- คดีที่เราให้บริการ
- ปล่อยกู้ ยืมเงินไม่คืน
- ซื้อขายของออนไลน์
- ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง
- ผู้รับเหมาทิ้งงาน
- จ้างทำของ รับจ้างผลิต
- นายหน้า รับจ้างทั่วไป
- เลิกจ้างไม่เป็นธรรม
- ปล่อยเช่า เช่าอยู่
- เงินดาวน์บ้านคอนโด
- แพ่งผิดสัญญาทั่วไป
- คดีเช็คเด้ง (แพ่ง)
- ร้องทุกข์ด้วยตัวเอง
- ร้องทุกข์ แจ้งความ
- ร้องเรียน สคบ.
- ร้องเรียน กรมแรงงาน
- ร้องเรียน สภาทนายความ
- บทความและความรู้
- บริการฟ้องด้วยตัวเอง
Menu
- คดีที่เราให้บริการ
- ปล่อยกู้ ยืมเงินไม่คืน
- ซื้อขายของออนไลน์
- ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง
- ผู้รับเหมาทิ้งงาน
- จ้างทำของ รับจ้างผลิต
- นายหน้า รับจ้างทั่วไป
- เลิกจ้างไม่เป็นธรรม
- ปล่อยเช่า เช่าอยู่
- เงินดาวน์บ้านคอนโด
- แพ่งผิดสัญญาทั่วไป
- คดีเช็คเด้ง (แพ่ง)
- ร้องทุกข์ด้วยตัวเอง
- ร้องทุกข์ แจ้งความ
- ร้องเรียน สคบ.
- ร้องเรียน กรมแรงงาน
- ร้องเรียน สภาทนายความ
- บทความและความรู้
- บริการฟ้องด้วยตัวเอง
Menu
ร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ทำยังไงให้สำเร็จ
หลายคนคงเคยถูกนายจ้างเอาเปรียบกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทำโอฟรีนายจ้างไม่จ่ายค่าล่วงเวลาให้ ถูกสั่งให้หยุดงานแล้วไม่ได้เงิน ลาป่วยไม่มีใบรับรองแพทย์แล้วโดนหักเงิน ทำงานใกล้ผ่านโปรแล้วแต่ถูกเลิกจ้างกะทันหันแถมไม่ได้ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า ทำงานอยู่ดีดีก็ถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ทวงค่าชดเชยไม่ได้เพราะนายจ้างอ้างว่าเป็นพนักงานทดลองงาน เป็นลูกจ้างรายวันได้ทำงานวันไหนก็ได้เงินแค่วันนั้น เป็นต้น
ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพบเจอนั้นไม่ใช่เรื่องถูกต้อง แต่บางคนก็ต้องก้มหน้ายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะกลัวว่าจะโดนไล่ออกหรือไม่มีงานทำ ถ้าตกงานไปแล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้ ทำให้ไม่กล้าเรียกร้องสิทธิของตัวเอง
แต่รู้หรือไม่ว่า หากถูกนายจ้างไล่ออกกะทันหันเพราะเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายของตัวเอง เช่น ไปยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง ค่าโอที ยื่นข้อเรียกร้องเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ไปฟ้องศาลแรงงานให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในวันลาป่วย เป็นต้น นายจ้างต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า หรืออาจต้องจ่ายค่าชดเชย จ่ายดอกเบี้ยผิดนัด 15% ต่อปี และอาจต้องจ่ายเงินเพิ่ม 15% ทุก ๆ 7 วัน ในกรณีที่นายจ้างจงใจไม่จ่ายเงินด้วยนะ และยังถือว่านายจ้างฝ่าฝืน พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 อีกด้วย
รู้แบบนี้แล้วจะรอช้าอยู่ใย ต้องรีบอ่านข้อมูลที่ JusThat รวบรวมไว้ให้เพื่อเป็นแนวทางในการร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานด้านล่างได้เลย
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
คือใคร ร้องเรียนเรื่องอะไรได้บ้าง
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน มีหน้าที่ดูแลด้านสวัสดิการแรงงาน การคุ้มครองแรงงานและแรงงานสัมพันธ์ โดยมีเป้าหมายการทำงาน ดังนี้
- ให้แรงงานได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายและมีสวัสดิการที่เหมาะสม
- ผู้ประกอบการมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้านแรงงาน
และนอกจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแล้ว ยังมีหน่วยงานอื่นอีก 2 กรม 1 สำนักงาน และ 1 สถาบันที่สังกัดกระทรวงแรงงานเช่นกัน
- กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดูแลเรื่องการส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงาน
- กรมการจัดหางาน ดูแลด้านการส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำ ลดปัญหาการว่างงานและขาดแคลนแรงงาน
- สำนักงานประกันสังคม
- สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน)
โดยเราสามารถร้องเรียนเพื่อเรียกเงินและสิทธิต่าง ๆ ตามกฎหมาย ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ ดังนี้
เรียกร้องเงินหรือสิทธิตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
- ค่าจ้าง
- ค่าจ้างในวันลา
- ค่าทำงานในวันหยุด
- ค่าทำงานล่วงเวลา
- ค่าทำงานล่วงเวลาในวันหยุด
- ค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
- ค่าชดเชย
- ค่าชดเชยพิเศษ
- เงินประกันความเสียหายหรือเงินประกันการทำงาน
- ดอกเบี้ยผิดนัด
- เงินเพิ่มกรณีจงใจไม่จ่ายเงินตามมาตรา 9
- ยื่นคำขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
ร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ใครร้องเรียนได้บ้าง
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมีหน้าที่ดูแลบุคคล 2 กลุ่ม คือ “ลูกจ้าง” และ “ผู้รับงานไปทำที่บ้าน”
โดยที่ลูกจ้างนั้นจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 และกฎหมายอื่นเกี่ยวกับแรงงาน ส่วนผู้รับงานไปทำที่บ้านจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ.2553
ดังนั้น คนที่จะร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ ต้องเป็น
- ลูกจ้าง
- ผู้รับงานไปทำที่บ้าน
ทายาทเป็นผู้ร้องเรียนในกรณีที่ลูกจ้างหรือผู้งานไปทำที่บ้านถึงแก่ความตาย
ลูกจ้าง คือ ผู้ที่ตกลงทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้างไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร
และลักษณะที่สำคัญของการจ้างแรงงานคือ นายจ้างมีอำนาจบังคับบัญชาลูกจ้าง เช่น มีการกำหนดเวลาทำงาน กำหนดวันทำงาน ในเวลางานนายจ้างจะมีสิทธิในการสั่งงานได้ เป็นต้น
หมายความว่า ถ้าคนจ้างมีอำนาจบังคับบัญชา มีอำนาจสั่งให้ทำหรือไม่ให้ทำ ไม่ว่าจะเรียกว่าลูกจ้างรายชั่วโมง ลูกจ้างรายวัน ลูกจ้างรายเดือน ลูกจ้างที่อยู่ระหว่างทดลองงาน หรือลูกจ้างที่รับค่าจ้างตามผลงาน หรือนายจ้างพยายามเลี่ยงบาลีใช้คำว่าฟรีแลนซ์ พนักงานชั่วคราว พนักงานพาร์ทไทม์ พนักงานทดลองงาน ผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้างก็ตาม ทุกคนคือ “ลูกจ้าง” เหมือนกันและต้องได้รับสิทธิต่าง ๆ ตามที่กฎหมายเกี่ยวกับแรงงานกำหนดไว้
เช่น A เป็นลูกจ้างของ B เพิ่งเริ่มงานได้ 20 วันแล้วลาป่วย 2 วันเพราะปวดท้องไปทำงานไม่ได้ พอ A กลับไปทำงานและถึงวันจ่ายเงิน B ก็ไม่ยอมจ่ายเงิน 2 วันนั้นให้เพราะ A ไม่มีใบรับรองแพทย์ กรณีนี้ A สามารถร้องเรียนเพื่อเรียกค่าจ้างทั้ง 2 วันได้
หรือ N เป็นลูกจ้างรายวันของ O วันทำงานปกติจันทร์ – ศุกร์ แล้ว O สั่งให้ N หยุดงานวันอังคาร – พฤหัสบดี และไม่จ่ายค่าจ้างให้ N กรณีนี้ N ก็สามารถร้องเรียนเพิ่อเรียกร้องค่าจ้าง 3 วันนี้ได้
ผู้รับงานไปทำที่บ้าน คือ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ตกลงกับผู้จ้างงานเพื่อรับทํางานอันเป็นงานที่รับไปทำที่บาน
งานที่รับกลับไปทำที่บ้าน คือ งานที่ผู้จ้างงานในกิจการอุตสาหกรรมมอบให้ผู้รับงานไปทําที่บ้าน หรือสถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ใช่สถานประกอบการของผู้จ้าง เพื่อผลิต หรือประกอบ บรรจุ ซ่อม ปรับปรุง และงานนั้นต้องเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดในกระบวนการผลิต หรือธุรกิจในความ รับผิดชอบของผู้จ้างงาน เช่น ทำวิกผม ตัดเย็บเสื้อผ้า ทำดอกไม้ประดิษฐ์ แพ็คกิ๊บเป็นโหล ทำพวงกุญแจ ทำกระเป๋า เป็นต้น
เช่น B เปิดกิจการขายเสื้อปักมือ แต่ B ไม่อยากเพิ่มขนาดโรงงานและไม่อยากรับพนักงานในโรงงานเพิ่ม จึงหาคนรับเสื้อไปปักมือที่บ้าน C ที่รับเสื้อไปปักมือก็จะเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านโดยมี B เป็นผู้จ้าง
แต่ถ้า C มีบริการรับทำเสื้อปักมือแล้ว D มาจ้างให้ปักเสื้อให้ 3 ตัวจะเอาไปเป็นของขวัญ และ E ก็มาจ้างให้ C ปักเสื้อ 6 ตัวจะเอาไว้ใส่เอง แบบนี้ C จะเป็นผู้รับจ้างทำของ รับจ้างผลิต ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะจ้างทำของ
ร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ที่ไหน
ร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิได้รับเงินตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ.2553
- ร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานออนไลน์
- เดินทางไปร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงาน ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานในเขตพื้นที่ที่ทำงานด้วยตัวเอง
ร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
- อยู่ต่างจังหวัด ติดต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด
- อยู่ในกรุงเทพมหานครให้แจ้งที่กลุ่มงานคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ สำนักงานแรงงานสัมพันธ์ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ปรึกษาเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ ที่ต้องได้รับ
- ติดต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน 026602000 ในวัน เวลาราชการ
- ติดต่อกองคุ้มครองแรงงาน โทร. 02246894 ในวัน เวลาราชการ
- ติดต่อกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง โทร 026602059 ในวัน เวลาราชการ
- ติดต่อกลุ่มงานคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ สำนักงานแรงงานสัมพันธ์ โทร 026602150-2
- สายด่วน 1546 (ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.)
- สายด่วน 1506 กด 3 (ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30-16.30 น.)
- www.labour.go.th เมนู ติดต่อกรม
ร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ใช้หลักฐานอะไรบ้าง
หลังจากที่เกิดปัญหาขึ้น ได้เงินไม่ครบ อีกฝ่ายจ่ายเงินไม่ตรงตามนัดที่ตกลงกันไว้ สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือการบอกกล่าวทวงถาม และควรทวงถามให้มีหลักฐานเก็บไว้ด้วยนะ เช่น ส่งแชททวงถาม ส่งอีเมลทวงถาม หรือยื่นโนติสเป็นหนังสือเพื่อทวงถามก็ได้
แต่ถ้าใครไม่ได้ทวงถามก็ไม่ต้องตกใจไป ยังสามารถใช้สิทธิเรียกร้องเงินได้เหมือนเดิม เพราะหนี้ที่กำหนดระยะเวลาไว้ไม่จำเป็นต้องทวงถาม ถ้าพ้นกำหนดแล้วอีกฝ่ายไม่จ่ายจะถือว่าผิดนัดทันที และก่อนที่จะไปร้องเรียนต้องร้อยเรียง ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยนะ เพราะต้องกรอกในแบบฟอร์มและต้องตอบในระหว่างที่ให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วย
แบบฟอร์มร้องเรียน
แบบ คร.7 ใช้สำหรับยื่นคําร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
แบบ สกล.1 ใช้สำหรับยื่นคำขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
แบบ ครส. 1 ใช้สำหรับยื่นคํากล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรม ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
แบบ รน. 1 ใช้สำหรับยื่นคําร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทําที่บ้าน พ.ศ.2553
เอกสารสำคัญที่จำเป็นต้องใช้
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือ
- ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือ
- ใบอนุญาตทำงาน (work permit) หรือ
- หนังสือเดินทาง (Passport)
- ใบมรณะบัตร กรณีทายาทร้องเรียนแทน
พยานหลักฐานที่ต้องใช้
- สลิปค่าจ้าง หรือรายการเดินบัญชีธนาคารที่รับค่าจ้าง
