การเสียภาษีธุรกิจรับเหมา
เรียน อาจารย์ค่ะ
เนื่องจากที่บ้านทำบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
- โดยปีนี้ที่บริษัทมีรายรับมาค่อนข้างสูงแต่ไม่ได้เก็บใบเสร็จรายจ่ายไว้หลายรายการจึงสอบถามว่ามีวิธีลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง เช่น ซื้อกองทุน ได้หรือไม่เท่าไหร่ค่ะ
- ปกติ ธุรกิจรับเหมา ต้องยื่นภาษีว่าได้กำไรประมาณกี่ % ทางสรรพกรจึงจะไม่มีข้อสงสัย
- ในการจ่ายค่ารับเหมาก่อสร้าง จริง ๆ แล้ว ในค่าจ้างแต่ละรอบ จะจ่ายรวม ค่าแรง และค่าสินค้าก่อสร้าง แต่ผู้จ้างหัก 3% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดเลยทุกรอบ
จึงสอบถามว่า จริง ๆ จะต้องหัก 3% เฉพาะค่าแรงหรือไม่ และจะสามารถเอาเงิน 3% จากที่ผู้จ้างงานที่หักค่าสินค้าไปกลับคืนได้หรือไม่ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
นางสาวจริงใจ
เรียน นางสาวจริงใจ
ประเด็นที่สอบถาม ขอให้ความเห็นดังนี้
1. การประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในนามนิติบุคคล จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลโดยนำ รายได้ หัก รายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรับเหมา และมีใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐาน กรณีเดียว ไม่สามารถหักรายจ่ายเป็นการเหมา กรณีนี้จะต้องเร่งหาข้อมูลใบเสร็จรับเงินที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประกอบการทำบัญชี และยื่นเสียภาษีโดยเร็ว
สำหรับการหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษี เป็นสิทธิของบุคคลธรรมดาเท่านั้น นิติบุคคล ไม่สามารถนำค่าลดหย่อนมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีฯ ได้ การซื้อกองทุนฯ จึงไม่สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายของกิจการได้
2. การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล จะต้องนำรายได้หักด้วยรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง เกี่ยวข้องกับกิจการ และมีใบเสร็จรับเงินเท่านั้น หากาข้อมูลหลักฐานถูกต้อง ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด กำไรที่มากหรือน้อย เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องยอมรับ การกำหนดว่าต้องเสียภาษีกี่ % เจ้าหน้าที่จึงจะยอมรับเป็นเพียงแนวทางการปฏิบัติโดยทั่วไป โดยเฉพาะกรณีที่กิจการดำเนินการไม่ถูกต้อง จึงเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ประเมินได้ กรณีดังกล่าวจึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน
3. กรณีหากเป็นการจ้างผู้รับเหมา (รับเหมาทั้งค่าแรง และค่าของ) จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายอัตรา 3% ของทั้งค่าแรง และค่าของที่จ่าย โดยผู้รับเหมา สามารถนำภาษีที่ถูกหักไปหักออกจากภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปีได้ หากภาษีที่ถูกหักมากกว่าภาษีเงินได้นิติบุคคล สามารถใช้สิทธิขอคืนภาษีได้
หวังว่าคำตอบจะเป็นประโยชน์
ด้วยรัก
นายภาษี
หน้าแรก
Accounting Articles
การทำบัญชีสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง (บุคคลธรรมดาไม่จดVAT)
การทำบัญชีสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้าง (บุคคลธรรมดาและไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) เขียนตอนนี้ขึ้นมาเพื่อผู้ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง เหตุผลเพราะหลังจากได้ทำงานกับผู้รับเหมาก่อสร้างมาสักระยะ พบปัญหาของผู้รับเหมาคือทำงานจบแล้วทำไมถึงไม่มีเงินเหลือ ไม่ทราบกำไรต้นทุนที่แท้จริงในงานที่ทำ
ไม่เข้าใจระบบภาษีที่ถูกหักไว้แล้วนำไปยื่นภาษียังไงส่วนใหญ่เลยไม่ได้ยื่นภาษีปรากฏสรรพากรมีการตรวจสอบและโดนภาษีย้อนหลังเลยก็มาก ทำงานเสร็จแล้วจะต้องเก็บข้อมูลยังไง ต้องเตรียมตัวสำหรับงานใหม่ยังไง ขอสรุปกระบวนการสำหรับการจัดการสำหรับกิจการรับเหมาก่อสร้างเฉพาะที่เป็นบุคคลธรรมดาและไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หากคุณเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างไม่ว่าจะเป็น งานรั้ว งานไฟฟ้า ระบบประปา งานติดตั้ง ฯลฯ ถ้าทำให้ถูกต้องก็ไม่มีอะไรต้องกลัวนะคะเรามาเริ่มกันเลย
ก่อนเริ่มงาน
- รับใบเสนอจ้างงานจากลูกค้า ก่อนเซ็นกลับควรขอใบรายการแสดงปริมาณงาน (BOQ) และแบบแปลน เพื่อนำมาตรวจสอบกับรายการแบบก่อสร้างแบบ เพื่อประมาณราคาต้นทุนก่อสร้าง รวมถึงตรวจสอบข้อกำหนด และระยะเวลาก่อสร้างและเงื่อนไขอื่นๆ ตามที่ลูกค้ากำหนด ให้ละเอียด ถ้าพบข้อสงสัยก็ให้รีบคุยกับลูกค้าขอต่อรองราคา และถ้าหากต้องซื้อวัสดุอุปกรณ์เอง ให้ขอลูกค้าระบุให้สัญญานี้สามารถเบิกล่วงหน้าเพื่อเป็นค่าเตรียมงาน (อย่างน้อย30%ของค่างาน) ถ้าเป็นไปได้ เพื่อให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียน
- เข้าไปดูหน้างาน ถ่ายรูป วัดพื้นที่ เพื่อนำมาวางแผนงาน
- กรณีที่ 1 ไม่สามารถตกลงราคากันได้ ยกเลิกงานเสนอราคา กรณีที่ 2 ลูกค้ารับราคาและเงื่อนไข ก็ให้สรุปรายละเอียดราคาสุดท้ายและเงื่อนไขส่งให้ลูกค้า
- ลูกค้านัดเซ็นสัญญาจ้างและแจ้งเริ่มงาน ให้ขอรับสำเนาสัญญา (กรณีเป็นลูกค้าทั่วไปให้นำเราเตรียมแบบฟอร์มสัญญาไปให้ลูกค้าเซ็นพร้อมขอสำเนาบัตรประชาชนของลูกค้า
ระหว่างก่อสร้าง
- จัดทำแผนงานก่อสร้าง เช่น เตรียมวัสดุอุปกรณ์ เตรียมเอกสารใบขออนุญาตต่างๆ เตรียมคนงาน เตรียมเครื่องมือเครื่องจักร ตั้งเป้าหมายการทำงาน เพื่อจัดคนให้เข้ากับงานกำหนดงานที่ต้องทำให้ได้ในแต่ละวัน กำหนดวันที่ทำงานจบ
- ทำงานตามแผนงานที่กำหนดไว้ เปรียบเทียบแผนที่ได้ประมาณการไว้กับการทำงานจริงในแต่ละวันว่าทำได้ตามแผนหรือไม่ หากต่ำกว่าแผนให้รีบหาสาเหตุว่าเพราะอะไรปรับปรุงและแก้ไข จดบันทึก อย่าลืมจดบัญชีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันลงในสมุดบัญชี ถ้าทำหลายงาน/โครงการ ให้บันทึกแยกค่าใช้จ่าย โดยใช้ดินสอเขียนที่บิลไว้ซื้อมาสำหรับงานไหน แล้วนำบิลมาลงบัญชีปะหน้าเวลาเก็บเอกสารทำดัชนีแยกให้ชัดเจน
- ในแต่ละขั้นตอนที่ทำงานให้ถ่ายรูปงานระหว่างก่อสร้างให้ครบและตรงตาม BOQ เมื่อทำงานถึงกำหนดที่สามารถให้เบิกค่างานได้ เช่นในสัญญาอาจระบุว่า ให้เบิกได้ 2 งวด เมื่อทำงานจบตามที่ระบุในสัญญา ก็ให้ทำเรื่องขอส่งมอบงานงวด 1 เพื่อขอเบิกเงิน จัดทำใบแจ้งหนี้(2ใบต้นฉบับ/คู่ฉบับ) พร้อมรูปภาพประกอบ เมื่อได้รับเช็คค่างานหรือลูกค้าโอนเงิน ให้ออกใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้า วัน เดือน ปี ที่ออกให้ต้องตรงกับวันที่ได้รับเงิน (ให้ระบุที่ใบเสร็จรับเงิน “กรณีรับเป็นเช็ค ใบเสร็จรับเงินจะสมบูรณ์เมื่อขึ้นเงินได้ตามเช็คแล้วเท่านั้น) จำนวน 2 ใบ (ต้นฉบับและคู่ฉบับ) ต้นฉบับใบเสร็จให้ลูกค้าสำเนาผู้รับเหมาเก็บไว้เพื่อประกอบบัญชีและอย่าลืมขอใบหักภาษี ณ ที่จ่าย กรณีลูกค้าหักไว้ (ต้องได้มา 2 ใบ ใบที่1เก็บเข้าแฟ้มและบันทึกไว้ในแบบฟอร์มที่ให้มานี้ ดาวน์โหลด และใบที่2นำไปแนบกับสำเนาใบเสร็จตอนเรารับเงิน) แล้วนำเช็คเข้าบัญชี เก็บสำเนาใบนำฝาก(1)แนบกับสำเนาใบเสร็จรับเงิน(2) สำเนาใบแจ้งหนี้(3) ลงบัญชีรายการรับเงินเก็บเข้าแฟ้ม ก็เป็นการจบขั้นตอนงวด1 เมื่อเราลงรายการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ครบในแต่ละวัน เมื่อจบงวด1 เราก็สามารถทราบในเบื้องต้นว่าเราเดินทางมาถึงตรงนี้เรามีกำไร(ขาดทุน)เบื้องต้นเท่าไรแล้ว ข้อดีของการทำบัญชีอีกข้อคือเมื่อลูกค้าหักเงินที่นอกเหนือจากที่เราลงบัญชีไว้เราก็สามารถทักท้วงได้ทันท่วงที
- เมื่อทำงานจบทำเหมือนข้อ 3 เพิ่มเติมคือประเมินผลงานสรุปงาน เคลียร์ของถ้าพบว่ามีของเหลือที่ซื้อมาสำหรับงานนั้นๆ ให้คิดราคาของ ให้นำไปหักออกจากต้นทุนงาน ก็จะได้ตัวเลข กำไร(ขาดทุน) ที่แท้จริง (อย่าลืมเก็บข้อมูลสต็อคสินค้าคงเหลือ) ถ้าให้ดีให้ผู้รับเหมาทำต้นทุนมาตรฐานไว้ (ตัวเลขมาจากผลงานที่ทำได้ในแต่ละวัน) เพื่อกำหนดทิศทางสำหรับงานโครงการถัดไป เพื่อพัฒนาปรับปรุงงานของเราสม่ำเสมอ อย่าลืมว่ามีผู้รับเหมาในตลาดที่ทำงานเหมือนเราจำนวนมาก หากลูกค้าจะเลือกเราหรือบอกต่อ ต้องทำผลงานให้มีประสิทธิภาพ งานเร็ว เรียบร้อย แล้วเสร็จและส่งมอบได้ก่อนหรือทันเวลา สุขทั้งผู้ให้และผู้รับ แค่นี้ผู้รับเหมาก็สามารถเดินบนเส้นทางนี้ได้อย่างสง่างาม อาจดูโม้หน่อยๆ แต่คือเรื่องจริงนะ
