การส่งคลื่นวิทยุระบบ เอ เอ็ม เป็นการส่งคลื่นแบบใด *

แตกต่างที่สำคัญ: Amplitude Modulation (AM) ส่งเสียงโดยการเปลี่ยนความแรงของสัญญาณ ปรับความถี่ (FM) ส่งเสียงโดยการเปลี่ยนความถี่ของสัญญาณ

ในศตวรรษที่สิบเก้าปลายมนุษย์ค้นพบว่าเสียงที่สามารถส่งผ่านคลื่นจึงเริ่มอายุของวิทยุ วิทยุกลายเป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุดของการส่งผ่านในช่วงสิบปีแรกของศตวรรษที่ยี่สิบ มีสองวิธีหลักที่แตกต่างกันของการส่งสัญญาณวิทยุ AM (Amplitude Modulation) และเอฟเอ็ม (การปรับความถี่) จะมี
 
AM จะใช้การปรับความกว้างในการส่งผ่านเสียง วิธีการนี​​้จะมีการเปลี่ยนแปลงความแรงของสัญญาณกว้างเพื่อส่ง AM รับแล้วตรวจพบรูปแบบกว้างในคลื่นวิทยุที่ความถี่เฉพาะและขยายการเปลี่ยนแปลงในสัญญาณแรงดันไฟฟ้าที่จะขับลำโพงหรือหูฟัง คนนั้นได้ยินข้อความที่ส่งจะเป็นต้นฉบับ แต่ถ้าสัญญาณไม่แข็งแรงพอเมื่อถึงรับหนึ่งได้ยินเสียงคงที่เพียง

AM เป็นเรื่องง่ายกว่าที่เอฟเอ็มซึ่งส่งสัญญาณที่แตกต่างกันโดยความถี่ของสัญญาณ ในเอฟเอ็มความถี่ของผู้ให้บริการสัญญาณการเพิ่มขึ้นและลดลงที่จะเป็นตัวแทนในการเปลี่ยนแปลงแรงดันไฟฟ้าของสัญญาณฐาน

 


 
AM มักจะออกอากาศในขาวดำซึ่งทำให้เพียงพอสำหรับการพูดวิทยุในขณะที่เอฟเอ็มสามารถส่งแบบสเตอริโอซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการฟังเพลง เอฟเอ็มมักจะมีคุณภาพดีขึ้นกว่าสัญญาณ AM แต่ลดช่วงห่างไกล AM มีช่วงที่สูงกว่าเอฟเอ็มซึ่งมักจะหยดออก 50KM จากสถานีวิทยุ ดังนั้นเอฟเอ็มมีการใช้เครื่องส่งสัญญาณที่จะครอบคลุมหลายพื้นที่เดียวกับเครื่องส่งสัญญาณ AM หนึ่ง อย่างไรก็ตามในขณะที่เดินทาง AM โดยคลื่นเสียงใกล้โลกในระหว่างวันและสูงขึ้นในท้องฟ้าในตอนเย็นก็มีช่วงที่มีขนาดเล็กมากในวันกว่าในเวลากลางคืน
 
นอกจากนี้ AM เทคโนโลยีเป็นมากราคาถูกกว่าเอฟเอ็ม; แต่เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ค่าใช้จ่ายได้ไปลงอย่างมาก สำหรับสิ่งอื่น AM สัญญาณแตกต่างจากเอฟเอ็ม, มักจะรบกวนด้วยอาคารสูงและสภาพอากาศซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในโลกปัจจุบัน

  คลื่นวิทยุ

ถ้าพิจารณาจากสเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะเห็นว่าคลื่นวิทยุมีความถี่อยู่ในช่วง 106 - 109 เฮิรตซ์ คลื่นช่วงนี้ใช้ในการส่งข่าวสารและสาระบันเทิงไปยังผู้รับ สำหรับคลื่นวิทยุความถี่ตั้งแต่ 530 - 1600 กิโลเฮิรตซ์ ที่สถานีวิทยุส่งออกอากาศใน ระบบเอเอ็ม เป็นการสื่อสารโดยการผสม (modulate) คลื่นเสียงเข้ากับคลื่นวิทยุ ซึ่งเรียกว่า คลื่นพาหะ และสัญญาณเสียงจะบังคับให้แอมพลิจูดของคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อคลื่นวิทยุที่ผสมสัญญาณเสียงกระจายออกจากสายอากาศไปยังเครื่องรับวิทยุ เครื่องรับวิทยุจะทำหน้าที่แยกสัญญาณเสียงซึ่งอยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้าออกจากสัญญาณคลื่นวิทยุ แล้วขยายให้มีแอมพลิจูดสูงขึ้น เพื่อส่งให้ลำโพงแปลงสัญญาณออกมาเป็นเสียงที่หูรับฟังได้


การส่งคลืนวิทยุระบบเอเอ็ม
ในการกระจายเสียงคลื่นวิทยุระบบเอเอ็มออกอากาศนั้น นอกจากจะใช้คลื่นที่มีความถี่ขนาด 530 - 1600 กิโลเฮิรตซ์ แล้ว ยังมีคลื่นที่มีช่วงความถี่ต่ำกว่านี้ซึ่งเรียกว่า คลื่นยาว และคลื่นที่มีความถี่สูงกว่านี้ซึ่งเรียกว่า คลื่นสั้น ด้วยในการส่งระบบเอเอ็มซึ่งเป็นการผสมคลื่นโดยให้แอมพลิจูดของคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่นเสียง ขณะคลื่นเคลื่อนที่ไปในบรรยากาศ ปรากฏการณ์ฟ้าแลบหรือฟ้าผ่า สามารถทำให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ซึ่งคลื่นใหม่ที่เกิดขึ้นนี้สามารถรวมกับคลื่นวิทยุที่ส่งมาแบบเอเอ็ม ทำให้เกิดการรบกวน การส่งคลื่นวิทยุอีกระบบหนึ่งเรียกว่า ระบบเอฟเอ็ม เป็นการผสมสัญญาณเสียงเข้ากับคลื่นพาหะ โดยให้ความถี่ของคลื่นพาหะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณเสียง

การส่งคลื่นวิทยุเอฟเอม
การส่งคลื่นในระบบเอฟเอ็มถูกกำหนดให้อยู่ในช่วงความถี่จาก 88-108 เมกะเฮิรตซ์ หรือความยาวคลื่นตั้งแต่ 2.8-3.4 เมตร ระบบการส่งคลื่นแบบเอเอ็มและเอฟเอ็มต่างกันที่วิธีการผสมคลื่น ดังนั้นเครื่องรับวิทยุระบบเอเอ็มกับเอฟเอ็มจึงไม่สามารถรับคลื่นวิทยุของอีกระบบหนึ่งได้
คลื่นวิทยุมีสมบัติที่น่าสนใจอีกประการหนึ่ง คือ คลื่นวิทยุบางช่วงสามารถสะท้อนได้ที่บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ เพราะบรรยากาศในชั้นนี้ประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อคลื่นวิทยุเคลื่อนที่มากระทบจะสะท้อนกลับสู่ผิวโลกอีกสมบัติข้อนี้ทำให้สามารถใช้คลื่นวิทยุในการสื่อสารเป็นระยะทางไกลๆได้ แต่ถ้าเป็นคลื่นวิทยุที่มีความถี่สูงสมบัติการสะท้อนดังกล่าวจะเกิดได้น้อยลง
ในการส่งกระจายเสียงด้วยคลื่นวิทยุระบบเอเอ็ม คลื่นสามารถเดินทางถึงเครื่องรับวิทยุได้สองทาง คือ เคลื่อนที่ไปตรงๆในระดับสายตา ซึ่งเรียกว่าคลื่นดิน ส่วนคลื่นที่สะท้อนกลับลงมาชั้นไอโอโนสเฟียร์ ซึ่งเรียกว่า คลื่นฟ้า ส่วนคลื่นวิทยุระบบเอฟเอ็มซึ่งมีความถี่สูงจะมีการสะท้อนที่ชั้นไอโอโนสเฟียร์น้อย ดังนั้นถ้าต้องการส่งกระจายเสียงด้วยระบบเอฟเอ็มให้ครอบคลุมพื้นที่ไกลๆ จึงต้องมีสถานีถ่ายทอดเป็นระยะๆและผู้รับต้องตั้งสายอากาศให้สูง

การเคลื่อนที่ของคลื่นวิทยุที่ไปเครื่องรับ
ในขณะที่คลื่นวิทยุเคลื่อนที่ผ่านสิ่งกีดขวางที่มีขนาดใกล้เคียงความยาวคลื่นจะมีการเลี้ยวเบนเกิดขึ้น ทำให้คลื่นวิทยุอ้อมผ่านไปได้ แต่ถ้าสิ่งกีดขวางมีขนาดใหญ่มาก เช่น ภูเขาคลื่นวิทยุที่มีความยาวคลื่นสั้นจะไม่สามารถอ้อมผ่านภูเขาไปได้ ทำให้ด้านตรงข้ามของภูเขาเป็นจุดปลอดคลื่น
โลหะมีสมบัติสามารถสะท้อนและดูดกลืนแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดี ดังนั้นคลื่นวิทยุจะทะลุผ่านเข้าไปถึงภายในโลหะได้ยาก อาจจะสังเกตได้ง่ายเมื่อฟังวิทยุในรถยนต์ เมื่อรถยนต์ผ่านใต้สะพานที่มีโครงสร้างเป็นเหล็ก เสียงวิทยุจะเบาลง หรือเงียบหายไป
ในการส่งกระจายเสียง สถานีส่งคลื่นวิทยุหนึ่งๆจะใช้คลื่นวิทยุที่มีความถี่คลื่นโดยเฉพาะ เพราะถ้าใช้คลื่นที่มีความถี่เดียวกัน จะเข้าไปในเครื่องรับพร้อมกัน เสียงจะรบกวนกัน แต่ถ้าสถานีส่งวิทยุอยู่ห่างกันมากๆ จนคลื่นวิทยุของสถานีทั้งสองไม่สามารถรบกวนกันได้ สถานีทั้งสองอาจใช้ความถี่เดียวกันได้
คลื่นวิทยุที่มีความถี่นอกเหนือจากช่วงส่งออกอากาศตามปกติ อาจนำไปใช้ในการสื่อสารเฉพาะกรณี เช่น ใช้สื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างหน่วยงานของราชการและในระบบวิทยุสมัครเล่น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันราชการไม่อนุญาตให้เอกชนมีเครื่องส่งวิทยุในครอบครอง ยกเว้นเพื่อกิจการวิทยุสมัครเล่นหรือเพื่อกิจกรรมสาธารณประโยชน์เท่านั้น

//sites.google.com/site/fisiksthudey/-khlun

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก