อายุ การ ใช้ งาน ของ ฟัน ปลอม

Post Views: 12,101

ฟันปลอม ครบทุกเรื่องที่ควรรู้!!

ฟันปลอม : เมื่อมีการสูญเสียฟันไป สิ่งที่จะเป็นผลกระทบตามมาก็คือ การบดเคี้ยวที่ด้อยลง ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนตอนมีฟัน รวมถึง เรื่องของ ความสวยงาม และความมั่นใจในการยิ้ม ดังนั้น หากมีเหตุจำเป็น หรือต้องถอนฟันออกไปจริงๆ หลายๆคน คงจะนึกถึงตัวช่วยดีๆ อย่าง “ฟันปลอม” เพื่อมาทดแทนซี่ฟันธรรมชาติที่หายไป เพื่อเรียกความมั่นใจ และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี กลับคืนมา

ฟันปลอม ครบทุกเรื่องที่ควรรู้

ในบทความนี้ จะตอบทุกคำถามที่หลายๆคนสงสัย เกี่ยวกับ ฟันปลอม ทั้ง ฟันปลอมมีกี่แบบ แต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร, ฟันปลอมแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร, ฟันปลอมถาวร สามารถทำได้มั้ย และสามารถทำได้ตอนไหน, ฟันปลอมแบบติดแน่น หรือ ฟันปลอมแบบถอดได้ เลือกแบบไหนดี ไปจนถึง ราคา ฟันปลอม ทั้งแบบ ฟันปลอมถอดได้, ฟันปลอมติดแน่น, ฟันปลอมถาวร, ฟันปลอมชั่วคราว เชิญเลือกอ่านหัวข้อที่สนใจได้ด้านล่างเลยค่ะ

= = = = = = = = = = = =

สารบัญ – ฟันปลอม

= = = = = = = = = = = =

มารู้จัก “ฟันปลอม” แบบต่างๆกันเถอะ

ฟันปลอม คืออะไร

ฟันปลอม คือสิ่งประดิษฐ์ ที่นำมาใช้เพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป เนื่องจากสาเหตุต่างๆ โดยมีวัสดุหลากหลายชนิด ที่สามารถนำมาผลิตเป็นฟันปลอมได้ เช่น พลาสติก เซรามิค หรือโลหะ เป็นต้น ซึ่งวัสดุแต่ละประเภท ก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป ดังนั้น การเลือกฟันปลอมที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละกรณี จึงเป็นเรื่องที่จะต้องใช้ข้อมูลหลายๆด้านมาประกอบการตัดสินใจ นอกจากวัสดุที่ใช้ทำฟันปลอมจะมีหลายประเภทแล้ว ชนิดของ ฟันปลอม นั้น ก็มีด้วยกันหลายแบบเช่นกัน แต่ถ้าจะให้แบ่งตามหัวข้อกว้างๆ ว่า ฟันปลอมมีกี่แบบ ก็จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ใหญ่ๆ นั่นก็คือ ฟันปลอมแบบถอดได้ และ ฟันปลอมแบบติดแน่น

การทำฟันปลอมนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถทำให้เสร็จภายในครั้งเดียวได้ อีกทั้งยังต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับตัว เพื่อให้คุ้นเคยกับฟันปลอมที่ทำขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวในการเคี้ยว หรือการพูดออกเสียง แต่ทั้งนี้ หากได้ลองใส่ให้คุ้นชินกับฟันปลอมนั้นๆซักพักหนึ่ง ทุกคนก็จะสามารถปรับตัวให้ยอมรับกับฟันปลอมได้ จนสามารถใช้ฟันปลอมในการดำรงชีวิตได้อย่างดี เหมือนเป็นอวัยวะอีกชิ้นหนึ่ง

ฟันปลอมมีกี่แบบ

โดยทั่วไป จะสามารถแบ่งประเภทของฟันปลอม ออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ ฟันปลอมแบบถอดได้ , ฟันปลอมแบบติดแน่น และ การทำรากเทียมซึ่งความแตกต่างของฟันปลอมทั้ง 3 ประเภท และข้อดีข้อเสีย ของฟันปลอมแต่ละประเภท มีดังรายละเอียดต่อไปนี้

ฟันปลอมมีกี่แบบ – ตัวอย่างฟันปลอมแบบถอดได้

ฟันปลอมแบบถอดได้

คือ ฟันปลอมที่ไม่ได้ยึดแน่นอยู่ในช่องปาก สามารถถอดเข้าออกเพื่อนำออกมาทำความสะอาดนอกช่องปากได้ มีลักษณะเป็นฟันปลอมแต่ละซี่ ยึดติดอยู่กับฐานของฟันปลอมที่ทำจากวัสดุหลายประเภท ซึ่งตัวฟันปลอมแบบถอดได้นี้ หากจะถามว่า ฟันปลอมมีกี่แบบ จะสามารถแบ่งย่อยได้อีก 4 ประเภท ตามวัสดุที่ใช้ทำฐานของฟันปลอม นั่นคือ

  1. ฟันปลอมฐานพลาสติก
  2. ฟันปลอมฐานโลหะ
  3. ฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม
  4. ฟันปลอมทั้งปาก

โดยแต่ละประเภท มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร และข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง สามารถศึกษาได้จากบทความด้านล่างค่ะ

1. ฟันปลอมฐานพลาสติก

เป็น ฟันปลอม ที่ทำได้ง่ายที่สุด ในกระบวนฟันปลอมทั้งหมด มีลักษณะเป็นฟันปลอมพลาสติกเป็นซี่ๆ ยึดอยู่กับฐานฟันปลอมที่ทำจากอะคริลิกสีชมพู ตกแต่งให้ดูคล้ายคลึงกับเหงือกธรรมชาติ มีได้ตั้งแต่ 1 ซี่ ไปจนถึงหลายซี่ โดยในกรณีที่เป็นฟันปลอมหลายๆซี่ อาจพบมีตะขอที่ทำจากโลหะ ช่วยยึดเกี่ยวกับตัวฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่ในช่องปาก เพื่อให้ฟันปลอมยึดเกาะได้แน่นขึ้น ลักษณะของฐานฟันปลอมของขากรรไกรบนและล่าง จะมีลักษณะไม่เหมือนกัน โดยในขากรรไกรบน ฐานของฟันปลอม จะมีลักษณะแผ่ และยึดแนบไปกับเพดานปาก ส่วนในขากรรไกรล่าง จะมีลักษณะเหมือนเกือกม้า โค้งหลบตำแหน่งของลิ้น

ข้อดีของฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก

ฟันปลอมถอดได้แบบนี้ มีข้อดีอยู่หลายประการ ดังนี้

  1. ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากขั้นตอนในการทำไม่ซับซ้อน
  2. สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่าย
  3. ราคาไม่แพง สามารถเบิกประกันสังคมได้

ข้อเสียของฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก

  1. อาจทำให้ผู้ใส่เกิดความรำคาญ เนื่องจากฐานของฟันปลอมที่มีขนาดใหญ่ และหนา
  2. การยึดเกาะจะไม่ค่อยแน่น อาจหลุดเวลาเคี้ยว หรือเวลาพูดได้ ถ้าฟันปลอมหลวมมากๆ
  3. ฟันปลอมชนิดนี้ มีประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารต่ำกว่าฟันปลอมประเภทอื่น
  4. อาจมีเศษอาหารเข้าไปติดใต้ฐานฟันปลอม โดยเฉพาะถ้าเป็นอาหารเศษเล็กๆ เช่น เม็ดน้ำตาล หรือเม็ดพริก จะกดเหงือกและทำให้รู้สึกเจ็บมาก
  5. ฐานของฟันปลอมที่เป็นอะคริลิก จะดูดสี และกลิ่น จากอาหารที่รับประทานเข้าไป เกิดการเปลี่ยนสีได้
  6. มีอายุการใช้งานสั้นกว่าฟันปลอมชนิดอื่น ใช้งานไปซักพัก จะหลวมมากขึ้นเรื่อยๆ
  7. หากใช้ในระยะเวลานาน สันเหงือกอาจเกิดการยุบตัวได้
  8. มีโอกาสแตกหักได้ง่าย ถ้าทำหล่น
ฟันปลอมมีกี่แบบ – ฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก

= = = = = = = = = = = = = = = =

2. ฟันปลอมฐานโลหะ

เป็นฟันปลอมที่มีลักษณะคล้ายกับฟันปลอมฐานพลาสติก แต่จะเปลี่ยนในส่วนบริเวณฐาน เป็นโครงโลหะแทน และจะมีอะคริลิกสีชมพูแปะอยู่บางส่วน โดยซี่ของฟันปลอม จะเป็นพลาสติกเช่นเดียวกันกับฟันปลอมฐานพลาสติก

ข้อดีของฟันปลอมถอดได้โครงโลหะ

  1. ฐานโลหะจะมีความเล็ก บางมากกว่าฐานพลาสติก ทำให้เวลาใส่ จะรำคาญน้อยกว่า
  2. อายุการใช้งานนานกว่า เนื่องจากโลหะไม่ดูดสีและกลิ่น โดยถ้าดูแลรักษาดีๆ ฟันปลอมถอดได้โครงโลหะ อาจมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี
  3. การปรับตัวในการใส่ฟันปลอม การบดเคี้ยวและการออกเสียง จะทำได้ง่ายกว่าฟันปลอมฐานพลาสติก

ข้อเสียของฟันปลอมถอดได้โครงโลหะ

  1. เนื่องจากฐานและตะขอ จะได้รับการขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันด้วยโลหะหล่อ ทำให้อาจมองเห็นตะขอสีเงินได้ในบางบริเวณ ซึ่งอาจมีผลต่อความสวยงาม
  2. มีราคาสูงกว่าฟันปลอมฐานพลาสติก
  3. อาจต้องเพิ่มขั้นตอนในการทำมากกว่าฟันปลอมฐานพลาสติก
ฟันปลอมมีกี่แบบ – ฟันปลอมถอดได้โครงโลหะ

= = = = = = = = = = = = = = = =

3. ฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม

หรือเรียกอีกชื่อว่า ฟันปลอม ถอดได้ฐานพลาสติกยืดหยุ่น เป็น ฟันปลอม ที่มีลักษณะคล้ายกับฟันปลอมฐานพลาสติก แต่ในส่วนบริเวณฐานฟันปลอม แทนที่จะทำด้วยอะคริลิกแข็ง จะทำด้วยวัสดุพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นแทน โดยมาก จะใช้ในกรณีที่ฟันหายไปจำนวนน้อยๆเช่น 1หรือ2ซี่ แต่ในบางกรณี อาจใช้ในผู้ที่มีฟันหายไปมากกว่านั้นก็เป็นได้

ข้อดีของฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม

  1. มีความยืดหยุ่นสูง ทำง่าย ใส่พอดีได้ง่าย
  2. สามารถปรับด้วยตัวเองได้ โดยหากฟันปลอมหลวม หรือใส่ไม่ลง ให้นำมาแช่น้ำอุ่น จากนั้น ให้นำเข้าไปใส่ในปาก ฟันปลอมชนิดนี้ จะสามารถปรับให้พอดีได้เอง
  3. ไม่มีตะขอสีโลหะ จึงไม่มีปัญหาเรื่องความสวยงาม
  4. เนื่องจากเป็นพลาสติกชนิดที่ยืดหยุ่นได้ จึงตกไม่แตก และไม่ค่อยหักง่าย เมื่อเทียบกับฟันปลอมฐานอะคริลิก

ข้อเสียของฟันปลอมชนิดฐานนิ่ม

  1. ราคาสูงกว่าฟันปลอมฐานพลาสติกธรรมดา
  2. ฐานของฟันปลอมสามารถดูดสีและกลิ่นจากอาหารที่รับประทานได้
  3. เนื่องจากตัวฟันปลอมเป็นชนิดฐานนิ่ม เวลาเคี้ยวอาหาร บางคนอาจรู้สึกว่าฟันปลอมมีการยวบขึ้นลงตามการบดเคี้ยว
  4. เนื่องด้วยฐานของฟันปลอมจะแนบพอดีไปกับเหงือกมาก บาคนอาจมีอาการเจ็บตอนใส่ใหม่ๆ ต้องมาปรับแก้หลายครั้ง
ฟันปลอมมีกี่แบบ – ฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติกนิ่ม

= = = = = = = = = = = = = = = =

4. ฟันปลอมทั้งปาก

ในกรณีที่มีการสูญเสียฟันไปทั้งหมด การใส่ฟันปลอมทั้งปาก จะสามารถทดแทนฟันธรรมชาติได้ ทั้งในเรื่องของการบดเคี้ยว ความสวยงาม การออกเสียงพูด และความสวยงามของใบหน้า วัสดุที่ใช้ในการทำฟันปลอมทั้งปาก ส่วนใหญ่จะเป็นซี่ฟันพลาสติก กับฐานที่ทำมาจากอะคริลิกแบบแข็ง สีชมพูเหมือนกับสีของเหงือก ในส่วนของขากรรไกรบน จะแผ่ขยายฐานเต็มเพดานปาก ส่วนของขากรรไกรล่าง จะแผ่ฐานด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปเกือกม้า เพื่อเว้าหลบส่วนของลิ้น ฟันปลอมทั้งปาก แบ่งตามวิธีการทำได้ 3 แบบ คือ

ฟันปลอมทั้งปาก
  • ฟันปลอมทั้งปากแบบดั้งเดิม: ฟันปลอมทั้งปากแบบดั้งเดิม จะทำได้หลังจากที่ถอนฟันทั้งปากออกหมด และรอแผลถอนฟันหาย เหงือกเข้าที่ และเนื้อเยื่อต่างๆหายเป็นปกติ ซึ่งมักจะต้องรอหลังถอนฟันอย่างน้อย ประมาณ 1-2 เดือน ในบางกรณี อาจต้องรอนานถึง 6 เดือน ในกรณีที่มีการตัดแต่งกระดูกร่วมด้วย ในระหว่างที่รอแผลถอนฟันหาย จะไม่มีฟันในช่วงเวลานั้นๆ
  • ฟันปลอมทั้งปากแบบทันที: ฟันปลอมทั้งปากชนิดนี้ จะมีการเตรียมทำไว้ก่อนที่จะทำการถอนฟันออก และภายหลังถอนฟันทั้งหมดออกไป ก็สามารถใส่ ฟันปลอม ทดแทนได้ทันที ซึ่งทันตแพทย์ จะทำการพิมพ์ปาก สร้างแบบจำลองฟัน และสร้างการสบฟันไว้คร่าวๆ ก่อนจะถอนฟัน เพื่อให้ชิ้นงานฟันปลอม เสร็จทันก่อนจะถึงวันนัดถอนฟัน ฟันปลอมทั้งปากชนิดนี้ มีข้อดีคือ จะช่วยให้ไม่ต้องขาดฟัน แม้กระทั่งหลังถอนฟันทันที แต่อย่างไรก็ดี ฟันปลอมชนิดนี้ จะหลวมมากขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังจากที่ใส่ไป เนื่องจากกระดูกขากรรไกรและสันเหงือก จะเกิดการยุบตัวลงเรื่อยๆ ดังนั้น ภายหลังจากที่สันเหงือกยุบตัวลงจนเข้าที่แล้ว อาจจะต้องทำฟันปลอมชุดใหม่ หรือทำการเสริมฐานฟันปลอมชุดเดิม เพื่อให้แน่นขึ้น
  • ฟันปลอมทั้งปากแบบวางบนรากเทียม: ฟันปลอมทั้งปากชนิดนี้ จะคล้ายกับ ฟันปลอม ทั้งปากแบบดั้งเดิม แต่จะมีรากเทียมที่ฝังเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว เป็นตัวช่วยยึดฟันปลอม (ฟันปลอมแบบดั้งเดิม จะใช้พื้นที่บริเวณสันเหงือกและเพดานปากเป็นตัวยึดเกาะ) ซึ่งจากกแรงยึดโดยรากเทียม จะทำให้ฟันปลอมชนิดนี้แน่นเทียบเท่าฟันธรรมชาติ สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่หลุดง่ายเวลาอ้าปากกว้างๆ หรือเวลาพูดคุย หัวเราะ แต่ข้อเสียคือ จะมีราคาสูงกว่าฟันปลอมทั้งปากแบบปกติ
ฟันปลอมทั้งปากแบบวางบนรากเทียม

ทั้งนี้ ฟันปลอมถอดได้ประเภทไหน ที่จะเหมาะสมกับคุณ คงต้องให้ทันตแพทย์เป็นผู้พิจารณา โดยใช้ปัจจัยหลายๆอย่างมาประกอบกัน ทั้งสภาพฟันที่คงเหลืออยู่ในช่องปาก สภาพเนื้อเยื่ออ่อนและสันกระดูกในช่องปาก รวมถึงปัจจัยเรื่องของค่าใช้จ่ายด้วยค่ะ

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

ฟันปลอมแบบติดแน่น มี2ประเภท คือ ครอบฟัน และ สะพานฟัน

ฟันปลอมแบบติดแน่น

เป็นฟันปลอมแบบที่จะติดอยู่กับฟันในช่องปาก หรือที่บางคนเรียกว่า ฟันปลอมถาวร โดย ฟันปลอม ชนิดนี้ จะถอดออกมาทำความสะอาดนอกช่องปากไม่ได้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยๆ ตามจำนวนของซี่ฟันที่ใส่ ได้ 2 ประเภท คือ

  1. ครอบฟัน
  2. สะพานฟัน

โดยรายละเอียดของ ฟันปลอมแบบติดแน่น หรือ ฟันปลอมถาวร สามารถศึกษาได้จากด้านล่างเลยค่ะ

