โครงการตามพระราชดำริด้านการแพทย์ เกิดใน พ.ศ. 2510 เนื่องจากพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 โปรดเกล้าให้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมือ เครื่องใช้ ตลอดจนยารักษาโรค ไปยังท้องถิ่นกันดารในจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ซึ่งในพื้นที่นั้นการแพทย์ยังเข้าไปไม่ถึงประกอบกับราษฎรมีฐานะยากและการเดินทางเข้ามารักษาไม่เอื้ออำนวย พระองค์จึงทรงตรัสให้หน่วยการแพทย์เข้าไปรักษาโดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายกับราษฎร
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จไปโครงการชาวเขาและได้ทรงพบว่า ราษฎรที่มารอรับเสด็จนั้น ไม่สบาย ป่วยกันเป็นจำนวนมาก จึงได้ทรงโปรดกล้าฯ ให้แพทย์ประจำพระองค์ ที่ตามเสด็จและมีหน้าที่คอยเฝ้าดูแลพระสุขภาพ และพลานามัยของทุกพระองค์ในขบวนเสด็จ ให้การตรวจและรักษาผู้ป่วยเหล่านั้น จึงได้เกิด "แพทย์พระราชทาน" โดยแบ่งเป็น
- การบำบัดรักษาโดยการตรวจจากคณะแพทย์พระราชทาน
- การบำบัดรักษาโดยการตรวจจากคณะแพทย์พระราชทาน
- หน่วยแพทย์หลวงกองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง และเจ้าหน้าที่
- คณะแพทย์ตามพระราชประสงค์ เป็นแพทย์ที่อาสามาจากหลายสาขาวิชาหลายหน่วยงาน
- คณะศัลยแพทย์อาสา จากราชวิทยาลัยศัลย์แพทย์แห่งประเทศไทย
- คณะศัลยแพทย์อาสา จากโรงพยาบาลศิริราช
- คณะศัลยแพทย์อาสา จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
- คณะแพทย์หู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้
- หน่วยทันตแพทย์เคลื่อนที่ จากกรมแพทย์ทหารบก
- คณะจักษุแพทย์ แพทย์พระราชทานดังกล่าว จะจัดชุดทำงานตามสถานที่ต่างๆไปยัง
ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดที่พระราชนิเวศน์ตั้งอยู่ โรงพยาบาลสกลนคร โรงพยาบาลนราธิวาส และโรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่
บริเวณที่ตรวจโรคหน้าภูพานราชนิเวศน์ และทักษิณราชนิเวศน์
ตามเสด็จพระราชดำเนินไปรักษาพยาบาลยังหมู่บ้านต่างๆ
- การอบรมหมอหมู่บ้านตามพระราชดำริ
โดยคัดเลือกราษฎรอาสาตามหมู่บ้านเข้าอบรมหลักสูตร หมอหมู่บ้าน ซึ่งเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของการปฐมพยาบาล การโภชนการ การเวชศาสตร์ป้องกันอย่างง่ายๆ เพื่อให้ราษฎรนั้นสามารถนำความรู้ที่ได้นั้นนำไปปฏิบัติกับคนในหมู่บ้านนั้นหรือคนพื้นที่นั้นๆ
ลักษณะงานข้างต้นไปนำไปใช้ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 10 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำพูน ลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด คือ สกลนคร นครพนม อุดรธานี หนองคาย มุกดาหาร มหาสารคม กาฬสินธุ์ เลย และในภาคใต้ 4 จังหวัด คือ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา
โครงการดังกล่าวได้ช่วยแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของผู้ที่อยู่ห่างไกลโรงพยาบาล ผู้ที่มีอุปสรรคให้การเดินทาง และ ราษฎรที่มีฐานะยากจน จะได้รับโอกาสทางการรักษาที่ถูกต้องและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ราษฎรที่ป่วยและได้รับการรักษาและหายจากการป่วยแล้ว ราษฏรจะมีกำลังในการประกอบอาชีพ หารายได้ จะส่งผลให้ชีวิตของราษฎรที่ดีขึ้นและส่งต่อให้สังคมดีขึ้นตาม
Reference :
//kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=12&chap=1&page=t12-1-infodetail07.html
//www.wrp.or.th
Picture :
//kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=12&chap=1&page=t12-1-infodetail07.html
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โครงการแพทย์หลวงเคลื่อนที่พระราชทาน
โครงการตามพระราชดำริด้านการแพทย์ เกิดใน พ.ศ. 2510 เนื่องจากพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 โปรดเกล้าให้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมือ เครื่องใช้ ตลอดจนยารักษาโรค ไปยังท้องถิ่นกันดารในจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ซึ่งในพื้นที่นั้นการแพทย์ยังเข้าไปไม่ถึงประกอบกับราษฎรมีฐานะยากและการเดินทางเข้ามารักษาไม่เอื้ออำนวย พระองค์จึงทรงตรัสให้หน่วยการแพทย์เข้าไปรักษาโดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายกับราษฎร
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จไปโครงการชาวเขาและได้ทรงพบว่า ราษฎรที่มารอรับเสด็จนั้น ไม่สบาย ป่วยกันเป็นจำนวนมาก จึงได้ทรงโปรดกล้าฯ ให้แพทย์ประจำพระองค์ ที่ตามเสด็จและมีหน้าที่คอยเฝ้าดูแลพระสุขภาพ และพลานามัยของทุกพระองค์ในขบวนเสด็จ ให้การตรวจและรักษาผู้ป่วยเหล่านั้น จึงได้เกิด "แพทย์พระราชทาน" โดยแบ่งเป็น
- การบำบัดรักษาโดยการตรวจจากคณะแพทย์พระราชทาน
- การบำบัดรักษาโดยการตรวจจากคณะแพทย์พระราชทาน
- หน่วยแพทย์หลวงกองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง และเจ้าหน้าที่
- คณะแพทย์ตามพระราชประสงค์ เป็นแพทย์ที่อาสามาจากหลายสาขาวิชาหลายหน่วยงาน
- คณะศัลยแพทย์อาสา จากราชวิทยาลัยศัลย์แพทย์แห่งประเทศไทย
- คณะศัลยแพทย์อาสา จากโรงพยาบาลศิริราช
- คณะศัลยแพทย์อาสา จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
- คณะแพทย์หู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้
- หน่วยทันตแพทย์เคลื่อนที่ จากกรมแพทย์ทหารบก
- คณะจักษุแพทย์ แพทย์พระราชทานดังกล่าว จะจัดชุดทำงานตามสถานที่ต่างๆไปยัง
ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดที่พระราชนิเวศน์ตั้งอยู่ โรงพยาบาลสกลนคร โรงพยาบาลนราธิวาส และโรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่
บริเวณที่ตรวจโรคหน้าภูพานราชนิเวศน์ และทักษิณราชนิเวศน์
ตามเสด็จพระราชดำเนินไปรักษาพยาบาลยังหมู่บ้านต่างๆ
- การอบรมหมอหมู่บ้านตามพระราชดำริ
โดยคัดเลือกราษฎรอาสาตามหมู่บ้านเข้าอบรมหลักสูตร หมอหมู่บ้าน ซึ่งเป็นหลักสูตรเบื้องต้นของการปฐมพยาบาล การโภชนการ การเวชศาสตร์ป้องกันอย่างง่ายๆ เพื่อให้ราษฎรนั้นสามารถนำความรู้ที่ได้นั้นนำไปปฏิบัติกับคนในหมู่บ้านนั้นหรือคนพื้นที่นั้นๆ
ลักษณะงานข้างต้นไปนำไปใช้ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 10 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำพูน ลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด คือ สกลนคร นครพนม อุดรธานี หนองคาย มุกดาหาร มหาสารคม กาฬสินธุ์ เลย และในภาคใต้ 4 จังหวัด คือ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา
โครงการดังกล่าวได้ช่วยแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพของผู้ที่อยู่ห่างไกลโรงพยาบาล ผู้ที่มีอุปสรรคให้การเดินทาง และ ราษฎรที่มีฐานะยากจน จะได้รับโอกาสทางการรักษาที่ถูกต้องและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ราษฎรที่ป่วยและได้รับการรักษาและหายจากการป่วยแล้ว ราษฏรจะมีกำลังในการประกอบอาชีพ หารายได้ จะส่งผลให้ชีวิตของราษฎรที่ดีขึ้นและส่งต่อให้สังคมดีขึ้นตาม
Reference :
//kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=12&chap=1&page=t12-1-infodetail07.html
//www.wrp.or.th
Picture :
//kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=12&chap=1&page=t12-1-infodetail07.html
We use cookies to give you the best online experience. By using our website you agree to our use of cookies in accordance with our privacy policy.