การเงิน
11 ส.ค. 2565 เวลา 15:02 น.2.1k
กสิกรไทยต่อยอดโครงการรวมใจไม่ทิ้งกัน ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ที่มีวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท
และไม่มีสถานะเป็น NPL ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ด้วยมาตรการลดยอดผ่อนชำระต่อเดือน 10%
นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อ และค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลูกค้าของธนาคารทั้งลูกค้าบุคคล และลูกค้าธุรกิจ ได้รับผลกระทบทั้งในแง่ของต้นทุนการผลิตสินค้าที่สูงขึ้น และราคาสินค้าอุปโภค และบริโภคในชีวิตประจำวันที่แพงขึ้น ทางธนาคารจึงออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าบุคคล และลูกค้าธุรกิจที่มีวงเงินสินเชื่อ แต่ละผลิตภัณฑ์ไม่เกิน 2 ล้านบาท และไม่มีสถานะเป็น NPL โดยมีรายละเอียดมาตรการความช่วยเหลือ ดังนี้
มาตรการ “ลดยอดผ่อนชำระต่อเดือน 10%”ระยะเวลา 12 เดือน ลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการนี้ ได้แก่
- ลูกค้าธุรกิจที่ใช้บริการ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ และสินเชื่อเงินด่วนเพื่อธุรกิจ
- ลูกค้าบุคคลที่ใช้บริการ สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อเงินด่วน
โดยลูกค้าบุคคล และธุรกิจที่สนใจเข้าร่วมมาตรการนี้ สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 30 ธันวาคม 2565
มาตรการ “ผ่อนชำระขั้นต่ำ 5%” ระยะเวลา 12 เดือน ลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการนี้ ได้แก่
- ลูกค้าบุคคลที่ใช้บริการ บัตรเครดิต และบัตรเงินด่วน โดยมาตรการนี้จะเป็นการปรับยอดขั้นต่ำให้ลูกค้าโดยอัตโนมัติ ลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ
นายกฤษณ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ธนาคารกสิกรไทย มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือ และยืนหยัดเคียงข้างลูกค้าทั้งธุรกิจ และบุคคล เพื่อให้สามารถผ่านพ้นทุกวิกฤติ และเดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน
ลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคลที่สนใจ เข้าร่วมมาตรการ สามารถลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 30 ธันวาคม 2565 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าธุรกิจติดต่อได้ที่ K-BIZ Contact Center 02-888-8822 สำหรับลูกค้าบุคคลติดต่อได้ที่ K-Contact Center 02-888-8888
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
邮箱或手机号 | 密码 | |
忘记帐户? |
注册
无法处理你的请求
此请求遇到了问题。我们会尽快将它修复。
返回首页
- 中文(简体)
- English (US)
- 日本語
- 한국어
- Français (France)
- Bahasa Indonesia
- Polski
- Español
- Português (Brasil)
- Deutsch
- Italiano
- 注册
- 登录
- Messenger
- Facebook Lite
- Watch
- 地点
- 游戏
- Marketplace
- Meta Pay
- Oculus
- Portal
- Bulletin
- 本地
- 筹款活动
- 服务
- 选民信息中心
- 小组
- 关于
- 创建广告
- 创建公共主页
- 开发者
- 招聘信息
- 隐私权政策
- Cookie
- Ad Choices
- 条款
- 帮助中心
- 联系人上传和非用户
- 设置
- 动态记录
Meta © 2022
มาตรการที่ 1 สินเชื่อฟื้นฟู
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ รักษาการจ้างงาน และฟื้นฟูธุรกิจ ทั้งนี้ ไม่ให้นำเงินสินเชื่อดังกล่าว มาชำระหนี้เดิมที่มีอยู่กับสถาบันการเงินเดิม หรือ Refinance จากสถาบันการเงิน
ลูกค้าปัจจุบัน
กู้ได้ 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจ
ที่มีกับธนาคาร
แต่ไม่เกิน 150 ลบ. หรือสูงสุดไม่เกิน 50 ลบ.
สำหรับลูกค้าที่ 30% ของวงเงิน
สินเชื่อธุรกิจ
ที่มีกับธนาคาร
ไม่ถึง 50 ล้านบาท
ลูกค้าใหม่
กู้ได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท
รวมทุกสถาบันการเงิน
อัตราดอกเบี้ย 2% ใน 2 ปีแรก
โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5 ปี
ไม่เกิน 5% ต่อปี
ฟรี ดอกเบี้ย 6 เดือนแรก*
คุณสมบัติของลูกค้าที่จะขอกู้
- บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีสถานประกอบการและประกอบธุรกิจ ในประเทศไทย
- เป็นลูกค้าธุรกิจของธนาคาร ที่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ไม่เกิน 500 ล้านบาท หรือไม่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจกับสถาบันการเงินทุกแห่ง ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 (ไม่รวมวงเงินสินเชื่อ เพื่อการอุปโภคบริโภค)
- ไม่เป็นบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)
- ไม่เป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน
- ไม่มีสถานะเป็นหนี้ NPL ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
รายละเอียดมาตรการ
- วงเงิน
ลูกค้าปัจจุบัน : วงเงินกู้ไม่เกิน 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 หรือ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 150 ล้านบาท หรือ สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทยมีจำนวนไม่ถึง 50 ล้านบาท (หากเคยได้รับสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง (สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ BOT Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 และ สินเชื่อฟื้นฟู เดิม ให้นับรวมด้วย) ลูกค้าใหม่ : วงเงินกู้ไม่เกิน 50 ล้านบาท นับรวมทุกสถาบันการเงิน สำหรับลูกค้าที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจกับสถาบันการเงินทุกแห่ง ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 - ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี พักชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน (ไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรก)
- อัตราดอกเบี้ย
- อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ไม่ต้องชำระดอกเบี้ย 6 เดือนแรก
- โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5 ปี ไม่เกิน 5% ต่อปี
- ปีที่ 6 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
กดที่รูปเพื่อขยายตาราง
- *ฟรีค่าธรรมเนียมการจัดการให้กู้ และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ทุกประเภท (ยกเว้นค่าอากรแสตมป์)
- ต้องค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อย
(บสย.) โดยมีค่าธรรมเนียมไม่เกิน 1.75% ต่อปี
**สำหรับลูกค้าที่ ธปท.จัดให้อยู่ในกลุ่ม Micro และ SME ค่าธรรมเนียมไม่เกิน 1.25% ต่อปี** - การอนุมัติสินชื่อและเบิกวงเงินกู้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
ช่องทางการติดต่อ
- ลูกค้าธุรกิจที่สนใจ สามารถติดต่อได้ที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ K-BIZ Contact Center
02-8888822
คำถามที่พบบ่อย สำหรับมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู
คุณสมบัติของลูกค้าที่จะสมัครผลิตภัณฑ์สินเชื่อฟื้นฟู มีอะไรบ้าง
- เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย ที่มีสถานประกอบการและประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยไม่ต้องพิจารณาสัดส่วนการถือหุ้น
- เป็นลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจ*กับธนาคารกสิกรไทยไม่เกิน 500 ล้านบาท ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 หรือไม่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจกับสถาบันการเงินทุกแห่ง ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ทั้งนี้ ไม่รวมถึงวงเงินตามภาระผูกพัน (เช่น หนังสือค้ำประกัน, เลตเตอร์ออฟเครดิต) และวงเงินสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค ได้แก่ วงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล (Xpress Cash), วงเงินสินเชื่อเงินด่วน (Xpress Loan),วงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย, และวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิต
- ต้องไม่เป็นลูกหนี้ NPL ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
- ไม่เป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน
- ไม่เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
*วงเงินสินเชื่อธุรกิจนับรวม Loan, OD, PN, Trade, Factoring วงเงินสินเชื่อเงินด่วนแบบผ่อนระยะยาวเพื่อธุรกิจ (Xpress Loan-Long term loan) วงเงินเพื่อธุรกิจสำหรับบุคคลธรรมดาที่ไม่มีทรัพย์เป็นหลักประกัน, วงเงินสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้กำกับ (ให้นับวงเงินกู้เดี่ยว รวมกับ วงเงินกู้ร่วมตามสัดส่วนความรับผิดในหนี้)
วัตถุประสงค์สำหรับการขอผลิตภัณฑ์สินเชื่อฟื้นฟู
เพื่อเสริมสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจ ลดผลกระทบต่อการจ้างงาน และฟื้นฟูการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ ไม่ให้นำเงินสินเชื่อดังกล่าวมาชำระหนี้เดิมที่มีอยู่กับสถาบันการเงินเดิม หรือ Refinance จากสถาบันการเงินอื่นๆ
ผู้ประกอบธุรกิจสามารถยื่นขอกู้สินเชื่อฟื้นฟูได้ในวงเงินเท่าใด
ลูกค้าปัจจุบัน : ไม่เกิน 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทย* ณ วันที่ 31/12/2562 หรือ ณ วันที่ 28/2/2564 แล้วแต่จำนวนใดสูงกว่า ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 150 ล้านบาท หรือ สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ 30%
ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทย* มีจำนวนไม่ถึง 50 ล้านบาท (หักด้วย วงเงินสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง (สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ BOT Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 และสินเชื่อฟื้นฟู ที่เคยได้รับอนุมัติ บวก วงเงินสินเชื่อดังกล่าวที่ลูกค้าเคยได้รับอนุมัติแต่ไม่ประสงค์ใช้และธนาคารได้คืนเงินแก่ ธปท.แล้ว)
ลูกค้าใหม่ : ไม่เกิน 50 ล้านบาท นับรวมทุกสถาบัน
การเงิน
*นับเฉพาะLoan, OD, PN, Trade, Factoring วงเงินสินเชื่อเงินด่วนแบบผ่อนระยะยาวเพื่อธุรกิจ (Xpress Loan-Long term loan) วงเงินเพื่อธุรกิจสำหรับบุคคลธรรมดาที่ไม่มีทรัพย์เป็นหลักประกัน, วงเงินสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้กำกับ ของตัวผู้กู้เอง จะไม่นับรวมวงเงินตามภาระผูกพัน และไม่รวมวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล (Xpress Cash), วงเงินสินเชื่อเงินด่วน (Xpress Loan) วงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย, และวงเงินสินเชื่อบัตรเครดิต
ประเภทของวงเงินสินเชื่อฟื้นฟูที่อนุมัติให้กับผู้ประกอบธุรกิจ ครอบคลุมวงเงินประเภทใดบ้าง
วงเงินกู้ (Loan) ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี พักชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน (ไม่ต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรก)
อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของสินเชื่อฟื้นฟูภายใต้ พ.ร.ก. มีรายละเอียดอย่างไร
- อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี 2 ปีแรก โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 5 ปี <= 5% ต่อปี (ยกเว้นการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรก) โดยอัตราดอกเบี้ยปีที่ 6-7 เป็นไปตามอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกำหนด
- ไม่จัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการให้กู้ หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ ทุกประเภท (ยกเว้นค่าอากรแสตมป์)
ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อภายใต้สินเชื่อฟื้นฟู ได้กี่ครั้ง
ขอได้ 6 ครั้ง โดยเงื่อนไขการเบิกเงินกู้แต่ละครั้งต้องเป็นการเบิกเงินกู้ครั้งเดียวทั้งจำนวน
สำหรับลูกค้าปัจจุบัน : รวม 6 ครั้ง จะต้องไม่เกิน 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทย ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 150 ล้านบาท หรือ ไม่เกิน 50 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทยมีจำนวนไม่ถึง 50
ล้านบาท
สำหรับลูกค้าใหม่ : รวม 6 ครั้ง จะต้องไม่เกิน 50 ล้านบาท รวมทุกสถาบันการเงิน
ผู้ประกอบธุรกิจต่างชาติที่จดทะเบียนในประเทศไทยหรือบริษัทที่ถือหุ้นโดยต่างชาติ สามารถเข้ามาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ได้หรือไม่
ได้ เนื่องจากคุณสมบัติของผู้ที่ขอกู้ได้ คือ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยที่มีสถานประกอบการและประกอบธุรกิจในประเทศไทยโดยไม่ต้องพิจารณาสัดส่วนการถือหุ้น
ประเภทหลักประกันที่ต้องนำเสนอภายสินเชื่อฟื้นฟู
ต้องค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อย (บสย.) โดยมีค่าธรรมเนียม ดังนี้
- สำหรับลูกค้าที่ ธปท.จัดให้อยู่ในกลุ่ม Corporate : ค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกิน 1.75% ต่อปี
- สำหรับลูกค้าที่ ธปท.จัดให้อยู่ในกลุ่ม Micro และ SME ค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกิน 1.25% ต่อปี
กรณีลูกค้าเคยได้รับเงินกู้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง (สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ BOT Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ไปแล้ว สามารถขอเพิ่มได้อีกหรือไม่
สามารถขอกู้ได้ ทั้งนี้ เมื่อนับรวมวงเงินสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง (สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ BOT Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 และวงเงินสินเชื่อฟื้นฟูที่ขอทั้งหมด จะต้องไม่เกิน 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทย ทั้งนี้ต้องไม่เกิน 150 ล้านบาท หรือ ไม่เกิน 50 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ 30% ของวงเงินสินเชื่อธุรกิจที่มีอยู่กับธนาคารกสิกรไทยมีจำนวนไม่ถึง 50 ล้านบาท
กรณีลูกค้าเข้ามาตรการช่วยเหลือของธนาคาร สามารถขอสินเชื่อฟื้นฟูได้หรือไม่
สามารถขอได้ ทั้งนี้ลูกค้าต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์สินเชื่อฟื้นฟู
กรณีลูกค้าไม่มีสินเชื่อเพื่อธุรกิจ สามารถขอสินเชื่อฟื้นฟูได้หรือไม่
กรณีไม่มีสินเชื่อธุรกิจกับทุกสถาบันการเงิน ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ลูกค้าสามารถขอสินเชื่อฟื้นฟูกับธนาคารกสิกรไทยได้ เว้นแต่ ลูกค้าไม่มีสินเชื่อธุรกิจกับธนาคารกสิกรไทยแต่มีสินเชื่อธุรกิจกับธนาคารอื่น ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จะไม่สามารถขอสินเชื่อฟื้นฟูกับธนาคารกสิกรไทยได้
มาตรการที่ 2 พักทรัพย์ พักหนี้ (Asset Warehousing)
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการลดภาระเงินต้นและดอกเบี้ย ประคับประคองให้ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ธนาคารจะไม่ขายหลัก
ประกันให้บุคคลอื่นภายใน 3-5 ปี
สามารถเช่าหลักประกัน
เพื่อดำเนินธุรกิจต่อได้
ฟรี ค่าธรรมเนียมทุกประเภท
คุณสมบัติของลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการ
- เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีสถานประกอบการและประกอบธุรกิจ ในประเทศไทย
- เป็นลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจกับธนาคารก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2564
- ไม่มีสถานะเป็น NPL ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
- ไม่เป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน
- มีความประสงค์โอนทรัพย์สินนั้นเพื่อชำระหนี้เงินกู้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
- ต้องเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางตรง หรือทางอ้อมจาก COVID-19
รายละเอียดมาตรการ
- เป็นทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันสินเชื่อกับธนาคาร ก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2564
- ลูกค้าหรือเจ้าของทรัพย์ มีสิทธิซื้อคืนได้ภายในระยะเวลา 3-5 ปีนับจากวันที่โอน โดยธนาคาร จะไม่ขายหลักประกันให้บุคคลอื่น ยกเว้นได้รับหนังสือแจ้งจากลูกค้าว่าไม่ประสงค์ใช้สิทธิ์ซื้อทรัพย์นั้นคืน
- ลูกค้าสามารถเช่าหลักประกันเพื่อดำเนินธุรกิจต่อได้ ในอัตราค่าเช่าที่ตกลงกัน โดยต้องแจ้งความประสงค์ เช่าทรัพย์สินภายใน 15 วันนับจากวันที่โอน
- ลูกค้าได้รับยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทุกประเภท ทั้งขารับโอน และขาโอนกลับให้ลูกค้า หรือเจ้าของทรัพย์เดิม
- ราคารับโอน ตามการพิจารณาของธนาคาร ซึ่งขึ้นอยู่กับทรัพย์ ภาระหนี้ โดยจะต้องไม่เกินกว่าเงินต้นในบัญชีสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่มีกับธนาคาร
- ราคาซื้อคืน =
กดที่รูปเพื่อขยายตาราง
- การอนุมัติเป็นไปตามเงื่อนไขของธนาคาร
ช่องทางการติดต่อ
- ลูกค้าธุรกิจที่สนใจ สามารถติดต่อได้ที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ K-BIZ Contact Center
02-8888822
คำถามที่พบบ่อย สำหรับมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ (Asset Warehousing)
ลูกค้าต้องมีคุณสมบัติอย่างไรที่สามารถเข้าร่วมโครงการ
- เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีสถานประกอบการและประกอบธุรกิจในประเทศไทย
- เป็นลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจกับธนาคารก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2564
- ไม่มีสถานะเป็น NPL ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
- ไม่เป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน
- มีความประสงค์โอนทรัพย์สินนั้นเพื่อชำระหนี้เงินกู้สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
ลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถลงทะเบียนได้ผ่านช่องทางใดบ้าง
ติตด่อผู้ดูแลความสัมพันธ์ หรือ K-BIZ Contact Center 02-888-8822
ระยะเวลาที่ลูกค้าสามารถแจ้งความจำนงในการขอเข้าร่วมโครงการ
2 ปีนับแต่วันที่ พรก. มีผลบังคับใช้ (10 เม.ย.2564) หรือ เต็มวงเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดทุกสถาบันการเงินรวมกัน 1 แสนล้านบาท
หลักประกันใดที่สามารถเข้าร่วมโครงการ
ต้องเป็นทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันกับธนาคารก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2564 ทั้งนี้การพิจารณาเรื่องหลักประกันที่สามารถรับได้ จะเป็นไปตามเงื่อนไขการพิจารณาของธนาคาร
ประเภทธุรกิจใดที่สามารถเข้าร่วมโครงการ
ต้องเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางตรง หรือทางอ้อมจาก COVID-19
ลูกค้าต้องประกอบธุรกิจอยู่ในพื้นที่ใดบ้างที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้
พื้นที่ได้รับผลกระทบทางตรง หรือทางอ้อมจาก COVID-19
ข้อดีของการเข้าร่วมโครงการ
ลูกค้าสามารถลดภาระหนี้ที่มีอยู่กับธนาคาร และได้รับสิทธิในการเช่าและซื้อทรัพย์คืน รวมถึงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีค่าธรรมเนียมในการตีโอนทรัพย์
ลูกค้าสามารถเช่าทรัพย์ที่โอนให้กับธนาคารเพื่อดำเนินธุรกิจต่อได้หรือไม่
สามารถเช่าทรัพย์ได้ แต่ต้องแจ้งความจำนงต่อธนาคารภายใน 15 วันหลังจากวันที่ธนาคารรับโอนทรัพย์
ราคาค่าเช่าทรัพย์ที่ตีโอนไป ธนาคารมีวิธีการคิดค่าเช่าอย่างไรบ้าง
ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างลูกค้ากับธนาคาร
ลูกค้าสามารถซื้อทรัพย์คืนได้หรือไม่
ธนาคารจะให้สิทธิกับลูกค้าที่เป็นเจ้าของทรัพย์ในการซื้อทรัพย์คืนเป็นรายแรกในระยะเวลา 3-5 ปี นับจากวันรับโอนทรัพย์ โดยธนาคารไม่สามารถขายทรัพย์ให้กับลูกค้ารายอื่นได้ เว้นแต่ได้รับแจ้งว่าจะไม่ใช้สิทธิซื้อทรัพย์คืนเป็นหนังสือจากลูกค้า
มูลค่าการตีโอนทรัพย์ของธนาคารคิดอย่างไร
ตามการพิจารณาของธนาคาร ซึ่งขึ้นอยู่กับทรัพย์และ ภาระหนี้ โดยจะต้องไม่เกินกว่าเงินต้นในบัญชีสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่มีกับธนาคาร
ราคาการซื้อทรัพย์คืน ธนาคารมีวิธีคิดอย่างไร
ต้นทุนรับโอน +ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาทรัพย์ที่ไว้กับธนาคาร โดยคิด 1% ของราคาที่รับโอน + ค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์ตามจริงตามระยะเวลาในการซื้อคืนไม่เกิน 3-5 ปี – ค่าเช่าที่ลูกหนี้จ่ายให้กับธนาคารตลอดสัญญา
ลูกค้าขอเข้าร่วมโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ (Asset Warehousing) กับธนาคารกสิกรไทยแล้ว สามารถเข้าร่วมกับธนาคารอื่นได้อีกหรือไม่
ลูกค้าสามารถเข้าร่วมกับธนาคารอื่นได้
หลักประกันจะตีโอน ต้องเป็นชื่อเดียวกับผู้กู้หรือไม่
ไม่จำเป็น แต่ต้องเป็นทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันธนาคาร ก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2564
ลูกค้าสามารถขอซื้อทรัพย์คืนโดยการขอสินเชื่อ ได้หรือไม่
สามารถทำได้ ลูกค้าสามารถซื้อทรัพย์เดิมด้วยเงินสด หรือ จะขอสินเชื่อกับธนาคารได้