น้ำมันเครื่อง ดีเซล ยี่ห้อไหนดี

น้ำมันเครื่องยนต์เบนซิน สังเคราะห์แท้ 100% ZIC (ซิค) X7 SAE 10W-40 ขนาด 4 ลิตร น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์แท้ ราคาเบาๆ ใช้งานมากถึง12,000กิโลเมตร ประหยัดเงินและเวลา ได้มาตรฐาน API SN PLUS เหมาะสำหรับรถยนต์เบนซินทั่วไป รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Car) และรถยนต์รุ่นใหม่ทุกประเภท ปกป้องเครื่องยนต์ต่อการสึกกร่อนได้ดี เครื่องยนต์สะอาดเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ รุ่นนี้สามารถใช้ได้นานมากถึง 12,000กิโลเมตรซึ่งช่วยยืดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้นานมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดงบประมาณและประหยัดเวลาได้มาก หากใครกำลังมองหาน้ำมันเครื่องราคาประหยัดใช้ได้นานๆ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยเราขอแนะนำยี่ห้อนี้เลย


10. LIQUI MOLY SPECIAL TEC AA 5W-30

LIQUI MOLY SPECIAL TEC AA 5W-30

LIQUI MOLY SPECIAL TEC AA 5W-30

น้ำมันเครื่องรถยนต์ เบนซิน LIQUI MOLY SPECIAL TEC AA BENZINE 10W30 4 ลิตร สังเคราะห์แท้ API SN Plus+RC;ILSAC GF-5 ลดปัญหาเครื่องน็อค 10000-15000 km. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ลดการสึกหรอ ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด เหมาะกับรถบ้าน ประหยัดน้ำมัน น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ขนาด 4 ลิตร สามารถใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เหมาะกับรถ Eco รถบ้าน รถใช้งานทั่วไปรถเอเชีย และรถอเมริกัน (AA) หรือรถเครื่องยนต์เบนซินที่มี turbocharger หรือ catalytic converter ให้ความหล่อลื่นพิเศษรวดเร็วและช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ใช้งานได้นาน ใช้งานได้ดี เครื่องยนต์สะอาด

รายละเอียดสินค้า 

  • น้ำมันเครื่องรถยนต์ เบนซิน LIQUI MOLY SPECIAL TEC AA BENZINE 10W30 4 ลิตร สังเคราะห์แท้ API SN Plus+RC;ILSAC GF-5 ลดปัญหาเครื่องน็อค 10000-15000 km.
  • LIQUI MOLY SPECIAL TEC AA 10W30
  • FULLY SYNTHETIC TECHNOLOGY.
  • เป็นมาตรฐานน้ำมัน API SN Plus+RC;ILSAC GF-5
  • น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ Fully Synthetic
  • เครื่องยนต์เบนซินเท่านั้น
  • ออกแบบมาเพื่อรถญี่ปุ่นและอเมริกัน ลดปัญหา LSPI (LOW SPEED PRE-IGNITION)
  • ใช้กับเครื่องยนต์ที่มีเทอร์โบแปรผันรุ่นใหม่ๆ ที่มีความจุน้อย แต่ต้องการรีดสมรรถนะในการขับขี่ได้สูงขึ้นอย่างดีออกแบบมาให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ของค่ายรถญี่ปุ่นและอเมริกัน
  • ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
  • ทำความสะอาดเครื่องยนต์ ช่วยลดการสึกหรอ ช่วยป้องกันการสึกหรอ
  • หล่อลื่นเครื่องยนต์ได้รวดเร็วที่อุณหภูมิต่ำ
  • ลดการปล่อยมลพิษ ลดอัตราการเกิดภาวะเรือนกระจก
  • เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพทั้งในอุณหภูมิสูง และต่ำ
  • รถสำหรับการแข่งขัน
  • รถปิกอัพ
  • รถนั่งส่วนบุคคล
  • รถที่ใช้งานหนัก ใช้ขับระยะยาว
  • รถที่มีปัญหา LSPI
  • การันตีที่ 10000-15000 km.
  • Made in Germany.

หลักในการเลือกน้ำมันเครื่อง



1. เลือกน้ำมันเครื่องให้ตรงตามชนิดเครื่องยนต์ 

1.1 น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน 

น้ำมันเครื่องประเภทนี้จะมีค่ามาตรฐานที่ขึ้นต้นด้วยตัว S เช่น API SM, API SN, API SN Plus เป็นต้น โดยน้ำมันเครื่องเบนซินที่ได้มาตรฐาน API จะช่วยปกป้องการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ดี ทนต่อความร้อน และประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีกว่าน้ำมันที่ไม่ได้มาตรฐาน

1.2 น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล 

น้ำมันเครื่องประเภทนี้จะมีค่ามาตรฐานที่ขึ้นต้นด้วยตัว C เช่น API CJ-4, API CK-4 เป็นต้น โดยน้ำมันเครื่องดีเซลที่ได้มาตรฐาน API จะช่วยรองรับการทำงานที่ค่อนข้างหนักของเครื่องยนต์ดีเซลได้ดีกว่าน้ำมันเครื่องที่ไร้มาตรฐาน API แน่นอน

2. เลือกประเภทของน้ำมันเครื่อง หรือเกรดของน้ำมันเครื่อง


2.1 น้ำมันเครื่องธรรมดา (Synthetic)

ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่กลั่นจากน้ำมันปิโตรเลียม ใช้งานได้ประมาณ 3,000-5,000 กม.

2.2 น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic)

ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นธรรมดากับชนิดสังเคราะห์ ใช้งานได้ประมาณ 5,000-7,000 กม.

2.3 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Fully Synthetic)

ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่สังเคราะห์จากน้ำมันปิโตรเลียม ใช้งานได้ประมาณ 7,000-10,000 กม.


3. เลือกจากค่าความหนืด (ค่า SAE) หรือเบอร์น้ำมันเครื่อง 

บนฉลากน้ำมันเครื่องจะแสดงค่า SEA (Society of Automotive Engineers) คือ มาตรฐานน้ำมันเครื่องของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ ที่เอาไว้แสดงค่าความหนืดหรือความข้นใสของน้ำมันเครื่อง ทั้งที่อุณหภูมิต่ำและสูง ซึ่งที่วางขายในประเทศไทยส่วนใหญ่จะระบุไว้ ดังนี้

ตัวเลขชุดแรก คือ ค่าการทนความเย็นของน้ำมันเครื่อง หรือค่าความต้านทานการเป็นไขของน้ำมันเครื่องในอุณหภูมิต่ำ ซึ่งมีตั้งแต่ 0-20W 

ตัวเลขชุดหลัง คือ ค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องที่อุณหภูมิสูง มากน้อยขึ้นอยู่กับตัวเลข มีตั้งแต่ 5, 10, 20, 30, 40, 50 และ 60 ตามลำดับ โดยความหนืดที่เหมาะสมสำหรับเครื่องยนต์ทั่วไปอยู่ที่ 20-40 

โดยทั่วไป ที่ตัวเลข 30 น้ำมันจะมีความหนืดน้อย มีความใสมาก เหมาะกับรถยนต์คันใหม่ที่พึ่งเริ่มใช้งาน หรือมีการวิ่งสะสมมาแล้วไม่เกิน 200,000 กิโลเมตร ส่วนตัวเลข 40 น้ำมันจะมีความหนืดปานกลาง มีความใสลดลง เหมาะกับรถยนต์ที่วิ่งเกิน 200,000 กิโลเมตร เป็นต้นไป และตัวเลข 50 ตัวน้ำมันจะใสน้อยมากและมีความหนืดสูง เหมาะกับรถยนต์เก่า ส่วนน้ำมันเครื่องตัวเลข 50 นั้นไม่ค่อยพบเจอแล้วในปัจจุบัน ฉะนั้น อย่าลืมตรวจสอบค่าความหนืดกันด้วย

ซึ่งค่าต่าง ๆ เหล่านี้สามารถดูได้จากคู่มือการใช้รถเพื่อเลือกน้ำมันเครื่องที่ดีที่สุดให้กับรถยนต์ของเรา

