แบบฟอร์มใบสมัครงานภาษาอังกฤษ ในรูปแบบมาตรฐานสากล จริงๆแล้วแบบฟอร์มไม่มีรูปแบบตายตัวนะครับ ขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบเองว่าต้องการข้อมูลอะไรบ้างจากผู้สมัครงาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการคัดกรองเบื้องต้นว่าคนที่มาสมัครงานนั้นมีคุณสมบัติอย่างที่เราต้องการมากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้เรียกสัมภาษณ์คนที่จะมาทำงานกับบริษัทต่อไป
สำหรับตัวอย่างแบบฟอร์มใบสมัครงานด้านล่างนี้เป็นแบบ ฟอร์ม ใบ สมัคร งาน ภาษา อังกฤษ ล้วนของฝรั่งนะครับ ถ้าจะนำมาใช้เป็นฟอร์มสมัครงานในเมืองไทย ก็คงต้องเพิ่มเติมหรือตัดออกในส่วนที่ไม่จำเป็นออกก็ได้
ไม่ว่าบริษัทไหน ๆ จะไทยหรือต่างชาติ การส่งอีเมล์สมัครงานในรูปแบบของภาษาอังกฤษก็ดูจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราต้องเจออยู่เสมอ ส่วนหนึ่งก็เพื่อดูว่าผู้สมัครสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เหมาะสมมากน้อยแค่ไหน
แต่สำหรับใครที่ยังใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่อง และไม่มั่นใจเวลาที่ต้องเขียนอีเมล์แบบทางการ โพสต์นี้ Globish มี How To แบบง่าย ๆ สำหรับการเขียนอีเมลสมัครงานภาษาอังกฤษ แบบที่เพื่อน ๆ วัยทำงานจะไม่เสี่ยงโดน HR ปัดตกตั้งแต่รอบแรก มาฝากกันค่ะ
ถ้าอยากเก่งอังกฤษยิ่งขึ้นไปอีก สามารถดูวิธีการพัฒนาภาษาได้ที่ คลิก
1) ระบุชื่ออีเมล์ให้ชัดเจน ให้รู้ว่าส่งมาเพื่อสมัครงาน
เช่น Apply for (ชื่อตำแหน่ง) Position - (ชื่อ-นามสกุล)
หรือ Job Application: (ชื่อตำแหน่ง) - (ชื่อผู้สมัคร)
2) ใส่ชื่อผู้รับ ตำแหน่ง และบริษัทให้ถูกต้อง
เช่น Mr./Mrs./Ms. (ชื่อ-นามสกุล)
Human Resources Manager
XYZ Company
3) เปิดประโยคให้สุภาพ (Dear Mr. / Mrs. / Ms. (ชื่อผู้รับ)
อย่าใช้ Hello / Hi หรือ Good Morning
4) เขียนแนะนำตัวคร่าว ๆ ให้ดูน่าสนใจ
เช่น
เหตุผลที่สมัครตำแหน่งนี้, คุณสมบัติตัวเองแบบสั้น ๆ เช่น I am writing to apply for the (ชื่อตำแหน่ง) position advertised in the JobsDB. The opportunity presented in this job description is very interesting, and I believe that my experience and my educational background will make me a very competitive candidate for this position.
5) ก่อนจบอีเมล อย่าลืมบอกช่องทางการติดต่อกลับ
เช่น I can be reached anytime via email at example@gmail.com or my cell phone, 099-123-4567.
6) ลงชื่อจบให้เหมาะสม เช่น Best regards, หรือ Yours sincerely,
(ไม่ควรใช้ Thank you)
จากนั้นลงท้ายด้วยชื่อ-นามสกุลของคุณ
เช่น Best regards,
(ชื่อ-นามสกุล)⠀
ใช้ชื่ออีเมล์ที่เป็นทางการ (อาจเป็นชื่อตัวคุณเอง)
เพื่อเพิ่มความเป็นมืออาชีพ จะได้ไม่เสี่ยงโดนปัดตก!
เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ
วิธีกรอกใบสมัครงานภาษาอังกฤษ
อ.ภูษิต รัตนวงศ์
มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์
ใบสมัครงานที่ผู้สมัครต้องกรอกตอนที่ไปสมัครงานตามบริษัท ห้างร้านต่างๆ นั้น จะมีลักษณะต่างๆ กันในแต่ละแห่ง แต่โดยส่วนรวมแล้วมักจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันแทบทุกแห่ง โดยมีรายละเอียดการกรอกดังนี้
1. หลักการเบื้องต้น (How to complete an application form)
1.1
ทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ของใบสมัคร (Read clear what the procedures are) เช่น ให้เขียนหรือพิมพ์ หรือข้อความตอนใดที่ต้องเขียนด้วยอักษรตัวพิมพ์
1.2
ตอบคำถามในใบสมัครให้ครบถ้วย (Complete all question) ข้อความใดที่ไม่ต้องการก็ให้ทำเครื่องหมายหรือใส่ข้าความลงไป
1.3
กรอกใบสมัครให้ดูน่าสนใจที่สุด (Make it clean, clear, accurate interesting, and well- presented) หมายถึงเขียนให้สะอาดเรียบร้อยและเลือกเฉพาะประเด็นที่น่าสนใจมากที่สุด
1.4
เตรียมคำถามที่อาจถูกถามจากการกรอก (Prepare to be questioned about what you
filled in) เป็นการเตรียมคำอธิบายว่าสิ่งที่เรากรอกลงไปนั้น ถ้าต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมจะอธิบายเพิ่มเติมอย่างไร
1.5
กรอกใบสมัครให้เสร็จโดยเร็วและรีบส่งทันที (Complete and submit an application as
soon as possible).
2. การกรอกประวัติส่วนตัว (Personal Details)
2.1
การเขียนชื่อ เขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งชื่อ (Name) และนามสกุล (Last Name / Surname) โดยใส่คำนำหน้าชื่อด้วย เช่น Mr. , MRS. , MISS. , MS. บางแห่งจะให้เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ตัวอย่าง
Name : MR. SEMBAT RAKDI
(English)
Name : นายสมบัติ รักดี
(THAI)
2.2
การเขียนที่อยู่ (Address) ควรเขียนให้ละเอียด การเขียนชื่อทางภูมิศาสตร์ (Geographical name) นั้นสามารถเขียนทับศัพท์ได้เลย เช่น
Soi
(ซอย)
Thanon
(ถนน – ต่อคำว่าถนนสามารถใช้คำว่า Road แทนได้เพราะเป็นกันโดยทั่วไป)
Amphoe / Khet
(อำเภอ / เขต)
Changwat
(จังหวัด – จะเขียนนำหน้าชื่อหรือไม่ก็ได้ เพราะชื่อจังหวัดต่างๆ เป็นที่รู้จักกันดีแล้ว) และอย่าลืมใส่รหัสไปรษณีย์
ตัวอย่าง
Present Address
622 / 151 Soi Suan Luang, Charansanitwong Rd., Khet
Bangkoknoi, Bangkok 10700
การเขียนที่อยู่ในบางครั้งจะมีช่องสำหรับกรอก 2 ช่อง คือ
(1) Home Address / Present Residence (ที่อยู่ที่บ้าน)
หรืออาจใช้ Permanent Address – ที่อยู่ถาวร คือที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน และ
(2) Mailing Address หมายถึง ที่อยู่ที่ต้องการให้ติดต่อทางไปรษณีย์
กรณีที่สถานที่อยู่เป็นสถานที่เดียวกันทั้งสองช่อง ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องเขียนข้อความซ้ำกันควรเขียนว่า
As above หรือ Same as above หมายถึงที่อยู่เหมือนกับสถานที่อยู่ข้างต้น
2.3
สถานภาพทางการสมรส (Marital Status) และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ (Personal Data) ผู้สมัครต้องการเครื่องหมาย ? ลงหน้าช่องที่เว้นไว้
ตัวอย่าง
Single
(โสด)
Married
(แต่งงานแล้ว)
Widowed
(เป็นหม้าย)
Married with no children
(แต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีบุตร)
Divorced
(หย่า)
Separated
(แยกทางกัน)
ในกรณีที่แต่งงานแล้ว จะกรอกต้องกรอก
Marriage Cert. No
(หมายเลขใบทะเบียนสมรส)
Issued at
(ออกให้ที่อำเภอ หรือเขต)
Dated Issued
(วัน เดือน ปีที่ออกใบทะเบียนสมรส)
Spouse
(ชื่อคู่สมรส)
Birthdate
(วัน เดือน ปีเกิด) เช่น May 1, 1970
Birthplace / Nataive Place
(สถานที่เกิด) ให้เขียนชื่อจังหวัดที่เกิด เช่น Pattani
ID Card No.
