Warehouse Management System (WMS) คือ ระบบโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการบริหารระบบคลังสินค้าทั่วไป ที่รับสินค้า เก็บสินค้า และกระจายสินค้า ระบบโปรแกรมประกอบด้วย ระบบงานหลัก 3 ระบบ คือ การรับสินค้า (Receiving) การจัดเก็บสินค้า (Storage) การส่งมอบสินค้า (Delivery)
ระบบงานหลัก
กระบวนการรับสินค้า (Receive)
คือการรับเข้าสินค้าหรือวัตถุดิบ เข้ามายังคลังสินค้า โดยจะทำการติดบาร์โค้ดลงบนสินค้าหรือวัตถุดิบ โดยเริ่มจาก
- การป้อนข้อมูลสินค้า หรือดึงข้อมูล จากระบบตามสินค้าที่ต้องการรับเข้าคลัง
- พิมพ์บาร์โค้ดสำหรับติดบนสินค้า ที่ต้องการรับเข้าคลัง
- ตรวจสอบจำนวนสินค้า และติดบาร์โค้ดลงบนสินค้า
- บันทึกข้อมูลสินค้า เข้าระบบจัดการคลังสินค้า เพื่อเตรียมจัดเก็บ
กระบวนการจัดเก็บสินค้า (Storage)
คือกระบวนการจัดเก็บสินค้าหรือวัตถุดิบ หลังจากผ่านกระบวนการรับเข้าสินค้า การตรวจสอบสินค้า การติดบาร์โค้ด เพื่อนำไปจัดเก็บตามตำแหน่งที่ได้ทำการจัดเตรียมไว้
- เตรียมพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้า และทำการติดบาร์โค้ดแทนตำแหน่งที่ต้องการจัดเก็บ
- เลือกตำแหน่งที่ต้องการจัดเก็บ และเลือกสินค้าที่ต้องการจัดเก็บ และทำการบันทึกข้อมูลในระบบจัดการคลังสินค้า ซึ่งส่วนมากจะใช้งานอุปกรณ์ Mobile Computer ในการทำงานโดยข้อมูลสินค้า และตำแหน่งในการจัดเก็บจะถูกบันทึกไว้ในระบบ เพื่อนำไปใช้สำหรับกระบวนจัดส่งต่อไป
กระบวนการจัดส่งสินค้า (Delivery) :
คือกระบวนการในการจัดเตรียมสินค้า เพื่อทำการส่งสินค้าโดยข้อมูลสินค้า และตำแหน่งสินค้าจะถูกแจ้งมาทางระบบ ผู้ทำการเตรียมสินค้าเพียงกระทำการหยิบสินค้าตามที่ระบบแนะนำ
- ระบบแจ้งเตือนผู้ใช้งาน เตรียมสินค้าตามรายการ
- ผู้ใช้งานหยิบสินค้าตามที่ระบบนำ โดยการยืนยันรหัสบาร์โค้ดของตำแหน่งจัดเก็บ และบาร์โค้ดของสินค้า
- ผู้ใช้งานยืนยันการหยิบสินค้าจากระบบ ระบบจะทำการตัดสต็อกสินค้าโดยอัตโนมัติ
กระบวนการรับสินค้า (Receiving) :
ระบบ WMS สามารถจองพื้นที่ให้ล่วงหน้าเพื่อช่วยในการวางแผนการใช้พื้นที่ในคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะคลังสินค้าบางที่ไม่มีระบบการจัดการที่ดี สุดท้ายไม่สามารถจำได้ว่านำไปเก็บไว้ที่ไหน
กระบวนการจัดเก็บ (Put Away)
ระบบ WMS สามารถแนะนำตำแหน่งที่เหมาะสมในการจัดเก็บ และมีการยืนยันตำแหน่งการจัดเก็บที่ถูกต้อง
- Manual : โดยผู้ตรวจเซ็นอนุมัติ หลังจากตรวจสอบว่าจัดเก็บในตำแหน่งนั้นจริง
- Barcode Scanner : โดยการยิง Barcode Scanner ในตำแหน่งที่จัดเก็บจริง
ซึ่งตรงนี้จะช่วยในการ Confirm ตำแหน่งจัดเก็บอย่างถูกต้องซึ่งจะช่วยลดปัญหาการหาของไม่เจอได้
กระบวนการเบิก (Picking) :
ระบบ WMS จะมีระบบในการค้นหาได้อย่างง่ายดาย แค่กรอกเงื่อนไข ระบบก็สามารถค้นหาสินค้าให้เอง ไม่ว่าจะเป็นการเบิกแบบ FIFO, LIFO, FEFO หรือสามารถกำหนดเองได้
คลังสินค้าจำเป็นต้องใช้ WMS หรือไม่?