ฟันปลอมแบบติดแน่น – ประเภทครอบฟัน

1. ครอบฟัน

ครอบฟัน คือ ฟันปลอมแบบติดแน่น ชนิดที่ทำเป็นซี่เดี่ยวๆในช่องปาก เป็นประเภทหนึ่งของ ฟันปลอมถาวร ที่ต้องอาศัยการกรอฟันธรรมชาติให้เล็กลง และนำเอาครอบฟันมาใส่เพื่อช่วยให้ฟันซี่ดังกล่าวกลับมาคล้ายกับฟันธรรมชาติเดิม มักจะทำในกรณีที่ยังคงมีฟันธรรมชาติเหลืออยู่ในช่องปาก แต่ฟันซี่นั้นๆ มีรอยผุ หรือแตกหักใหญ่เกินกว่าจะบูรณะได้ด้วยการอุดฟัน

ฟันปลอมแบบติดแน่น – ประเภทสะพานฟัน

2. สะพานฟัน

สะพานฟัน คือ ฟันปลอมแบบติดแน่น เหมือนกับครอบฟัน แต่มักจะใช้ในกรณีที่มีการสูญเสียฟันธรรมชาติไป แต่ไม่ต้องการที่จะใส่ ฟันปลอม แบบถอดเข้าออก โดยหน้าตาของสะพานฟันนั้น จะเหมือนๆกับฟันธรรมชาติเดิม ไม่ต้องมีตะขอ ไม่ต้องมีฐาน ฟันปลอม แต่ใช้วิธีการกรอเอาฟันซี่ข้างๆออกให้เล็กลง แล้วใช้ฟันซี่นั้นๆ เป็นหลักยึดเพื่อใส่ฟันซี่ที่หายไป

ข้อดีของ ฟันปลอมแบบติดแน่น

  1. สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ เพราะซี่ฟันมักทำมาจากเซรามิค ทำให้มีลักษณะ สี และการสะท้อนแสง เหมือนฟันธรรมชาติมาก
  2. สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างปกติ เพราะไม่ต้องกลัวว่าจะหลวม หรือหลุดเวลาเคี้ยว
  3. อายุการใช้งานยืนยาว เพราะเป็น ฟันปลอมถาวร ไม่ต้องคอยกังวลว่าฟันปลอมจะหลวม, ฐานฟันปลอมจะมีการดูดสี ดูดกลิ่น หรือต้องคอยทำใหม่เรื่อยๆ
  4. ไม่รำคาญ เพราะไม่มีส่วนฐานฟันปลอมที่เกะกะ
  5. ไม่ทำให้สันเหงือก หรือสันกระดูกเกิดการยุบตัว เพราะส่วนที่รับแรงบดเคี้ยวคือฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียง ไม่เหมือนฟันปลอมถอดได้ ที่ส่วนสันเหงือกเป็นจุดรับแรงบดเคี้ยว
  6. ไม่เกิดปัญหายุ่งยากในการทำความสะอาด เพราะไม่ต้องคอยถอดออกมาล้าง ใช้เพียงการแปรงฟันตามปกติ ก็เพียงพอ
  7. ไม่มีปัญหาเศษอาหารชิ้นเล็กหลุดเข้าไปใต้ฐานฟันปลอม

ข้อเสียของ ฟันปลอมติดแน่น

  1. ราคาแพง กว่าฟันปลอมถอดได้ โดย ราคา ฟันปลอม จะคิดเป็นซี่ๆ โดยคิดรวมซี่ที่เป็นหลักยึดด้วย กล่าวคือ หากฟันหายไป 1 ซี่ จะต้องใส่ฟันทั้งหมด 3 ซี่ เนื่องจากมีหลักยึดหัวท้ายด้วย
  2. วิธีการทำ อาจจะทำให้เกิดการเจ็บมากกว่าการทำฟันปลอมแบบถอดได้ เนื่องจากต้องมีการใส่ยาชา เพื่อกรอฟันธรรมชาติ
  3. ในกรณีที่ใส่ ฟันปลอมถาวร แบบสะพานฟัน จะต้องมีการกรอฟันธรรมชาติที่ดีข้างเคียง บางคน อาจไม่ต้องการให้ยุ่งกับฟันธรรมชาติที่ดีๆอยู่

จะเห็นได้ว่า ฟันปลอมติดแน่นนั้น มีข้อดีมากกว่าฟันปลอมถอดได้อยู่หลายประการ (หากไม่คำนึงถึง ราคา ฟันปลอม) แต่ไม่ใช่ทุกกรณี ที่จะสามารถทำ ฟันปลอมแบบติดแน่น ได้ ซึ่งกรณีไหนบ้างที่จะสามารถใส่ ฟันปลอมแบบติดแน่น ได้ อาจจะต้องขอคำปรึกษาจากทันตแพทย์ก่อนค่ะ

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

วิธีการทำ ฟันปลอมแบบติดแน่น

ในที่นี้ จะขออธิบายถึงวิธีการทำ ฟันปลอมถาวร แบบสะพานฟัน เนื่องจากกระบวนการทำ ฟันปลอมแบบติดแน่น ประเภท ครอบฟัน จะอธิบายไว้ในหัวข้อ การครอบฟัน โดยเฉพาะค่ะ