- สำเนาบัญชีธนาคารที่รับค่าจ้าง
- หนังสือสัญญา (ถ้ามี)
- บัตรประจำตัวพนักงาน (ถ้ามี)
- หนังสือบอกกล่าวทวงถาม หรือหลักฐานการบอกกล่าวทวงถาม (ถ้ามี)
- กรณีถูกเลิกจ้างให้เตรียมหนังสือเลิกจ้าง หรือหลักฐานบอกเลิกจ้าง (ถ้ามี)
- หลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ร้องเรียน เช่น แชทสนทนาขอลาป่วย แชทสนทนาสั่งให้หยุดงาน คลิปวิดี คลิปเสียง รูปภาพ เป็นต้น
และพยานหลักฐานที่ใช้จะต้องมีการเก็บรักษาที่ถูกต้องและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด ไม่มีการแก้ไขดัดแปลงใด ๆ เช่น เอาคลิปวิดีโอไปตัดต่อส่วนที่ไม่ต้องการออกแบบนี้ไม่ได้นะ
หากร้องเรียนออนไลน์ เพื่อน ๆ สามารถกรอกข้อมูลในระบบออนไลน์ได้เลยนะ และควรเตรียมเอกสารและหลักฐานเป็นไฟล์ PDF. หรือไฟล์อื่น ๆ ที่สามารถเปิดใช้เอกสาร หลักฐานได้ง่าย
ร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
มีขั้นตอนยังไง
ยื่นคำร้องเรียกเงินตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ.2553
จะต้องยื่นคำร้องภายใน 2 ปี สำหรับค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา เงินอื่น ๆ ที่ได้จากการทำงาน หรือยื่นคำร้องภายใน 10 ปี สำหรับค่าบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชย
และต้องเลือกใช้สิทธิเรียกร้องเงินในช่องทางใดช่องทางหนึ่งเท่านั้น หากมีการนำเรื่องไปฟ้องศาลด้วยตัวเองแล้ว และคดีอยู่ในระหว่างการพิจาณาของศาลแรงงาน ก็จะใช้สิทธิร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานไม่ได้
หรือในทางกลับกันหากร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานแล้ว จะใช้สิทธิฟ้องศาลแรงงานไม่ได้เช่นกันจนกว่าจะมีคำสั่งจากพนักงานตรวจแรงงานก่อน จึงจะสามารถนำคดีไปสู่ศาลแรงงานได้
ยื่นคำขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
ในกรณีที่นายจ้างไม่ยอมปฎิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน เช่น สั่งให้จ่ายเงินค่าจ้างแล้วนายจ้างไม่จ่ายและไม่มีฝ่ายไหนนำคดีขึ้นสู่ศาลแรงงาน ต้องยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเป็นที่สุด
ยื่นคำกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำไม่เป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
ในกรณีที่ลูกจ้างถูก พักงาน ย้ายตำแหน่ง กลั่นแกล้ง เลิกจ้าง เพราะยื่นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสภาพการจ้าง หรืออื่นใดก็แล้วแต่ ที่เข้าหลักเกณฑ์ของ มาตรา 121 – 123 ลูกจ้างต้องยื่นคำกล่าวหาต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ภายใน 60 วันนับตั้งแต่มีการฝ่าฝืน เพื่อให้มีการตัดสินจากคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ก่อน ลูกจ้างจึงจะมีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาลแรงงาน
หรือนายจ้างฝ่าฝืน มาตรา 31 เลิกจ้างลูกจ้างที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง ในระหว่างการเรียกร้องหรือเจรจาต่อรอง ลูกจ้างจะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลแรงงานได้เลย โดยไม่ต้องร้องเรียนผ่านคณะกรรมการแรงงงานสัมพันธ์
แต่ถ้าถูกเลิกจ้างแล้วไปฟ้องศาลด้วยตัวเอง เพื่อเรียกค่าเสียหายจากการเลิกไม่เป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 ก็จะยื่นคำกล่าวหาต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ เพื่อเรียกค่าเสียหายจากการกระทำไม่เป็นธรรม หรือฟ้องเรียกค่าเสียหายตามมาตรา 31 ซ้ำอีกไม่ได้ จะต้องเลือกใช้สิทธิทางใดทางหนึ่งเท่านั้นนะ
ร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานออนไลน์
การลงทะเบียน
- เข้าไปที่ //eservice.labour.go.th/eservice/
- เลือกลงทะเบียน
- เลือกสำหรับประชาชน
- ให้ความยินยอมนโยบายความเป็นส่วนตัว
- กรอกข้อมูลส่วนตัวให้ถูกต้อง ครบถ้วน
- User จะปรากฎที่ด้านล่าง และกำหนดรหัสผ่าน
- เลือก I’m not a robot และกดบันทึก
การเข้าใช้ระบบ
- ใส่ User และ Password ให้ถูกต้องและเข้าระบบ
- เลือกบริการที่ต้องการ
- เข้าไปแล้วกดเครื่องหมายบวกสีเขียว
- ระบบจะพาไปที่แบบฟอร์ม กรอกข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ถูกต้อง ชัดเจน
- และแนบเอกสารประกอบคำร้อง
- หากยังไม่แน่ใจ หรือข้อมูลยังไม่ครบถ้วนให้กดบันทึกไว้ก่อน ระบบจะทำการจัดเก็บข้อมูลไว้ให้เข้าไปแก้ไขเพิ่มเติมภายหลัง
- เมื่อเอกสารและข้อมูลครบถ้วนแล้วก็กดส่งข้อมูลได้เลย
เดินทางไปร้องเรียนด้วยตัวเอง
เมื่อไปถึงให้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาร้องเรียนเรื่องอะไร และต้องไปในวันและเวลาราชการเท่านั้นนะ เจ้าหน้าที่จะให้กรอกแบบฟอร์ม แต่ถ้าเราเตรียมและกรอกข้อมูลไปเรียบร้อยแล้วก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย เมื่อเจ้าหน้าที่ซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ต้องเล่าทุกอย่างตามความเป็นจริงนะ และก่อนลงชื่อรับรองเอกสารใด ๆ เราต้องตรวจสอบความถูกต้องทุกครั้ง หากมีอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือตรงตามความเป็นจริง เราต้องแจ้งให้เจ้าหน้าทราบ หรือทำการแก้ไขให้ถูกต้องก่อนแล้วค่อยลงลายมือชื่อ และอย่าลืมให้เอกสาร หลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปพิจารณาด้วยนะ
ร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ต้องทำยังไงต่อ
เรียกร้องเงินตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้รับคำร้องแล้ว จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงจากทั้ง 2 ฝ่าย และมีคำสั่งภายใน 60 วันนับแต่วันที่รับคำร้อง แต่ถ้าดำเนินการไม่ทันพนักงานตรวจจะสามารถขอขยายระยะเวลาออกไปได้อีกไม่เกิน 30 วัน รวมเวลาดำเนินการทั้งหมดจนออกคำสั่งต้องไม่เกิน 90 วัน
หลังจากสอบสวนแล้วผู้ยื่นคำร้องมีสิทธิได้รับเงินจริง พนักงานตรวจแรงงานจะสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินให้ภายใน 30 วัน วันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง และแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบ โดยให้จ่ายเงินที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือตามสถานที่หรือวิธีที่ตกลงกัน หรือในทางกลับกันหากพนักงานตรวจแรงงานเห็นว่า ผู้ยื่นคำร้องไม่มีสิทธิได้รับเงิน ก็จะมีคําสั่งแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นคําร้องและนายจ้างทราบเช่นเดียวกัน
ถ้านายจ้างยอมจ่ายให้แต่ผู้มีสิทธิไม่ไปรับเงินภายใน 15 วัน พนักงานตรวจแรงงานจะส่งเงินไปเก็บรักษาในกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างโดยฝากไว้กับธนาคาร และดอกเบี้ยจากการฝากเงินจะเป็นของลูกจ้างหรือทายาทด้วย
กรณีที่ได้ทราบคำสั่งแล้ว ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน จะต้องนำคดีไปฟ้องต่อศาลแรงงานภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่ง และเมื่อมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลแรงงาน สิทธิรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างก็จะหมดไป
แต่หากไม่มีการนําคดีไปสู่ศาลแรงงานภายในกําหนด คําสั่งพนักงานตรวจแรงงานจะเป็นที่สุด ตามมาตรา 125 วรรค 2 ลูกจ้างหรือทายาทก็สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้ โดยกองทุนจะนำเงินมาจ่ายให้ก่อนแล้วไปเรียกเงิน ยึดอายัดทรัพย์จากนายจ้างอีกที
เรียกร้องเงินหรือสิทธิตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518
เมื่อยื่นคำกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรม ตามมาตรา 121 – 123 ไปแล้ว เรื่องจะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมแรงงานสัมพันธ์ ซึ่งตามหลักจะต้องมีคำสั่งภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำกล่าวหา แต่ก็ยังมีการขยายระยะเวลาออกไปได้อีก ตามมาตรา 125
หลังจากวินัยฉัยแล้วพบว่าลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าเสียหาย หรือมีการสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าไปทำงาน นายจ้างจะต้องปฎิบัติตามคำสั่งภายใน 10 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่ง ถ้านายจ้างไม่ยอมทำตามคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ นายจ้างก็จะถูกดำเนินคดีอาญาด้วย แต่ลูกจ้างหรือนายจ้างถ้าไม่พอใจคำสั่ง ก็มีสิทธิฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวต่อศาลแรงงานได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30
เรียกร้องเงินตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ.2553
หลังจากพนักงานตรวจแรงงานได้รับคำร้องแล้ว จะดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงจากทั้ง 2 ฝ่าย และมีคำสั่งภายใน 30 วันนับแต่วันที่รับคำร้อง แต่ถ้าดำเนินการไม่ทันพนักงานตรวจแรงงาน สามารถขอขยายระยะเวลาออกไปได้อีกไม่เกิน 30 วัน รวมเวลาดำเนินการทั้งหมดจนออกคำสั่งต้องไม่เกิน 60 วัน
เมื่อสอบสวนแล้วพนักงานตรวจแรงงานจะสั่งให้ผู้จ้างจ่ายเงินให้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง และแจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบ โดยให้จ่ายเงินตามสถานที่หรือวิธีที่ตกลงกัน หากพนักงานตรวจแรงงานเห็นว่า ผู้ยื่นคำร้องไม่มีสิทธิได้รับเงิน ก็จะมีคําสั่งแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ยื่นคําร้องและผู้จ้างงานทราบเช่นเดียวกัน
แต่ถ้าไม่เห็นด้วยกับคําสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน จะต้องนําคดีไปสู่ศาลแรงงานภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทราบคําสั่ง หากไม่มีการนําคดีไปสู่ศาลแรงงานภายในกําหนด คําสั่งพนักงานตรวจแรงงานจะเป็นที่สุด ตามมาตรา 35
ร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ไม่อยากร้องเรียน ไม่พอใจคำสั่ง จะทำยังไงได้บ้าง
การร้องเรียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ลูกจ้าง และผู้รับงานไปทำที่บ้าน สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหาก
- ร้องเรียนแล้วไม่พอใจคำสั่งของเจ้าหน้าที่ หรือ
- เรียกร้องค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม หรือ
- เรียกร้องค่าเสียหายจากนายจ้างที่ฝ่าฝืน มาตรา 31 พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 หรือ
- เหตุผลอื่น ๆ
ก็สามารถฟ้องศาลด้วยตัวเองได้ โดยฟ้องเป็นคดีแพ่งที่ศาลแรงงาน แต่ต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดด้วยนะ โดยค่าจ้าง ค่าทำงานล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด หรือเงินที่ต้องได้จากการทำงานจะมีอายุความ 2 ปี ส่วนค่าชดเชย ค่าบอกกล่าวล่วง และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม มีอายุความ 10 ปี
แต่ถ้าต้องการฟ้องเพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน จะต้องฟ้องภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง ส่วนการฟ้องเพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ จะต้องดำเนินการภายใน 10 ปี แต่ถ้าทิ้งระยะเวลาไว้นาน ๆ ก็อาจจะถูกยกฟ้องเพราะไม่ติดใจเพิกถอนก็ได้นะ
รู้หรือไม่?! คดีแพ่งสามารถฟ้องศาลด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องจ้างทนาย!
JusThat บริการฟ้องด้วยตัวเอง ค่าบริการปรึกษาเริ่มต้น 1,500 บาท ประหยัดค่าจ้างทนายความได้หลายหมื่นบาท
- แอดไลน์ @justhatapp
- เช็คโอกาสชนะและค่าใช้จ่าย
- หากต้องการ ส่งฟ้องได้ทันที