ประกัน กับ ผู้สูงวัย
อายุวัย 60 ขึ้นไปก็ยังทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุได้
ถ้าเกิดมีโรคประกันตัวหลายโรค ไม่ต้องการตรวจสุขภาพ ตัวที่สามารถทำได้คือ เมืองไทยวัยเก๋า อย่างเดียวค่ะ
ถ้าแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวก็สามารถเลือกทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุได้ทุกแบบประกัน
ประกันชีวิตแนะนำ
สมาร์ท โพรเทคชั่น 90/90
ทำได้ตั้งแต่อายุ 30วัน - 80 ปี เหมาะกับผู้สูงอายุที่ไม่มีโรคประจำตัว
(มีหลายคุณสมบัติให้เลือก)
คุ้มครองตลอดชีพ 99/99
ทำได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน - 90 ปี สำหรับซื้อพร้อมสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพเท่านั้น !!!
(มีหลายคุณสมบัติให้เลือก)
สมาร์ท โพรเทคชั่น 99/7
ทำได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน – 85 ปี สำหรับซื้อพร้อมสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพเท่านั้น!!!
(มีหลายคุณสมบัติให้เลือก)
สัญญาเพิ่มเติมแนะนำ สำหรับผู้สูงอายุ
อีลิท เฮลท์ พลัส (Elite health Plus)
วงเงินค่ารักษาปีละ 20-100 ล้านต่อปี ห้องเดี่ยวมาตรฐานได้ทุกโรงพยาบาล หรือค่าห้องเดี่ยวพิเศษ 10,000 - 25,000 บาทต่อวัน
(มีหลายคุณสมบัติให้เลือก)
ดี เฮลท์ พลัส (D Health Plus)
เหมาจ่ายครั้งละ 5 ล้านบาท คุ้มครองทั้งผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน เลือกแบบมีความรับผิดชอบส่วนแรกให้เบี้ยถูกลงได้อีกด้วย
(มีหลายคุณสมบัติให้เลือก)
ผู้ป่วยนอก (OPD)
ค่ารักษาแบบผู้ป่วยนอก วงเงิน 500-3,000 บาท/ครั้ง สูงสุด 30 ครั้งต่อปี
(มีหลายคุณสมบัติให้เลือก)
สนใจทำประกันชีวิต / สุขภาพ / โรคร้าย / อุบัติเหตุ และรับโปรโมชันต่างๆ ติดต่อตัวแทนได้เลย
โทร 065 846 1996 หรือ
ไม่ว่าจะซื้อประกันสุขภาพให้ตัวเองหรือซื้อประกันให้พ่อแม่ในวัยใกล้เกษียณ แต่ตัวเลือกและเบี้ยประกันสุขภาพผู้สูงวัยดูสูงมากจนน่าตกใจ หลายคนอาจเริ่มสงสัยว่าจะจัดการอย่างไรกับค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพของพ่อแม่ หรือค่ารักษาพยาบาลหลังเกษียณของตัวเองแบบไหนดี จะยังมีประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์คนที่อายุมากกว่า 60 ปีอยู่บ้างไหม?
แรบบิท แคร์ รวบรวมแนวทางการจัดการค่ารักษาพยาบาลด้วยการเลือกซื้อประกันสุขภาพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ชาว Pantip แนะนำมาฝากกัน
1. เลือกทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุก่อนอายุ 55-60 ปี
สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันสุขภาพให้กับตัวเองหรือพ่อแม่ที่อายุใกล้ครบ 60 ปีนั้น การตัดสินใจทำประกันสุขภาพตั้งเเต่เนิ่นๆ นับเป็นความคิดที่ดีสำหรับการเตรียมรับมือกับค่ารักษาพยาบาลในวันที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เพราะนอกจากจะการันตีการรับประกันภัยในวันที่สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีประวัติโรคที่ทำให้บริษัทประกันภัยต้องปฏิเสธการรับทำประกันสุขภาพ และให้ความคุ้มครองต่อเนื่องยาวนานไปได้สูงสุดถึงอายุ 80 ปี ตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันเเล้ว
การตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพก่อนช่วงอายุ 55-60 ปี ยังช่วยเพิ่มอิสระในจัดการค่ารักษาพยาบาลได้จากทั้งแบบประกันสุขภาพและประกันชีวิตผู้สูงอายุ 60 ขึ้นไป รูปแบบอื่นๆ ที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพเหมาจ่ายที่ครอบคลุมการรักษาทั้งแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ประกันสุขภาพโรคร้ายแรงที่ให้ความคุ้มครองมะเร็งและโรคร้ายแรง
หรือประกันชีวิตผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไปที่ชาว Pantip แนะนำ เช่น ประกันออมทรัพย์ที่อาจสมัครได้ถึงอายุ 70 ปี ซึ่งจะคืนเงินก้อนพร้อมผลประโยชน์ในระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงประกันชีวิตบำนาญที่จะทยอยคืนเงินให้รายเดือนในวันที่เริ่มเกษียณ
จุดที่ต้องวางแผนเมื่อตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพ คือ การวางแผนจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพต่อเนื่องในระยะยาว และผู้รับภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะกรณีที่ลูกซื้อประกันสุขภาพให้กับพ่อแม่สูงวัย เพราะแม้ว่าเบี้ยประกันสุขภาพที่ต้องจ่ายในช่วงเริ่มต้นเมื่ออายุยังน้อย จะมีเบี้ยประกันที่ไม่สูงมาก
แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น เบี้ยประกันสุขภาพย่อมสูงขึ้นตาม ทำให้เบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงหากต้องรับผิดชอบจ่ายเบี้ยประกันให้คนอื่นๆ ในครอบครัวร่วมด้วย อาจนำไปสู่ภาระทางการเงินที่มากเกินไป และอาจนำไปสู่การขาดส่งเบี้ยประกันกลางคันซึ่งทำให้เสียสิทธิรักษาพยาบาลจากประกันสุขภาพตามที่ตั้งใจทำไว้ได้
2. เลือกทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่มีอายุรับสมัครถึง 65 ปี
กรณีที่ต้องการซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่หรือตนเองเมื่ออายุเกินช่วง 55- 60 ปีไปแล้วนั้น อาจจะยังสามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพได้อยู่ แต่ประเด็นสำคัญที่ผู้สนใจทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะต้องไม่ลืมนึกถึง คือ ตัวเลือกประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป จะมีให้เลือกน้อยลง โดยจะมีเฉพาะกลุ่มประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่มีอายุรับสมัครทำประกันใหม่ถึง 65 ปีให้เลือกเท่านั้น
อย่างที่ทราบกันดีว่าประกันสุขภาพโดยส่วนใหญ่แล้วจะเปิดรับสมัครประกันภัยถึงช่วงอายุระหว่าง 55-60 ปีเท่านั้น ทำให้ตัวเลือกแบบประกันสุขภาพสำหรับกลุ่มผู้ทำประกันที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปที่สามารถเลือกซื้อได้นั้น อาจมีเงื่อนไขความคุ้มครองที่มีข้อจำกัดมากขึ้น อาจมีค่าเบี้ยประกันสูงกว่าปกติ รวมถึงอาจไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้ เนื่องจากอาจมีปัญหาสุขภาพรุมเร้าในวันที่ตัดสินใจทำประกันเมื่ออายุเกิน 60 ปีไปเเล้วนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หากสามารถทำประกันสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุได้ทันในช่วงอายุไม่เกิน 65 ปี อาจจะสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงอายุ 70-80 ปี ทำให้ได้รับความคุ้มครองไปต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง แต่หากต้องการทุนความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่สูงหลักล้านเพื่อให้เพียงพอต่อค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบัน อาจต้องเเลกมาด้วยเบี้ยประกันที่สูงเฉลี่ยหลักครึ่งแสนก็เป็นได้