  1. ขั้นตอนการเตรียมฟัน
    • ทันตแพทย์จะทำการตรวจสภาพช่องปากโดยรวม พิจารณาความเหมาะสมในการใส่สะพานฟัน
    • ทำการถ่ายภาพรังสี เพื่อดูว่าฟันซี่ข้างเคียงที่จะใช้เป็นหลักยึด มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด หากมีกระดูกละลายตัวไปมาก หรือเป็นโรคเหงือก จะไม่สามารถใช้เป็นหลักยึดสำหรับสะพานฟันได้
    • พิมพ์ปาก เพื่อส่งทำสะพานฟันชั่วคราว รวมถึงพิมพ์ปากฟันคู่สบ เพื่อดูลักษณะการสบฟัน
    • เลือกสีฟันที่ใกล้เคียงกับสีฟันธรรมชาติมากที่สุด ภายใต้แสงธรรมชาติ และเลือกประเภทของครอบฟันที่เหมาะสม
  2. การกรอแต่งฟันซี่ข้างเคียง
    • ทันตแพทย์จะใส่ยาชาบริเวณตำแหน่งที่จะทำการกรอแต่งฟัน
    • จากนั้น ทันตแพทย์จะกรอแต่งฟันซี่ข้างเคียง ให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะสม กับการใส่ ฟันปลอมแบบติดแน่น
    • พิมพ์ปากแบบละเอียด เพื่อเก็บรายละเอียดทั้งหมดของฟันที่กรอแต่งแล้ว รวมถึงข้อมูลต่างๆ เช่น ฟันคู่สบ และสีฟัน เพื่อส่งห้องปฏิบัติการ ทำชิ้นงานสะพานฟัน
  3. ใส่สะพานฟันชั่วคราว
    • ในระหว่างที่รอชิ้นงาน สะพานฟัน ตัวจริง ทันตแพทย์จะใส่สะพานฟันชั่วคราว ที่ทำมาจากอะคริลิกสีขาวให้ เพื่อไม่ให้ฟันข้างเคียงที่ได้รับการกรอแต่งมีปัญหาเสียวฟัน
    • สะพานฟันชั่วคราว จะยึดโดยซีเมนต์ชั่วคราว ที่สามารถถอดออกได้ไม่ยาก
    • โดยสะพานฟันชั่วคราวนี้ จะทำให้คุณสามารถใช้งานฟันได้ตามปกติ
  4. ยึดติดสะพานฟันถาวร
    • ภายหลังการกรอแต่งฟันประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะทำการนัดหมายมาเพื่อใส่ชิ้นงานสะพานฟันตัวจริง
    • ทันตแพทย์จะทำการรื้อสะพานฟันชั่วคราวออก ในขั้นตอนนี้ อาจจะต้องใส่ยาชาร่วมด้วย เพื่อไม่ให้ฟันซี่ที่เป็นหลักยึด เกิดอาการเสียวฟัน
    • ทำความสะอาดฟันให้สะอาดที่สุด ไม่ให้เหลือคราบซีเมนต์ชั่วคราวตกค้างอยู่
    • ยึดติด สะพานฟัน ตัวจริง ด้วยซีเมนต์ชนิดถาวร ที่เหมาะสมกับฟันธรรมชาติในช่องปาก
    • ทำการปรับแต่งการสบฟันให้เข้ากับฟันธรรมชาติที่เหลือในช่องปาก
    • ตรวจสอบโดยการใช้ไหมขัดฟัน ว่ามีความแน่นที่พอดี ไม่แน่นมากไปจนเบียดฟันข้างๆ หรือหลวมจนเศษอาหารติดซอกฟัน
    • ทันตแพทย์จะสอนวิธีการทำความสะอาด สะพานฟัน ทั้งฟันซี่ข้างเคียง และใต้ซี่ฟันปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้เหงือกอักเสบ
  5. การนัดหมายกลับมาตรวจความเรียบร้อย
    • โดยมาก ทันตแพทย์มักจะให้คุณลองกลับไปใช้งานสะพานฟันดูก่อน ประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะนัดหมายมาเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย
    • รวมถึงตรวจดูการใช้งาน ว่าสามารถเคี้ยวอาหารได้เป็นปกติหรือไม่

การนัดหมายแต่ละครั้ง อาจจะห่างกันประมาณ 1-2 สัปดาห์ ดังนั้น ทั้งกระบวนการทำ ฟันปลอมแบบติดแน่น หรือ ฟันปลอมถาวร นี้ จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน (รวมถึงเวลาที่นัดหมายมากลับมาตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง) จึงจะเสร็จเรียบร้อยค่ะ

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

สะพานฟันมีกี่ประเภท

หากจะถามว่า ฟันปลอมมีกี่แบบ โดยเฉพาะ ฟันปลอม ประเภทสะพานฟัน เราจะสามารถแบ่งประเภทของ ฟันปลอมแบบติดแน่น ได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ตามที่นิยมทำกันมากที่สุด ได้แก่

  1. สะพานฟันแบบธรรมดา – เป็นชนิดที่ใช้บ่อย และนิยมมากที่สุดในการทำ ฟันปลอมถาวร มักจะใช้ในกรณีที่มีฟันซี่ที่หายไปอยู่ตรงกลาง (เรียกซี่ฟันที่หายไปว่า pontics) และมีฟันหลักยึด (เรียกฟันหลักยึดว่า abutment)อยู่บริเวณ หัว- ท้าย อาจใส่สะพานฟันทดแทนฟันซี่ที่หายไปมากกว่า 1 ซี่ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องมีการประเมินสภาพฟันหลัก ว่าจะสามารถรับแรงได้เพียงพอหรือไม่
  2. สะพานฟันแบบมีหลักยึดข้างเดียว – ใช้ในกรณีที่มีฟันหลักยึดแค่ข้างใดข้างหนึ่ง เช่น ด้านหน้า หรือด้านหลังเท่านั้น ซึ่งสะพานฟันประเภทนี้ จะมีการกรอแต่งฟันแค่เพียงซี่ที่ติดกับจุดที่ฟันหายไป จากนั้น ทันตแพทย์จะยึดสะพานฟันเข้ากับฟันหลักยึดเพียงข้างเดียว
  3. สะพานฟันแบบแมรี่แลนด์ – คล้ายกับสะพานฟันแบบธรรมดา แต่จะทำการกรอแต่งฟันหลักน้อยกว่าแบบธรรมดามาก ่จะใช้เพียงแค่การกรอเป็นปีกเล็กๆด้านหลังฟันหลักทั้ง 2 ซี่ หัว-ท้าย จากนั้น จะทำการยึดติดสะพานฟันเข้าตามปกติ สะพานฟันลักษณะนี้ จะมีโอกาสหลุดง่ายกว่าสะพานฟันแบบธรรมดา ใช้เพื่อเป็นทางเลือกทดแทนในกรณีที่ทำสะพานฟันแบบธรรมดาไม่ได้ และไม่ต้องการใส่ ฟันปลอม แบบถอดได้