“คลังสินค้าทุกคลังไม่จำเป็นต้องใช้ WMS” แต่สิ่งที่แน่นอนคือว่า หากคลังสินค้าใดนำ WMS ไปใช้จะต้องได้รับประโยชน์จากการใช้ซอฟต์แวร์อย่างแน่นอน
ประโยชน์ที่ได้รับจาก WMS
ลดระยะเวลาในการทำงานในการจัดสรรพื้นที่
สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็วและลดความผิดพลาด
มีความถูกต้องแม่นยำในการจัดการกับระบบคลังสินค้า
ลดปัญหาสินค้าค้างสต็อก
ควบคุมกระบวนการทำงานต่างๆ
การปฏิบัติงานประจำวัน (Daily Operation)
การตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล (Inventory Control and Analysis)
งานบัญชีและการเงิน (สำหรับ 3pl)
อุปกรณ์ที่ต้องใช้งานร่วมกับระบบจัดการคลังสินค้า
Server
สำหรับใช้ติดตั้งโปรแกรมจัดการคลังสินค้า ขนาดความเร็ว ความจุ ขึ้นอยู่ปริมาณข้อมูลที่ต้องการใช้งานในระบบจัดการคลังสินค้า
Client
เครื่องสำหรับเข้าไปใช้งานระบบจัดการคลังสินค้า สามารถแยกออกมาได้ดังนี้
- Computer สำหรับเข้าใช้งานระบบจัดการคลังสินค้าอย่างเต็มรูปแบบ
- Mobile Computer สำหรับยันยืนข้อมูลเข้าในระบบ เข้าใช้งานระบบได้เฉพาะส่วนที่ออกแบบไว้ เช่น ตรวจรับสินค้า ตรวจนับสินค้า ยืนยันตำแหน่งจัดเก็บ ยืนยันจัดเก็บสินค้า หรือยืนยันการจัดส่งสินค้า
- Scanner Barcode สำหรับยันยืนข้อมูลเข้าในระบบ แต่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์ในการส่งข้อมูลเข้าในระบบ
- Printer Barcode สำหรับพิมพ์บาร์โค้ด หรือข้อมูลสินค้าลงบนตัวสินค้า เพื่อใช้ระบุ ID ของสินค้า
Network
สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกตัวเพื่อส่งข้อมูลไปยัง Server และให้ Server ส่งข้อมูลที่ประมวลผลแล้ว มายังอุปกรณ์ หรือเรียกว่า อุปกรณ์สำหรับรับส่งข้อมูล มี 2 แบบ แบบมีสาย และแบบไร้สาย
- Cable โดยส่วนมาก การเชื่อมต่อแบบมีสาย ส่วนมากยังใช้การเชื่อมต่อแบบ LAN
- Wireless โดยส่วนมาก การเชื่อมต่อแบบไร้สาย ใช้งานเชื่อมต่อผ่านระบบ Wi-Fi หรือผ่านสัญญาณโทรศัพท์ในกรณีไม่อยู่ในพื้นเดียวกัน