(เลขประจำตัวบัตรประชาชน) เช่น 2 9099 00050 11 6
Issued at
(สถานที่ออกบัตร) เช่น Amphoe Panare, Pattani
Date Issued / Dated
(วันที่ออกบัตร) เช่น October 12, 1990s
Expiry date / Valid Until
(วันที่บัตรหมดอายุ) เช่น October 11, 1996
Religion
(ศาสนา) เช่น Buddhism / Islam / Catholic / Protestant
Taxpayer’s No.
(หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี)
Social Security No.
(เลขประจำตัวบัตรประกันสังคม)
2.4
สถานภาพทางการทหาร (Military Status มี 3 สถานภาพ คือ
Serving
หมายถึงการอยู่ในระหว่างรับราชการทหาร เช่น กำลังอยู่ในภาวะเป็นทหารเกณฑ์
Completed
หมายถึงผ่านการเกณฑ์ทหารมาแล้วโดยการเป็นทหารเกณฑ์
Exempted
หมายถึงได้รับการยกเว้นโดยการเรียน ร.ด.จบหลักสูตร หรือจับฉลากได้ใบดำ หรือร่างกายไม่ได้ขนาด หรือกำลังเป็นนักศึกษา
ในบางครั้งเราต้องบอกเหตุผลของการได้รับการยกเว้นว่าเป็นเพราะอะไร (With reason) สามารถบอกได้หลายวิธี เช่น
Finished Reserved Officers’ Training Corps Course (R.O.T.C.)
(สำเร็จหลักสูตรรักษาดินแดน) หรือจะใช้ว่า
Finished Military Service Training of Territorial Defense Course
(สำเร็จหลักสูตรรักษาดินแดน)
Reserved Status หรือ Reservist
(ทหารกองหนุน)
Registered Status หรือ Registrant
(ทหารกองเกิน)
Exempted through Military Drawing Ballot
(ผ่านการเกณฑ์ทหาร เพราะจับฉลากได้ใบดำ)
Exempted by Being Undersize
(เพราะร่างกายไม่ได้ขนาด)
by physical disability
(เพราะจุดบกพร่องของร่างกาย)
by being a student
(เพราะเป็นนักศึกษา)
ตัวอย่าง
If you are eligible for Military Service, state whether serving, completed or exempted (with reason) …………………………… Exempted with ROTC ………………………………… หรือบางครั้งจะมีคำถามกว้างๆ เราก็เลือกตอบได้ เช่น
State your military service …………… No Military Service Obligation ………………………… (พ้นพันธะทางทหาร)
หมายเหตุ
ศัพท์ภาษาอังกฤษ “การเกณฑ์ทหาร” แบบอังกฤษจะใช้ว่า Drafting (Drafted)
ส่วนแบบอเมริกันจะใช้ว่า Conscription (Conscripted)
ตัวอย่าง
If you are under the military age, indicate when your conscription is due, ……………………………
(ถ้าคุณมีอายุไม่ถึงการเกณฑ์ทหาร ให้ระบุเวลาที่ถึงกำหนดต้องเกณฑ์ทหาร)
2.5
สุขภาพ (Health Conditions) ส่วนใหญ่จะถามถึงสุขภาพและโรคประจำตัวหรือการได้รับอุบัติเหตุว่าเป็นอย่างไร คำศัพท์ที่ถามเกี่ยวกับโรคภัย ได้แก่
Physical disabilities or defects
ข้อบกพร่องทางร่างการ
Handicap
ความพิการ
Chronic disease
โรคติดต่อ
Serious mental illness
การเจ็บป่วยทางจิต
Serious physical illness
การเจ็บป่วยทางกาย
Colour blindness
โรคตาบอดสี
ช่องเกี่ยวกับสุขภาพเรามักจะตอบว่า ไม่เคยเป็นโรค หรืออาการเจ็บป่วย เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ตอบ โดยใช้วิธีเขียนว่า N/A (Not Applicable) หมายถึง ไม่กรอกข้อความหรือไม่มีข้อมูล
ตัวอย่าง
Physical disabilities or handicap or chronic disease (e.g. sight, hearing, speech, colour blindness, Iameness, heart)
N/A
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.6
รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัว (Family Details) ในใบสมัครจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับ
ชื่อบิดา – มารดา พี่ – น้อง และจุดที่สำคัญคือ อาชีพของแต่ละคน คำศัพท์ที่ใช้กรอกในช่องอาชีพ (Occupation) มีดังนี้
Civil Servant (Government Official)
ข้าราชการพลเรือน
Retired Government Official
ข้าราชการบำนาญ
Officer
รับราชการ (ทหาร – ยศร้อยตรีขึ้นไป)
Second Lieutenant
ร้อยตรี (2nd. Lt.)
Acting 2nd Lt.
ว่าที่ร้อยตรี
Lieutenant
ร้อยโท (Lt.)
Army Captain
ร้อยเอก (Army Capt.)
Soldier
รับราชการ (ทหาร – ยศต่ำกว่าร้อยตรี)
Sergeant Major First Class
จ่านายสิบเอก (จ.ส.อ.)
Sergeant Major Second Class
จ่าสิบโท (จ.ส.ท.)
Sergeant Major Third Class
จ่าสิบตรี (จ.ส.ต.)
Sergeant
สิบเอก (ส.อ.)
Self – Employed หรือ Own Business
ทำงานส่วนตัว
State Enterprise Employee
พนักงานรัฐวิสาหกิจ
Employee
ลูกจ้าง
Trader
ค้าขาย
ในกรณีที่ทำงานในอาชีพที่มีเกียรติ หรืออาชีพที่ใช้ความรู้ทางวิชาการ หรืออาชีพที่รู้จักกันกว้างขวางในสังคม หรือได้รับการยอมรับจากสังคม (Profession) เราอาจจะใส่ชื่ออาชีพนั้นๆ ไปก็ได้ เช่น นายแพทย์ (Doctor) ทนายความ (Lawyer) ครู – อาจารย์ (Instructor) วิศวกร (Engineer) เป็นต้น
3. การกรอกประวัติการศึกษา (Educational Background)
3.1
ระดับการศึกษา (Educational Level)
Primary
ระดับประถมศึกษา
Secondary
ระดับมัธยมศึกษา
Vocational / Technical
ระดับอาชีวะ หรือวิชาชีพ
College
ระดับวิทยาลัย
University
ระดับมหาวิทยาลัย
3.2
วุฒิการศึกษา (Degree / Certificate)
Certificate, Diploma
ประกาศนียบัตร
High School Certificate
ประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย
Certificate of Technical Vocation
ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.)
Certificate of Vocational Education (Cert. of Voc. Ed.)
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือ
Vocational Certificate (Voc. Cert.)
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
Diploma / High Vocational Certificate (Dip. / High Voc. Cert.)
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
Bachelor of Laws (LL.B.)
ปริญญาตรีด้านนิติศาสตร์
Bachelor of Public Administration (B.P.A.)
ปริญญาตรีด้านรัฐประศาสนศาสตร์
Bachelor of Science (B.Sc.)
ปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์
Bachelor of Engineering (B.Eng.)
ปริญญาตรีทางด้านวิศวกรรมศาสตร์
Bachelor of Industrial Technology (B.Ind.Tech.)
ปริญญาตรีด้านอุตสาหกรรมศาสตร์
Bachelor of Accountancy (B.Acct.)