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

ชนิดของวัสดุที่ใช้ในการทำสะพานฟัน

วัสดุที่ใช้ในการทำ ครอบฟัน สะพานฟัน นั้น จะแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ ครอบฟันแบบโลหะทั้งซี่, ครอบฟันแบบโลหะผสมกับพอร์ซเลน และครอบฟันแบบเซรามิกล้วนทั้งซี่ ซึ่งแต่ละประเภท มีลักษณะดังต่อไปนี้

ครอบฟันโลหะทั้งซี่ (Full Metal Crown)

ครอบฟันโลหะทั้งซี่ (Full Metal Crown)

ทำมาจากโลหะล้วนๆทั้งซี่ มีข้อดีคือ ไม่ต้องกรอฟันมาก เนื่องจากโลหะจะสามารถรีดได้บาง จึงไม่ต้องมีการกรอแต่งฟันเยอะ ,สามารถใช้งานได้ดี มีความทนทานมาก แต่มีข้อเสียคือ ไม่สวยงาม เนื่องจากจะเห็นเป็นสีของโลหะในช่องปาก

โลหะที่นิยมใช้ในการทำครอบฟัน จะมีด้วยกันหลายประเภท คือ

  1. โลหะไม่มีตระกูล (non precious) คือโลหะประเภทต่างๆ ที่มีความเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อร่างกาย เช่น โคบอลต์ โครเมียม แต่จะไม่มีส่วนประกอบของ นิกเกิล และแบรีเลียม ที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ในบางบุคคล
  2. โลหะประเภทที่ผสมโลหะมีตระกูล 2% (palladium base) โลหะที่จัดว่าเป็นโลหะมีตระกูล ได้แก่ ทอง พาลลาเดียม แพลตินัม โรเดียม เป็นต้น โดยทองคำ จัดว่าเป็นโลหะ ที่สามารถเข้ากันกับเนื้อเยื่อร่างกายได้ดีที่สุด สามารถรีดแผ่ได้บาง และมีความแนบมาก รวมถึงจะไม่ก่อให้เกิดการติดสีของโลหะที่สันเหงือกในผู้ที่มีโอกาสแพ้โลหะ ครอบฟันชนิดนี้ จะใช้โลหะมีตระกูล ประเภททองหรือพาลลาเดียม เข้ามาเป็นส่วนประกอบเล็กน้อย คือประมาณ 2% โดยน้ำหนักท้้งหมด เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ดีในการทำครอบฟัน
  3. โลหะที่ผสมทองหรือโลหะมีตระกูลไม่น้อยกว่า 25% (semi precious) โลหะประเภทนี้ จะมีคุณสมบัติที่ดีขึ้น เนื่องมาจากสัดส่วนของทองคำที่มากขึ้น
  4. โลหะที่ผสมทองหรือโลหะมีตระกูลในปริมาณสูงกว่า 60% (และเป็นทองไม่น้อยกว่า 40%) (high precious) โลหะประเภทนี้ จัดว่าเป็นประเภทที่คุณสมบัติดีที่สุดในการใช้ทำครอบฟัน เนื่องจากสัดส่วนของทองคำที่สูง จะทำให้ชิ้นงานที่ได้รับ มีความแนบสนิทกับตัวฟันมาก สามารถขัดได้เรียบและเงามันมากที่สุด เมื่อเทียบกับครอบฟันที่ทำจากโลหะประเภทอื่น และจะมีคุณสมบัติในการต้านทานต่อการสึกกร่อนของตัวทำละลายต่างๆ เช่น อาหารหรือน้ำลาย แต่ทั้งนี้ โลหะประเภทนี้ จะมีราคาสูงที่สุด เนื่องมาจากมีส่วนประกอบของทองคำในเปอร์เซ็นต์ที่สูง
ครอบฟันโลหะผสมกับพอร์ซเลน (Porcelain Fuse to Metal Crown : PFM )

= = = = = = = = = = = = = = = =

ครอบฟันโลหะผสมกับพอร์ซเลน (Porcelain Fuse to Metal Crown : PFM )

ครอบฟันประเภทนี้ จะใช้โลหะประเภทต่างๆเช่นเดียวกับครอบฟันโลหะทั้งซี่ ทำเป็นฐานอยู่บริเวณด้านในตัวครอบ แต่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการครอบฟันด้วยโลหะทั้งซี่ โดยการปิดทับด้วยเซรามิกบริเวณด้านนอก เพื่อให้ได้สีขาวของฟันธรรมชาติ เวลามองเข้ามาในช่องปาก

ครอบฟันชนิดนี้จะมีข้อดีตรงที่ทำได้ไม่ยุ่งยาก, มีความสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ และสามารถรับแรงบดเคี้ยวได้อย่างเป็นธรรมชาติ จึงเป็นที่นิยมมากในการทำครอบฟันและสะพานฟัน แต่ทั้งนี้ มีข้อเสียหลักๆ คือ จะต้องมีการกรอฟันมากกว่าครอบฟันชนิดที่เป็นโลหะทั้งซี่ เนื่องจากต้องมีช่องว่างสำหรับโลหะ และตัวเซรามิกที่ปิดทับด้านนอก ดังนั้น ในฟันที่เตี้ยมากๆ หรือฟันที่เหลือพื้นที่ในการสบฟันน้อยๆ (เช่น ฟันสึกมาก) อาจไม่เหมาะสมในการทำฟันปลอมประเภทนี้

และเนื่องจากครอบฟันชนิดนี้ มีฐานด้านในเป็นโลหะ ทำให้การสะท้อนแสงของฟันในบางกรณี เช่น ในสถานที่ที่เปิดไฟแบล็คไลท์ จะเห็นฟันซี่ที่ครอบฟันด้วยโลหะกับพอร์ซเลน มีการสะท้อนแสงที่แตกต่างกับฟันธรรมชาติ

ชนิดของโลหะที่ใช้สำหรับทำฐานด้านในของครอบฟัน จะมีให้เลือกหลายชนิด เช่นเดียวกับครอบฟันโลหะทั้งซี่

= = = = = = = = = = = = = = = =

ครอบฟันเซรามิกล้วน (All Ceramic Crown)

ครอบฟันเซรามิกล้วน (All Ceramic Crown)

คือครอบฟันที่มีฐานภายใน และภายนอกทัั้งหมดทำมาจากเซรามิก ทำให้ครอบฟันชนิดนี้ นิยมใช้ในด้านทันตกรรมเพื่อความสวยงามเนื่องมาจากครอบฟันประเภทนี้ จะมีความสวยงามใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด ทันตแพทย์สามารถเลือกสีให้เหมือนกับฟันข้างเคียงได้มาก รวมถึงครอบฟันประเภทนี้จะมีความโปร่งแสงในแบบเดียวกับซี่ฟันธรรมชาติ มองแยกความแตกต่างไม่ออก ว่าซี่ไหนเป็นครอบฟัน และซี่ไหนคือฟันธรรมชาติ

ครอบฟันชนิดนี้ มักจะใช้ในการทำฟันหน้า ด้วยเหตุผลเรื่องของความสวยงามดังที่กล่าวมาแล้ว และยังสามารถใช้ในการบูรณะฟันหลัง ในกรณีที่ต้องการความสวยงาม และรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติอีกด้วย เนื่องจากครอบฟันประเภทนี้ มีความแข็งแรงสูงมาก สามารถรับแรงบดเคี้ยวได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติที่เป็นคู่สบ

แต่ข้อเสียของครอบฟันประเภทนี้ คือ จะต้องมีการกรอเนื้อฟันสำหรับครอบในปริมาณมากที่สุด เมื่อเทียบกับครอบฟันประเภทอื่นๆ ดังนั้น หากมีฟันหลักที่เตี้ยมาก หรือฟันสึกมาก อาจไม่สามารถใช้ครอบฟันแบบนี้ในการบูรณะฟันได้

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

หลังทำ ฟันปลอม ควรดูแลตัวเองดังนี้

ข้อควรปฏิบัติ ภายหลังการทำ ฟันปลอม

ไม่ว่าจะเป็นฟันปลอมประเภทไหน แบบถอดได้ หรือแบบฟันปลอมติดแน่น ควรมีข้อปฏิบัติตัว ภายหลังการทำฟันปลอม ดังนี้

  1. ควรดูแลทำความสะอาดฟันให้ดี เนื่องจากการมีสุขภาพช่องปากที่ดี จะช่วยยืดอายุของฟันปลอมได้
  2. ทำความสะอาดฟันปลอมประเภทต่างๆอย่างถูกวิธี
    • ฟันปลอมถอดได้ ให้ถอดฟันปลอมมาล้างทำความสะอาดทุกวัน ด้วยแปรงขนนุ่มและสบู่อ่อน ไม่ควรใส่ฟันปลอมนอน ควรถอดฟันปลอมออกแช่น้ำทุกคืน
    • ฟันปลอมติดแน่น ควรแปรงฟันทำความสะอาดบริเวณที่ครอบฟันไปให้ดี อย่าให้มีคราบพลัคและเศษอาหารสะสม รวมถึงควรใช้ไหมขัดฟัน เข้าไปทำความสะอาดเหงือกใต้ซี่ฟันปลอมด้วย
  3. ในกรณีที่ทำสะพานฟันและครอบฟัน ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวบริเวณที่ยึดซีเมนต์ไปประมาณ 24 ชั่วโมง
  4. เพื่อหลีกเลี่ยงอาการบวมหรือไม่สบายภายหลังการทำฟันปลอม อาจบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่น (เกลือ 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่น 200 ซีซี) หลังรับประทานอาหารและก่อนเข้านอน
  5. อาจเริ่มจากการรับประทานอาหารอ่อน เพื่อให้คุ้นชินกับการใส่ฟันปลอมก่อนซักระยะหนึ่ง
  6. หากเกิดอาการเสียวฟันภายหลังการทำฟันปลอมติดแน่น อาจรับประทานยาแก้ปวด ร่วมกับงดอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือร้อนจัด เย็นจัด ซักระยะหนึ่ง
  7. หากมีอาการผิดปกติใดๆเกิดขึ้น เช่น ฟันปลอม กดทับสันเหงือกเป็นแผล หรือปวดฟันที่ครอบฟันไป ควรรีบกลับไปให้ทันตแพทย์ตรวจเช็คโดยเร็วที่สุด

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

บทสรุป-ฟันปลอม

การมีรอยยิ้มที่สวยงาม เป็นสิ่งที่ทุกๆคนปรารถนา ดังนั้น หากเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้ต้องสูญเสียฟันธรรมชาติไป การมาพบทันตแพทย์เพื่อทำ ฟันปลอม จึงเป็นสิ่งที่จะนำเอารอยยิ้มที่สวยงามกลับคืนมาสู่ตัวคุณ คุณสามารถเข้ารับคำปรึกษาเรื่องของการทำฟันปลอม ว่า ฟันปลอมมีกี่แบบ และแบบไหนที่เหมาะสมกับตัวคุณที่สุด โดยการนัดหมายเพื่อเข้าพบทันตแพทย์เฉพาะทางด้านการใส่ฟัน และอย่าลืมเลือกรับบริการจากคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีระบบปลอดเชื้อที่มั่นใจได้ และมีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางไว้คอยให้คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคุณนะคะ

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

คำถามที่พบบ่อย สำหรับการทำ ฟันปลอม

ใส่ ฟันปลอม แล้วจัดฟันได้หรือไม่

หากใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น เช่น ครอบฟันหรือสะพานฟัน จะสามารถจัดฟันได้ตามปกติ แต่ถ้าหากใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ อาจต้องหยุดใส่ฟันปลอมในระหว่างที่ทำการจัดฟัน เพราะพอฟันเกิดการเคลื่อนที่ จะทำให้ใส่ฟันปลอมไม่ลง และภายหลังจัดฟันเสร็จ หากยังมีช่องว่างเหลืออยู่ คุณจะต้องทำฟันปลอมชุดใหม่ค่ะ

ฟันปลอมมีกี่แบบ แบบไหนดีที่สุด

ประเภทหลักๆของฟันปลอมมี 2 แบบ คือฟันปลอมแบบถอดได้ กับฟันปลอมแบบติดแน่น ส่วนฟันปลอมแบบที่ดีที่สุด คือฟันปลอมที่เหมาะกับตัวคุณมากที่สุด เช่น หากคุณต้องการความสวยงาม เป็นธรรมชาติ ครอบฟันหรือสะพานฟัน จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ แต่ถ้าหากคุณต้องการประหยัดงบประมาณ ฟันปลอมถอดได้ฐานพลาสติก จะเป็นคำตอบของคุณ เป็นต้น

ใส่ฟันปลอมเจ็บไหม

กระบวนการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ อาจทำให้คุณรู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองบ้างในช่วงแรก แต่พอซักพัก คุณจะสามารถปรับตัวได้ และคุ้นชินกับ ฟันปลอม ในที่สุด ส่วนฟันปลอมติดแน่น คุณอาจจะรู้สึกเสียวฟันบ้างในช่วงแรก แต่อาการจะค่อยๆดีขึ้นจนหายไปได้เองในที่สุด

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

แผนที่ SmileDC คลินิกทันตกรรม-สำหรับการทำ ฟันปลอม ทันตกรรมเด็ก และทันตกรรมเฉพาะทางทุกสาขา

SmileDC คลินิกทันตกรรมสมายล์ ของเรา ซึ่งเป็น คลินิกทันตกรรมเด็ก ให้บริการทันตกรรมเด็กเฉพาะทาง ตั้งอยู่ใน เขตสะพานสูง ในโครงการดิไอเฟล บน ถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก ฝั่งตรงข้ามวัดลาดบัวขาว ใกล้กับสุเหร่าซีรอ (ซอยมิสทีน รามคำแหง) ค่ะ

แผนที่ SmileDC คลินิกทันตกรรมสมายล์

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

เวลาทำการ – คลินิกทันตกรรมสมายล์ เพื่อนัดหมายทำ ฟันปลอม

จันทร์-เสาร์ 10:00 – 19:00 น.
อาทิตย์ 10:00 – 12:00 น.

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

สอบถามนัดหมาย – สำหรับทำ ฟันปลอม

= = = = = = = = = = = = = = = =

กลับสู่สารบัญ

ฟันปลอม ราคา เท่าไหร่?

ค่าบริการ-ทันตกรรม ฟันปลอม

ฟันปลอม ราคา

ฟันปลอมถอดได้ ฐานอะคริลิก+ฟันซี่แรก 2,500 บาท
ฟันปลอม ถอดได้ ฐานโลหะ+ฟันซี่แรก 9,500 บาท
ฟันปลอมถอดได้ ฐานยืดหยุ่น+ฟันซี่แรก 8,500 บาท
ฟันปลอมทั้งปาก ฐานอะคริลิก บน-ล่าง ฝาละ ฝาละ 8,000 บาท
ฟันปลอม ทั้งปาก ฐานโลหะ บน-ล่าง ฝาละ ฝาละ 12,000 บาท
ฟันปลอมทั้งปาก ฐานยืดหยุ่น บน-ล่าง ฝาละ ฝาละ 14,000 บาท
ฟันปลอมแบบติดแน่น : ครอบฟัน non-precious ฟันปลอมแบบติดแน่นราคา ซี่ละ 9,000 บาท
ฟันปลอมแบบติดแน่น : ครอบฟัน ผสมทอง 2% ฟันปลอม แบบติดแน่น ราคาซี่ละ 14,000 บาท
ฟันปลอม แบบติดแน่น : ครอบฟัน ผสมทอง 50% ฟันปลอมแบบติดแน่น ราคาซี่ละ 18,000 บาท

สามารถตรวจสอบ ราคาฟันปลอม ประเภทต่างๆ ทั้งฟันปลอมถอดได้ และฟันปลอมติดแน่น รวมถึงอัตราค่าบริการทางทันตกรรมประเภทอื่นๆ ที่ SmileDC คลินิกทันตกรรมสมายล์ ได้ที่ปุ่มด้านล่างนี้เลยค่ะ

ราคา ฟันปลอม กับการใช้สิทธิประกันสังคม

คลินิกทันตกรรมสมายล์ อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกันตน สามารถใช้สิทธิทำฟันประกันสังคม ในการอุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด สามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรง ไม่ต้องสำรองจ่าย ปีละ 900 บาท ได้โดยตรงที่คลินิกเลยค่ะ รวมถึงสามารถใช้สิทธิประกันสังคม-ทันตกรรมสำหรับการเบิกค่าทำ ฟันปลอม ถอดได้ ใน 2 รูปแบบ คือ

  1. ใส่ฟันปลอมถอดได้บางส่วน
    • จำนวน 1-5 ซี่ เบิกได้เท่ากับวงเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1,300 บาท
    • มากกว่า 5 ซี่ เบิกได้เท่ากับวงเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1,500 บาท
  2. ใส่ฟันปลอมถอดได้ทั้งปาก
    • ฟันปลอมถอดได้ทั้งปาก บนหรือล่าง เบิกได้เท่ากับวงเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 2,400 บาท
    • ฟันปลอมถอดได้ทั้งปาก บนและล่าง เบิกได้เท่ากับวงเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,400 บาท

โดยผู้ประกันตน สามารถใช้สิทธิในการเบิกค่าฟันปลอม ในวงเงินต่างหาก ไม่รวมอยู่ใน 900 บาทแรก แต่ต้องสำรองจ่ายก่อน แล้วจึงนำใบเสร็จและใบรับรองแพทย์ ไปทำเรื่องเบิกที่สำนักงานประกันสังคมด้วยตัวเอง โดยจะเบิกค่า ฟันปลอม ได้ ทุกๆ 5 ปี นับจากวันที่ทำฟันปลอมครั้งแรกค่ะ

= = = = = = = = = = = = = = = =

บทความอื่นที่น่าสนใจ: ทำฟันประกันสังคม

กลับสู่สารบัญ

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก