิด เทคนิคคู่คดิ หน้าทพ่ี ลเมอื งฯ ม.3 การใชท้ กั ษะชวี ติ ทำ� งาน
2. จ ำ� แนกความสำ� คญั - ตรวจใบงานท่ี 2.1
หนา้ ท่พี ลเมอื งฯ ม.3 ของสิทธมิ นษุ ยชนที่ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบก่อนเรยี น พบในชีวิตประจ�ำวันได้ - ตรวจผลงาน/ชนิ้ งาน
1 - PowerPoint (P) - สังเกตพฤตกิ รรม
ช่ัวโมง - ใบงานท่ี 2.1 3. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา การท�ำงานรายบุคคล
ความหมายและความ - สังเกตพฤติกรรม
สำ� คญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน การท�ำงานกล่มุ
เพิม่ มากข้ึน (A) - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์

แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรียน 1. วิเคราะห์แนวทางการมี กระบวนการ - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ความสามารถใน 1. มวี ินัย
การมีสว่ นร่วม สงั คมศึกษาฯ ม.3 สว่ นรว่ มในการปกปอ้ ง เผชญิ - ตรวจการทำ� แบบฝึก การคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้
ในการปกปอ้ ง - แบบฝกึ สมรรถนะ คุ้มครองผอู้ นื่ ตามหลกั สถานการณ์ สมรรถนะและการคิด - ความสามารถใน 3. มุ่งม่ันในการ
คุม้ ครองผูอ้ ื่น และการคิด สิทธมิ นษุ ยชนได้ (K) หนา้ ทพี่ ลเมืองฯ ม.3 การใชท้ กั ษะชวี ติ ทำ� งาน
ตามหลักสทิ ธิ หนา้ ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3 2. มสี ่วนร่วมในการ - ตรวจใบงานท่ี 2.2
มนษุ ยชน - PowerPoint ปกปอ้ งคมุ้ ครองผอู้ ่ืน - ประเมินการนำ� เสนอผลงาน
- ใบงานที่ 2.2 ตามหลกั สทิ ธิมนษุ ยชน - ตรวจผลงาน/ชิน้ งาน
2 ท่พี บในชีวติ ประจ�ำวนั - สงั เกตพฤตกิ รรม
ได้ (P) การท�ำงานรายบุคคล
ช่วั โมง

3. เ หน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - สงั เกตพฤตกิ รรม
และมีส่วนร่วมในการ การทำ� งานกล่มุ
ปกป้องคุ้มครองผู้อ่ืน - ประเมนิ คุณลกั ษณะ
ตามหลักสิทธิมนุษยชน อันพึงประสงค์
เพม่ิ มากขน้ึ (A)

T21

แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ ีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ท่ี 3
องค์กรด้าน - หนังสอื เรียน 1. อธบิ ายบทบาทหน้าท่ี สบื เสาะ - ตรวจการทำ� แบบฝึก - ความสามารถใน 1. มีวินัย
สิทธมิ นุษยชน สงั คมศกึ ษาฯ ม.3 ขององค์กรด้านสทิ ธิ หาความรู้ สมรรถนะและการคดิ การคิด 2. ใฝ่เรียนรู้
- แบบฝึกสมรรถนะ มนุษยชนระดบั ชาติ (5Es หน้าทีพ่ ลเมอื งฯ ม.3 - ความสามารถใน 3. มุ่งม่นั ในการ
3 และการคดิ ระดบั ระหว่างประเทศ Instructional - ตรวจการท�ำแบบวัดและ การใชท้ กั ษะชวี ติ ท�ำงาน
หน้าทีพ่ ลเมืองฯ ม.3 และระดับภาคประชา Model) บันทึกผลการเรยี นรู้
ช่วั โมง - แ บบวดั และบันทึกผล สังคมได้ (K) หน้าที่พลเมืองฯ ม.3
การเรียนรู้ 2. จำ� แนกผลการดำ� เนนิ งาน - ตรวจใบงานที่ 2.3
หนา้ ท่พี ลเมืองฯ ม.3 ขององคก์ รดา้ นสิทธิ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน
- แบบทดสอบหลงั เรียน มนษุ ยชนได้ (P) - ตรวจผลงาน/ชน้ิ งาน
- PowerPoint 3. เหน็ คณุ คา่ ของการศกึ ษา - สังเกตพฤติกรรม
- ใบงานท่ี 2.3 การด�ำเนนิ งานของ การท�ำงานรายบคุ คล
องค์กรด้านสทิ ธิ - สงั เกตพฤติกรรม
มนษุ ยชนเพ่มิ มากขึ้น การท�ำงานกลมุ่
(A) - ประเมินคณุ ลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน

T22

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒ สทิ ธมิ นษุ ยชนหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ขน้ั นาำ (การจัดการเรียนรูแบบรวมมอื

ÊÔ·¸ÔÁ¹Øɪ¹ÁÕ¤ÇÒÁ : เทคนคิ คูคดิ )
ÊíÒ¤ÑÞµ‹Í¡ÒÃÍÂًËÇÁ¡Ñ¹
1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ช่ือเรื่อง
ã¹Êѧ¤ÁÍ‹ҧäà จดุ ประสงค และผลการเรยี นรู

? 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน
หนวยการเรียนรทู ่ี 2 เร่อื ง สิทธมิ นษุ ยชน

3. ครยู กประเดน็ ทางสงั คมทเ่ี กย่ี วกบั สทิ ธมิ นษุ ยชน
มาเลา ใหน กั เรยี นฟง จากนนั้ ใหน กั เรยี นรว มกนั
ยกตัวอยางหลักสิทธิมนุษยชนท่ีนักเรียนรูจัก
และอภปิ รายความรดู งั กลา วรวมกัน

มนษุ ย์ทเี่ กิดมำในสังคมนัน้ ยอ่ มมีควำมแตกตำ่ งกนั ไป ไมว่ ำ่ จะเปน็ ฐำนะ เชอ้ื ชำติ ศำสนำ
ควำมคิด ควำมเชอื่ แต่ไมว่ ่ำจะมีควำมแตกต่ำงกันเพียงใด มนษุ ย์ทกุ คนยอ่ มมีสิทธ ิ เสรีภำพ และ
ศกั ด์ิศรคี วำมเปน็ มนุษย ์ เรียกวำ่ สิทธิมนษุ ยชน ในปัจจบุ ันเรำจะเหน็ ไดว้ ่ำมหี น่วยงำนท้งั ภำครฐั
และเอกชนท่ีก่อตั้งข้ึนเพื่อท�ำหน้ำที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกำรช่วยให้มนุษย์
มีคณุ ภำพชีวิตท่ดี ขี ้ึนและอย่รู ว่ มกนั ได้อย่ำงสันตสิ ุข

ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ส ๒.๑ ม.๓/๒ มีส่วนร่วมในกำรปกป้องคุ้มครองผู้อื่นตำม • ควำมหมำยและควำมส�ำคญั ของสิทธิมนษุ ยชน
หลกั สิทธิมนษุ ยชน • ก ำรมีส่วนร่วมคุ้มครองสิทธิมนุษยชนตำมรัฐธรรมนูญแห่ง
รำชอำณำจกั รไทยตำมวำระและโอกำสทเ่ี หมำะสม
๑9

เกร็ดแนะครู

ครูควรจัดการเรยี นรูโดยใหน ักเรยี นทาํ กิจกรรม ตอ ไปนี้
• คนควา ขอมูลที่เกี่ยวกับหลกั การคุมครองสิทธมิ นษุ ยชน
• รวมกันแสดงความคิดเหน็ และขอเสนอแนะเกี่ยวกบั สิทธมิ นษุ ยชน
• มสี วนรวมทาํ กจิ กรรมทส่ี นบั สนนุ และสง เสริมหลักสทิ ธมิ นษุ ยชน

T23

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๑. ความหมายและความสÓคญั ของสทิ ธิมนษุ ยชน
สิทธิมนุษยชนถือเป็นอ�ำนำจอันชอบธรรมท่ีกฎหมำยรับรองให้มนุษย์กระท�ำกำรใด ๆ
1. ครูนําขาวเก่ยี วกับการละเมิดสิทธมิ นุษยชนใน โดยไม่กระทบสิทธิของผู้อื่นได้อย่ำงอิสระ และ
ดา นตา งๆ เชน การละเมดิ สทิ ธเิ ดก็ การละเมดิ ไม่แบง่ แยกชนชน้ั ฐำนะ หรือชำติก�ำเนดิ
สิทธิสตรี มาใหน กั เรียนรว มกนั ศกึ ษา จากน้ัน
ตง้ั คาํ ถาม เชน ๑.๑ ความหมายของ
• การละเมดิ สทิ ธมิ นษุ ยชนตามขา ว สง ผลเสยี สทิ ธิมนุษยชน
ตอ ตนเอง สงั คม และประเทศชาตอิ ยางไร นำ� มำใชแเ้ ปนน็วคกวลำไกมหคนิดง่ึเใรนื่อ ง“กสฎิทบธตัิมรนสุษหยปชรนะช ำไชดำ้ถตูก1”ิ
และเรามแี นวทางอยา งไรทจ่ี ะลดการละเมดิ (พ.ศ. ๒๔๘๘) เพ่ือปกป้องคุ้มครองมิให้เกิด
สิทธมิ นุษยชน โศกนำฏกรรม เช่น สงครำมโลกครั้งที่ ๒ ที่
 อนุสรณ์สถำนฮิโระชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นหนึ่งใน มนษุ ยชำติต้องสังเวยชวี ิตไปจ�ำนวนมหำศำล
2. ครใู หน ักเรียนจับคู คละกันตามความสามารถ เคร่ืองเตือนใจถงึ โศกนำฏกรรมจำกสงครำมโลกครัง้ ท ี่ ๒ ค�ำว่ำ “สิทธิมนุษยชน” จึงปรำกฏอยู่ใน
โดยใหสมาชิกแตละคนจับคูกันภายในกลุม
และกาํ หนดหมายเลขเปน คทู ี่ 1 และคทู ่ี 2 คำ� ปรำรภ ควำมมงุ่ หมำย และหลกั กำรของกฎบตั รสหประชำชำตหิ ลำยมำตรำทรี่ ฐั สมำชกิ องคก์ ำร
สหประชำชำตไิ ดใ้ หก้ ำรรบั รองไว ้ เชน่ ในควำมมงุ่ หมำยประกำรหนงึ่ คอื “เพอ่ื ทำ� กำรรว่ มมอื ระหวำ่ ง
3. สมาชกิ แตล ะครู ว มกนั ศกึ ษาความรเู รอ่ื ง ความ ประเทศในอนั ทจี่ ะแกป้ ญั หำระหวำ่ งประเทศทำงเศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรม และมนษุ ยธรรม และ
หมายและความสาํ คญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน จาก ส่งเสรมิ สนับสนนุ กำรเคำรพสิทธิมนษุ ยชน”
หนงั สอื เรยี นสงั คมศกึ ษาฯ ม.3 หรอื จากแหลง ในเวลำต่อมำเม่ือมีค�ำประกำศ “ปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชำชำติ”
การเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด (พ.ศ. ๒๔๙๑) ซึ่งถือว่ำเป็นเอกสำรแม่บทของสิทธิมนุษยชน แต่ก็มิได้ให้ควำมหมำยของค�ำว่ำ
เวบ็ ไซตท างอินเทอรเ นต็ คลู ะ 1 เร่ือง ดงั นี้ สทิ ธมิ นษุ ยชนไว้แตป่ ระกำรใด
• คูท่ี 1 ศึกษาความรูเร่ือง ความหมายของ ปฏิญญำสำกลฯ จึงจัดได้ว่ำเป็นแนวทำงปฏิบัติของสิทธิมนุษยชน โดยมีสิทธิ เสรีภำพที่
สิทธมิ นุษยชน
• คูที่ 2 ศึกษาความรูเรื่อง ความสําคัญของ
สิทธิมนษุ ยชน

ส�ำคัญของมนุษย์ระบุไว้ เช่น สิทธิต่อชีวิต เสรีภำพและควำมปลอดภัยของบุคคล เสรีภำพทำง
ควำมคิดและกำรแสดงออก ควำมเสมอภำค กำรศกึ ษำ อำชีพ และกำรมสี ว่ นร่วม
แนวทำงปฏิบัติในปฏิญญำสำกลฯ ถือเป็นกำรให้ควำมหมำยค�ำว่ำ สิทธิมนุษยชนไว้แบบ
กวำ้ ง ๆ ส�ำหรบั ให้รัฐสมำชิกที่ให้กำรรับรองปฏญิ ญำสำกลฯ นำ� ไปเปน็ แนวทำงปฏบิ ตั ิ
ประเทศไทยถอื เป็น ๑ ใน ๔๘ ประเทศแรกของโลกทล่ี งคะแนนเสยี งรับรองและใหค้ วำม
สำ� คญั ตอ่ สทิ ธมิ นษุ ยชน ซง่ึ พระรำชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วำ่ ดว้ ยคณะกรรมกำรสทิ ธมิ นษุ ยชน
แห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ให้ควำมหมำยของสิทธิมนุษยชนว่ำหมำยถึง ศักด์ิศรีควำมเป็นมนุษย์
สทิ ธ ิ เสรภี ำพและควำมเสมอภำคของบคุ คล บรรดำท่ีไดร้ บั กำรรบั รองหรอื คมุ้ ครองตำมรฐั ธรรมนญู
ตำมกฎหมำย หรือตำมหนงั สอื สญั ญำทป่ี ระเทศไทยเปน็ ภำคีและมพี นั ธกรณีทจ่ี ะต้องปฏิบัตติ ำม

20

นักเรียนควรรู กจิ กรรม สรางเสรมิ

1 กฎบัตรสหประชาชาติ คือ ขอตกลงท่ีบรรดาประเทศที่กอตั้งและรวมเปน ครูใหนักเรียนจัดสัมมนากลุมยอยในเรื่อง “ความสําคัญของ
สมาชกิ ของสหประชาชาตไิ ดร ว มกนั ใหส ตั ยาบนั เขา ผกู พนั โดยมเี นอื้ หาเกยี่ วกบั สทิ ธมิ นษุ ยชนในสังคมไทย” เพอ่ื ใหนักเรยี นไดร วมกนั แสดงความ
วัตถุประสงค หลักการ ตลอดจนกระบวนการดําเนินงาน และการบริหารงาน คดิ เหน็ ในประเด็นดังกลาว
ตางๆ ของสหประชาชาติ ถือเปนกฎหมายระหวางประเทศและเปนตราสาร
กอต้งั สถาปนาองคการใหเ กิดขน้ึ อยางเปนทางการ กิจกรรม ทาทาย

สื่อ Digital นกั เรยี นสบื คน ประเดน็ ปญ หาทางดา นสทิ ธมิ นษุ ยชนในสงั คม
ไทยวามีปญหาดานใดบางท่ีควรเรงแกไข จากนั้น ใหนักเรียน
ศึกษาคนควาขอมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชน เลือกมาคนละ 1 ปญหา เพ่ือเสนอแนวทางแกไข โดยสรุปลง
แหง สหประชาชาติไดท ี่ //www.mfa.go.th กระดาษ A4 สง ครูผูสอน

T24

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๑.2 ความส�าคญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน ขนั้ สอน
ในปัจจุบันทั่วโลกได้ให้ควำมส�ำคัญต่อสิทธิมนุษยชน และมีควำมพยำยำมที่จะก�ำหนด
มำตรฐำนท่ีเกีย่ วกบั สิทธมิ นุษยชน เพ่ือใหม้ นุษย์ไดร้ ับกำรปกป้องและคมุ้ ครองอยำ่ งเท่ำเทียมกัน 4. ครใู หน ักเรียนจัดการอภิปราย เพอ่ื นําเสนอผล
นอกจำกน ้ี ยงั มกี ำรดำ� เนนิ กำรทจ่ี ะชว่ ยใหป้ ระเทศตำ่ ง ๆ ในโลกมกี ำรพฒั นำทำงดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชน การศึกษาเรื่อง ความหมายและความสําคัญ
ใหด้ ยี ง่ิ ขน้ึ จะเหน็ ไดว้ ำ่ เรอื่ งสทิ ธมิ นษุ ยชนกลำยเปน็ ประเดน็ สำ� คญั ระดบั โลก ซงึ่ สำมำรถสรปุ ควำม ของสิทธิมนุษยชน จากนั้นครูตั้งคําถามให
สำ� คัญของสิทธมิ นษุ ยชนได ้ ดงั น้ี นกั เรียนรวมกนั ตอบ เชน
• สิทธิมนุษยชนมีความสําคัญตอ การดํารงอยู
๑) ส่งเสริมให้มนุษย์ทุกคนได้รับการปฏิบัติด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ทั้ง ของมนุษยอยางไร
ศกั ดศ์ิ รแี ละสทิ ธ ิ ไมถ่ กู แบง่ แยกใหเ้ กดิ ควำมแตกตำ่ งกนั ในเรอ่ื งใด ๆ เชน่ เชอื้ ชำต ิ สผี วิ ชำตกิ ำ� เนดิ • สิทธิมนุษยชนมีความสัมพันธที่เช่ือมโยงกับ
เผำ่ พันธ ์ุ เพศ อำยุ ภำษำ ศำสนำ ควำมคิดเห็นทำงกำรเมือง และอ่ืน ๆ การเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อยางไร
๒) ส่งเสริมให้มนุษย์ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม โดยเฉพำะกำรได้รับ
ควำมคุ้มครองจำกกฎหมำยท่ีเท่ำเทียมกัน รวมถึงได้รับกำรพิจำรณำคดีอย่ำงเป็นธรรมจำกศำล 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมเดิมทําใบงานท่ี 2.1
ตลอดจนกำรดำ� เนนิ กำรตำมขั้นตอนของกระบวนกำรยุตธิ รรม เร่ือง ความหมายและความสําคัญของสิทธิ
มนุษยชน จากนั้นนักเรียนแตละกลุมชวยกัน
๓) สง่ เสรมิ ใหม้ นษุ ยม์ คี วามเปน็ อยแู่ ละคณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี นึ้ โดยกำรทไ่ี ดร้ บั สทิ ธติ ำ่ ง ๆ ตรวจสอบความถูกตอ งของใบงาน
ที่เหมำะสม ไม่วำ่ จะเปน็ สทิ ธใิ นทรพั ย์สิน สทิ ธิในมำตรฐำนกำรครองชพี กำรประกนั กำรวำ่ งงำน
ไกดำร้รบัไดกร้ ำบั รคคำ่มุ้ จคำ้ รงอทงเ่ี ลพขิ ยี สงทิพธอแิ์ ตลอ่ ะกสำทิ รธยบิงั ชตั พีร1 รกวำมรถเขงึ ำ้สถทิ งึ ธบใิ รนกิ กำำรรสเขำธำ้ ำรรบั ณกำสรขุ พทฒั ม่ี มีนำำตในรดฐำำ้ นน ตกำ่ ำงร ๆศ กึ ทษจี่ ำำ� เกปำน็ ร 6. ครใู หอาสาสมคั รนกั เรยี น 2-3 กลมุ นาํ เสนอ
ตอ่ กำรดำ� รงชวี ิต ผลงานในใบงานหนาช้ันเรียน และใหก ลุมอื่น
ทม่ี ผี ลงานทแ่ี ตกตา งกันไดน ําเสนอเพมิ่ เติม
๔) สง่ เสรมิ โอกาสแกม่ นษุ ยท์ ุกคนใหม้ ีส่วนร่วมในกจิ กรรมต่าง ๆ ทางสังคม โดย
ได้รบั กำรสนับสนนุ ให้เขำ้ ไปมีสว่ นร่วมในกำรคิด แสดงควำมคิดเหน็ หรอื กำรตดั สินใจในกิจกรรม 7. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมทเี่ กยี่ วกบั ความหมาย
ทำงสังคม เช่น สิทธิในกำรชุมนุมทำงกำรเมือง สิทธิในกำรเสนอแนะแนวทำงกำรแก้ไขปัญหำ และความสาํ คญั ของสทิ ธมิ นษุ ยชน ในแบบฝก
สมรรถนะฯ หนาที่พลเมืองฯ ม.3 เพ่ือเปน
การบานสง ครูในชวั่ โมงถัดไป

สังคม สิทธใิ นกำรเลอื กตัง้ ตลอดจนสทิ ธิในกำรด�ำรงต�ำแหน่งทำงกำรเมอื ง

๕) สง่ เสรมิ ใหม้ นษุ ยม์ อี สิ ระ เสรภี าพ
ในการด�าเนินชีวิต โดยทุกคนสำมำรถท�ำ
กิจกรรมต่ำง ๆ ท่ีไม่ขัดต่อกฎหมำยและไม่เกิด
ควำมเดือดร้อนต่อผู้อ่ืนได้อย่ำงเสรี ตลอดจน
ไดร้ บั ควำมคมุ้ ครองเสรีภำพทำงควำมคิด เช่น
เสรภี ำพในกำรนบั ถอื ศำสนำ กำรแสดงออก กำร
แสวงหำและกำรรับรู้ข้อมลู ข่ำวสำร กำรชมุ นมุ
อยำ่ งสงบ กำรรวมกันเปน็ สมำคม และสิทธใิ น
กำรมีส่วนร่วมในกจิ กำรสำธำรณะ  สทิ ธมิ นษุ ยชนสง่ เสรมิ กำรมเี สรภี ำพทำงควำมคดิ ไดแ้ สดง

ควำมคดิ เหน็ และรว่ มกนั ตัดสนิ ใจในกิจกรรมทำงสงั คม 2๑

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

ขอ ใดสอดคลอ งกับคําวา สิทธิมนษุ ยชน 1 สิทธิบัตร หนังสือสําคัญที่รัฐออกใหเพ่ือคุมครองการประดิษฐหรือการ
1. จ๋วิ บงั คับเพ่ือนใหเขา รว มกลุมกับตน ออกแบบผลิตภัณฑท่ีมีลักษณะตามท่ีกฎหมายกําหนด เปนสิทธิพิเศษที่ทําให
2. แจวไดร บั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐานที่ดแี ละมงี านทํา ผูประดิษฐคิดคนหรือผูออกแบบผลิตภัณฑมีสิทธิท่ีจะผลิตและจําหนายสินคา
3. จอ มไมไ ปใชส ทิ ธิเลอื กต้งั เน่ืองจากตดิ ธรุ ะสําคัญ แตเพียงผูเดียว ในชวงระยะเวลาหน่ึง ซ่ึงส่ิงประดิษฐท่ีสามารถจดสิทธิบัตรได
4. จอยกลา วหาเพอ่ื นรวมงานดว ยการใชถ อ ยคาํ ท่รี ุนแรง จะตองเปนส่งิ ประดษิ ฐใหม เปนส่งิ ประดิษฐทม่ี เี ทคโนโลยสี ูงขึ้น และสามรถนํา
ไปใชในการผลิตทางอตุ สาหกรรม หัตถกรรม เกษตรกรรม และพาณิชยกรรม
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. สิทธิมนุษยชน หมายถึง สิทธิ
เสรภี าพ และความเสมอภาคของบุคคล ซงึ่ รวมถงึ ความเสมอภาค
ทางการศึกษาท่ีรัฐมีหนาที่ดูแลใหประชาชนไดรับสิทธิการศึกษา
ข้ันพื้นฐานท่ีดีและมีงานทํา ตลอดจนการเขาถึงในการพัฒนาใน
ดา นตางๆ ที่จําเปน ตอการดาํ รงชวี ติ )

T25

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

ขนั้ สรปุ ๖) สง่ เสรมิ ใหม้ นษุ ยท์ กุ คนมเี สรภี าพในการแสดงความคดิ เหน็ ถงึ แมม้ นษุ ยส์ ำมำรถ

ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ แสดงออกในด้ำนต่ำง ๆ ได้อยำ่ งเทำ่ เทียม แต่จะตอ้ งเคำรพสิทธขิ องผอู้ ่ืน
ความหมายและความสําคัญของสิทธิมนุษยชน แสดงใหเ้ หน็ ไดว้ ำ่ สทิ ธมิ นษุ ยชนมคี วำมสำ� คญั ตอ่ ประชำกรโลก โดยองคก์ ำรสหประชำชำติ
สรุปความรูสนธิสัญญานหลักดานสิทธิมนุษยชน ในฐำนะองคก์ ำรระหวำ่ งประเทศไดใ้ หค้ วำมสำ� คญั พยำยำมเรยี กรอ้ งและดำ� เนนิ กำรจดั ทำ� สนธสิ ญั ญำ
หรอื ใช PPT สรปุ สาระสาํ คญั ของเนอ้ื หา ตลอดจน หลักด้ำนสิทธิมนุษยชนมำเป็นล�ำดับ จ�ำนวน ๗ ฉบับ ซ่ึงมีผลด�ำเนินกำรส�ำหรับรัฐสมำชิก
ความสาํ คัญตอการดําเนนิ ชีวิตประจําวัน สหประชำชำตใิ นปจั จุบัน ดงั น้ี

