โครงงานเป็นการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คำตอบให้ลึกซึ้งหรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการศึกษาอย่างมีระบบขั้นตอนมีการวางแผนศึกษาอย่างละเอียดปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุป ที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้นๆโครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์เป็นการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คำตอบ ให้ลึกซึ้งหรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากยิ่งขึ้นโดยใช้วิธีการศึกษาอย่างมีระบบขั้นตอนมีการวางแผนศึกษาอย่างละเอียดปฏิบัติ งานตามแผนที่วางไว้จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุปที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้นๆ
โครงงานคืออะไร
โครงงานเป็นการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายๆสิ่งที่อยากรู้คำตอบให้ลึกซึ้งหรือเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆให้มากยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการศึกษาอย่างมีระบบขั้นตอนมีการวางแผนศึกษาอย่างละเอียดปฏิบัติงานตามแผนที่วางไว้จนได้ข้อสรุปหรือผลสรุป ที่เป็นคำตอบในเรื่องนั้นๆ
โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์
เป็นโครงงานประเภทพัฒนาหรือประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวอาจเป็นสิ่งที่คิดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด หรือเป็นการดัดแปลงมาจากของที่มีอยู่แล้วก็ได้เพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมหรือสร้างแบบจำลองเพื่ออธิบายแนวคิดบางอย่างเช่นโครงงานการสร้างแบบจำลองบ้านประหยัดไฟแบบจำลองพัดลมไอน้ำเป็นต้น
ขั้นตอนการทำโครงงาน
การทำโครงงานเป็นกิจกรรมที่มีความต่อเนื่องและมีการดำเนินการหลายขั้นตอนแต่จะแบ่งขั้นตอนเป็นข้อหลักได้ดังนี้
1. การคิดเลือกหัวเรื่องที่จะศึกษา
2. การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
3. การเขียนเค้าโครงงาน
4. การลงมือทำโครงงาน
5. การเขียนรายงาน
6. การแสดงผลงานและนำเสนอผลงาน
1..การคิดเลือกหัวข้อโครงงาน
การคิดเลือกหัวข้อเป็นขั้นตอนแรกของการทำโครงงานหัวเรื่องทีศึกษาควรเป็นเรื่องที่เกิดจากจากความสนใจความสงสัยของนักเรียนในเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ครูสอนในห้องเรียนที่อยากค้นหาคำตอบ ควรเป็นเรื่องที่แปลกใหม่แสดงความคิดสร้างสรรค์
ข้อควรคำนึงเกี่ยวกับการคิดเลือกหัวข้อที่จะทำโครงงาน
1. เหมาะสมกับระดับความรู้ของนักเรียน
2.เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน
3.วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
4.งบประมาณเพียงพอ
5. ระยะเวลาที่ใช้ทำโครงงาน
6.มีคุณครูที่ปรึกษา
7.ความปลอดภัย
8.มีแหล่งความรู้หรือเอกสารเพียงพอที่จะค้นคว้า
9. ความตั้งใจที่จะทำโครงงานให้ประสบผลสำเร็จ
2. การศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องนักเรียนควรมีสมุดจดบันทึกหรือถ่ายเอกสารไว้เป็นหลักฐานควรนำมาแสดงในวันทำโครงงานด้วยการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้นักเรียนเกิดแนวคิด สามารถวางแผนการดำเนินงานได้อย่างเหมาะสมข้อความที่นักเรียนควรนำมาใช้ประกอบการทำโครงงานเช่น
- ใครเป็นผู้เขียนผู้แต่ง
-ชื่อหนังสือชื่อเรื่อง
-โรงพิมพ์สถานที่ปีที่พิมพ์
- หน้าที่คัดลอกมา
ข้อมูลทั้งหมดนี้นักเรียนสามารถนำไปเขียนเป็นเอกสารอ้างอิง
เช่นพรจันทร์จันทวิมล.การพับกระดาษแสงศิลป์การพิมพ์ .กรุงเทพฯ : 2538 ( 23 – 37 )
3. การวางแผนในการทำโครงงาน( การจัดทำเค้าโครงงาน )
เป็นขั้นตอนในการเขียนแผนงานซึ่งต้องคิดล่วงหน้าว่าจะทำอะไรอย่างไรโดยการเขียนเป็นโครงร่างหรือเค้าโครงนำเสนอ คุณครูที่ปรึกษา เป็นการกำหนดแผนการปฏิบัติงานอย่างคร่าวๆเพื่อให้มีความเข้าใจในการทำงานอย่างเป็นระบบขั้นตอนไม่สับสนโดยทั่วไปการวางแผนการทำโครงงานก็คือการจัดทำเค้าโครงงานนั่นเองการจัดทำเค้าโครงงานประกอบด้วย
1. ชื่อโครงงานควรเขียนเป็นข้อความที่กระชับชัดเจนสื่อความหมายได้ตรงกับงานที่นักเรียนกำลังศึกษา
2.ชื่อผู้ทำโครงงาน
3.ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
4. ที่มาและความสำคัญของโครงงานอธิบายถึงความเป็นมาเกี่ยวกับปัญหาที่สนใจจะศึกษานี้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร เหตุใดจึงได้เลือกทำโครงงานนี้มีเหตุจูงใจอะไรที่ทำให้สนใจเป็นกรณีพิเศษโครงงานนี้มีความสำคัญอย่างไรเป็นเรื่องที่คิดขึ้นมาใหม่หรือเป็นการศึกษาต่อจากโครงงานเดิมที่มีคนทำไว้แล้ว เพื่อขยายปรับปรุงหรือทำซ้ำเพื่อตรวจสอบผล
5. จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้าเป็นการระบุความต้องการในการศึกษาซึ่งอาจเขียนเป็นข้อๆ โดยต้องเขียนให้ผู้อื่นทราบว่าเราจะทำการศึกษาอะไรอย่างไรแต่ไม่ใช่นำเอาประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการทำโครงงานมาเขียนเป็นจุดมุ่งหมาย
6.สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า(ถ้ามี ) สมมติฐานเป็นคำตอบหรือคำอธิบายที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าซึ่งอาจจะถูกหรือไม่ก็ได้แต่ต้องคำนึงไว้ด้วยว่าการเขียนสมมติฐานนั้นควรมีเหตุผลคือมีทฤษฎีหรือหลักทางวิทยาศาสตร์มารองรับซึ่งมักเขียนเป็นข้อความที่สามารถมองเห็นแนวทางในการดำเนินงานหรือตรวจสอบได้
7.วิธีดำเนินงานประกอบด้วยวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ระบุว่าอุปกรณ์ที่ใช้มีอะไรบ้างมีขนาดเท่าใด อะไรบ้างที่ต้องจัดซื้อสิ่งใดที่ต้องจัดซื้อและสิ่งใดที่ต้องขอยืม
แนวการศึกษาค้นคว้าให้อธิบายว่าจะออกแบบทดลองอะไรทำอย่างไรจะดำเนินการสร้างหรือประดิษฐ์อะไรอย่างไรจะเก็บข้อมูลอะไรบ้างเก็บข้อมูลอย่างไรที่ไหนเมื่อใด
8. แผนปฏิบัติงานอธิบายเกี่ยวกับกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาเสร็จสิ้นการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอน
9.ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการทำโครงงานครั้งนี้ทั้งที่จะได้กับตนเองเพื่อนๆและผู้อื่น
10.เอกสารอ้างอิงเป็นการบอกให้ผู้อื่นทราบว่า
นักเรียนได้ทำการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่ง
ใดบ้าง
4. การลงมือทำโครงงาน
เมื่อโครงงานผ่านความเห็นชอบจากที่ปรึกษาโครงงานแล้วนักเรียนเริ่มลงมือทำโครงงานสิ่งที่นักเรียนควรคำนึงถึงคือ
4.1 เตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อม
4.2มีการบันทึกการทำกิจกรรม
4.3ปฏิบัติการทดลองด้วยความละเอียด รอบคอบ
4.4คำนึงถึงความประหยัดและปลอดภัย
4.5 ทำตามแผนที่วางไว้
4.6ควรปฏิบัติซ้ำๆเพื่อปรับปรุงผลงาน
4.7ควรแบ่งงานให้ชัดเจน
4.8สิ่งประดิษฐ์ต้องคำนึงถึงความคงทนแข็งแรง
5. การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเกี่ยวกับโครงงาน เป็นวิธีบอก
ความหมายที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง
เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจแนวคิดวิธีดำเนินงานการศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่างๆที่รวบรวมได้ผลของการศึกษาตลอดจนประโยชน์และข้อเสนอแนะต่างๆที่ได้จากโครงงาน
การเขียนรายงานควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายชัดเจนและครอบคลุมหัวข้อดังนี้
1.ชื่อโครงงาน
2.ชื่อผู้ทำโครงงาน
3.ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน
4. บทคัดย่ออธิบายถึงที่มาและความสำคัญของโครงงานวัตถุประสงค์วิธีดำเนินการและผลที่ได้ตลอดจนข้อสรุปอย่างย่อ
5.กิตติกรรมประกาศคือการเขียนกล่าวขอบคุณผู้ที่ให้ความสนับสนุนในด้านต่างๆจนโครงงานประสบผลสำเร็จได้แก่ที่ปรึกษา ให้คำปรึกษาต่างๆผู้ปรกครอง อาจให้คำปรึกษา หรือสนับสนุนค่าใช้จ่ายงบประมาณต่างๆเป็นการให้เกียรติคนที่ช่วยเหลือเขียนชื่อสกุลจริงได้
6.ที่มาและความสำคัญ(เหมือนที่เขียนไว้ในเค้าโครงหรืออาจเพิ่มเติม)
7.จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า(เหมือนกับที่เขียนไว้ในเค้าโครง)
8. สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า (ถ้ามีเหมือนกับที่เขียนไว้ในเค้าโครงวิธีดำเนินงาน(เขียนบอกตั้งแต่ใช้อุปกรณ์ใดบ้างลำดับ ขั้นตอนในการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบทุกขั้นตอน)
9.ผลการศึกษาค้นคว้า เป็นการระบุผลที่ได้จากการสร้างสิ่งประดิษฐ์
10.สรุปผลของการศึกษาค้นคว้า เขียนอธิบายผลสรุปของการศึกษาค้นคว้าว่าได้ผลเป็นอย่างไรมีข้อบกพร่องหรือข้อจำกัดใดบ้าง
11.ข้อเสนอแนะให้ข้อเสนอแนะต่างๆที่คิดว่าควรปรับปรุงแก้ไขและได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการทำโครงงานครั้งนี้
12.เอกสารอ้างอิงบอกชื่อหนังสือที่ใช้ศึกษาในงานครั้งนี้
6.การนำเสนอผลงาน
จัดเตรียมผลงานที่จะนำเสนอโดยมีการประชุมตกลงวางแผนการนำเสนองานตามหัวข้อสำคัญโดยทั่วไป แล้วจะประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้
- ชื่อเรื่อง
- ชื่อผู้จัดทำ
-ชื่อที่ปรึกษา
- ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
- สมมติฐาน (ถ้ามี )
- วิธีดำเนินการ (ถ้ามีรูปประกอบด้วยจะดีมาก )
-ผลการทดลอง
- สรุปผล
- ข้อเสนอแนะ