1.ผู้สงสัยว่าจะติดเชื้อโควิด-19 ตรวจ ATK ด้วยตนเองแล้วพบว่าขึ้น 2 ขีด ผลเป็นบวก ติดเชื้อโควิด-19 (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ไม่ต้องให้ตรวจยืนยันซ้ำด้วย RT-PCR)
ดำเนินการต่ออย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
ก.โทรศัพท์
- ต่างจังหวัด สถานพยาบาลสิทธิการรักษาหรือสถานพยาบาลรัฐใกล้บ้าน หรือสายด่วนเกี่ยวกับโควิด-19 ประจำอำเภอหรือจังหวัด (ดูรายละเอียดที่เฟสบุ๊กหรือเว็บไซต์สำนักงานสาธารณสุขแต่ละจังหวัด
- กทม. โทร.เบอร์สายด่วนของแต่ละเขต (เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์หรือเฟสบุ๊ก กรุงเทพมหานคร: //bit.ly/3FBOgvw ) หรือเพิ่มเพื่อนทาง Line @BKKCOVID19CONNECT หรือคลิก //bit.ly/3Iuw7Si
- สายด่วน สปสช. 1330 กด 14 (ส่งให้สถานพยาบาลคัดกรองเบื้องต้น)
ข.ไปโรงพยาบาลตามสิทธิของท่าน
• สิทธิบัตรทอง รักษาทุกที่ตามนโยบายยกระดับบัตรทอง สามารถเข้ารับบริการในระบบบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ โดยที่หน่วยบริการจะไม่มีการเรียกให้กลับไปรับใบส่งตัวมาเหมือนในอดีต
ตัวอย่างหน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น สถานีอนามัย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.), หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น
• สิทธิประกันสังคม ไปโรงพยาบาลตามสิทธิของท่านหรือโรงพยาบาลที่ท่านลงทะเบียนเลือกไว้
• สิทธิข้าราชการ ไปโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลภาครัฐ
A.หากพบว่าไม่มีภาวะเสี่ยง
จะเข้าสู่ระบบการรักษาตามแนวทางใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 คือ รักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านตามแนวทาง “เจอ-แจก-จบ” จะได้รับการจับคู่กับสถานพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก ด้วยระบบ tele-health ดังนี้
แยกกักตัวที่บ้าน 7+3 วัน
• จ่ายยาตามอาการ
• โทรติดตามอาการ (ครั้งเดียว 48 ชั่วโมง)
• ระบบส่งต่อเมื่ออาการแย่ลง
• ไม่ได้รับอาหาร ไม่ได้รับอุปกรณ์ประเมิน
เช่น เครื่องวัดไข้และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
*** แนวทาง “เจอ แจก จบ” คือ
หลังจากผู้ที่สงสัยป่วยโควิด-19 ตรวจ ATK แล้วหากพบผลเป็นบวก (เจอ) แพทย์จะพิจารณาจ่ายยารักษาตามอาการ 3 สูตร (แจก) ได้แก่ 1.ยาฟ้าทะลายโจร 2.ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก 3.ยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ติดเชื้อในการเข้าถึงบริการ และเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่การเป็นโรคที่ดูแลได้ด้วยตนเอง (จบ)
***สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 สิทธิบัตรทอง ที่ได้รับการประเมินว่าไม่มีอาการแต่ยืนยันว่าต้องการเข้าระบบการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ตัดสินใจร่วมกับสถานพยาบาล เพื่อเข้ารับการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) และได้รับการดูแลตามระบบได้เช่นเดียวกัน
B.ประเมินอาการแล้วพบว่ามีภาวะเสี่ยง แบ่งอาการเป็น 3 กรณีดังนี้
1.ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง/ไม่มีโรคร่วมสำคัญ
จับคู่กับสถานพยาบาลเพื่อเข้าระบบรักษาที่บ้าน (Home Isolation) กรณีสภาพบ้านไม่พร้อมเข้าระบบการรักษาโดยชุมชนหรือศูนย์พักคอย (Community Isolation) ได้รับการดูแลแบบ tele-health แพทย์จะพิจารณาว่าจะให้ยาฟาวิพิราเวียร์หรือไม่ หากกำลังใช้ฟ้าทะลายโจรจะต้องหยุดฟ้าทะลายโจรก่อน มีระบบส่งต่อเมื่ออาการแย่ลง (โทร.ติดตามอาการ, เครื่องวัดไข้และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว, ส่งอาหารถึงบ้าน)
2.ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือผู้ป่วยที่มีปอดอักเสบ และ 3.ผู้ป่วยที่มีโรครุนแรงมาก
สองกลุ่มนี้แพทย์จะพิจารณารับการรักษาในโรงพยาบาล และพิจารณาให้ยารักษาที่มียาชนิดตามความเหมาะสม
2.กรณีตรวจ ATK แล้วผลตรวจเป็นลบ ขึ้น 1 ขีด
• ปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT/Self Quarantine การแยกเพื่อสังเกตอาการ ณ ที่พักอาศัย
• ตรวจ ATK ซ้ำเมื่อครบ 7 วันหรือเมื่อมีอาการ หากผลเป็นบวก ดำเนินการตามข้อ 1 หากผลเป็นลบ Self Quarantine อีก 3 วัน และ DMHTT
*** DMHTT คือแนวทางปฏิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ใช้ในการชะลอการระบาดของ โควิด-19 คือ อยู่ห่างไว้, ใส่มาก์สกัน, หมั่นล้างมือ, ตรวจให้ไว, ใช้ไทยชนะ และหมอชนะ
3.ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายเดิม ก่อน 1 มี.ค.65 ที่ลงทะเบียนเข้าระบบการรักษาที่บ้าน แต่ยังไม่ได้รับการจับคู่กับสถานพยาบาล
• กรณีไม่มีอาการ-อาการเล็กน้อย ดำเนินการตามข้อ ข. คือ ไปที่โรงพยาบาลตามสิทธิเพื่อรับบริการตามแนวทางกระทรวงสาธารณสุข “เจอ-แจก-จบ”
• กรณีมีอาการ เข้ารักษาตามระบบ Home Isolation
• กรณีมีอาการรุนแรง ส่งต่อเข้ารักษาในโรงพยาบาล
หมายเหตุ ลงทะเบียนรักษาที่บ้าน (Home Isolation) เกิน 6 ชั่วโมง แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ แนะนำไปสถานพยาบาลตามสิทธิ-สถานพยาบาลภาครัฐใกล้บ้าน (โทร.นัดหมายก่อน) เพื่อรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้านตามแนวทาง เจอ แจก จบ ระหว่างนี้ รักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ แก้เจ็บคอ ลดน้ำมูก ดื่มน้ำมากๆ และกักตัวอยู่ที่บ้าน 7+3 วัน ตามแนวทางใหม่ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ คลิก //lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso
/////////////2 มีนาคม 2565
วางแผนเรื่องสุขภาพไม่ให้กระทบเงินเก็บภายหลังด้วยการดูแลร่างกายให้แข็งแรง และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมถึงซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่ายวงเงินสูง มาช่วยดูแลสุขภาพของคุณและคนที่รักในทุกช่วงเวลาของชีวิตได้อย่างมั่นใจ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายจากเมืองไทยประกันชีวิต พร้อมดูแลคุณในทุกช่วงเวลาของชีวิต คุ้มครองทั้งโรคร้ายแรง มะเร็ง หัวใจ ไต โรคระบาด โรคฝีดาษลิง โรคอุบัติใหม่ โรคทั่วไป และอุบัติเหตุ หมดกังวลทั้งค่าห้องและค่ารักษา
เลือกความคุ้มครองที่คุณต้องการ
- D Health Plus คุ้มครอง 1 - 5 ล้านบาทต่อการรักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง
- Elite Health Plus คุ้มครอง 20 - 100 ล้านบาทต่อปี
✔ นอนห้องเดี่ยวมาตรฐานทุกโรงพยาบาล
✔ หากเจ็บป่วยหนัก ก็คุ้มครองค่าห้อง ICU แบบจ่ายตามจริง
✔ สมัครได้ถึงอายุ 11 - 90 ปี คุ้มครองสุขภาพยาว ๆ ถึงอายุ 99 ปี
✔ ซื้อความคุ้มครองเสริมพิเศษเพิ่มได้ ตรวจสุขภาพ ทำฟัน ดูแลสายตา หรือคุ้มครองคลอดบุตร
✔ ซื้อวันนี้ผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% นานสูงสุด 6 เดือนหรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13%
พลัสความคุ้มครองให้แผนการเงินไม่สะดุด
รายละเอียดเพิ่มเติม
☑️ โทร.1766 ตลอด 24 ชั่วโมง
☑️ ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต
- สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ ดี เฮลท์ พลัส และ อีลิท เฮลท์ พลัส ต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่
- ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้แนบท้าย
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด
- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ
- เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด
- เงื่อนไขเป็นไปตามมาตรฐานและความจำเป็นทางการแพทย์
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
ที่มา : สืบค้นเมื่อวันที่ 07/07/65
🔖 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
🔖 รพ.เวชธานี
🔖 รพ.สมิติเวช (ข้อมูล ณ วันที่ 14/04/64)
🔖 สสส. (ข้อมูล ณ วันที่ 21/02/62)