4. ค่ามาตรฐานที่บ่งบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่อง

จากที่เราได้กล่าวถึงวิธีการสังเกตว่าน้ำมันเครื่องนั้นเหมาะสำหรับเครื่องยนต์ประเภทใดไปแล้ว ซึ่งความหมายเต็ม ๆ ของพวกตัวอังษร API SN หรือ API CI-4 คือ ค่ามาตรฐานที่บ่งบอกถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่อง โดยสามารถแบ่งออกตามประเภทเครื่องยนต์ได้ดังนี้

  • น้ำมันเครื่องยนต์เบนซิน เรียงจากค่ามาตรฐานต่ำไปสูงที่ SL, SM, SN โดยค่า SN เป็นค่ามาตรฐานน้ำมันเครื่องยนต์เบนซินที่ดีที่สุดในตอนนี้
  • น้ำมันเครื่องยนต์ดีเซล เรียงจากค่ามาตรฐานต่ำไปสูงที่ CH-4, CI-4, CJ-4 โดยค่า CJ-4 เป็นค่ามาตรฐานน้ำมันเครื่องยนต์ดีเซลที่ดีที่สุดในตอนนี้

หากใครไม่อยากเสียเวลาคิดคำนวณมาก ก็สามารถเลือกใช้ตัวค่ามาตรฐานที่ดีที่สุดไปเลยก็ได้ เพราะส่วนใหญ่น้ำมันเครื่องในท้องตลาดก็จะมีค่ามาตราฐานที่สูงที่สุดอยู่แล้วด้วย

ระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

ระยะเวลาตามที่คู่มือกำหนดจะอยู่ที่ 6 เดือน หรือทุกๆ 8,000-10,000 กิโลเมตร แต่ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ด้วย เช่น ถ้าใช้งานรถบ่อย ขับทุกวัน เดินทางไกลบ่อยๆ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆ 5,000 กิโลเมตร หากนับเป็นเวลาก็ทุกๆ 3 เดือน แล้วสำหรับรถยนต์ที่จอดเก็บให้ฝุ่นเกาะเล่น ขับไม่บ่อย ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา 6 เดือน เพราะน้ำมันเครื่องเก่าๆ ก็มีผลต่อประสิทธิภาพและเครื่องยนต์ได้

วิธีการเช็กระดับน้ำมันเครื่อง

หลังจากดับเครื่องและรอจนเครื่องเย็นแล้ว เปิดฝากระโปรงรถ หาก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องให้เจอ ดึงออกมาในแนวตรง ใช้ผ้าเช็ดน้ำมันเครื่องออกจากก้านก่อน ซึ่งแนะนำว่าไม่ควรใช้กระดาษทิชชูเป็นอันขาด เพราะอาจมีเศษกระดาษติดลงไป จากนั้นเสียบก้านลงไปที่เดิมจนสุด ดึงก้านออกมาในแนวตรงอีกครั้ง ดูระดับของน้ำมันเครื่องบนก้าน ระดับน้ำมันเครื่องที่ไว้ใจได้คืออยู่ในระดับกลางระหว่างขีด L (Low) และขีด F (Full Max)

แล้วแบบไหนเรียกว่าเติมน้ำมันเครื่องเกิน ซึ่งก็คือไม่ควรเกินครึ่งถึงหนึ่งเซนติเมตรของขีด F บนก้านวัด มากไปก็ไม่ดี เนื่องจากน้ำมันเครื่องล้น ขณะรถวิ่งน้ำมันเครื่องจะกระเด็นออกไปที่กระบอกสูบ หน่วงเครื่องไปอีก วิธีแก้ปัญหาหากเติมน้ำมันเครื่องเกิน ควรหาสายยางขนาดเล็กมาดูดออก แต่ควรเป็นสายยางที่สะอาดและแข็งแรง เพราะหากสายยางขาดระหว่างกำลังดูด การแก้ไขจะยากกว่าเดินทางไปศูนย์จ้างเขาให้ถ่ายน้ำมันเครื่องออกสักนิด

น้ำมันเครื่องพร่อง เติมเองได้ไหม

คำตอบคือได้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องวิ่งไปหาช่างให้ยุ่งยาก ยิ่งถ้ามีขวดน้ำมันเครื่องที่เหลือหลังจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจากร้านเก็บไว้ ย้ำว่าควรเป็นยี่ห้อเดียวกันจะดีที่สุด ยกเว้นว่าคุณอยู่กลางสถานการณ์ที่ยุ่งยาก มีเหตุจำเป็นต้องเติมต่างยี่ห้อ ก็สามารถใช้ได้ เพียงแค่ดูสเปกและความหนืดที่เท่ากับตัวเดิมเพียงจอดรถในที่ราบเพื่อให้วัดระดับน้ำมันเครื่องแบบถูกต้อง หากรวยเสียบก่อนจึงค่อยๆ เทน้ำมันเครื่องลงไป แนะนำให้เติมทีละนิด คอยเช็กเป็นระยะ เพื่อให้ไม่ให้เกินขีด F นั่นเอง

สิ่งที่จะเกิดขึ้นหากคุณไม่เปลี่ยนไม่น้ำมันเครื่อง

  • ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ลดลง เมื่อเครื่องยนต์เกิดการทำงานที่ผิดปกติหรือมีสมรรถภาพในการทำงานลดลงผู้ใช้งานจะสามารถสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงได้ 
  • เร่งไม่ค่อยขึ้น น้ำมันเครื่องรถยนต์เป็นตัวหล่อลื่นในเครื่องยนต์ หากน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพและมีการสะสมสิ่งสกปรกในเครื่องยนต์ที่มากเกินก็จะทำให้น้ำมันเครื่องหล่อลื่นได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้เครื่องอืด เร่งไม่ขึ้น จากที่เหยียบนิดเดียวก็ไปกลายเป็นเร่งไม่ขึ้นได้
  • ระบบไฟมีปัญหา น้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพส่งผลให้ระบบไฟรถยนต์มีปัญหาได้ เช่น ไฟไม่ค่อยสว่าง ไฟกระพริบ ไฟติด ๆ ดับ ๆ ฯลฯ 
  • กินน้ำมัน เมื่อมีการเร่งเครื่องยนต์มากขึ้นก็จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น และส่งผลให้รถกินน้ำมันมากขึ้น จากเดิมที่เติมเท่านี้และสามารถขับได้เท่านี้ ก็ขับได้ในระยะที่สั้นลง 
  • เสียงเครื่องยนต์ดังผิดปกติ โดยจะส่งเสียงออกมาจากห้องเครื่องเมื่อสตาร์ทรถ เป็นสัญญาณเตือนที่ทำให้ทราบว่าควรตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้แล้ว เพราะเป็นสัญญาณเตือนที่ค่อนข้างอันตรายเลยทีเดียว
  • เครื่องยนต์เกิดการโอเวอร์ฮีท เป็นข่าวร้ายสำหรับเครื่องยนต์ เพราะถ้าเครื่องยนต์เกิดการโอเวอร์ฮีทหรือมีความร้อนมากเกินไปก็จะทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถใช้งานได้หรือพัง 

บทสรุป

จะเห็นได้ว่าน้ำมันเครื่องมีหลากหลายยี่ห้อแล้วแต่ความชอบและสมรรถนะที่ต้องการ ทั้งนี้ ต้องเลือกให้เหมาะกับเครื่องยนต์  การทำความสะอาดเครื่องยนต์รถ ให้มีประสิทธิภาพ วิ่งได้ดีเหมือนเครื่องยนต์ใหม่อยู่เสมอ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทางที่กำหนด หากใครที่ไม่อยากให้เครื่องยนต์พังไปก่อนเวลา เพราะ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ใช้งานได้นานมากขึ้น  เพื่อรักษารถคู่ใจให้อยู่กับเราไปนาน ๆ   และหมั่นตรวจเช็คสภาพน้ำมันเครื่องว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนหรือยัง เพราะสามารถเปลี่ยนก่อนเวลาได้ ทั้งนี้ยังรวมถึงการเปลี่ยนน้ำมันเบรค และน้ำมันต่าง ๆ ตามระยะด้วย และควรเลือกน้ำมันเครื่องที่ดีมีคุณภาพีเพื่อรถของคุณ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก