ประเด็นสำคัญ
• มาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษีศุลกากร (NTMs) มักถูกมองว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าหรือเป็นอุปสรรคทางการค้าที่ประเทศต่างๆนำมาใช้
เพื่อคุ้มครองผู้ผลิตและผู้บริโภคของตน
• การติดตามการกำหนดมาตรการNTMs ในกรอบพหุภาคีได้เน้นการดูผลจากกระบวนการระงับข้อพิพาททางการค้าต่างๆขององค์การการค้า
โลก
(WTO)หรือพันธกรณีระหว่างประเทศเป็นหลัก
• การติดตามกระแสมาตรการ NTMs ในประเทศคู่ค้า 4 ประเทศเป้าหมายคือญี่ปุ่นสหรัฐอเมริกาสหภาพยุโรปและจีนพบว่าประเทศคู่ค้าให้ความ
สำคัญต่อ NTMs ที่แตกต่างกันโดยญี่ปุ่นจะเน้นมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้ บริโภคสหรัฐอเมริกาเน้นมาตรการคุ้มครองผู้ผลิตสหภาพยุโรปเน้น
มาตรการคุ้มครองผู้บริโภคควบคู่ไปกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมส่วนจีนนั้นมีแนวโน้มจะออกมาตรการ NTMs ที่คล้ายกับสหภาพยุโรปมากขึ้น
• มาตรการ NTMs ในอนาคตมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต (production cost) และต้นทุนธุรกรรม (transaction cost) ที่เกี่ยวข้อง
กับการค้าเป็นอย่างมาก
• ในอนาคตควรมีการจัดตั้งองค์กรที่สามารถทำหน้าที่เป็น
Information Bridging Centre เพื่อประสานงานติดตามวิเคราะห์และเผยแพร่ข้อมูล
เกี่ยวกับมาตรการ NTMs อย่างมีบูรณาการ
* Policy Brief ฉบับนี้เรียบเรียงและเขียนโดยดร. นลิตราไทยประเสริฐ () จากโครงการติดตามกระแสการกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่อากรศุลกากรสำหรับสินค้าไทยส่งออกไปต่างประเทศ (NTMs Watch). นิรมลสุธรรมกิจและคณะ (2553) คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเสนอต่อสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
1. บทนำ
มาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษีศุลกากร (Non-Tariff Measures: NTMs) คือการกีดกันทางการค้าที่อยู่ภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก(World Trade Organization: WTO) หรือกรอบข้อตกลงระหว่างประเทศอื่นๆเช่นการขนส่งปัญหาโลกร้อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนฯลฯหรือกรอบกฎหมายของประเทศคู่ค้าเองทั้งนี้มาตรการNTMs นี้มักถูกมองว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าหรือเป็นอุปสรรคทางการค้าที่ประเทศต่างๆนำมาใช้เพื่อคุ้มครองผู้ผลิตและผู้บริโภคของตนหลังจากความร่วมมือกันลดอัตราภาษีศุลกากรภายใต้หลักการค้าเสรีไม่สามารถคุ้มครองผู้ผลิตและผู้บริโภคของตนได้อีกต่อไปในเมื่อประเทศผู้นำเข้าเป็นผู้กำหนดมาตรการนี้ผู้ประกอบการไทยจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าควรจะดำเนินการตามกฎระเบียบของมาตรการ NTMs ของประเทศคู่ค้าหรือไม่ผู้ประกอบการไทยจะเสียหรือได้ประโยชน์มากน้อยเพียงใดหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการ NTMs ของคู่ค้าแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ว่าการปฏิบัติตามระเบียบของมาตรการ NTMs นั้นมักมีแนวโน้มที่จะทำให้ผู้ส่งออกและผู้ผลิตสินค้าไทยต้องมีภาระต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นก็ตามแต่หากผู้ประกอบการรายใดสามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องได้ประโยชน์ส่วนใหญ่ก็น่าจะอยู่ในแง่ของความสามารถเข้าถึงตลาดหรือรักษาส่วนแบ่งของตลาดของตนในประเทศคู่ค้าเอาไว้ได้ในระยะยาว
ในประเทศไทยนั้นมีหน่วยงานของรัฐหลายองค์กรที่ทำการติดตามมาตรการNTMsและนำเสนอข้อมูลข่าวสารให้ผู้ประกอบการมาโดยตลอดลักษณะของเนื้อหาที่องค์กรเหล่านี้นำเสนอส่วนใหญ่จะเป็นไปในรูปของข่าวสารหรือเนื้อหาของมาตรการใหม่ๆเช่นประเทศผู้ออกมาตรการรายละเอียดของมาตรการการมีผลบังคับใช้ผลกระทบของมาตรการประเภทผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่ายที่จะได้รับผลกระทบ การนำเสนอผลการวิเคราะห์เชิงเศรษฐกิจและการเสนอข้อมูลจากการอบรมจากการสัมมนาผู้ประกอบการฯลฯอย่างไรก็ตามการทำงานของรัฐในส่วนนี้ถือว่ามีความซ้ำซ้อนกันเป็นอย่างมากทำให้ผู้ประกอบการต้องหาข้อมูลจากหลายช่องทางเพราะไม่แน่ใจว่าข้อมูลที่ได้มาจากองค์กรเดียวจะครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณและบุคลากรของรัฐโดยใช่เหตุอีกด้วยด้วยเหตุนี้โครงการติดตามกระแสมาตรการNTMs ซึ่งทำการศึกษาโดยนิรมลสุธรรมกิจและคณะ(2553) และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้พยายามนำเสนอและวิเคราะห์ตัวแปรเฝ้าระวัง(early warnings)ที่สำคัญของสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังต่างประเทศอย่างเป็นระบบระเบียบรวมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบของมาตรการ NTMs ต่อเศรษฐกิจไทยตลอดจนส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอีกด้วย ทั้งนี้โครงการนี้เป็นโครงการนำร่องที่จะมีการดำเนินต่อไปเช่นการออกจุลสารรายไตรมาสที่นำเสนอเนื้อหาด้านมาตรการ NTMs ที่มีผลกระทบต่อสินค้าทั่วๆไปและตัวแปรเฝ้าระวังที่อาจนำไปสู่มาตรการNTMs ใหม่ๆเพื่อเป็นต้นแบบของInformation Bridging Centre ในอนาคต
2. ตัวชี้วัดจับตามาตรการ NTMs
ตัวชี้วัดจับตาที่ส่งสัญญาณว่าจะมีการนำมาตรการ NTMs มาบังคับใช้กับสินค้าส่งออกของไทยหรือไม่ที่สำคัญคือข้อมูลด้านการส่งออกของไทยได้แก่ส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้าไทยในประเทศเป้าหมายอัตราการเติบโตของสินค้าไทยในประเทศเป้าหมายราคาสินค้าในประเทศเป้าหมายและต้นทุนการผลิตในไทยโดยดูว่าถ้าสินค้าไทยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าการขยายตัวรวมของสินค้านำเข้าในตลาดนั้นๆสามารถแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศเป้าหมายทั้งในราคาและคุณภาพ ก็อาจกลายเป็นการส่งสัญญาณให้ประเทศผู้นำเข้าเพ่งเล็งและคิดค้นหามาตรการNTMs ต่างๆเข้ามาควบคุมการนำเข้าสินค้าไทยก็เป็นได้อย่างไรก็ตามผลการศึกษาพบว่าตัวชี้วัดจับตาทางเศรษฐกิจดังกล่าวมีบทบาทน้อยลงในปัจจุบันและมาตรการ NTMs ก็คงมุ่งบังคับใช้กับทุกประเทศนอกจากนี้ไทยมิได้เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ดังนั้นตัวชี้วัดจับตาที่เกี่ยวกับการส่งออกของไทยก็จะไม่ค่อยมีความสำคัญเท่ากับการส่งออกของจีนหรือของประเทศคู่แข่งของไทยรายใหญ่อื่นๆแต่ถ้าเมื่อใดผู้นำเข้ามีการตรวจพบสารปนเปื้อนในสินค้าไม่ว่าสินค้านั้นจะนำเข้ามาจากประเทศใดก็ตามหรือมีคุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐานของประเทศที่ผู้นำเข้ากำหนดไว้ก็จะทำให้ประเทศผู้นำเข้ามีความเข้มงวดในการนำเข้าสินค้าชนิดนั้นๆเพิ่มขึ้นซึ่งจะกระทบมาถึงการส่งออกของไทยด้วย
3. มาตรการNTMs เฉพาะเรื่องที่สำคัญ
3.1 การติดตามการกำหนดมาตรการ NTMs กรอบพหุภาคี
หลักการขององค์การการค้าโลก (WTO) คือการสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการทางด้านภาษีศุลกากรเป็นมาตรการคุ้มครองผู้ผลิตภายในประเทศเพียงอย่างเดียวต่อมาเมื่อการค้าระหว่างประเทศมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นWTO
ได้อนุญาตให้มีการนำมาตรการที่มิใช่ภาษีศุลกากรมาใช้ได้แต่จะต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของความตกลงต่างๆของ WTO ซึ่งต่อมาWTO ก็ได้มีกระบวนการระงับข้อพิพาททางการค้าต่างๆเป็นจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศสมาชิกดังนั้นบทเรียนจากข้อพิพาทต่างๆจึงควรถูกนำมาเป็นแนวทางการติดตามมาตรการ NTMs ในอนาคตด้วยยกตัวอย่างเช่น(1) มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Standard: SPS)
แต่ละประเทศสามารถกำหนดระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมได้แต่ต้องยึดเหตุผลทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างเคร่งครัดและต้องส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าและความโปร่งใส(2) มาตรการที่เกี่ยวกับอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า(Technical Barriers to Trade: TBT)ห้ามมีการเลือกปฏิบัติต้องไม่สร้างอุปสรรคต่อการค้าเกินความจำเป็นต้องอิงข้อกำหนดทางเทคนิคขององค์การระหว่างประเทศให้มีการยอมรับร่วมกันมีความโปร่งใส
และให้มีการปฏิบัติอย่างเป็นพิเศษและแตกต่างกับประเทศกำลังพัฒนา(3)ความตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าบริการ (General Agreement on Trade in Services: GATS)ให้มาตรการภายใต้การตกลงGATS ไม่รวมถึงมาตรการที่ใช้กับผู้บริโภคการเข้าถึงตลาดจะต้องไม่เป็นการจำกัดการนำเข้าบริการ
(โควตาการนำเข้าเท่ากับศูนย์)จะต้องไม่เลือกปฏิบัติโดยไม่สมควรและไม่เป็นการจำกัดการค้าบริการอย่างแอบแฝงและได้มีการกำหนดไว้ว่าการให้บริการทางอินเตอร์เน็ตจัดเป็นการให้บริการรูปแบบข้ามพรมแดน(4)ความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า (Trade-Related Intellectual Property Rights: TRIPs)ให้การคุ้มครองเฉพาะส่วนของสิทธิทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้น
และหากมีข้อจำกัดการคุ้มครองจะต้องพิจารณาว่าไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์ตามปกติและไม่เสื่อมเสียอย่างไม่สมควรต่อประโยชน์อันชอบธรรมของผู้ทรงสิทธิ (5) มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการค้าเช่นมาตรการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ประเทศคู่ค้าที่มีพันธกรณีระหว่างประเทศในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้พิธีสารเกียวโต
ออกมาตรการเพื่อปกป้องคุ้มครองผู้ผลิตภายในประเทศโดยเฉพาะสาขาที่มีการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมิให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางการค้าโดยบังคับใช้กฎหมายของตนกับสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศที่ไม่มีกฎหมายในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นไทยได้ (6) มาตรการด้านการขนส่งทางอากาศภายใต้ข้อกำหนดของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศหรือ IATAได้ส่งเสริมให้มีการจัดสรรเวลาสำหรับการจราจรทางอากาศณท่าอากาศยาน
(Airport slot allocation) ด้วยวิธีการประมูล (auction)เพื่อแก้ปัญหาการเลือกปฏิบัติ
3.2 การติดตามกระแสมาตรการ NTMs ในประเทศคู่ค้า
การติดตามกระแสมาตรการ NTMs ในประเทศคู่ค้าของโครงการนี้มี 4
ประเทศเป้าหมายคือญี่ปุ่นสหรัฐอเมริกาสหภาพยุโรปและจีนเนื่องจากประเทศเหล่านี้เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยและยังมีข้อตกลงการค้าเสรีกับไทยอีกด้วยผลการศึกษาพบว่าประเทศคู่ค้าจะให้ความสำคัญต่อ NTMs ที่แตกต่างกันโดยญี่ปุ่นจะเน้นมาตรการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคสหรัฐอเมริกาจะเน้นมาตรการคุ้มครองผู้ผลิตสหภาพยุโรปจะเน้นมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคควบคู่ไปกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (ซึ่งมักครอบคลุมทุกขั้นตอนการผลิตตลอดจนบรรจุภัณฑ์และการกำจัดซาก)
ส่วนจีนนั้นมีแนวโน้มจะออกมาตรการ NTMs ที่คล้ายกับสหภาพยุโรปมากขึ้นซึ่งรายละเอียดสามารถดูได้ในตารางที่ 1
ตารางที่1 บทเรียนและผลกระทบต่อไทยของมาตรการ NTMs รายประเทศ
ติดตามรายประเทศ | บทเรียนต่อไทย | ผลกระทบต่อไทย |
ญี่ปุ่น:เน้นความปลอดภัยของผู้บริโภค | – ผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามความต้องการของผู้บริโภค – ผู้บริโภครับผิดชอบส่วนหนึ่งต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมเช่นการรีไซเคิลโดยผู้ผลิต เตรียม facilities – การกีดกันสินค้านำเข้าจะดำเนินการผ่านด้านผู้บริโภคเช่นการให้ข้อมูลกับผู้บริโภคเรื่องความปลอดภัยของสินค้าดังนั้นการส่งออกสินค้าของไทยอาจไม่ถูกกีดกันจากมาตรการทางการค้าหากแต่จะถูกปฏิเสธจากผู้บริโภคเอง | – ต้องติดตามกฎระเบียบอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะมาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้าสาหรับสินค้านำเข้า – ต้องติดตามการแจ้งเตือนอย่างใกล้ชิดเนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าสินค้าใดกำลังประสบปัญหาการส่งออกไปประเทศต่างๆเหล่านี้ – ธุรกิจไทยอาจมีต้นทุนธุรกรรมเพิ่มขึ้นในการดำเนินการด้านเอกสารที่เกี่ยวข้องกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมมาตรการด้านแรงงานเด็กและแรงงานบังคับและมาตรการด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกฯลฯ – ต้องติดตามมาตรการต่างๆที่แตกต่างกันระหว่างมาตรการระดับประเทศและมาตรการระดับท้องถิ่นหรือมลรัฐ |
สหรัฐอเมริกา:เน้นคุ้มครองผู้ผลิต | – เพื่อคุ้มครองผู้ผลิตในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ – เพื่อรักษาระดับการแข่งขันให้เท่าเทียมกับสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีกฎระเบียบหย่อนยานกว่า – เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันทางการค้าในตลาดต่างประเทศ | |
สหภาพยุโรป:เน้นด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม | – มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหนึ่งมากมายครอบคลุมตั้งแต่วัตถุดิบกระบวนการผลิตผลผลิตและบรรจุภัณฑ์ – เน้นการแวดระวังล่วงหน้าก่อนเกิดปัญหา – ระบบ Rapid Alert ที่มีการแจ้งเตือนประเทศสมาชิกอย่างรวดเร็วและมีการจัดระดับของความรุนแรงจากการนำเข้าสินค้าจากประเทศใดๆซึ่งจะเป็นข้อมูลสาหรับการส่งออกของไทยในการเตรียมการป้องกันมิให้เกิดปัญหา | |
จีน:เน้นคุ้มครองผู้ผลิต | เลียนแบบกฎระเบียบเหมือนสหภาพยุโรปเช่น WEEE (Waste on Electric and Electronic Equipment) และRoHS (Restrictions on Hazardous Substances) | ต้องติดตามกฎระเบียบทั้งของระดับประเทศและระดับภูมิภาค |
ที่มา: นิรมลสุธรรมกิจและคณะ(2553)
3.3 การติดตามกระแสมาตรการ NTMs ในกลุ่มผลิตภัณฑ์
การติดตามกระแสมาตรการ NTMs เฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของโครงการนี้จำแนกออกเป็น4กลุ่มคือผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและสาขาบริการมาตรการ NTMs ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เป้าหมายทั้ง 4 กลุ่มนั้นได้อาศัยมาตรการต่างๆที่กำหนดโดยภาครัฐทั้งที่อยู่ในรูปของกฎหมายกฎระเบียบข้อบังคับภายในประเทศและมาตรการหรือมาตรฐานระหว่างประเทศซึ่งอาจสรุปได้ว่า
(ก) มาตรการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจะมีรายละเอียดมากมายซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้บริโภค
(ข) มาตรการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น (เช่นอัญมณีและสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม) จะมีรายละเอียดน้อยกว่าและเน้นเรื่องความเป็นธรรมจากการใช้แรงงานและการใช้วัตถุดิบในกระบวนการผลิตที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้
(ค) มาตรการที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์และชิ้นส่วน)จะเน้นเรื่องมาตรฐานสินค้าเป็นสำคัญไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการใช้งานและมาตรฐานด้านความปลอดภัยจากการใช้งาน
(ง) มาตรการที่เกี่ยวกับสาขาบริการ(service sector) นั้นเน้นเรื่องการเปิดตลาดและการเข้าถึงแหล่งจำหน่ายแต่มาตรการที่ประเทศไทยอาจจะต้องเผชิญในอนาคตคือมาตรฐานแรงงานที่ส่งออกเพื่อเป็นผู้ให้บริการด้านโภชนาการ (พ่อครัว–แม่ครัว) ด้านสุขภาพ (แพทย์โรงพยาบาลการนวดแผนโบราณ) และมาตรฐานการบริการด้านการท่องเที่ยวเช่นความสะอาดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นต้น
4. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
4.1 ประเด็นที่ควรติดตามและเฝ้าระวังที่เกี่ยวกับมาตรการ NTMs ภายใต้กรอบของ WTO ในภาพรวมได้แก่ควรมีการติดตามความคืบหน้าในการจัดทำมาตรฐานระหว่างประเทศรวมทั้งข้อพิพาทใหม่ๆที่เกิดขึ้นควรมีการปรึกษาหารือกับประเทศคู่ค้าถึงความสอดคล้องของมาตรการกับความตกลงเป็นระยะๆควรมีการเผยแพร่ผลคำวินิจฉัยที่คาดว่ามีผลกระทบต่อหน่วยงานที่จัดทำมาตรฐานและควรทบทวนมาตรฐานหรือมาตรการให้สอดคล้องกับแนวการวินิจฉัยข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องเป็นต้น
4.2 แนวทางการติดตามกระแสมาตรการ NTMs สำหรับการส่งออกของไทยขั้นต่อมาที่ต้องรีบดำเนินการคือการติดตามรายประเด็น (Issue-based หรือ Case-based) เนื่องจากการติดตามมาตรการ NTMs ที่ผ่านมานั้นพบว่าไม่ว่าจะเป็นการศึกษารายผลิตภัณฑ์หรือรายประเทศต่างก็มีประเด็นเงื่อนไขที่นำมาใช้เป็นมาตรการNTMs คล้ายๆกันเช่นประเด็นเรื่องความปลอดภัยจากการอุปโภคบริโภคสินค้าประเด็นเรื่องการควบคุมสารเคมีและประเด็นเรื่องการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นต้นนอกจากนี้แล้วในอนาคตน่าจะเห็นความเชื่อมโยงกันของมาตรการ NTMs จากหลายกรอบเวทีมากขึ้นกล่าวคือผลิตภัณฑ์ใดๆอาจจะเกี่ยวข้องกับมาตรการ NTMs มากกว่า 1 มิติ (ภายใต้กรอบ WTO ด้วยกัน) หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับมาตรการ NTMs ที่มาจากเวทีต่างกันเช่น(ก) สินค้าชุมชนเพื่อการส่งออก (เช่นสินค้า OTOP) ที่อาจจัดได้ว่าเป็นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอาจจะไม่ได้รับประโยชน์จากการค้าเสรีสินค้าและบริการด้านสิ่งแวดล้อม(Environmental Goods and Services: EGS)และยังเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะเรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นและสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ (ข)การเข้ามาของธุรกิจต่างชาติด้านบริการเพื่อสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบการค้าบริการและกรอบการค้า EGS อาจเกิดความขัดแย้งกันในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมกล่าวคือการส่งเสริมให้เกิดธุรกิจ Environmental Service ย่อมนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยแต่หากธุรกิจนี้เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างเสรีก็อาจจะเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจของคนไทยเนื่องจากบริษัทต่างชาติมีความได้เปรียบทางด้านเงินทุนและเทคโนโลยีมากกว่า (ค) สินค้านำเข้าเพื่อช่วยลดโลกร้อน (ภายใต้กรอบ UNFCCC: อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) อาจจะเข้าข่ายหรือไม่เข้าข่ายกรอบการค้าเสรีสินค้าและบริการด้านสิ่งแวดล้อม (EGS) ก็ได้ขึ้นอยู่กับขอบเขตนิยามของ EGS ภายใต้กรอบ WTO และขึ้นอยู่กับขอบเขตภายใต้กรอบ UNFCCC
4.3 แนวทางการวิเคราะห์ผลกระทบของมาตรการ NTMs ต่อผู้ประกอบการไทยและภาครัฐของการศึกษานี้พบว่าผลกระทบด้านต้นทุนเป็นประเด็นสำคัญที่สุดทั้งต้นทุนการผลิตและต้นทุนธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศดังนั้นการศึกษาในอนาคตควรจะเน้นเปรียบเทียบ “ต้นทุน” (economic cost) กับ “ผลประโยชน์” (economic benefit) ที่จะได้รับจากการดำเนินการตามกฎระเบียบของมาตรการ NTMs ที่ใช้ในประเทศคู่ค้า(ทั้งแบบบังคับและแบบสมัครใจ) เพื่อให้เกิดต้นทุนต่อสังคมไทยต่ำสุดหรือเกิดประโยชน์ต่อสังคมไทยสูงสุดโดยต้นทุนที่ควรวิเคราะห์ได้แก่ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นต้นทุนธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับมาตรการ NTMs ที่เกิดขึ้นต้นทุนการเรียนรู้และเกาะติดสถานการณ์มาตรการ NTMs ในต่างประเทศต้นทุนการกำหนดกฎหมายภายในประเทศเพื่อรองรับมาตรการ NTMs ของต่างชาติและต้นทุนค่าเสียโอกาสในการไม่ปฏิบัติตามมาตรการ NTMs
4.4 กิจกรรมเพื่อเผยแพร่ข้อมูลด้าน NTMs สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กควรให้มีการจัดทำ (ก) การประชุมสัมมนาเฉพาะกลุ่ม (focus group) เพื่อเป็นช่องทางในการได้มาซึ่งข้อมูลที่มาจากประสบการณ์ตรงและการแก้ไขปัญหาในทางปฏิบัติจริง(ข) การประชุมระดมสมอง (brainstorming) เพื่อหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการศึกษารายละเอียดติดตามมาตรการ และวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐศาสตร์และการเมืองเป็นต้น(ค) เอกสารเผยแพร่ที่มีรูปแบบเหมาะสมจนสามารถนำไปใช้อ้างอิงได้โดยเนื้อหาที่สำคัญและยังไม่มีหน่วยงานใดนำเสนอได้แก่ผลกระทบของมาตรการต่อผู้ประกอบการไทยและเศรษฐกิจไทยและ “ประเด็นจับตามอง” ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการติดตามมาตรการ NTMs ต่อไปในอนาคต
4.5 แนวทางการเตรียมการรับมือกับมาตรการ NTMs ในอนาคตจะประกอบด้วยการนำ “ประเด็นจับตามอง” มาวิเคราะห์ถึงแนวทาง “การเตรียมการรับมือ” ทั้งเชิงรับและเชิงรุกโดยในระยะอันใกล้นี้ควรมุ่งเน้นการติดตามและเตรียมการรับมือกับมาตรการ NTMs ของประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหภาพยุโรปสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นซึ่งประเทศดังกล่าวนี้มักจะกำหนดมาตรการ NTMs รูปแบบใหม่เพิ่มมากขึ้นซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการค้าของประเทศไทย
4.6 ในอนาคตควรมีองค์กรที่สามารถทำหน้าที่เป็น “ศูนย์ประสานงาน”(Collaborating Centre)หรือ“ศูนย์เชื่อมโยงข้อมูลข่าวสาร” (Information Bridging Centre)ทำหน้าที่โดยตรงในการประสานงานติดตามวิเคราะห์และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการ NTMs ของประเทศคู่ค้าได้อย่างมีบูรณาการ
เอกสารอ้างอิง
นิรมลสุธรรมกิจและคณะ (2553).
โครงการติดตามกระแสการกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่อากรศุลกากรสำหรับสินค้าไทยส่งออกไปต่างประเทศ(NTMs Watch), คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,เสนอต่อสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)