ตั้งแต่ปีที่แล้ว ในช่วงที่กระแสวิดีโอตอนสั้นมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ บวกกับแรงส่งจากความนิยมและอุปสรรคปัญหาที่ TikTok แอปพลิเคชันวิดีโอตอนสั้นจากจีนต้องเผชิญ ก็มีข่าวว่า Facebook ได้ซุ่มพัฒนาฟีเจอร์ Reels ของตัวเองออกมาเพื่อเป็นฟีเจอร์สร้างสรรค์วิดีโอตอนสั้นความยาว 15-30 วินาทีในแบบของพวกเขา พร้อมเปิดให้ทดลองใช้งานกับผู้บริโภคในบางประเทศ
และหลังจากที่รอคอยมานาน ในที่สุดวันนี้ (23 มีนาคม) Facebook ประเทศไทยก็เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ฟีเจอร์ ‘Reels’ (รีลส์) บน Instagram ในประเทศไทยได้เป็นที่เรียบร้อย วิธีการคือให้ผู้ใช้อัปเดต Instagram เวอร์ชันใหม่ล่าสุด แล้วเปิดตัวแอปพลิเคชันขึ้นมา จากนั้นเลือกครีเอตวิดีโอผ่านสตอรี แล้วเลือกโหมด Reels
โดยที่ผู้ใช้งานจะสามารถเลือกถ่ายวิดีโอตอนสั้นได้ 2 ขนาดความยาวคือ 15 และ 30 วินาที เลือกใส่เพลงประกอบได้ตามต้องการ (ช่วงแรกของการเปิดตัวถือว่ามีเพลงให้เลือกเยอะพอสมควร) ปรับเลือกความเร็ว-ช้าของตัววิดีโอและเพลงได้อย่างอิสระ ตั้งเวลาถ่ายเองได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม และยังเพิ่มแคปชันหรือสติกเกอร์สนุกๆ บนตัวคอนเทนต์ได้อีกต่างหาก
จากนั้นก็สามารถเลือกได้ด้วยว่าเราจะแชร์คอนเทนต์ของตัวเองเฉพาะในสตอรีของตัวเองหรือแชร์เป็นแบบโพสต์ปกติในหน้าแอ็กเคานต์ และยังเลือกดูคอนเทนต์ Reels ของผู้ใช้งานคนอื่นๆ ด้วยการกดปุ่ม Reels (ไอคอนกระดานสเลทฟิล์มพร้อมปุ่มเพลย์) ที่แท็บด้านล่างของหน้าอินเทอร์เฟซ Instagram แล้วเลือกปัดขึ้นลงดูเพื่อคอนเทนต์ต่อไป หรือคอนเทนต์ที่ดูผ่านไปแล้วได้
เพียงแต่ข้อเสียที่พบก็คือเมื่อใส่เพลงลงไปใน Reels แล้ว เราจะไม่สามารถดาวน์โหลดวิดีโอที่ใส่เพลงแล้วมาเก็บไว้ในเครื่องเพื่อปรับแต่งได้ เนื่องด้วยเหตุผลด้านลิขสิทธิ์
สำหรับการเปิดตัว Reels ในประเทศไทยครั้งนี้ Facebook ระบุว่าเป็นการมอบช่องทางใหม่ๆ ให้ผู้ใช้งานชาวไทยได้สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและสะท้อนคาแรกเตอร์ ความคิดสร้างสรรค์ที่พวกเขามี โดยแท็บสำหรับ Reels จะทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถค้นพบวิดีโอที่เก็บช่วงเวลาแห่งความสนุกและแรงบันดาลใจทั้งจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ และครีเอเตอร์บน Instagram
เอริน เพตติกรูว์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Reels กล่าวว่า “เรารับฟังและได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่ชุมชนผู้ใช้งานของเรามองหา นอกเหนือจากช่องทางการแชร์วิดีโอทั่วไปแล้ว พวกเขายังอยากมีวิธีการสร้างสรรค์ใหม่ๆ หรือรับชมวิดีโอสั้นหรือวิดีโอที่มีลูกเล่นในการตัดต่อเพื่อเพิ่มความสนุกในเนื้อหา และเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นครีเอเตอร์ระดับโลกที่เข้าถึงผู้ชมจำนวนมากขึ้น และมีความหลากหลายขึ้นบน Instagram
“เรามองว่า Reels เป็นส่วนสำคัญในการสร้างอนาคตด้านความบันเทิงบน Instagram ในวันนี้เรามีความยินดีและรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้นำเสนอช่องทางใหม่ๆ เพื่อให้คนไทยได้แสดงออกถึงตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาผ่าน Reels”
ส่วนผู้ใช้งาน Facebook แม้จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ Reels ได้อย่างเต็มรูปแบบเหมือนบน Instagram แต่ก็สามารถใช้ฟีเจอร์เพลงสร้างสรรค์คอนเทนต์สตอรีแชร์ในหน้า Facebook ได้
ต้องตามดูให้ดีว่าการเปิดตัวฟีเจอร์ Reels ในครั้งนี้ของ Facebook จะได้รับความนิยมมากแค่ไหน เป็นจังหวะเวลาที่ช้าไปแล้วหรือยังกับแพลตฟอร์มวิดีโอตอนสั้นในเวลานี้ เพราะต้องยอมรับว่า TikTok เองก็ยังคงมีฐานผู้ใช้งานที่เหนียวแน่น แถมแอปพลิเคชันเกิดใหม่อย่าง Clubhouse ก็ดึงเวลาจากผู้ใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไปพอสมควร
เพียงแต่ข้อได้เปรียบของ Reels ที่เราจะประมาทพวกเขาไม่ได้เป็นอันขาดคือการที่ Facebook และโดยเฉพาะ Instagram ก็มีฐานผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มที่มี Royalty สูงเช่นกัน ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เราน่าจะเริ่มได้เห็นแบรนด์เอเจนซีเข้ามาจับจองสร้างคอนเทนต์บนช่องทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ อีกหนึ่งช่องทางแน่นอน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
ABOUT THE AUTHOR ปณชัย อารีเพิ่มพร
นักการตลาดผู้ฝักใฝ่ในแวดวงนวัตกรรมและเทคโนโลยี แต่บางทีก็เผลอมีใจให้วัฒนธรรม POP อยู่ร่ำไป ใช้เวลาว่างไปกับการเสพศิลป์และเฝ้ามองปรากฏการณ์ทางสังคม
Reels คือฟีเจอร์ที่ผู้คนมักจะคุ้นเคยดีว่าอยู่บน Instagram แต่คราวนี้ Reels สามารถไปแชร์บน Facebook ได้แล้ว ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มยอดเอ็นเกจเมสต์ให้กับครีเอเตอร์แล้ว ผู้ชมยังสามารถสนุกกับคอนเทนต์วิดีโอสั้นได้ทั้ง 2 แพลตฟอร์มด้วย วันนี้ทาง RAiNMaker เลยอยากจะพามาทำความรู้จัก Reels บน Facebook ให้มากขึ้น ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ตามไปเช็กกันเลย!
เพราะเป็นปีแห่งคอนเทนต์วิดีโอสั้น หลาย ๆ แพลตฟอร์มเลยพยายามหาแนวทางสร้างเครื่องมือ แะลฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคชอบไถฟีดคลิปสั้นมากขึ้น
ซึ่ง Facebook เองก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เริ่มปรับตัวให้สมน้ำสมเนื้อกับ TikTok ด้วย เพราะนอกจากจะแชร์ Reels จาก Instagram มาลงเพื่อเพิ่มยอดเอ็นเกจเมนต์ของตัวเองได้แล้ว Facebook ก็ยังสร้างคอนเทนต์ Reels ออริจินัลของตัวเองเป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งได้ด้วย
โดยการเข้าถึง Reels ของ Facebook มี 3 ทาง ดังนี้
- Top of feed: เข้าถึง Reels ทางหน้าฟีดหลังจากเข้าแอป Facebook มา ซึ่งจะเป็นแถบที่มีคอนเทนต์วิดีโอ Reels เรียงต่อ ๆ กันอยู่ พร้อมกับมีเทมเพลตให้สร้างคลิป (Create Reels) อยู่ด้านหน้าคลิปของผู้ใช้คนอื่นด้วย ‘
- Menu > Reel: เข้าถึง Reels ด้วยหน้าเมนู หรือปุ่มไอคอนรูปขีดสามขีดด้านล่างของบาร์หน้าเมนู Facebook จากนั้น เข้าไปเลือกที่เมนู Reels เพื่อสร้างคอนเทนต์ได้เลย
- New Page > Experience > Reel: เข้าถึงหน้า Reels จากหน้า New Page Experience ที่แยกออกมาจากหน้าโปรไฟล์ไปยังเพจ แล้วเลือกไปที่ Reels ได้
Like Reels
การไลก์คอนเทนต์ที่ชอบ
เพราะการไลก์อยู่คู่มากับ Facebook อย่างยาวนาน ซึ่งก็ตามมาอยู่บน Reels ของ Facebook เองด้วย (Reels ของ Instagram จะเป็นการกดหัวใจ) จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชันเพิ่มยอดเอ็นเกจเมนต์แบบออริจินัลที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นเอง
และยังเป็นการสร้างยอดเอ็นเกจเมนต์ที่ง่ายที่สุดด้วย เพราะหากสามารถผลิตคอนเทนต์ให้เป็นที่ชื่นชอบได้ คุณก็จะได้การกดไลก์เป็นสิ่งตอบแทน
Comment Reels
คอมเมนต์เพื่อเพิ่มบทสนทนาโซเชียล
ถัดมาจากการกดไลก์บน Reels อีกระดับหนึ่ง การที่ทำให้ผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถอยากที่จะมีส่วนร่วมผ่านการคอมเมนต์ได้นั้นไม่ง่ายเลย เพราะการคอมเมนต์จะถูกประมวลมาจากความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาอย่างจริงใจไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์ในแง่ใดก็ตาม
ฉะนั้นการตั้งเป้าหมายคอนเทนต์ที่ถูกเผยแพร่ไปแล้ว และมียอดเอ็นเกจเมนต์ที่นับรวมการคอมเมนต์ด้วย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์หรือเหล่าครีเอเตอร์จะขาดไม่ได้!
Remix Reels
คอลแลปกับครีเอเตอร์ช่องอื่น
หากใครที่เข้า Reels ใน Facebook บ่อย ๆ แล้วเห็นจุดไข่ปลาสามจุด ถือเป็นไอคอนที่มีทั้งโอกาสและการตัดโอกาสเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นไอคอนที่มี 2 ตัวเลือกให้กับผู้ใช้
นั่นก็คือ ‘See Less’ ตัวเลือกที่ทำให้เห็นคอนเทนต์ประเภทนี้ หรือคอนเทนต์ช่องนี้น้อยลง และ ‘Remix’ ที่สามารถให้ครีเอเตอร์รีมิกซ์คอนเทนต์ของตัวเองได้
Share Reels
แชร์ไปยังกลุ่มหรือไทม์ไลน์ได้
นอกจากการไลก์ และคอมเมนต์ที่แสดงถึงความชอบแล้ว การแชร์ไปยังโซเชียลมีเดียหรือหน้าฟีดไทม์ไลน์ต่าง ๆ ก็สะท้อนให้เห็นได้ความนิยมของคอนเทนต์นั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี
เพราะสำหรับมุมมองกลุ่มเป้าหมายแล้ว การไม่ได้รู้สึกชอบหรืออินกับคอนเทนต์นั้นจริง ๆ ก็จะทำเพียงแค่ไลก์หรือปัดผ่านไปก็ได้ แต่หากคอนเทนต์ของคุณมีความแปลกใหม่ สร้างสรรค์จนดึงดูดความสนใจมากพอ พวกเขาจะอยากแชร์มันออกไปเอง
Effect Reels
ใส่เอฟเฟกต์เพิ่มความปัง
ในยุคที่มีเอฟเฟกต์และสติ๊กเกอร์มากมายให้เลือกสรร คอนเทนต์ที่ปราศจากลูกเล่นเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนกับขนมปังที่ไม่มีแยมทา เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ประเภทไหนก็อย่าลืมที่จะใส่ลูกเล่นให้ดูมีอะไรอยู่เสมอ
โดยเฉพาะกับคอนเทนต์วิดีโอสั้นที่ต้องดึงความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายในเวลา 3-7 วินาที ยิ่งต้องทำให้โดดเด่นท่ามกลางทะเลคอนเทนต์ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟกต์ที่แต่งภาพ หรือเอฟเฟกต์ที่สร้างมูฟเมนต์เพิ่มก็ตาม แต่ควรเลือกหยิบมาใช้ให้เข้ากับคอนเทนต์ด้วยนะ
Profile Reels
กดเข้าไปดูโปรไฟล์เพื่อติดตาม
ถือเป็นเรื่องที่ดีที่แพลตฟอร์มนำโปรไฟล์แอคเคานท์มาไว้ตรงชื่อเจ้าของคลิปด้วย เพราะหลังจากที่ผู้คนในโซเชียลเห็นคลิปแล้วรู้สึกชอบจนอยากติดตามครีเอเตอร์ที่สร้างคลิปขึ้นมา ก็สามารถแท็บไปยังรูปโปรไฟล์หรือชื่อของครีเอเตอร์โดยตรงได้เลย เรียกได้ว่าเป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งที่จะเพิ่มยอดผู้ติดตามให้กับครีเอเตอร์หรือแบรนด์ไปในตัวด้วย
Audio Reels
ใส่เสียงเพิ่มเพลงดึงดูดความน่าสนใจ
ตั้งแต่มีเทรนด์หรือชาเลนจ์ต่าง ๆ ใน TikTok เสียงเพลงหรือเสียงพากย์ก็กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนหยุดไถฟีดเพื่อดูคลิปเลยก็ว่าได้
เพราะนอกจากคอนเทนต์หรือภาพที่จะต้องมีความน่าสนใจในตัวแล้ว เพลงหรือเสียงที่ใช้พากย์แยกเองทีหลังก็จะช่วยดึงดูดความสนใจคอนเทนต์มากขึ้นไปอีก
แต่ก็ควรระวังเรื่องการตามเทรนด์ด้วย เพราะขึ้นชื่อว่าเทรนด์ เพลงที่ใช้มักจะซ้ำ ๆ กันทุกคอนเทนต์เนื่องจากเป็นเทรนด์ในช่วงนั้น ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ที่คอนเทนต์ของเราจะจมหายไปกับเทรนด์ได้ ซึ่งทางที่ดีก็ควรทดลองและกล้าที่จะสร้างเอกลักษณ์ใหม่ ๆ ให้กับคอนเทนต์ด้วยนะ
จาก 7 สิ่งสร้างเอ็นเกจเมนต์บน Reels ของ Facebook ที่ได้กล่าวมา เป็นสิ่งที่แบรนด์และครีเอเตอร์ควรให้ความสำคัญ เพราะการมีเครื่องมือคอยซัพพอร์ตบนแพลตฟอร์มอาจจะไม่เพียงพอ
เพราะเรายังคงต้องแข่งขันกันอยู่ในตลาดคอนเทนต์กับคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นอย่างไร การนำไปประยุกต์ปรับใช้ในภายหลังตามแบบฉบับของคุณจะเป็นตัวกำหนดเอง
ที่มา: Facebook – #ReelsTH Masterclass