ประกันสังคม มาตรา 39 มีสิทธิอะไรบ้าง

เผยแพร่ 19 มิ.ย. 2565 ,09:00น.

เช็กสิทธิประกันสังคม ที่ผู้ประกันตนมาตรา 39 ต้องรู้ว่าได้รับความคุ้มครองอะไรบ้าง

ผู้ประกันตนมาตรา 39 คือ บุคคลที่เคยทำงานและเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาก่อน แล้วออกจากงานแต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคม ซึ่งนำส่งเงินสมทบเท่ากับ 432 บาท/เดือน โดยไม่ขาดการส่งเงินสมทบ 3 เดือนติดต่อกัน หรือภายในระยะเวลา 12 เดือน ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 9 เดือน

จะได้รับความคุ้มครอง ดังต่อไปนี้

ผู้ประกันตน ม.33 ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้สิทธิประกันสังคมอะไรบ้าง

เช็กสิทธิผู้ประกันตน ม.40 จ่ายเงินสมทบแล้ว คุ้มครองอะไรบ้าง

1.) เจ็บป่วยและอุบัติเหตุ

หากเจ็บป่วย หรือ ประสบอุบัติเหตุ จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เมื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิ และเมื่อต้องหยุดงานตามคำสั่งแพทย์ 

แต่หากหมดสิทธิได้รับค่าจ้างจากนายจ้างในวันลาป่วยตามกฎหมายแล้ว จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ 50% ของฐานเงินสมทบ (สูงสุดไม่เกิน 4,800 บาท)

โดยระยะเวลาในการจ่ายนั้น จะได้รับครั้งละไม่เกิน 90 วัน ปีละไม่เกิน 180 วัน (เว้นแต่กรณีโรคเรื้อรังจะจ่ายไม่เกิน 365 วัน)

นอกจากนั้น การใช้สิทธิในกรณีเจ็บป่วยจะต้องไม่ใช่กลุ่ม 13 โรคที่ประกันสังคมไม่ได้ครอบคลุม ได้แก่ โรคหรืออาการที่เกิดจากสารเสพติด, การบำบัดทดแทนไต กรณีไตวายเรื้อรัง, การศัลยกรรมที่ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์, การรักษาที่ยังอยู่ระหว่างการค้นคว้าทดลอง, การรักษาภาวะมีบุตรยาก,

การตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ, การตรวจใด ๆ ที่เกินกว่าความจำเป็นในการรักษาโรค, การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ, การเปลี่ยนเพศ, การผสมเทียม, การบริการระหว่างรักษาตัวแบบพักฟื้น, ทันตกรรมที่นอกเหนือจากการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าตัดฟันคุด และแว่นตา

2.) ทันตกรรม

กรณีอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด จะได้รับค่าบริการทางการแพทย์ในอัตราเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกิน 900 บาทต่อราย ต่อปี โดยไม่ต้องสำรองจ่าย

แต่ในกรณีที่ผู้ประกันตนเข้ารับบริการทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลที่ทำความตกลงกับสำนักงานฯ ให้ผู้ประกันตนจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ ให้กับสถานพยาบาลเฉพาะส่วนเกินจากสิทธิที่ได้รับ

กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้บางส่วน จะได้รับค่าบริการทางการแพทย์และค่าฟันเทียมเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 1,500 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ใส่ฟันเทียม ตามหลักเกณฑ์ดังนี้

- 1-5 ซี่ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 1,300 บาท

-มากกว่า 5 ซี่ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 1,500 บาท

กรณีใส่ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปาก เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 4,400 บาท ภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ใส่ฟันเทียมตามหลักเกณฑ์ดังนี้

-ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปากบนหรือล่าง เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 2,400 บาท

-ฟันเทียมชนิดถอดได้ทั้งปากบนและล่าง เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 4,400 บาท

โดยหากเป็นการขูดหินปูนต้องเว้นระยะห่าง 6 เดือนถึงจะมีสิทธิเบิกครั้งต่อไปได้ และในกรณีที่การปวดฟันที่ส่งผลต่อระบบร่างกาย เช่น ทำให้ปวดศีรษะ คางทูม เหงือกบวม สามารถใช้สิทธิโรงพยาบาลตามสิทธิที่เลือก โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

3.) คลอดบุตร

เมื่อจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนวันคลอดบุตร จะได้รับเงินจากประกันสังคม ดังนี้

  • ได้รับค่าคลอด 15,000 บาท
  • เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร (ผู้ประกันตนหญิง) ไม่เกิน 2 ครั้ง
  • สิทธิประโยชน์เพิ่มค่าตรวจและค่ารับฝากครรภ์ให้อีก 1,500 บาท โดยจ่ายตามอายุครรภ์ดังนี้
    • ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จ่ายให้ในอัตราไม่เกิน 500 บาท
    • มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จ่ายให้ในอัตราไม่เกิน 300 บาท
    • มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จ่ายให้ในอัตราไม่เกิน 300 บาท
    • มากกว่า 28 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 32 สัปดาห์ จ่ายให้ในอัตราไม่เกิน 200 บาท
    • มากกว่า 32 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 40 สัปดาห์ จ่ายให้ในอัตราไม่เกิน 200 บาท

โดยสามารถใช้สิทธิคลอดบุตรโรงพยาบาลไหนก็ได้

4.) ตรวจสุขภาพ

ผู้ประกันตนสามารถตรวจสุขภาพได้ทุกโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งสามารถตรวจร่างกายได้ดังนี้

  • การคัดกรองการได้ยิน finger Rub Test อายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
  • การตรวจเต้านม อายุ 30-39 ปี ตรวจทุก 3 ปี, อายุ 40-54 ปี ตรวจทุกปี, 55 ปีขึ้นไป ตรวจตามความเหมาะสม หรือมีความเสี่ยง
  • การตรวจตา อายุ 40-54 ปี ตรวจ 1 ครั้ง, อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 1-2 ปี
  • การตรวจสายตาด้วย Snellem eye chart อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
  • การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC อายุ 18-54 ปี ตรวจ 1 ครั้ง, อายุ 55-70 ปี ตรวจ 1 ครั้ง/ปี, อายุ 55 ปี ขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
  • การตรวจปัสสาวะ UA อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
  • น้ำตาลในเลือด FBS อายุ 35-54 ปี ตรวจทุก 3 ปี, อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
  • การทำงานของไต Cr อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
  • ไขมันในเส้นเลือดชนิด Total & HDL Cholesterol อายุ 20 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 5 ปี
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบ HBsAg สำหรับผู้ที่เกิดก่อน พ.ศ.2535 ตรวจ 1 ครั้ง
  • มะเร็งปากมดลูก หรือ Pap Smear อายุ 30-54 ปี ตรวจทุก 3 ครั้ง, อายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจตามความเหมาะสมหรือมีความเสี่ยง
  • มะเร็งปากมดลูกวิธี Via อายุ 30-54 ปี ตรวจทุก 5 ปี, อายุ 55 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจ Pap smear
  • เลือดในอุจจาระ FOBT อายุ 50 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง/ปี
  • Chest X-ray อายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจ 1 ครั้ง
 

5.) ทุพพลภาพ

กรณีทุพพลภาพระดับความสูญเสียไม่รุนแรง ได้รับเงินทดแทนไม่เกินร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวัน ตลอดระยะที่ไม่สามารถทำงานได้ ไม่เกิน 180 เดือน

กรณีทุพพลภาพระดับความสูญเสียรุนแรง ได้รับเงินทดแทนร้อยละ 50 ของค่าจ้างตลอดชีวิต

ค่าบริการทางการแพทย์

  • รักษาพยาบาลในโรงพยาบาลของรัฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • รักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชน ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
 

6.) ชราภาพ

เมื่อผู้ประกันตนอายุ 55 ปี จะได้รับเงินบำเหน็จหรือบำนาญตามเงื่อนไขประกันสังคม ดังนี้

บำเหน็จชราภาพ (จ่ายเป็นก้อน)

  • ส่งเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน ได้รับบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบ เฉพาะส่วนของผู้ประกันตน
  • ส่งเงินสมทบมากกว่า 12 เดือน ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายสมทบ พร้อมผลประโยชน์ตอบแทน
บำนาญชราภาพ (จ่ายรายเดือนตลอดชีวิต)
  • ส่งเงินสมทบครบ 180 เดือน ได้รับบำนาญชราภาพ ร้อยละ 20 ของค่าเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบก่อนความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
  • ส่งเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน ให้ปรับเพิ่มอัตราเงินบำนาญชราภาพขึ้นอีก ร้อยละ 1.5 ต่อระยะเวลาจ่ายเงินสมทบครบทุก 12 เดือน
 

7.) เสียชีวิต

ส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือนก่อนถึงแก่ความตาย จะได้รับเงินตามเงื่อนไขประกันสังคม ดังนี้

  • ค่าทำศพ 50,000 บาท จ่ายให้แก่ผู้จัดการศพ
  • เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต จ่ายให้แก่บุคคลที่ผู้ประกันตนทำหนังสือระบุไว้หรือผู้มีสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  • เงินบำเหน็จชราภาพ จ่ายให้ทายาทผู้มีสิทธิหรือบุคคลอื่นที่ผู้ประกันตนทำหนังสือไว้ให้ได้รับร่วมกับทายาทผู้มีสิทธิ

*สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 กลับเข้าไปเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 อีกครั้ง นายจ้างสามารถดำเนินการแจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่เข้าทำงานโดยผู้ประกันตนไม่ต้องไปดำเนินการลาออกจากการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline

ประกันสังคมมาตรา 39 คืออะไร

ผู้ประกันตนมาตรา 39 คือ ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ คุณสมบัติผู้ประกันตน .39 ดังนี้ เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 นำส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน และออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันที่ลาออกจากงาน ต้องไม่เป็นผู้รับประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพจากกองทุนประกันสังคม

ประกันสังคมมาตรา 39 กับ 40 ต่างกันยังไง

ผู้ประกันตนมาตรา 40 หมายถึง บุคคลที่มิใช่ลูกจ้างตามมาตรา 33 หรือเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ มาตรา 39 เรียกว่า ผู้ประกันตนโดยอิสระ คุณสมบัติในการสมัคร อายุ 15-60 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 ไม่เป็นข้าราชการหรือบุคคลที่ถูกยกเว้นตามกฎหมายประกันสังคม บุคคลพิการที่สามารถรับรู้สิทธิประกันสังคม

ประกันสังคมมาตรา39คุ้มครองถึงอายุเท่าไร

ผู้ประกันตน มาตรา 39 ที่จ่ายเงินสมทบครบถ้วน จะมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จประกันสังคม และเงินบำนาญประกันสังคม บํานาญชราภาพ ประกันสังคม มาตรา 39. - จะได้รับเมื่อมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

ประกันสังคมม.39จ่ายกี่บาท

ส่งเงินสมทบประกันสังคมมาตรา 39 เป็นจำนวน 9% ต่อเดือน หรือจ่ายในอัตรา 432 บาทต่อเดือน เช่น เงินเดือน 4,800 บาท (ฐานเงินที่ใช้คำนวณ) x 9% (เงินหักเข้าประกันสังคม) = 432 บาท

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก