17พ.ย.2564- นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ตนได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 ตามที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้เสนอมา โดยประกาศฉบับใหม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู พ.ศ.2563 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ แก้ไขให้นิยามคำว่า ปริญญาทางการศึกษาหรือเทียบเท่า หมายความว่า คุณวุฒิปริญญาตรี ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ปริญญาโท และปริญญาเอกทางการศึกษา หรือเทียบเท่า ที่คุรุสภารับรอง และปริญญาทางการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศที่ผ่านการเทียบคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐ
นางสาวตรีนุช กล่าวต่อว่า พร้อมทั้งได้แก้ไขให้มีคณะอนุกรรมการ ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุรุสภา จำนวนไม่เกิน 15 คน ทำหน้าที่กำหนดแนวทาง และรายละเอียดของหลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู , กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูเพื่อการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู และรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการ เป็นต้น ซึ่งคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย ประธานอนุกรรมการ ที่แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา , อนุกรรมการ โดยตำแหน่ง 3 คน ประกอบด้วย ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม , อนุกรรมการ จากผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา ซึ่งมีคุณวุฒิ และมีตำแหน่งทางวิชาการ ผลงานทางวิชาการ และ/หรือ ประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านรวมกัน ได้แก่ การจัดการศึกษาในระดับปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่าการวัดและประเมินผล การบริหารจัดการทดสอบและการประเมิน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย อย่างน้อย 1 คน , มีเลขาธิการคุรุสภา หรือรองเลขาธิการคุรุสภาที่ได้รับมอบหมายเป็นอนุกรรมการ และมีเลขานุการพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาที่เลขาธิการคุรุสภามอบหมาย 1 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ โดยคณะอนุกรรมการมีวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปี
รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า ในประกาศฉบับใหม่ ในข้อ 7 สมรรถนะทางวิชาชีพครู ประกอบด้วย (ก) ความรู้ และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ได้แก่ 1.วิชาชีพครู 2.วิชาการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร 3.วิชาการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 4. วิชาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา 5.วิชาเอก ตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด (ข) การปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ได้แก่ 1.การจัดการเรียนรู้ 2.ความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน 3.การปฏิบัติหน้าที่ครู และจรรยาบรรณของวิชาชีพ โดยรายละเอียดของสมรรถนะทางวิชาชีพครู ให้เป็นไปตามข้อบังคับคุรุสภา ซึ่งหลักเกณฑ์และวิธีการเกณฑ์การตัดสินการทดสอบและประเมินตามข้อ 7 แต่ละวิชาต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 โดยให้คำนึงถึงค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐานของการวัดประกอบการพิจารณาด้วย หรือตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าคุรุสภายังคงให้ความสำคัญกับวิชาเอก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมรรถนะทางวิชาชีพครู
นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า ในข้อ 12 ของประกาศฉบับนี้ให้มีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพครู ตามข้อ 7 (ก) เมื่อคุรุสภาปรับปรุงระบบการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูและการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาให้เชื่อมโยงกับวิชาเอกที่จะดำเนินการทดสอบ และประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ภายใน 2 ปี และในข้อ 13 ยังระบุให้ผู้เข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 1/2564 ตามประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู พ.ศ. 2563 ได้รับการยกเว้นการใช้ผลการทดสอบและประเมินสมรรถะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ในวิชาเอก เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูด้วย ซึ่งประกาศฉบับนี้จะใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
วันนี้ ( 31 มี.ค.2565) รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) รักษาการเลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้มอบหมายให้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ. จัดทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2565 ไปเมื่อวันที่ 18- 19 ก.พ. 2565
ขณะนี้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) และ ประธานกรรมการคุรุสภา ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง รายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 1/2565 แล้ว
โดยมี ผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบฯ ในแต่ละวิชา ซึ่งมีจำนวน 4 วิชา ดังนี้
- วิชาการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร จำนวน 28,551 คน
- วิชาการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร จำนวน 9,910 คน
- วิชาการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา จำนวน 23,136 คน
- วิชาชีพครู จำนวน 15,232 คน
ในจำนวนนี้มีผู้ที่สอบผ่านมากกว่า 1 วิชา ซึ่งผู้เข้ารับการทดสอบฯ สามารถตรวจผลการทดสอบฯ ว่า “ผ่าน” หรือ “ไม่ผ่าน” ได้ทางเว็บไซต์ สทศ. //www.niets.or.th/th/catalog/view/3985
รักษาการเลขาธิการคุรุสภา กล่าวต่อไปว่า รมว.ศธ.ยังลงนามในประกาศฯ เรื่อง รายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์การเทียบเคียงผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครั้งที่ 1/2565 วิชาการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร มีผู้ผ่านเกณฑ์การเทียบเคียงฯ จำนวน 3 คน
ครั้งที่ 2/2565 วิชาการใช้ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร จำนวน 5 คน และวิชาการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร จำนวน 2 คน
ทั้งนี้ หากข้อเท็จจริงปรากฏภายหลังว่า ผู้ผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมินฯผู้ใดเป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564
คณะอนุกรรมการอำนวยการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการคุรุสภา สามารถยกเลิกผลการทดสอบและประเมินฯ หรือการรับรองการเทียบเคียงผลการทดสอบฯของผู้นั้นได้ และการพิจารณาตัดสินของคณะกรรมการคุรุสภาถือเป็นที่สิ้นสุด
- ขั้นตอนการดูผลคะแนนการสอบครู
รศ.ดร.ประวิต กล่าวด้วยว่า สำหรับการดูผลคะแนนการทดสอบฯ นั้น ทั้งผู้ที่เข้ารับการทดสอบฯ ครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2564 และ ปี พ.ศ.2565 สามารถดูคะแนนสอบของตนเองผ่านระบบ Self-Service ของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้
โดยปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนแรก สมัครเป็นสมาชิกเข้าใช้งานระบบ Self-Service ที่เว็บไซต์ //selfservice.ksp.or.th/ksp-esv/index.jbx โดยกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและกดปุ่มบันทึก
ขั้นตอนที่สอง การตรวจสอบผลคะแนนการทดสอบ โดยกรอกเลขที่บัตรประชาชน รหัสผ่าน และกดปุ่มเข้าระบบ แล้วเลือกเมนูหลัก “มาตรฐานวิชาชีพ” และเลือกรายการ “ตรวจสอบผลการทดสอบและประเมินสมรรถนะฯ”
ในกรณีมีวิชาที่ผลคะแนนการทดสอบไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบฯ ให้ผู้เข้ารับการทดสอบฯสมัครสอบในรายวิชาที่มีผลคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ในการจัดการทดสอบครั้งต่อไป ซึ่งผลการทดสอบฯแต่ละรายวิชาสามารถใช้ได้ไม่เกิน 3 ปีนับจากวันที่ประกาศผล รายวิชาใดเกินระยะเวลาที่กำหนดต้องเข้ารับการทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูอีกครั้ง
- ยื่นคำขอขึ้นทะเบียนขอรับใบประกอบวิชาชีพครู
สำหรับ การยื่นคำขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู นั้น ผู้ที่สามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู จะต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติครบ 3 ข้อ ดังนี้
ผ่านเกณฑ์การทดสอบและประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครบจำนวน 4 วิชา ผ่านเกณฑ์การประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู ด้านการปฏิบัติงานและการปฏิบัติตน ตามมาตรฐานวิชาชีพครู และสำเร็จการศึกษาจากสถาบันที่คุรุสภาให้การรับรอง
ทั้งนี้ ผู้ที่มีคุณสมบัติครบแล้ว ให้เข้าใช้บริการในระบบออนไลน์ KSP Self – Service จากหน้าเว็บไซต์คุรุสภา www.ksp.or.th เพื่อยื่นคำขอขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู