ด้านการปกครอง
แบ่งเป็น 2 แบบ เรียกว่า สมบูรณาญาสิทธิราช ดังนี้
1.แบบพ่อปกครองลูก (ปิตุลาธิปไตย)สุโขทัยมีลักษณะการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ผู้ปกครองคือ พ่อขุน ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อที่จะต้องดูแลคุ้มครองลูก ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระองค์ทรงโปรดให้สร้างกระดิ่งแขวนไว้ที่หน้าประตูพระราชวัง เมื่อประชาชนมีเรื่องเดือดร้อนก็ให้ไปสั่นกระดิ่งร้องเรียน พระองค์ก็จะเสด็จมารับเรื่องราวร้องทุกข์ และโปรดให้สร้างพระแทนมนังคศิลาอาสน์ได้กลางดงตาล ในวันพระจะนิมนต์พระสงฆ์มาเทศน์สั่งสอนประชาชน หากเป็นวันธรรมดาพระองค์จะเสด็จออกให้ประชาชนเข้าเฝ้าและตัดสินคดีความด้วยพระองค์เอง การปกครองแบบพ่อปกครองลูก (ปิตุลาธิปไตย) ใช้ในสมัยกรุงสุโขทัยตอนต้น
2.แบบธรรมราชาการปกครองแบบธรรมราชา หมายถึง พระราชาผู้ปฏิบัติธรรมหรือ กษัตริย์ผู้มีธรรม ในสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ มีกำลังทหารที่ไม่เข้มแข็ง ประกอบกับอาณาจักรอยุธยาที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ได้แผ่อิทธิพลมากขึ้น พระองค์ทรง เกรงภัยอันตรายจะบังเกิดแก่อาณาจักรสุโขทัย หากใช้กำลังทหารเพียงอย่าง เดียว พระองค์จึงทรงนำหลักธรรมมาใช้ในการปกครอง โดยพระองค์ทรงเป็น แบบอย่างในด้านการปฏิบัติธรรม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา นอกจากนั้นพระ มหาธรรมราชาที่ ๑ ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ที่ปรากฏแนวคิดแบบธรรมราชาไว้ด้วย การปกครองแบบธรรมราชา ใช้ในสมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย ตั้งแต่พระมหาธรรมราชาที่ ๑ - ๔
ด้านการปกครองส่วนย่อยสามารถแยกกล่าวเป็น 2 แนว ดังนี้
ในแนวราบจัดการปกครองแบบพ่อปกครองลูก กล่าวคือผู้ปกครองจะมีความใกล้ชิดกับประชาชน ให้ความเป็นกันเองและความยุติธรรมกับประชาชนเป็นอย่างมาก เมื่อประชาชนเกิดความเดือดร้อนไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนกับพ่อขุนโดยตรงได้ โดยไปสั่นกระดิ่งที่แขวนไว้ที่หน้าประตูที่ประทับ ดังข้อความในศิลาจารึกปรากฏว่า "…ในปากประตูมีกระดิ่งอันหนึ่งไว้ให้ ไพร่ฟ้าหน้าใส…" นั่นคือเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถมาสั่นกระดิ่งเพื่อแจ้งข้อร้องเรียนได้
ได้มีการจัดระบบการปกครองขึ้นเป็น 4 ชนชั้น คือ
- พ่อขุน เป็นชนชั้นผู้ปกครอง อาจเรียกชื่ออย่างอื่น เช่น เจ้าเมือง พระมหาธรรมราชา หากมีโอรสก็จะเรียก "ลูกเจ้า"
- ลูกขุน เป็นข้าราชบริพาร ข้าราชการที่มีตำแหน่งหน้าที่ช่วงปกครองเมืองหลวง หัวเมืองใหญ่น้อย และภายในราชสำนัก เป็นกลุ่มคนที่ใกล้ชิดและได้รับการไว้วางใจจากเจ้าเมืองให้ปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ไพร่ฟ้า
- ไพร่หรือสามัญชน ได้แก่ราษฎรทั่วไปที่อยู่ในราชอาณาจักร (ไพร่ฟ้า)
- ทาส ได้แก่ชนชั้นที่ไม่มีอิสระในการดำรงชีวิตอย่างสามัญชนหรือไพร่ (อย่างไรก็ตามประเด็นทาสนี้ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่ามีหรือไม่)
ใบงานที่ 4.2 พัฒนาการทางด้านการเมืองการปกครองสมัยสุโขทัย
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับราษฎรในสมัยสุโขทัยมีลักษณะเป็นอย่างไร
ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับราษฎรในสมัยสุโขทัยระยะแรกใช้รูปแบบการปกครองแบบพ่อปกครองลูก เนื่องจากสุโขทัยยังคงเป็นอาณาจักรที่มีขนาดเล็กมีผู้คนจำนวนไม่มากนัก การใช้รูปแบบการปกครองแบบนี้จึงทำให้ สามารถดูแลราษฎรได้อย่างทั่วถึง ต่อมาในสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ได้มีการแสดงให้เห็นฐานะของ.กษัตริย์ที่ทรงเป็นธรรมราชา โดยทรงนำเอาหลักทศพิธราชธรรมในพระพุทธศาสนามาใช้ในการปกครองบ้านเมือง และเริ่มมีการนำราชาศัพท์มาใช้ในราชสำนัก แสดงให้เห็นคติในการปกครองที่กษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อีกด้วย
2. การปกครองแบบพ่อปกครองลูกในระยะแรกของอาณาจักรสุโขทัยมีลักษณะเป็นอย่างไร และมีความเหมาะสมหรือไม่ อธิบายเหตุผล
การปกครองแบบพ่อปกครองลูก เป็นรูปแบบการปกครองที่กษัตริย์อยู่ใกล้ชิดกับราษฎร เสมือนบิดากับบุตร เห็นได้จากการที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงเปิดโอกาสให้ราษฎรได้ร้องทุกข์ด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด โดยแขวน กระดิ่งไว้ที่ประตูวัง และพระองค์จะเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยพระองค์เอง การปกครองในลักษณะนี้เหมาะสมกับ อาณาจักรสุโขทัยในระยะแรก เนื่องจากยังเป็นอาณาจักรที่มีขนาดเล็ก และราษฎรมีจำนวนไม่มากนัก
3. พระพุทธศาสนามีความเกี่ยวข้องกับการปกครองในสมัยสุโขทัยอย่างไร
พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ทรงนำหลักทศพิธราชธรรมในพระพุทธศาสนามาใช้ในการปกครองบ้านเมืองให้มีความสงบสุขร่มเย็น
4. อาณาจักรสุโขทัยมีอาณาเขตติดต่อกับดินแดนใดบ้าง
- ทิศตะวันออก มีอาณาเขตไปถึงเมืองสระหลวง สองแคว (พิษณุโลก)
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีอาณาเขตไปถึงเมืองปากยม (จังหวัดพิจิตร) เมืองชากังราว เมืองสุพรรณภาว เมืองนครพระชุม (อยู่ในเขตกำแพงเพชร) เมืองบางพาน (ในอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร)
- ทิศเหนือถึงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีอาณาเขตถึงเมืองราด เมืองสะค้า และเมืองลุมบาจาย ทั้ง 3
เมืองนี้อยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำน่าน
5. อาณาจักรสุโขทัยมีรูปแบบการปกครองบ้านเมืองอย่างไรบ้าง
พระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจเด็ดขาด ประทับอยู่ในราชธานี ในระยะแรกพระมหากษัตริย์ทรงมีคำนำหน้าว่า“พ่อขุน” การปกครองมีลักษณะกระจายอำนาจการบริหารจากราชธานีออกไปสู่หัวเมืองต่างๆ แบ่งหัวเมืองเป็นชั้นๆ ตามระยะทางใกล้-ไกล