แม้ว่าตัวเลือกประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุจะมีให้เลือกน้อยลงเมื่อผู้ทำประกันมีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป แต่ผู้ที่สนใจยังสามารถติดต่อขอรับคำปรึกษาหรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของโบรคเกอร์ พร้อมเลือกเปรียบเทียบแบบประกันสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุที่โบรคเกอร์ประกันภัยรวบรวมจากทุกบริษัทชั้นมาไว้ให้ได้เปรียบเทียบด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการไล่เปรียบเทียบแบบประกันจากแต่ละบริษัทด้วยตัวเอง
3. เลือกใช้สิทธิรักษาพยาบาลของรัฐ
หากเช็กดูเเล้วพบว่าประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายหรือประกันออมทรัพย์อาจไม่ใช่ทางเลือกสำหรับการจัดการสิทธิการรักษาพยาบาลให้กับพ่อแม่หรือตนเอง ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดทางด้านการเงิน หรือเงื่อนไขอายุที่เกินช่วงอายุรับประกันสุขภาพไปแล้ว
“สิทธิรักษาพยาบาลของรัฐ” นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลายๆ คนอาจมองข้ามไป ไม่ว่าจะเป็นสิทธิบัตรทอง หรือสิทธิประกันสังคม ซึ่งเป็นสิทธิการรักษาขั้นพื้นฐานที่ไม่มีข้อจำกัดด้านอายุในการใช้สิทธิรักษา ให้ความคุ้มครองการรักษาตั้งเเต่อาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ไปจนถึงการผ่าตัดใหญ่ หรือแม้กระทั่งการรักษามะเร็งร้ายแรง ให้การรักษาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อเนื่อง ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเงื่อนไขประวัติโรคที่เป็นมาก่อนเข้าใช้สิทธิ์รับการรักษา รวมถึงค่าธรรมเนียมร่วมจ่ายค่าบริการเริ่มต้นที่ 30 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อแตกต่างสำคัญจากประกันสุขภาพ
อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิรักษาพยาบาลของรัฐอาจมีเงื่อนไขในและข้อจำกัดอยู่บ้างพอสมควร เช่น การเลือกโรงพยาบาลที่จะใช้สิทธิ์ในการเข้ารับการรักษา จากกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลที่ลงทะเบียนสิทธิการรักษาบัตรทอง 30 บาทไว้ หรือการเบิกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ที่จำกัด ด้วยตัวยาและอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาจะต้องอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติที่กำหนดเท่านั้น
หากต้องใช้ยาหรือเวชภัณฑ์ที่อยู่นอกบัญชีฯ จะต้องร่วมจ่าย (Co-pay) หรือจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนเกินเอง รวมถึงการใช้สิทธิพยาบาลบัตร 30 บาท จะไม่มีค่าชดเชยกรณีขาดรายได้ อาจต้องรอทำนัดหมายล่วงหน้าก่อนได้พบแพทย์หรือได้เข้ารับการผ่าตัด หรืออาจจะไม่สามารถเลือกห้องพิเศษได้เหมือนกับประกันสุขภาพ
บทสรุปส่งท้าย
เมื่อตัดสินใจเลือกใช้สิทธิรักษาพยาบาลของรัฐเป็นสิทธิในการรักษาหลักให้กับพ่อแม่หรือตนเอง แทนการมีประกันสุขภาพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปแล้วนั้น การมีประกันความเสี่ยงในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายยังเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามไป ไม่ว่าจะเป็นประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันชีวิตผู้สูงอายุ หรือแม้กระทั่งประกันไข้เลือดออกที่ยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอยู่บ้างเช่นกันเมื่อเกิดเหตุ
แรบบิท แคร์ สรุปมาให้แล้วว่าประกันสุขภาพผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปที่ชาว Pantip ลงความเห็นว่าไม่ว่าจะตัดสินใจเลือกซื้อประกันสุขภาพให้พ่อแม่หรือตัวเองเพื่อจัดการค่ารักษาพยาบาล หรือตัดสินใจไม่ถูกว่าจะวางแผนจัดการค่ารักษาพยาบาลอย่างไรดี
สามารถขอรับคำปรึกษาก่อนตัดสินใจได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย! จากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ แรบบิท แคร์ หรือ
เปรียบเทียบประกันสุขภาพจากทุกบริษัทชั้นนำได้ด้วยตัวเองทันที พร้อมรับสิทธิพิเศษขอรับคำปรึกษาจาก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านวีดีโอคอล (Health Caresultant) เฉพาะลูกค้าที่เลือกซื้อประกันสุขภาพ โทร.1438 หรือ //rabbitcare.com/