การจัดการเรื่องภาษี
– กิจการรับเหมาก่อสร้างคืองานบริการซึ่งจะต้องมีการหักภาษีที่ถูกหักไว้ เรียกว่า
“หนังสือรับรองการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50ทวิ ตามประมวลรัษฎากร” ใบที่ 1 ที่เราเก็บไว้ตอนรับเงิน ถึงเวลาต้องนำมาใช้ตอนยื่นภาษีกลางปี(ภ.ง.ด.94) และยื่นภาษีปลายปี (ภ.ง.ด.90)
– ให้นำรายการที่เราได้รายรับที่เราได้บันทึกไว้ตอนรับเงินครึ่งปี ตั้งแต่เดือน มกราคม – มิถุนายน นำไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยแบบ ภงด.94 หักค่าใช้จ่ายเหมา 70% หลังหักค่าใช้จ่ายนั้นไปหักค่าลดหย่อนที่มีสิทธิหักเหลือเงินได้ก่อนภาษีสุทธิเท่าไร
เอาไปคำนวณภาษี แล้วนำมาหักกับใบหัก ณ ที่จ่ายที่ถูกหักไว้ หากมีภาษีที่ต้องชำระเพิ่ม ก็ให้ชำระเพิ่มเลย แต่หากภาษีที่ถูกหักไว้มากกว่าภาษีที่ต้องชำระก็ยังไม่มีสิทธิ์ขอคืนต้องรอปลายปีก่อน (รายละเอียดการกรอกแบบให้อ่านเพิ่มเติมคำแนะนำที่มีให้ในแบบยื่นภาษี)
– สิ้นปียื่นแบบภาษี ภงด.90 นำบัญชีที่เราได้สรุปรายได้ที่เกิดขึ้นในปีภาษีทั้งปีนำมาคำนวณแล้วหักค่าใช้จ่ายตามเปอร์เซ็นที่กฏหมายกำหนด (หักค่าใช้จ่ายเหมา 70% ) แล้วหักด้วยค่าลดหย่อนเหลือเท่าไรนำไปคำนวณภาษี
ได้ยอดภาษีเป็นเงินเท่าไร แล้วนำมาหักกับใบหัก ณ ที่จ่ายที่ถูกหักไว้ ค่อยนำภาษีครึ่งปีที่จ่ายไปแล้วมาหักออกก็จะเป็นภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่มปลายปี
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
(1) เอกสารแนบตอนส่งมอบงาน / ขอเบิกเงิน กับลูกค้า (แจ้งหนี้)
1.1. ใบแจ้งหนี้
1.2. ใบส่งมอบงาน
1.3. รูปภาพประกอบ
1.4. สำเนาบัตรประชาชน
(2). เอกสารที่ต้องนำไปให้ลูกค้าตอนรับเงิน
1. ใบเสร็จรับเงิน 2 ฉบับ (ต้นฉบับให้ลูกค้า สำเนาเราเก็บไว้)
2 ขอใบหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ถูกหักไว้ จากลูกค้า(ภ.ง.ด.3) (ถ้ามี)
3. เช็คหรือเงินสด นำฝากธนาคาร
เอกสารที่ต้องเก็บเข้าแฟ้มไว้
2. สำเนาใบเสร็จรับเงิน / ใบนำฝากธนาคาร / คู่ฉบับสัญญา เย็บเข้าเล่มเป็นชุดๆ สำหรับงานนั้นๆ ปะหน้าด้วยใบสรุป
ข้อสำคัญ
1. ต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย ตามแบบฟอร์มที่ให้มา และยอดต้องตรงกับ Statement
2. อย่ามีประวัติผิดชำระหนี้้
3. สัญญาจ้างงานทั้งหมด เก็บรายละเอียดผลงานที่ผ่านมา อย่าลืมเก็บ
4. อย่าลืมทำสต็อคสินค้าคงเหลือ
บทความโดย : //www.isstep.com