ปริญญาตรีด้านบัญชี
Bachelor of Business Administration (B.BA
ปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ
หลังคุณวุฒิการศึกษาควรที่จะใส่สาขาวิชาที่สำเร็จการศึกษาโดยเติมคำว่า in หรืออยู่ในวงเล็บ และตามด้วยสาขาวิชา เช่น
Auto Mechanics
ช่างยนต์
Mechanical Technology
ช่างยนต์
Building Construction
ช่างก่อสร้าง
Civil Construction
ช่างก่อสร้าง / ช่างโยธา
Electrical Power Technology
ช่างไฟฟ้ากำลัง
Architectural Drawing
ช่างเขียนแบบสถาปัตยกรรม
Electronics Technology
ช่างอิเล็กทรอนิกส์
Machine Shop Mechanics
ช่างกลโรงงาน
Electrical Engineering
วิศวกรรมไฟฟ้า
Mechanical Engineering
วิศวกรรมเครื่องกล
Electronics Engineering
วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
Civil Engineering
วิศวกรรมโยธา
Surveying
ช่างสำรวจ
Safety Management
วิศวกรรมการจัดการความปลอดภัย
Accounting
การบัญชี
Marketing
การตลาด
Finance and Banking
การเงินและการธนาคาร
Business Computer
คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
Human Resource Management
การจัดการทรัพยากรมนุษย์
Business English
ภาษาอังกฤษธุรกิจ
Computer Science
วิทยาการคอมพิวเตอร์
Industrial Engineering
วิศวกรรมอุตสาหการ
Public Administration
รัฐประศาสนศาสตร์
Mechatronics and Robotics Engineering
วิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์
หมายเหตุ ถ้าช่องสำหรับกรอกการศึกษาเว้นประเภทของโรงเรียนไว้ให้ผู้สมัครเติมข้อความเองผู้สมัครควรที่จะเขียนการศึกษาสูงสุดที่ตนเองได้รับก่อน และเขียนการศึกษาย้อนหลังไปอีกระดับหรือสองระดับก็เป็นการเพียงพอ ส่วนใบสมัครที่ได้กำหนดระดับการศึกษาไว้ในใบสมัครแล้วผู้สมัครก็ต้องเขียนรายการตามที่ใบสมัครกำหนดไว้ เช่น
EDUCATION
Type
Name of Institution
Year Att.
Degree Obtained
University
South-East Asia Univ.
1986-1991
B. Eng. (Electrical Eng.)
College
Rajamangala University
1984-1986
Dip. (Electrical Technology)
School
Pattani Technical School
1981-1984
Voc.Cert. (Electrical Technology)
ในบางครั้งมีการระบุว่าต้องเขียนสถานที่ตั้ง (Location) ของสถาบันศึกษาด้วย ซึ่งหมายถึงชื่อจังหวัดที่ตั้งสถาบันนั้นๆ ตั้งอยู่ เช่น Phuket Technical College, Phuket
4. การกรอกความสามารถพิเศษ (Special Qualifications) ความสามารถพิเศษจะแบ่งกลุ่ม
ใหญ่ๆ ได้ 2 ลักษณะ คือ
4.1
ความสามารถทางภาษา (Language Proficiency) ภาษาต่างประเทศที่ใช้กรอก ได้แก่
English ภาษาอังกฤษ
Japanese ภาษาฝรั่งเศส
Chinese ภาษาจีน ควรระบุด้วยว่าเป็น
Taechiew ภาษาแต้จิ๋ว
Mandarin ภาษาจีนกลาง
Cantonese ภาษาจีนกวางตุ้ง
วิธีการระบุความสามารถทางภาษาจะมีด้านต่างๆ เช่น Speaking, Reading, Writing, Understanding
ผู้กรอกมีวิธีการกรอกโดยเติมศัพท์ดังนี้
แบบที่ 1
แบบที่ 2
แบบที่ 3
Poor
อ่อน
Very Good
ดีมาก
Fluent
คล่องแคล่ว
Fair
พอใช้
Good
ดี
Working
ใช้งานได้
Good
ดี
Fair
พอใช้
Slight
ได้เล็กน้อย
ตัวอย่าง
Language proficiency other than Thai. Indicate whether poor, fair, or good.
Language
Speaking
Reading
Writing
English
Fair
Good
Fair
4.2
ความสามารถด้านอื่น ๆ (Career Qualification) ความสามารถที่จะเป็นการเพิ่มคุณสมบัติของเราเพื่อเป็นประโยชน์ในการสมัครงาน เช่น ด้านกีฬา หรือด้านอาชีพ เช่น
- Computer repair and knowledge of software
ซ่อมคอมพิวเตอร์และมีความรู้เรื่องซอฟต์แวร์
- Knowledge of setting up computer networks
มีความรู้ในการติดตั้งข่ายงานคอมพิวเตอร์
- Knowledge of CAD and computer systems
มีความรู้ในการออกแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย
- Able to write program with BASIC, C language
สามารถเขียนโประแกรมภาษาเบสิค และภาษาซี
- Machine design or equipment making
การออกแบบเครื่องจักรกล หรือการสร้างอุปกรณ์
- Mechanical engineering design
การออกแบบทางวิศวกรรมเครื่องกล
Knowledge in switchboard design on manufacture and wiring works
มีความรู้ด้านการออกแบบแผงสวิตซ์เพื่อการผลิต และงานเดินสายไฟฟ้า
Practical ability to operate PC and other OA equipment
มีความสามารถเชิงปฏิบัติในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และอุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติ
- Ability in troubleshooting, modification and maintenance for electronics measurement equipments
มีความสามารถในการตรวจซ่อม การดัดแปร และการบำรุงรักษาอุปกรณ์การวัดทางอิเล็กทรอนิกส์
- Working knowledge of computers using spreadsheets and data bases.
มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ สามารถใช้แผ่นตารางทำการและฐานข้อมูล
- Good knowledge of PC hardware and software, especially spreadsheets word processor, databases, LAN communication and graphics
มีความรู้อย่างดีด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องแผ่นตารางทำการ เครื่องประมวลคำ ฐานข้อมูล การสื่อสารข่ายงานบริเวณเฉพาะที่ และกราฟฟิกส์
- Production planning, material supply or executing production lines process
การวางแผนการผลิต การจัดหาวัสดุ หรือการดำเนินการขบวนสายการผลิต
- The capability to prepare and review full-scale tenders
มีความสามารถในการเตรียมการ และวิเคราะห์การประมูลราคาโครงการขนาดใหญ่
5. ประสบการณ์การทำงาน (Experience) ในใบสมัครงานทุกบริษัทจะมีช่องประสบการณ์การทำงาน
ไว้เพื่อจะได้รู้ว่าผู้สมัครนั้นเคยผ่านงานอะไรมาบ้าง การกรอกประสบการณ์ก็เหมือนกับการกรอกประวัติการศึกษา คือ ให้กรอกการทำงานล่าสุดก่อนแล้วค่อยย้อนหลังลงไปจนถึงการทำงานครั้งแรก สำหรับการกรอกประวัติการทำงานมักมีรายละเอียดดังนี้
5.1
ตำแหน่งที่ทำงาน (Position) เช่น
Technician
หัวหน้าควบคุมงาน
Foreman
นายช่างเทคนิค
Junior Foreman
หัวหน้าควบคุมงาน (ผู้ช่วย)
Senior Foreman
หัวหน้าควบคุมงาน (ระดับสูง)
Supervisor
ผู้ควบคุมงาน
Assistant Supervisor
ผู้ช่วยผู้ควบคุมงาน
Engineer
วิศวกร
Assistant Engineer
ผู้ช่วยวิศวกร
Inspector
ผู้ตรวจสอบ
Manager
ผู้จัดการ
5.2
เหตุที่ออกจากงาน (Reason for Leaving) เช่น
No Progress
ไม่มีความก้าวหน้าในอาชีพ
Limited career opportunity
ไม่มีความก้าวหน้าในอาชีพ
Company Discontinued
บริษัทเลิกกิจการ
Unsuitable Position
ตำแหน่งไม่เหมาะสม
Contract Terminated
สิ้นสุดสัญญา
Further Study
เพื่อศึกษาต่อ
To get higher education
เพื่อศึกษาต่อ
Continue Education
เพื่อศึกษาต่อ
Military Service
เพื่อเข้าเป็นทหาร
Needed Better Job
ต้องการงานที่ดีกว่า
Company Loss
บริษัทขาดทุน
Company Reduced Manpower
บริษัทลดพนักงาน
Temporary Employ
เป็นงานชั่วคราว
5.3
สถานที่ทำงาน (Work Place) เช่น
Electricity Generating Authority of Thailand (EGAT)
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
Thailand Tobacco Monopoly
โรงงานยาสูบ
Metropolitan Water Works Authority
การประปานครหลวง
ตัวอย่างที่ 1 มีประสบการณ์การทำงาน
EXPERIENCE
From
To
Employer’s Name and Location
Position
Reason for Leaving
1985
Present
ABC Engineering Co., Bangkok
Engineer
No Progress
ตัวอย่างที่ 2 ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงาน
From
To
Employer’s Name and Location
Position
Reason for Leaving
N/A
6. เรื่องเบ็ดเตล็ด (Miscellaneous) ผู้กรอกต้องกรอกในหัวข้อดังนี้
6.1
ตำแหน่งที่สมัคร ให้กรอกตามประกาศที่รับสมัครโดยให้ตรงตามคุณวุฒิและข้อกำหนดของตำแหน่งนั้นๆ
6.2
เงินเดือน การกรอกเงินเดือนควรกรอกเป็นช่วงเพื่อให้นายจ้างมีทางเลือกที่จะพิจารณา เช่น 9,000 – 10,000 บาท การกรอกเงินเดือนไมควรให้ต่ำหรือสูงเกินไป ในกรณีที่ผู้สมัครไม่ต้องการจะกรอกจำนวนเงินอาจจะกรอกข้อความอื่นได้ เช่น
Negotiable
เงินเดือนแล้วแต่จะตกล
Is up to your consideration
เงินเดือนแล้วแต่จะพิจารณา
ตัวอย่าง
ก. Salary required 3,000 – 3,500 / month
ข. Salary Negotiable
6.3
คำถามเกี่ยวกับการกระทำความผิด มีดังนี้
Have you ever been arrested,
คุณเคยถูกจับกุมหรือไม่
taken into custody,
เคยถูกคุมขัง
held for investigation,
เคยถูกสอบสวน
the offence charged?
ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด
Do not give minor traffic
ไม่ต้องกล่าวถึงการฝ่าฝืนกฎจราจร
Violations
เล็กน้อย
6.4
คำถามเกี่ยวกับการถือครองใบอนุญาตต่าง ๆ เช่น
Driving License / Driver’s License
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์
Auditing Licence
ใบอนุญาตการตรวจสอบบัญชี
Registered Engineering Licence
ใบประกอบอาชีพวิศวกร
Certified Professional Auditor (CPA)
ใบประกอบอาชีพผู้ตรวจสอบบัญชี
Teaching Licence
ใบประกอบวิชาชีพครู
ตัวอย่าง
Do you hold any licence? If yes, what?
Yes, Registered Engineering Licence
6.5
คำถามเกี่ยวกับการเริ่มเข้าทำงาน
When will you be available to start work?
I will be available / on Sept.1 / anytime you wish.
7. การเขียนผู้รับรอง (Reference) ควรที่จะเขียนอย่างน้อย 2 คน หรือตามจำนวนที่ระบุไว้ในใบ
สมัครซึ่งในใบสมัครงานมักจะระบุว่าผู้รับรองต้องไม่ใช่ญาติ (Relatives) กับผู้สมัคร การเขียนชื่อ – สกุล ผู้รับรองนั้นต้องมีคำนำหน้านามเสมอ ในกรณีผู้รับรองมียศทางทหาร / ตำรวจ หรือตำเหน่งทางราชการบริหาร / การเมือง หรือตำแหน่งทางวิชาการ (ผศ. Asst. Prof. , รศ. Assoc. Prof. , ศ. Prof) ความที่จะเขียนด้วยเพื่อความน่าเชื่อถือ
ตัวอย่าง
References – Teacher, professional and business people, who have known you for more than five years. Do not use names of relatives.