ขน้ั ประเมนิ ฉบบั ท่ี ๓ ฉบบั ที่ ๔ ฉบับท่ี ๕
กติกำระหว่ำงประเทศวำ่ ด้วยสิทธิ กติกำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยสิทธิ อนุสัญญำวำ่ ดว้ ยกำรขจัดกำรเลอื ก
1. ครปู ระเมนิ ผลจากการตอบคาํ ถาม การรว มกนั พลเมอื งและสิทธิทำงกำรเมือง ทำงเศรษฐกจิ สงั คม และวฒั นธรรม
ทํางาน และการนําเสนอผลงานหนา ชั้นเรียน ปฏบิ ัตทิ ำงเชื้อชำติในทุกรูปแบบ

2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงาน และแบบฝก
สมรรถนะฯ หนา ทพ่ี ลเมืองฯ ม.3

ฉบับท่ี ๒ สนธิสญั ญา ฉบับที่ ๖
อนุสัญญำวำ่ ดว้ ยกำรขจดั กำร ดา้ นสทิ ธิ อนสุ ญั ญำวำ่ ดว้ ยต่อตำ้ นกำรทรมำน
เลือกปฏบิ ตั ติ อ่ สตรใี นทุกรปู แบบ มนุษยชน
ฉบบั ท่ี ๑ และกำรปฏบิ ตั ิหรอื กำรลงโทษอน่ื
อนสุ ญั ญำว่ำด้วย ทีโ่ หดร้ำย ไรม้ นษุ ยธรรม หรอื
สิทธเิ ด็ก ท่ยี ่ำ� ยศี ักด์ศิ รี
ฉบับที่ ๗
อนสุ ัญญำว่ำดว้ ยสิทธิ
ของคนพกิ ำร

ประเทศไทยเข้ำเป็นภำคีสนธิสัญญำแล้วทั้ง ๗ ฉบับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นเจตนำรมณ์อย่ำง
ชัดเจนที่ร่วมกับประชำคมระหวำ่ งประเทศระดับสำกล ในกำรส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
โดยใน พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ ประเทศไทยไดร้ บั เลอื กจำกประเทศสมำชกิ ใหด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ประธำน
คณะมนตรสี ทิ ธมิ นษุ ยชนแหง่ สหประชำชำต ิ มหี นำ้ ทร่ี บั คำ� รอ้ งเรยี นจำกบคุ คลในเรอ่ื งกำรละเมดิ สทิ ธิ
มนุษยชน สอดสอ่ งดแู ลกตกิ ำสำกลเรอ่ื งสทิ ธพิ ลเมอื งและกำรเมอื ง
สิทธิมนุษยชนมีควำมสัมพันธ์ท่ีเช่ือมโยงกับกำรเมืองกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย
เนอ่ื งจำกแนวคดิ และกำรปฏบิ ตั ดิ ำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชนเปน็ กำรวำงรำกฐำนไปสคู่ วำมเปน็ ประชำธปิ ไตย
และถือเปน็ ตวั ชี้วัดควำมเปน็ ประชำธิปไตยในแต่ละประเทศ เพรำะเมื่อมีสิทธิมนุษยชนก็จะเกดิ ทงั้
หน้ำทข่ี องผู้ปกครองหรือรัฐบำล และหน้ำทม่ี นุษยชนทจ่ี ะต้องเอ้ือเฟ้อื เก้ือกลู กันด้วยควำมเมตตำ
กรณุ ำ กำรปลกู ฝังเรอื่ งนจี้ ึงถอื เป็นสง่ิ สำ� คญั และจำ� เปน็ ในสังคม

22

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคดิ

ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เร่ือง ความหมายและ ขอ ความใดกลา วถูกตอ ง
ความสําคญั ของสิทธมิ นุษยชน ไดจ ากการตอบคาํ ถาม การรว มกันทาํ งาน และ 1. สทิ ธมิ นุษยชนมผี ลทําใหมนุษยข าดอิสระในการดาํ เนินชีวิต
การนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก 2. บคุ คลที่มีฐานะดเี ทา นน้ั จะไดรบั สทิ ธิในการบริการสาธารณสุข
แบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 2
เร่อื ง สิทธมิ นษุ ยชน และสวัสดกิ ารจากรัฐ
3. การมคี วามเคารพในชาติพันธขุ องบุคคลถอื เปนการมสี ว นรว ม
แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
ในการใหความเมตตา
คาชแี้ จง : ให้ผู้สอนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องที่ 4. บุคคลยอ มดาํ เนนิ การอยางไรกไ็ ดเพื่อใหไ ดม าซ่ึงการปกครอง
ตรงกบั ระดับคะแนน
ในระบอบประชาธปิ ไตย
ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32 (วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. การมคี วามเคารพในชาติพนั ธขุ อง
บคุ คลถอื เปน การแสดงออกซงึ่ การมสี ว นรว มในการใหค วามเมตตา
1 ความถูกต้องของเนอ้ื หา อนั จะนํามาซง่ึ ความสุข ความสามคั คีของคนไทย)
2 การลาดบั ขั้นตอนของเรื่อง
3 วิธีการนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีสว่ นรว่ มของสมาชกิ ในกลุ่ม

รวม

ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมิน
............/................./................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่

ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

T26 12 - 15 ดี

8 - 11 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ò. ก ารมสี ว่ นร่วมãนการปกป‡องคุม้ ครอง¼้อู น×è µามหลัก ขน้ั นาำ (กระบวนการเผชญิ สถานการณ)

สทิ ธิมนุษยชน 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเร่ือง
ที่จะเรียนรู จดุ ประสงคก ารเรียนรู และผลการ
เร่อื งสทิ ธมิ นษุ ยชนในปัจจบุ นั มคี วำมเปล่ยี นแปลงไป คือ มใิ ช่เป็นภำรกิจของรัฐบำลเพยี ง เรยี นรู
ฝำ่ ยเดยี วเทำ่ นน้ั องคก์ รพฒั นำเอกชนและภำคประชำสงั คมทำงดำ้ นสทิ ธมิ นษุ ยชนในประเทศและ
ตำ่ งประเทศกไ็ ดเ้ ขำ้ มำมสี ว่ นรว่ ม โดยมศี กั ยภำพในกำรดำ� เนนิ งำนกำรมสี ว่ นรว่ มขององคก์ รฯ และ 2. ครูนําขาวหรือกรณีศึกษาเก่ียวกับการปฏิบัติ
ภำคประชำสังคม ใกล้เคยี งกบั ประสิทธิภำพของรัฐบำล ซึง่ มอี ิทธพิ ลต่อควำมเหน็ ของสำธำรณชน หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน มารว มกนั
มำกพอสมควร อภิปรายหาแนวทางการปฏิบัติท่ีเหมาะสม
โดยหลักกำรแล้ว สิทธิมนุษยชนขึ้นอยู่กับกำรรับรองหรือกำรประกันสิทธิน้ันโดยกฎหมำย และมีสวนรวมในการปฏิบัติ แลวถามคําถาม
หำกกฎหมำยไดร้ ับกำรตรำไวอ้ ยำ่ งเป็นธรรม และไดร้ บั กำรปฏิบตั ิอย่ำงเทีย่ งธรรม ประชำชนกจ็ ะ เพ่ือกระตุนความสนใจของนักเรียน และให
ไม่ถกู ละเมดิ สิทธิไดง้ ำ่ ย แตท่ ้ังนี้ ประชำชนควรมสี ว่ นรว่ มในกำรรบั รดู้ ำ้ นสิทธิมนษุ ยชน และนำ� ไป นักเรียนรวมกันอภิปรายขอคําถามดังกลาว
ปฏิบัติเพ่ือสร้ำงสรรค์ควำมดีงำมในทุกด้ำนของชีวิตตำมหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งทำงกำยและ เชน
ทำงจติ วญิ ญำณ ซ่ึงสังคมไทยมีพระพุทธศำสนำเปน็ ทนุ ทำงสงั คมด้ำนสทิ ธมิ นษุ ยชนอยแู่ ล้ว เชน่ • การมีสวนรวมในการปกปองคุมครองผูอื่น
ศีล ๕ กำรแผเ่ มตตำ กำรไมเ่ บยี ดเบียนผู้อื่น ตามหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน กอ ใหเ กดิ ผลดอี ยา งไร
นอกจำกน ้ี สอ่ื ทงั้ หลำยไดม้ กี ำรเฝำ้ ตดิ ตำมบทบำทของทง้ั ภำครฐั และภำคประชำสงั คมอยำ่ ง (แนวตอบ ทําใหสังคมเกิดความรัก สามัคคี
ใกลช้ ิด ซึง่ ในสว่ นของรัฐบำลมบี ทบำทหนำ้ ท่ใี นกำรสง่ เสรมิ หลกั สทิ ธมิ นุษยชน เชน่ คมุ้ ครองและ และอยรู วมกันไดอยางมคี วามสขุ )
พฒั นำเดก็ และเยำวชน สง่ เสรมิ ใหเ้ อกชนและชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในกำรพฒั นำสขุ ภำพและจดั บรกิ ำร • ในฐานะที่นักเรียนเปนเยาวชนคนหน่ึง
สำธำรณสุข รัฐต้องปฏิบัติตำมสนธิสัญญำด้ำนสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภำคี อีกทั้งยัง นักเรียนสามารถมีสวนรวมในการปกปอง
ก�ำหนดใหม้ ีองค์กรอิสระ คือ คณะกรรมกำรสทิ ธิมนษุ ยชนแห่งชำตมิ บี ทบำทในกำรบรหิ ำรรว่ มกบั คุมครองผูอื่นตามหลักสิทธิมนุษยชนได
องคก์ รภำคประชำชน เพอื่ เปน็ องคก์ รทม่ี อี ำ� นำจ อยา งไร
อสิ ระใน2ก.ำ๑รป กกปา้อรงมคีสมุ้ ค่วรนองรสว่ ทิ มธ1ิม “นรุษับยชรน”ู้ (แนวตอบ ชวยสอดสองดูแลพฤติกรรมที่สอ
ไปในทางละเมิดสิทธิมนุษยชน แลวแจงให
ผูท ีม่ ีหนา ทรี่ บั ผิดชอบจดั การ)

กำรมีส่วนร่วมรับรู้จะช่วยให้เรำทรำบถึง
สิทธิอันพึงมีทั้งของตนเองและผู้อ่ืน ในฐำนะ
คนไทยควรมีส่วนร่วมรับรู้สิทธิ เสรีภำพของ
ตนเองตำมทรี่ ฐั ธรรมนญู กำ� หนดไวใ้ นบทบญั ญตั ิ
ทใ่ี หค้ วำมสำ� คญั เรอื่ งสทิ ธมิ นษุ ยชน โดยแยกออก
เป็นส่วนต่ำง ๆ ที่ทุกคนควรมีส่วนร่วมในกำร 2

 คณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ (กสม.) จัดงำน
วนั สิทธิมนษุ ยชนสำกล ๑๐ ธันวำคม ประจำ� ป ี ๒๕๖๑
รับรู้เพื่อน�ำไปสู่กำรปฏิบัติอย่ำงถูกต้องตรงตำม (ทมี่ ำภำพ : กรมกจิ กำรผสู้ งู อำย ุ กระทรวงกำรพฒั นำสงั คม
เปำ้ หมำยของรัฐธรรมนูญ ดังน้ี
และควำมมัน่ คงของมนุษย์)

2๓

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

แนวคดิ ใดขัดแยง กบั หลกั สิทธมิ นุษยชน 1 การมีสวนรวม เปนส่ิงที่มีความสําคัญตอการสงสริมสิทธิมนุษยชน
1. ผูชายเกง กวา ผหู ญิง อยางมาก ซ่ึงคนในสังคมจะตองมีความตระหนักและเห็นความสําคัญของ
2. เด็กตองไดร บั การศึกษาท่มี ีมาตรฐาน หลกั สิทธิมนุษยชน ซึง่ จะนาํ ไปสูการปฏบิ ตั ิทีถ่ ูกตอ ง
3. คนจนมีสทิ ธิเขาถงึ บริการสาธารณสขุ 2 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ มีอํานาจหนา ท่ี เชน ตรวจสอบและ
4. ผพู กิ ารตอ งไดร ับคุณภาพชีวิตท่ีดเี ทาเทียมคนทว่ั ไป รายงานขอเท็จจริงท่ีถูกตองเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณีโดยไม
ลา ชา เสนอแนะมาตรการหรอื แนวทางในการสง สรมิ และคมุ ครองสทิ ธมิ นษุ ยชน
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. หลักสิทธิมนุษยชนใหค วามสําคัญ ตอ รฐั สภา รฐั มนตรี และหนวยงานท่ีเกีย่ วขอ ง สรา งเสริมทกุ ภาคสว นของสงั คม
กับความเทาเทยี มของมนุษย ผชู ายและผูห ญิงมีศักดศิ์ รคี วามเปน ใหต ระหนักถงึ ความสําคญั ของสิทธิมนุษยชน
มนษุ ยเ ทา เทยี มกัน ไมม ใี ครเกง กวา ดกี วา หรอื อยเู หนอื กวา ทง้ั น้ี
ขนึ้ อยกู บั ความสามารถของแตล ะบคุ คลวา จะมโี อกาสพฒั นาทกั ษะ
ความชาํ นาญในดานตางๆ ทแ่ี ตกตางกันไดมากนอยเพียงใด)

T27

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๑) สทิ ธเิ สรภี าพสว่ นบคุ คล เป็นกำรระบุถึงสิทธ ิ เสรีภำพทวั่ ไป ซึง่ เป็นพน้ื ฐำนสำ� คัญท่ี
ประชำชนชำวไทยพงึ ม ี เชน่ บคุ คลยอ่ มมสี ทิ ธแิ ละเสรภี ำพในชวี ติ และรำ่ งกำย เสรภี ำพในเคหสถำน
ขั้นท่ี 1 รวบรวมข่าวสาร ขอ้ มลู ขอ้ เทจ็ จริง ตลอดจนกำรลงโทษด้วยวิธีกำรโหดร้ำยหรือไร้มนุษยธรรมจะกระท�ำมิได้ ทั้งน้ี กำรลงโทษตำม
ความรู้ และหลกั การ ค�ำพิพำกษำของศำลหรือตำมท่ีกฎหมำยบัญญัติ ไม่ถือว่ำเป็นกำรลงโทษด้วยวิธีกำรโหดร้ำยหรือ
ไร้มนุษยธรรม
1. ครอู ธบิ ายเชอ่ื มโยงใหน กั เรยี นเหน็ ความสาํ คญั
และความจําเปนที่จะตองรวมมือกันในการ ๒) สิทธิในกระบวนการยุติธรรม เป็นกำรระบุถึงสิทธิที่บุคคลพึงได้รับกำรคุ้มครองใน
ปกปองคุมครองผูอ่ืนตามหลักสิทธิมนุษยชน กระบวนกำรยุติธรรมหรือกระบวนกำรทำงกฎหมำย เช่น บุคคลไม่ต้องรับโทษอำญำ เว้นแต่ได้
ทไ่ี ดศ กึ ษาเมอ่ื ชวั่ โมงทีผ่ า นมา กระทำ� กำรอนั กฎหมำยทใ่ี ชอ้ ยใู่ นเวลำทก่ี ระทำ� นนั้ บญั ญตั เิ ปน็ ควำมผดิ และกำ� หนดโทษไว ้ และโทษ
ที่จะลงแก่บุคคลน้ันจะหนักกว่ำโทษท่ีก�ำหนดไว้ในกฎหมำยที่ใช้อยู่ในเวลำท่ีกระท�ำควำมผิดมิได ้
2. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 คน ตามความ โดยในคดอี ำญำตอ้ งสนั นษิ ฐำนไวก้ อ่ นวำ่ ผตู้ อ้ งหำหรอื จำ� เลยไมม่ คี วำมผดิ กอ่ นมคี ำ� พพิ ำกษำอนั ถงึ
สมคั รใจ แลว ใหแ ตล ะกลมุ ชว ยกนั คน หาขอ มลู ทสี่ ดุ ทแี่ สดงวำ่ บคุ คลไดก้ ระทำ� ควำมผดิ ซงึ่ จะปฏบิ ตั ติ อ่ บคุ คลนนั้ เสมอื นเปน็ ผกู้ ระทำ� ควำมผดิ มไิ ด้
เกี่ยวกับการมีสวนรวมในการปกปองคุมครอง
ผอู ่นื ตามหลกั สิทธมิ นุษยชน ๓) สทิ ธใิ นทรพั ยส์ นิ เชน่ สทิ ธขิ องบคุ คลในทรพั ยส์ นิ ยอ่ มไดร้ บั กำรคมุ้ ครองขอบเขตแหง่
สิทธิและกำรจ�ำกัดสิทธิเช่นว่ำนี้ย่อมเป็นไปตำมที่กฎหมำยบัญญัติ กำรสืบมรดกย่อมได้รับควำม
3. สมาชิกในกลุมรวมกันอภิปรายประเด็นสําคัญ คุ้มครองและเปน็ ไปตำมทกี่ ฎหมำยบญั ญัติ
ของขอ มลู ทไ่ี ดร วบรวมมา
อำชพี แ๔ล)ะ มสสี ทิ ทิ ธธแิิไดลร้ ะบั เสหรลภี กั าปพระใกนนั ก1คาวรำปมรปะลกออดบภอยั าแชลพี ะส วเชสั ด่นภิ ำบพุคใคนลกยำ่อรมทมำ� งีเสำรนีภ รำวพมใทนงั้กหำลรปกั ประรกะกอบนั
ขนั้ ท่ี 2 ประเมนิ คณุ คา่ และประโยชน์ ในกำรดำ� รงชพี ทั้งในระหว่ำงกำรทำ� งำนและเมื่อพน้ ภำวะกำรทำ� งำน ทง้ั น้ ี เป็นไปตำมท่ีกฎหมำย
บญั ญัติ
4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมเลือกขาวในใบงานท่ี
2.2 เร่ือง การรวมมอื กันปกปอ งสิทธมิ นษุ ยชน ๕) สทิ ธแิ ละเสรภี าพในการศกึ ษา เชน่ บคุ คลย่อมมสี ิทธิเสมอกันในกำรรบั กำรศกึ ษำไม่
กลุมละ 1 ขาว แลวรวมกันวิเคราะหตาม นอ้ ยกวำ่ ๑๒ ป ี ทรี่ ฐั จะตอ้ งจดั ใหอ้ ยำ่ งทว่ั ถงึ และ
ประเด็นท่ีกาํ หนด มปี ระสิทธภิ ำพ โดยไม่เกบ็ ค่ำใชจ้ ำ่ ย รวมไปถงึ
ผยู้ ำกไร ้ ผพู้ กิ ำร ทพุ พลภำพ หรอื ผอู้ ยใู่ นสภำวะ
5. นักเรียนแตละกลุมชวยกันตรวจสอบความ ยำกล�ำบำก ต้องได้รับสิทธิน้ีและได้รับกำร
ถกู ตอ งของใบงานและออกมานาํ เสนอใบงานท่ี
หนา ชนั้ เรยี น จากนนั้ ใหส มาชกิ กลมุ อน่ื ชว ยกนั
แสดงความคิดเห็นเพ่ิมเติมในสวนท่ีแตกตาง
โดยครแู นะนาํ เพ่ิมเตมิ

สนับสนุนจำกรัฐเพ่ือให้ได้รับกำรศึกษำโดย
ทดั เทยี มกบั บคุ คลอน่ื ตลอดจนกำรจดั กำรศกึ ษำ
อบรมขององคก์ รวชิ ำชพี หรอื เอกชน กำรศึกษำ
ทำงเลือกของประชำชน กำรเรียนรู้ด้วยตนเอง
 เยำวชนไทยทุกคนย่อมมีสิทธิเท่ำเทียมกันท่ีจะได้รับกำร และกำรเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ยอ่ มไดร้ บั กำรคมุ้ ครอง
ศึกษำข้ันพื้นฐำนเพอ่ื น�ำควำมรู้ไปใชใ้ นชวี ิตต่อไป และส่งเสริมท่เี หมำะสมจำกรัฐเชน่ เดยี วกนั

24

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางเก่ียวกับสิทธิเสรีภาพท่ีเก่ียวของกับ พฤติกรรมของบุคคลใดสอดคลอ งกบั หลักสิทธิมนุษยชน
เรื่องสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ เพ่ือเปนการตรวจสอบความรูเก่ียวกับ 1. สมใจเคารพเหตผุ ลของผูอ่นื
สทิ ธิมนุษยชนของนักเรียน 2. สมพรใชอารมณมากกวา เหตผุ ล
3. สมพลยึดมั่นในเหตุผลของตนเอง
นักเรียนควรรู 4. สมควรวิจารณผอู ่ืนอยา งไมมเี หตุผล

1 หลักประกัน คือ สิ่งท่ีประชาชนไดพ่ึงพิง ยึดถือ เพ่ือความมั่นคงในชีวิต (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการเคารพเหตผุ ลของผอู น่ื นน้ั
โดยทุกคนในประเทศมีสทิ ธิท่จี ะไดรับหลกั ประกนั จากรัฐอยางเทาเทยี มกนั เปนลักษณะของการสงเสริมสิทธิมนุษยชน ซ่ึงสามารถลดความ
ขดั แยง และทําใหเ กิดความเขาใจอันดีระหวา งกันได)

T28

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๖) สทิ ธใิ นการไดร้ บั บรกิ ารสาธารณสขุ และสวสั ดกิ ารจากรฐั เชน่ บคุ คลยอ่ มมสี ทิ ธิ ขน้ั สอน

เสมอกนั ในกำรรบั บรกิ ำรทำงสำธำรณสขุ ทเี่ หมำะสมและไดม้ ำตรฐำน และผยู้ ำกไรม้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั กำร ขัน้ ท่ี 3 เลือกและตดั สินใจ
รกั ษำพยำบำลจำกสถำนบรกิ ำรสำธำรณสขุ ของ
รฐั โดยไมเ่ สยี คำ่ ใชจ้ ำ่ ย ซงึ่ ตอ้ งเปน็ ไปอยำ่ งทว่ั ถงึ 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันเสนอแนวทาง
และมปี ระสทิ ธภิ ำพ รวมถงึ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั กำรปอ้ งกนั การมีสวนรวมในการปกปองคุมครองผูอ่ืน
และขจดั โรคตดิ ตอ่ อนั ตรำยจำกรฐั อยำ่ งเหมำะสม ตามหลกั สิทธิมนษุ ยชนในชอ งที่ 1 และ 2 ของ
โดยไมเ่ สยี คำ่ ใชจ้ ำ่ ยและทนั ตอ่ เหตกุ ำรณ์ ใบงานท่ี 2.3 เรอ่ื ง การมสี ว นรว มในการปกปอ ง
คุม ครองผูอ่นื ตามหลักสทิ ธมิ นุษยชน
๗) สิทธิในข้อมูลข่าวสารและการ
ร้องเรียน เช่น บุคคลย่อมมีสิทธิท่ีจะฟ้อง 7. สมาชกิ แตล ะคนในกลมุ ตดั สนิ ใจเลอื ก กจิ กรรม
ที่ตนสามารถนําไปปฏิบัติได แลวบันทึก
หนว่ ยงำนรำชกำร หนว่ ยงำนของรฐั รฐั วสิ ำหกจิ รายการในชองที่ 3 ของใบงานท่ี 2.3 เร่ือง
รำชกำรสว่ นทอ้ งถนิ่ หรอื องคก์ รอน่ื ของรฐั ทเี่ ปน็  กำรได้รับกำรรักษำพยำบำลที่เหมำะสมเป็นสิทธิที่รัฐ การมีสวนรวมในการปกปองคุมครองผูอื่น
นติ บิ คุ คล ใหร้ บั ผดิ เนอื่ งจำกกำรกระทำ� หรอื กำร ต้องบรกิ ำรแกป่ ระชำชนคนไทยทุกคน ตามหลักสทิ ธิมนุษยชน

ละเวน้ ก๘ำ)ร กสรทิะทธำ�ชิ ขมุ อชงขนำ้1 รเำชชน่ ก ำบร คุ พคนลกัซงงึ่ ำรนวม หกรนั อื เลปกูน็ จชำ้ มุ งชขนอทงหอ้ นงถว่ นยิ่ ง ำหนรนอื นั้ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ดง้ั เดมิ ยอ่ มมี ข้นั ที่ 4 ปฏบิ ตั ิ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก