ทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ
ทักษะเป็นความชำนาญหรือความเชี่ยวชาณที่เกิดจากการหมั่นฝึกฝนสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสามารถทำสิ่งนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว และเกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ซึ่งทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ มีดั้งนี้
ทักษะกระบวนการทำงาน
ทักษะกระบวนการทำงาน หมายถึง การลงมือทำงานต่างๆด้วยตนเอง โดยมุ่งเน้นการฝึกฝนวิธืการทำงานอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการทำงานเดี่ยว หรือทำงานร่วมกลุ่มกับผู้อื่น เพื่อให้ทำงานได้สำเร็จ และบรรลุตามเป้าหมายโดยมีขั้นตอนต่างๆดั้งนี้
1. การวิเคราะห์งาน เป็นการมองภาพรวมของงานเมื่อได้รับมอบหมาย ว่าเป้าหมายของงานคืออะไร ผลลัพธ์ของงานที่จะทำคืออะไร และจะทำอย่างไรเพื่อให้งานนั้นบรรลุเป้าหมายและได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
2. การวางแผนในการทำงาน เป็นการกำหนดเป้าหมายของงาน ระยะเวลาดำเนินงานกำลังคนที่ใช้ในการทำงาน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน วัสดุอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงานและวิธีการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และได้ผลลัพธ์ตามต้องการ โดยประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายไปพร้อมกัน
3. การลงมือทำงาน เป็นการลงมือทำงานตามแผนที่วางไว้ ด้วยความมุ่งมั่นอดทนและรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ ซึ่งหากพบปัญหาหรืออุปสรรคก็ควรคิดว่าเป็นสิ่งท้าทายที่เราควรแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ และถือว่าการที่สามารถแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคนี้ได้ เป็นประสบการณ์อันมีค่า และจะมีประโยชน์ต่อตนเองในอนาคต
4. การประเมินผลการทำงาน เป็นการตรวจสอบ ทดสอบหรือทดลองใช้ตั้งแต่การวางแผนการทำงานว่ารอบคอบ รัดกุม ครอบคลุม และสามารถปฏิบัติตามได้หรือไม่ รวมถึงการประเมินผลการทำงานว่าเกิดอุปสรรคหรือปัญหาใดหรือไม่และจะแก้ไขอย่างไร ตลอดจนประเมินผลงานที่ทำสำเร็จแล้วว่ามีคุณภาพตามเป้าหมายที่ได้วางไว้หรือไม่ ใช้เวลา ค่าใช้จ่าย และแรงงานเหมาะสมหรือไม่อย่างไรเพื่อจะนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงแก้ไขแผนงาน การทำงาน และผลงานให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
อาชีพใดที่เหมาะสมกับนักเรียนมากที่สุด เพราะอะไร
ช่างซ่อมรถ เพราะจะได้ซ่อมรถให้คนอื่นขับขี่ได้
การวิเคราะห์งาน
ลูกค้านำรถมาซ่อม
การวางแผนในการทำงาน
หาอุปกรณ์ซ่อมรถของลูกค้า
การลงมือทำงาน
การลงมือซ่อมรถลูกค้าให้เสร็จ
การประเมินผลการทำงาน
ดูให้แน่ใจว่ามีอะไรติดขัดหรือไม่ แล้วนำสู่ลูกค้า
ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา
ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา จะช่วยให้เกิดความคิดในการหาทางออกได้ เมื่อพบปัญหาในเวลาหรือสถานการณ์การทำงานจริง โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. สังเกตุนักเรียนควรฝึกตนเองให้เป็นช่างสังเกต สามารถศึกษาหรือรับรู้ข้อมูลมองเห็นและเข้าใจปัญหาสำคัญที่เกิดขั้นได้
2. วิเคราะห์ เมื่อทราบและเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ควรวิเคราะห์ว่าปัญหาที่มีมากน้อยเพียงใด ลำดับความสำคัญของปัญหา และวิเคราะห์สาเหตุของแต่ละปัญหาเพื่อสร้างทางเลือกให้กับทางออกของปัญหาได้อย่างเหมาะสม
3. สร้างทางเลือกเมื่อวิเคราะห์เรียงลำดับปัญหาได้แล้ว ว่าควรแก้ปัญหาใดก่อน ปัญหาใดทีหลัง และเมื่อวิเคราะห์ทีละปัญหา หาสาเหตุของแต่ละปัญหาได้แล้ว ควรสร้างทางเลือกในการแก้ไขปัญหาซึ่งอาจจะมีมากมาย โยการสร้างทางเลือกนั้น อาจจะมาจากการศึกษาค้นคว้า การทดลอง การตรวจสอบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการแก้ปัญหา
4. ประเมินทางเลือกทางเลือกต่างๆ ที่สร้างขึ้นมาจากการศึกษาค้นคว้าหรือการตรวจสอบต่างๆควรพิจารณาดูให้ละเอียดว่าทางเลือกใดที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาที่สุด และจะมีผลกระทบน้อยที่สุด สามารถรับมือกับปัญหาได้เร็วที่สุด และดีที่สุดกับทุกฝ่าย จึงประเมินทางเลือกนั้น โดยการวางแผนและบันทึกกระบวนการปฏิบัติงาน ในรูปแบบรายงานและนำทางเลือกนั้นมาตรวจสอบความถูกต้อง
การมีกระบวนการแก้ปัญหามีความสำคัญอย่างไร
มีไว้แก้ไขปัญหางาน เช่นรถเสียต้องทำอย่างไร
ที่มา หนังสือการงานอาชีพและเทคโนโลยี