เมื่อก่อนตลาดแบบ Niche Market ถือเป็นตลาดที่ไม่น่าสนใจมากนัก เนื่องจากผู้ประกอบการหรือนักการตลาดส่วนใหญ่มองว่าสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ยาก รวมถึงผลตอบแทนที่จะได้รับอาจจะไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนเนื่องจากเป็นตลาดขนาดเล็ก แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยี การสื่อสาร หรือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นสะดวกขึ้นมาก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน แล้ว Niche Market คืออะไร ในบทความนี้จะบอกถึงลักษะณะของตลาดแบบ Niche Market ความแตกต่างระหว่าง Niche Market กับ Mass Market รวมไปถึงข้อดีและข้อเสียของตลาดให้ทราบกัน
Niche Market คืออะไร
Niche Market คือ ตลาดส่วนหนึ่งของตลาดใหญ่ (Mass Market) ที่ตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีรสนิยมหรือความชอบที่เฉพาะเจาะจงและแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ทั่วไป โดยกลุ่มคนดังกล่าวนี้อาจมีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีธุรกิจที่มีสินค้าหรือบริการใดสามารถตอบโจทย์ได้ หรืออาจเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในตลาดที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นตลาดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสังคม สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงเทคโนโลยี ซึ่ง Niche Market จะมีลักษณะเป็นตลาดขนาดเล็ก แต่ยังสามารถสร้างกำไรให้กับธุรกิจได้ ยกตัวอย่างเช่น ตลาดทั่วไป คือ รองเท้าแฟชันสำหรับผู้หญิง หากเป็น Niche Market จะเป็น ตลาดรองเท้าแฟชันสำหรับผู้หญิงที่มีขนาดเท้าใหญ่พิเศษกว่ามาตรฐาน เป็นต้น
Niche Market และ Mass Market ต่างกันอย่างไร
ข้อดีและข้อเสียของตลาดแบบ Niche Market
การเลือกเจาะตลาดแบบ Niche Market ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นเดียวกัน ลองมาดูกันว่าข้อดีและข้อเสียของตลาดแบบ Niche Market คืออะไร เพื่อที่จะได้นำไปวิเคราะห์และประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้อย่างเหมาะสม
- คู่แข่งน้อยราย - เนื่องจากตลาดแบบ Niche Market ค่อนข้างเจาะจงสำหรับกลุ่มคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น จึงจะทำให้ให้มีคู่แข่งน้อยราย และไม่มีคู่แข่งโดยตรง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กลยุทธ์การลดราคาเพื่อการแข่งขัน ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีกำไรสูงได้เช่นกัน
- มุ่งเน้นตรงจุด - Niche Market จะทำให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นเรื่องการสร้างสินค้าหรือบริการ และการสื่อสารทางการตลาดที่สามารถเข้าถึง และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
- สร้างสัมพันธ์ที่ดี - Niche Market สามารถสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างใกล้ชิด เมื่อสร้างสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มเป้าหมายแล้วจะทำให้เกิดการแนะนำหรือการบอกต่อไปยังบุคคลใกล้ชิดของกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักมากขึ้น และได้กลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจเดียวกันมากขึ้น
- เติบโตอย่างจำกัด - หากต้องการให้ธุรกิจมีการเติบโตเร็ว การเจาะกลุ่มตลาดแบบ Niche Market คงไม่เหมาะนัก เพราะการเติบโตและขยายตัวของธุรกิจที่เจาะตลาดแบบ Niche Market นั้นสามารถขยายธุรกิจได้อย่างจำกัดและเติบโตได้ เนื่องจากสินค้าหรือบริการนั้นมีลักษณะเฉพาะเจาะจงมาก
- เสียโอกาสในการพัฒนา - การที่มีคู่แข่งน้อยรายจะทำให้ไม่รู้ว่าต้องปรับปรุงธุรกิจในส่วนใดบ้าง ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเสียโอกาสในการพัฒนาตนเองด้วยเช่นกัน
- ขนาดของตลาดและการสร้างกำไร - แม้ Niche Market จะเป็นตลาดที่มีขนาดเล็ก แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเล็กจนไม่สามารถสร้างกำไรได้ ดังนั้นต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าหากเลือกตลาดนี้แล้วสามารอยู่รอด เติบโต หรือสร้างกำไรได้มากน้อยเพียงใด
การทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้า หรือบริการการเลือกกลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก ปัจจุบันตลาดแบบ Niche Market ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ และเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบในการดำเนินธุรกิจที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีคู่แข่งน้อยราย และสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างใกล้ชิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตลาดแบบ Niche Market ก็อาจจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างจำกัด รวมไปถึงเสียโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้ขยายเป็นวงกว้างด้วยเช่นกัน
หลายๆธุรกิจที่ไม่กำหนด กลุ่มเป้าหมาย (Tarket Market) หรือกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่กว้างเกินไป มักจะเสียโอกาสและใช้เงินลงทุนโดยไม่จำเป็น เพราะเมื่อพิจารณาถึงสถานีของเศรษฐกิจในปัจจุบัน การมีกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่กำหนดไว้มีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา ไม่มีใครสามารถกำหนดเป้าหมายเป็นทุกๆคนในตลาดได้
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ก็ต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในตลาดเท่านั้น เพราะการกำหนดกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดนอกจากจะยกเว้นผู้ที่ไม่เหมาะสมกับเกณฑ์ที่ธุรกิจกำหนดไว้แล้ว ยังเป็นการกำหนดเพื่อมุ่งเน้นมูลค่าของตลาด สินค้าและบริการในตลาด การสื่อสาร และกลยทธ์ทางการตลาด ที่จะสร้างโอกาสในการเข้าถึงผู้ที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าในอนาคต
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- กลุ่มเป้าหมายทางการตลาด คืออะไร?
- วิธีการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
- เงื่อนไขที่ต้องใช้ในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย
- 1. ฐานลูกค้าปัจจุบัน
- 2. การแบ่งส่วนตลาด
- 3. ขนาดกลุ่มเป้าหมาย
- 4. จุดแข็งของสินค้าหรือบริการ
- 5. การประเมินการตัดสินใจ
กลุ่มเป้าหมายทางการตลาด คืออะไร?
กลุ่มเป้าหมายทางการตลาด (Target Market) คือ กลุ่มผู้มีโอกาสจะเป็นลูกค้า ซึ่งเราต้องการขายสินค้าหรือบริการไปยังคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ การระบุว่าใครคือลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ โดยปกติแล้วจะกำหนดได้ด้วยข้อมูลประชากร เช่น อายุ, เพศ, ที่อยู่, ระดับรายได้, และไลฟ์สไตล์
วิธีการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่ง คือ การใช้กลยุทธ์ STP – Segment, Target, Position
เริ่มต้นจากการแบ่ง Segment การแบ่งตลาดออกเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีลักษณะเฉพาะ วิธีที่พบบ่อยที่สุด คือ การแบ่งข้อมูลตามประชากรศาสตร์, จิตวิทยา, ภูมิศาสตร์, และพฤติกรรม จากนั้นนำไปวิเคราะห์ Target นำข้อมูลจาก Segment มาวิเคราะห์ว่ากลุ่มเป้าหมายไหนคือกลุ่มที่ดี่สุดในปัจจุบัน และสามารถสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและบริการของเราได้ สุดท้ายPositioning คือ วิธีการที่เราเลือกวางตำแหน่งสินค้าและบริการของเรา โดยจำกัดขอบเขตให้แคบลง ระบุด้วยข้อดีข้อเสียของแต่ละกลุ่ม และนำมาวางแผนการตลาด และออกแบบวิธีที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทำได้อย่างไร และที่ไหน
เงื่อนไขที่ต้องใช้ในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย
1. ฐานลูกค้าปัจจุบัน
การเริ่มต้นขายสินค้า มักจะมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว จึงควรที่จะศึกษาหาข้อมูลโดยเริ่มจาก ฐานลูกค้าปัจจุบัน ว่าเพราะอไรลูกค้ากลุ่มนี้ถึงสนใจ และสาเหตุที่ผลิตภัณฑ์ของคุณสามารถเข้าถึงกลุ่มนี้ได้ และกลุ่มเป้าหมายในลักษณะใดที่สามารสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ได้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจวิธีการตอบสนองลูกค้าปัจจุบัน และนำไปขยายฐานลูกค้าได้ในอนาคต
2. การแบ่งส่วนตลาด
การดูเปอร์เซ็นต์ยอดขายทั้งหมดในอุตสาหกรรม ซึ่งคำนวนจากยอดขายของธุรกิจในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งสามารถดูการแข่งขันในตลาดได้ เพราะมีข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงอย่างประเทศ, คู่แข่งขัน, รายได้ ทำให้สามารถนำข้อมูลไปใช้คาดการณ์ความรุนแรงในการแข่งขัน อำนาจในการซื้อของผู้บริโภค และอำนาจในการขายของผู้ประกอบการ ซึ่งจะสามารถคาดการณ์ได้ว่ากลุ่มเป้าหมายในตลาดนี้เหมาะสมกับสินค้าของเราหรือไม่ และเราสามารถทำธุรกิจในอุตสากรรมนี้โดยใช้กลุ่มเป้าหมายเดียวกันได้หรือไม่
3. ขนาดกลุ่มเป้าหมาย
จำนวนผู้ทีมีแนวโน้มซื้อสินค้าและบริการที่มีศักยภาพในตลาด โดยการคำนวนต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ประเมินความสนใจโดยดูจากยอดขายและการแบ่งส่วนตลาดมาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล จะทำให้ประมาณขนาดของกลุ่มเป้าหมายได้ อาจจะใช้การวิจัยทางการตลาดเข้ามาช่วยในการประเมิน ก็จะทำให้คาดการณ์แนวโน้มของปริมาณผู้ที่จะซื้อสินค้าและบริการที่คล้ายคลึงกันภายใน 1-2 ปีนั้นอย่างไรบ้าง ทำให้สามารถประเมินยอดขายและผลกำไรของสินค้าและบริการได้ ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจลงทุน และการวางแผนทางการตลาดได้
4. จุดแข็งของสินค้าหรือบริการ
การมองหากลุ่มเป้าหมาย ต้องทบทวนสินค้าหรือบริการของธุรกิจ เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการดึงดูดลูกค้าใหม่ หรือดูว่าสินค้าหรือบริการที่มีตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้หรือไม่ ซึ่งจะทำให้รับรู้ได้ว่าสินค้าหรือบริการของเราคืออะไร กลุ่มเป้าหมายคาดหวังจะได้รับอะไร รวมไปถึงความพึงพอใจต่อสินค้าหรือบริการ และทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำการตลาดกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าได้อย่างไร
5. การประเมินการตัดสินใจ
เมื่อได้กำหนดหรือตัดสินใจเลือกกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใดกลุ่มหนุ่งไปแล้ว ควรพิจาณาถึงผลที่จะตามมาด้วยทุกครั้ง ด้วยการพิจารณาจากคำถามเหล่านี้
- คนที่เหมาะสมกับสินค้าและบริการของเรามีเพียงพอหรือไม่?
- กลุ่มเป้าหมายจะได้รับประโยชน์จากสินค้าและบริการของเราจริงหรือไม่? หรือมีความจำเป็นมากเพียงพอหรือไม่?
- แรงจูงใจ หรือแรงผลักดันจากกลยุทธ์ทางการตลาด หรือสินค้าและบริการมีเพียงพอให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อหรือไม่?
- กลุ่มเป้าหมายมีศักยภาพเพียงพอที่จะซื้อสินค้าและบริการได้จริงหรือไม่?
- วิธีการที่จะเข้าถึง และสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายเป็นไปได้หรือไม่?
เมื่อรู้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายทางการตลาดของเราเป็นใคร จะทำให้เราเข้าใจได้ง่ายมากว่า ทิศทางของธุรกิจจะเป็นไปในทางใด จะสามารถสื่อสารเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร ทำให้สามารถกำหนดได้เฉพาะเจาะจง ช่วยประหยัดต้นทุน เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย