มารยาทการรับประทานออาหาร
1.เมื่อได้รับเชิญไปรับประทานอาหารในงานพิธีใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานแบบไทยแบบฝรั่งย่อมใช้มารยาทสุภาพเช่นเดียวกันถ้าเป็นการรับประทานแบบนั่งเก้าอี้ก็ต้องนั่งตัวตรงเรียบร้อยแลใช้เครื่องใช้ในการรับประทานอาหารที่เป็นส่วนของตน เช่น จาน ชาม ช้อน ส้อม มีด จานแบ่ง ผ้าเช็ดมือ ถ้วยน้ำแลถ้วยเหล้า ถ้าเป็นอาหาร ไทยต้องใช้ช้อนกลางตักอาหารที่เป็นของกลาง ไม่ใช้เครื่องมือของตนเองตักอาหารซึ่งเป็นของกลาง
2. เวลารับประทานอาหารต้องรับประทานโดยระมัดระวัง ไม่ทำให้เลอะเทอะมูมมาม ควรหุบปากเวลาเคี้ยวอาหารเพื่อระวังมิให้มีเสียงดัง
3. ไม่ใช้มือของตนเองแตะต้องหรือหยิบอาหารที่ผู้อื่นจะบริโภค หรืออาหารที่เป็นของกลาง
4. ในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นต้องรอให้ผู้มีอาวุโสกว่านั่งก่อนจึงนั่ง แลผู้อาวุโสเริ่มรับประทานก่อนจึงรับประทาน
5. ถ้านั่งเก้าอี้ควรนั่งตัวตรง ไม่ท้าวศอกบนโต๊ะอาหารถ้านั่งกับพื้นควรนั่งพับเพียบเรียบร้อยแลตั้งตัวตรงไม่ท้าวแขน
6. การใช้ผ้าเช็ดมือ เมื่อเข้านั่งโต๊ะอาหารก่อนจะรับประทานควรหยิบผ้าเช็ดมือปูที่ตัก ก่อนดื่มควรใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดปากก่อนทุกครั้งเพื่อมิให้แก้วเป็นคราบ ดื่มเสร็จแล้วเช็ดอีกครั้ง
7. ถือช้อนด้วยมือขวาแลส้อมด้วยมือซ้ายในเวลารับประทานอาหารแบบไทย
8. การซดน้ำซุบหรือน้ำแกง ย่อมซดจากข้างช้อนแลซดอย่างเงียบอย่าให้มีเสียงดัง
9. การใช้มีด มีไว้สำหรับตัดอาหาร จะนำไปจิ้มอาหารเข้าปากไม่ได้ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ผู้ใดใช้มีดส่งอาหารเข้าปากผู้นั้นเสียมารยาทอย่างมาก
10. ในการรับประทานอาหารน้ำชาหรือกาแฟ ช้อนกาแฟหรือช้อนชามีไว้สำหรับใช้คนเท่านั้นเมื่อคนเสร็จแล้วต้องว่างไว้ในจานรองถ้วยอย่าคาช้อนไว้ในถ้วย แลอย่าซดจากช้อนเป็นอันขาด
11.การรับประทานอาหารแบบไทยหรือแบบพึ่งตัวเอง เรารับประทานด้วยมองของเราเอง ก่อนรับประทานต้องล้างมือให้สะอาด ใช้ผ้าสะอาดปูลาดบนพื้นบ้าน ผู้ที่จะรับประทานนั่งลงล้อมวงกันตักข้าวใส่จานก้นตื้นให้ครับคนลงมือตักข้าวกับใส่จานด้วยช้อนกลาง
ใช้มือขาวขยุ้มของที่ตักมากับข้าวในจานให้เป็นก้อนให้พอดีกับปากของตัว ใช้นิ้วหัวแม่มือผลักก้อนข้าว
ให้เข้าไปอยู่ในปาก ต้องระวังอย่าให้ร่วงหล่นออกจากปากจะเป็นการเสียมารยาท
12การรับประทานอาหารชนิดช่วยตัวเองหรือบุ๊ฟเฟ่ท์ โดยมากจัดสำหรับเมื่อมีแขกมาก ๆ คือเจ้าของบ้านจะวางอาหารพร้อมทั้งคาวหวานแยกกันไว้เป็นหมู่ จัดอย่างสวยงามทั้งคาวหวาน แล้วเชิญแขกที่รับเชิญไปแบ่งรับประทานเองตามใจชอบ
13. ผู้รับเชิญจะเดินไปหยิบเครื่องมือสำหรับรับประทานก่อน เช่น จาน ชาม ส้อม ช้อน มีด และอื่น ๆ
14. เมื่อมีเครื่องอุปกรณ์พร้อมแล้วจึงเดินเลือกอาหารตามใจชอบ
15.เราควรจะรู้จักกระเพาะอาหารของเราให้ดีว่าจะบรรจุอาหารนักเท่าใด แล้วแบ่งให้พอดีกับความต้องการของตน อย่าโลภตักแบ่งไปจนรับประทานไม่หมด และอย่าแบ่งโดยคุ้ยเขี่ยทำลายความสวยงามที่เขาตบแต่งอาหารไว้
16.เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็วางไว้ที่ใดที่หนึ่งที่เหมาะแก่จานชามที่ใช้แล้ว หรือส่งให้คนรับใช้ที่เดินเก็บจานชามที่แขกรับประทานเสร็จแล้วก็ได้
Marelee Mckee ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกมารยาท จากศูนย์ให้คำปรึกษาเรื่องบุคลิกภาพในเมืองวินเทอร์พาร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า เด็กอายุตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป จะสามารถบังคับกล้ามเนื้อมัดเล็กให้หยิบจับช้อนส้อมเพื่อตักอาหารกินเองได้อย่างถนัดมือแล้ว แต่บางครั้งเด็กๆ ก็ยังมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยเหมาะสมบางอย่าง เช่น ตักอาหารหกออกนอกจาน เคี้ยวเสียงดัง หรือกินมูมมาม
การพาลูกออกไปกินข้าวนอกบ้าน ถือว่ากิจกรรมที่ดีและจำเป็นสำหรับทุกครอบครัว ไม่ว่าจะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการกินข้าวร่วมกัน ทำให้ลูกสนุกกับการกินมากขึ้น หรือเมื่อคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องพบปะหรือนัดกินข้าวกับเพื่อนๆ การพาลูกออกไปร่วมโต๊ะอาหารย่อมเกิดขึ้นได้ และบ่อยขึ้นเมื่อลูกโตพอสำหรับการนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับคนอื่น
แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรลืมเลยก็คือการสอนให้ลูกรู้จัก ‘มารยาทบนโต๊ะอาหาร’ และปลูกฝังให้ลูกทำจนเคยชิน นอกจากเป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้ลูกแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการกินอาหารร่วมกับผู้อื่นอีกด้วย
1. เริ่มตั้งแต่การนั่ง
คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกนั่งกินอาหารบนเก้าอี้สำหรับเด็ก (High Chair) จะทำให้ลูกมองเห็นมารยาทที่ถูกต้องจากคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร ใช้ช้อนกลางตักอาหารอย่างสุภาพ และขอบคุณทุกครั้งที่มีคนตักอาหารให้
2. เคี้ยวอาหารเก็บเสียง
เด็กๆ อาจยังไม่เข้าใจว่าเขาไม่ควรเคี้ยวอาหารเสียงดัง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรต่อว่าลูกทันที อาจลองตักอาหารกินแล้วค่อยๆ เคี้ยวให้ลูกดูเป็นตัวอย่างว่าเราสามารถเคี้ยวอาหารโดยไม่ให้มีเสียงดังลอดออกมาได้ และควรบอกเหตุผลให้ลูกเข้าใจว่าการเคี้ยวเสียงดังเป็นการเสียมารยาทและรบกวนผู้อื่นอีกด้วย
3. ไม่เคี้ยวไปพูดไป
ลูกอาจจะรู้สึกสนุกกับการกินอาหารนอกบ้านมากจนลืมตัว ตักอาหารเข้าปากแล้วก็อยากจะพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ไปด้วย คุณพ่อคุณแม่จึงควรบอกลูกว่าต้องเคี้ยวอาหารในปากให้หมดเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเล่าหรือพูดคุยกับคนอื่น เพื่อป้องกันเศษอาหารที่กำลังกินอยู่กระเด็นออกจากปากและหากคนอื่นมองเข้ามาเห็นอาหารที่ลูกกำลังเคี้ยวก็เป็นภาพที่ไม่น่าดูเอาซะเลย
4. ใช้ช้อนกลาง
การใช้ช้อนกลางนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากป้องกันเศษอาหารจากช้อนตัวเองไปหล่นใส่จานอาหารอื่นแล้ว การฝึกให้ลูกเคยชินในการใช้ช้อนกลางยังช่วยป้องกันเชื้อโรคหรือโรคติดต่อที่เกิดจากการรับประทานอาหารร่วมกับคนอื่นได้อีกด้วย
อ้างอิงmannersmentor
verywellfamily
story.motherhood
Supinya R.
ชอบอ่านนิยายสยองขวัญ ชอบเขียนไดอารี่ และเป็นคุณแม่จำเป็นในบางเวลา :-)