หลังจากที่ได้ฝึกการเปล่งเสียงร้องจนมีความชำนาญแล้ว ควรฝึกการไล่เสียงร้อง เพื่อให้ถูกต้องตรงตามระดับเสียงดนตรีโดยเริ่มจากเสียงต่ำไปหาสูง เมื่อสามารถร้องได้ตามเสียงที่ต้องการแล้ว จึงเริ่มฝึกร้องให้ได้เสียงที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จะหยุดร้องที่ระดับเสียงเดียวไม่ได้ให้ฝึกร้องไปจนกว่าจะถึงระดับเสียงสุดท้ายที่กำลังร้อง
การหายใจ ผู้ขับร้องจะต้องจำตำแหน่งที่ใช้สำหรับหายใจของเพลงแต่ละเพลงไว้ให้ได้เพราะลมหายใจในการร้องเพลง มีส่วนในการร้องเพลง มีส่วนช่วยในการร้องเพลงให้เกิดความไพเราะน่าฟัง ในการร้องเพลงทุกประเภท การรู้จักใช้ลมหายใจให้ถูกต้องนั้นจะทำให้การร้องเพลงนุ่มนวล อ่อนหนาวแข็งกระด้างหรือเสียงขาดเป็นช่วง ๆ อีกทั้งเป็นการช่วยผ่อนแรงในการร้อง
คำต่าง ๆ ที่อยู่ในบทร้องเพลงไทย ผู้ชับร้องต้องนำคำต่างๆ เหล่านั้นมาใช้ออกเสียงใน ๒ ลักษณะ คือ
1.การเอื้อน เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการขับร้องเพลงไทย ผู้ขับร้องต้องรู้จักการใช้เสียงในการเอื้อน ซึ่งมีอยู่หลายวิธีหลายเสียง การออกเสียงเอื้อนจำเป็นต้องอาศัยพยัญชนะ สระและเสียงวรรณยุกต์ที่แตกต่างกันออกไป
2.การออกเสียงคำร้อง การออกเสียงได้ถูกต้องตามอักขรวิธีชัดถ้อยชัดคำ รวมทั้งการแบ่งคำร้องและการแบ่งวรรคตอนในขณะทำการขับร้องได้เหมาะสม เป็นสิ่งที่ผู้ขับร้องทุกคนต้องปฏิบัติ
การแบ่งวรรคหายใจ เอาง่ายๆเลยคือหายใจก่อนที่จะร้องและเก็บลมขณะร้องไว้จนจบประโยค ถ้าลมยังเหลือให้ร้องท่อนต่อไปได้เลย ท่อนไหนที่มีการเว้นวรรคสามารถหายใจได้ เพื่อเตรียมตัวร้องท่อนต่อไป เช่น ท่อนที่ร้องว่า มีวาฬตัวหนึ่งลอยว่ายน้ำมา (หายใจ) ดูเจ็บช้ำทรวงอุรากว่าที่เคย ถ้าแบ่งวรรคหายใจไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดการติดขัดและฟังไม่ลื่นไหลของประโยคทันที เช่น มีวาฬ (หายใจ) ตัวหนึ่งลอยว่ายน้ำมา ดูเจ็บช้ำทรวงอุรากว่าที่เคย เป็นต้น
7. ยืนร้อง อกผาย ไหล่ผึ่ง ลักษณะท่าทางขณะร้องเพลงต้องดูดี
รูปประกอบโดยเจ้าของบทความ
บุคลิกถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะบุคลิกที่ดีนอกจากจะน่ามองแล้ว ยังทำให้ผู้ฟังเห็นถือความตั้งใจของเราที่จะร้องให้ผู้ฟังได้ฟังกันอีกด้วย ท่าทางการร้องที่ดีควรจะ ยืนร้อง อกผาย ไหล่ผึ่ง ไม่ยืนหลังค่อม หรือลักษณะท่าทางที่ไม่น่ามอง ทำท่าทางประกอบด้วยก็ได้ เช่น ถ้าในเพลงร้องว่า “ใจสู้หรือหรือเปล่าว” อาจจะทำไม้ทำมือแสดงออกให้ผู้ฟังรู้มีกำลังใจ หรือลองยืนร้องหน้ากระจกดูแล้วสังเกตว่าแบบไหนที่ดูดีและน่ามอง ถ้าเรามีบุคลิกที่กล่าวมาจะทำให้เรามั่นใจในขณะร้องมากขึ้นอีกด้วย
8. Dynamic ของแต่ละท่อนต้องร้องให้แตกต่างกัน
Dynamic เป็นตัวแสดงถึงความแตกต่างในแต่ละท่อนเพลง ในแต่ละท่อนเพลงจะใช้ Dynamic ที่แตกต่างกัน ขณะกำลังร้องก็ควรจะร้องให้มี Dynamic ด้วย เช่น ท่อน Verse ไม่ต้องร้องดังมาก ท่อน Pre chorus ให้ร้องดังขึ้น และท่อน Hook ให้ร้องดังกว่าทุก ๆ ท่อน ถ้าทำตามลักษณะที่กล่าวมานี้ เพลงที่เราร้องจะไม่แบน และจะฟังไพเราะมากยิ่งขึ้น
9. รูปปากสำคัญมากๆ ควรอ้าปากกว้างๆ
รูปประกอบโดยเจ้าของบทความ
ตอนร้องต้องอ้าปากกว้าง ๆ เพื่อให้เสียงกังวาน ไม่ใช่ร้องงึมงัม ๆ จะทำให้ผู้ฟังเขาฟังเราไม่รู้เรื่อง อ้าปากกว้าง ๆ เหมือนตอนเราตะโกน แต่ไม่ต้องตะโกนนะ ให้อ้าปากกว้างๆเหมือนตอนเราตะโกนแต่น้ำเสียงยังนุ่มและน่าฟังอยู่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบทเพลงที่เรากำลังร้องด้วยนะครับ ถ้าเพลงเร็ว รูปปากอาจจะแคบกว่าแต่ก็ยังคงไว้ถึงความชัดเจนและความก้องกังวานอยู่ด้วยครับ
10. ซ้อมร้องและแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเองทุกวัน
รูปประกอบโดยเจ้าของบทความ
การแก้ไขข้อผิดพลาดเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญสำหรับการร้องเพลงให้เกิดความไพเราะมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากเราไม่ฝึกซ้อมตามที่ได้กล่าวมา ก็จะไม่สามารถทำให้เราร้องเพลงเพราะขึ้นได้เลย เมื่อเรารู้ตัวว่าท่อนไหนยังไม่ดีให้รีบแก้ เช่น มีปัญหาเรื่องของการออกเสียงคำควบกล้ำ ก็ให้เริ่มจากการอ่านคำนั้นให้ชัดเจนเสียก่อน แล้วจึงใส่ทำนองลงไป แล้วซ้อมร้องให้ชัดเจนเหมือนตอนที่เรากำลังฝึกอ่าน