ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในการฟังเพลง, เล่นเกม, รับชมวิดีโอบนแอปพลิเคชัน Youtube หรือติดตามซีรีย์ต่าง ๆ บนแอปพลิเคชัน Netflix การมองหา หูฟังตัดเสียงรบกวน เพื่อการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ก็นับเป็นสิ่งที่มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
และหากคุณเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่จัดอยู่ในกลุ่มของผู้ใช้งานที่เราได้กล่าวไป ก็แนะนำให้ลองหาซื้อรุ่นใหม่ซักหนึ่งรุ่นจากบทความ แนะนำ หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ในปี 2022 ซึ่งเราได้เลือกรุ่นที่น่าซื้อมากที่สุด ในขณะนี้มาให้คุณได้ลองเลือกซื้อควบคู่ ไปกับการอธิบายรายละเอียดของสินค้าได้เลยครับ
10 หูฟังตัดเสียงรบกวน ยี่ห้อไหนดี ในปี 2022
- Sennheiser PXC 550
- Marshall MID Active Noise Cancelling
- Apple Airpods Pro
- Sony WH-1000XM4
- HUAWEI FreeBuds Pro
- JBL CLUB 950NC
- Samsung Galaxy Buds+
- realme Buds Air Pro
- Mi True Wireless Earphones 2 Basic
- OPPO Enco Free True Wireless Headphones
1. Sennheiser PXC 550
★★★★★
หูฟังตัดเสียงรบกวน แบบไร้สายประสิทธิภาพสูงจากแบรนด์ Sennheiser ที่ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุด 30 ชั่วโมงโดยไม่ต้องชาร์จ
ยี่ห้อ / รุ่น | Sennheiser PXC 550 |
น้ำหนักของหูฟัง | 227 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 30 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
สำหรับรุ่นแรกเป็นหูฟังแบบ Headphone ประสิทธิภาพสูง ที่มาพร้อมระบบ NoiseGard Hybrid ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันเสียงรบกวนได้แบบยอดเยี่ยมในทุกสถานที่ ไม่เว้นแม้แต่ที่ที่มีเสียงดังมากเป็นพิเศษอย่างสวนสาธารณะหรือบริเวณห้างสรรพสินค้าด้วยเช่นกัน ส่วนในด้านของระยะเวลาการใช้ต่อเนื่องรุ่นนี้ทำได้ยาวนานสูงสุดถึง 30 ชั่วโมง จากแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งมาบริเวณด้านในของตัวหูฟัง ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณเข้าสู่โลกส่วนตัวได้ดีมากที่สุด เราจะขอแนะนำให้ลองหาซื้อรุ่นนี้มาไว้ใช้งานได้เลยครับ
ข้อดี
✓ ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ NoiseGard Hybrid
✓ ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน 30 ชั่วโมง
✓ ปรับแต่งเสียงได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน Sennheiser Smart Control
ข้อเสีย
✘ น้ำหนักตัวอุปกรณ์ 227 กรัม
2. Marshall MID Active Noise Cancelling
★★★★★
หูฟัง Marshall ตัดเสียงรบกวนประเภท Headphone แบบไร้สาย ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมสิ่งต่าง ๆ ให้ดีได้มากยิ่งขึ้น
ยี่ห้อ / รุ่น | Marshall MID Active Noise Cancelling |
น้ำหนักของหูฟัง | – |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 20 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | – |
Marshall MID Active Noise Cancelling เป็นหูฟัง Headphone แบบไร้สาย ที่ไม่มีดีแค่เพียงการรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ด้วยคุณภาพระดับสูงสุดเพียงเท่านั้น แต่ยังคงมีความโดดเด่นอยู่ในเรื่องของการสนทนาผ่านทางหูฟังที่คมชัด จากไมโครโฟน 4 ตัวรอบตัวหูฟังที่ใช้สำหรับทั้งการตัดเสียงรบกวน และเพิ่มความลื่นไหลและคมชัดในการสนทนาด้วยเช่นกัน ที่สำคัญเพื่อความง่ายดายในการสั่งใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ของตัวอุปกรณ์ เช่น การเล่น-หยุดเพลง, การลด-เพิ่มเสียง หรือแม้แต่การกดรับ-วางสาย รุ่นนี้ก็ทำได้ผ่านการใช้งานปุ่ม Multi-Directional Contral Knob เพียงปุ่มเดียวเท่านั้นครับ
ข้อดี
✓ ปุ่ม Multi-Directional Contral Knob ที่ใช้สั่งการฟังก์ชันการควบคุมต่าง ๆ
✓ ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน 20 ชั่วโมง
✓ ไมโครโฟน 4 ตัวในระบบตัดเสียงรบกวนและเพิ่มความคมชัดในการสนทนา
ข้อเสีย
✘ น้ำหนักค่อนข้างมากหากเทียบกับหูฟังแบบ In-Ear
3. Apple Airpods Pro
★★★★★
หูฟังรุ่นยอดนิยมจากแบรนด์ Apple ดีไซน์การออกแบบสุดทียสมัย สามารถสวมใส่ต่อเนื่องได้ยาวนานโดยไม่ปวดหู
ยี่ห้อ / รุ่น | Apple Airpods Pro |
น้ำหนักของหูฟัง | 51 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 4.5 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
Apple Airpods Pro คือ หูฟังไร้สายแบบ In-Ear ประสิทธิภาพสูงสุดจากแบรนด์ Apple ที่คิดว่าไม่มีใครที่น่าจะไม่รู้จักกันอย่างแน่นอน จากความมีชื่อเสียงและความสามารถในการใช้งานที่ยอดเยี่ยมของตัวอุปกรณ์ ซึ่งป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้แบบมีคุณภาพ ด้วยการใช้งานชิปประมวลผลเสียงแบบ Apple H1 ที่มีความโดดเด่นในการจัดการกับเสียงให้มีความหน่วงต่ำที่สุด และป้องกันการเกิดเสียงรบกวนในการใช้งานไปได้ในเวลาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นในด้านของดีไซน์การออกแบบก็นับว่ามีความหรูหราและดูมีราคา รวมไปถึงยังสวมใส่ต่อเนื่องได้ยาวนานโดยไม่เกิดอาการปวดหูอีกด้วยครับ
ข้อดี
✓ ดีไซน์การออกแบบดูหรูหราและสวยงามทันสมัย
✓ ชิปประมวลผลเสียงประสิทธิภาพสูง
✓ สวมใส่ได้สบายโดยไม่ปวดหู
ข้อเสีย
✘ อาจไม่สามารถใช้งานฟังก์ชันได้ทั้งหมดหากเป็นสมาร์ทโฟน Android
4. Sony WH-1000XM4
★★★★★
หูฟัง Headphone Sony ขนาดใหญ่ที่มีดีไซน์การอออกแบบสุดคลาสสิก และรองรับการใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนทุกระบบปฏิบัติการ
ยี่ห้อ / รุ่น | Sony WH-1000XM4 |
น้ำหนักของหูฟัง | – |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 30 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
ต่อมาเป็นอีกหนึ่งหูฟังตัดเสียงรบกวนแบบ Headphone ขนาดใหญ่ ซึ่งถูกผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์เครื่องเสียงชื่อดังระดับโลกอย่าง Sony โดยใช้งานดีไซน์การออกแบบตัวอุปกรณ์สุดคลาสสิก และใช้งานได้อย่างลงตัวทั้งกับสมาร์ทโฟนที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Android และ iOS มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานตลอด 30 ชั่วโมงโดยไม่จำเป็นต้องชาร์จเพิ่มเติมในระหว่างวัน และหากแบตเตอรี่หมดลงในระหว่างการใช้งาน ก็สามารถชาร์จเพิ่มได้ด้วยระยะเวลาเพียงแค่ 10 นาที แต่จะใช้งานต่อได้ยาวนานขึ้นอีก 5 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ
ข้อดี
✓ การชาร์จแบบฉุกเฉิน 10 นาทีใช้งานได้ 5 ชั่วโมง
✓ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง 30 ชั่วโมง
✓ ปรับแต่งการใช้งานได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน Sony Headphone Connect
ข้อเสีย
✘ ตัวอัปกรณ์มีขนาดค่อนข้างใหญ่
5. Huawei Freebuds Pro
★★★★★
หูฟังไร้สายรูปลักษณ์ตัวเครื่องสุดล้ำสมัยที่สั่งการฟังก์ชันพื้นฐานได้ง่ายดาย ผ่านการใช้งานรูปแบบการปัดและบีบตัวอุปกรณ์
ยี่ห้อ / รุ่น | Huawei Freebuds Pro |
น้ำหนักของหูฟัง | 72.2 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 30 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.2 |
Huawei Freebuds Pro นับเป็นอีกหนึ่งหูฟังเก็บเสียง ที่มีดีไซน์การออกแบบสุดล้ำสมัย และใช้งานได้สะดวกสบายด้วยการสัมผัสตัวหูฟังในรูปแบบที่หลากหลาย ตั้งแต่การกดค้างที่หูฟังเพื่อใช้งาน ANC, การปัดขึ้น-ลงสำหรับการปรับระดับเสียง, การบีบหนึ่งครั้งเพื่อกดเล่น-หยุดเพลงและรับ-วางสาย, การบีบสองครั้งที่ใช้ในการเลื่อนไปยังเพลงถัดไป และการบีบ 3 ครั้งซึ่งใช้ในการเลื่อนกลับไปยังเพลงก่อนหน้า ดังนั้นหากคุณต้องการหูฟังที่มีรูปแบบการใช้งานแปลกใหม่ และมีคุณภาพเสียงที่จัดอยู่ในระดับดีเยี่ยม ก็ลองสั่งซื้อหูฟัง Huawei ตัวนี้มาลองใช้งานได้เลยครับ
ข้อดี
✓ รูปแบบการสั่งใช้งานฟังก์ชันที่แปลกใหม่
✓ เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 2 เครื่องพร้อมกัน
✓ มีระบบตรวจจับการสวมใส่
ข้อเสีย
✘ ไม่มีปุ่มสั่งใช้งานระบบสั่งการด้วยเสียง
6. JBL CLUB 950NC
★★★★★
หูฟัง JBL แบบ Headphone ขนาดใหญ่ที่ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี และคุณภาพเสียงจัดอยู่ในระดับยอดเยี่ยม
ยี่ห้อ / รุ่น | JBL CLUB 950NC |
น้ำหนักของหูฟัง | 372 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 22 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
หากคุณต้องการหูฟังแบบ Headphone สำหรับช่วยให้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีมากยิ่งขึ้น ทั้งในการรับคอนเทนต์, การฟังเพลง และการเล่นเกม JBL CLUB 950NC เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในรุ่นของหูฟังตัดเสียงรบกวน ที่มีความเหมาะสมกับคุณเป็นอย่างมาก จากการแสดงผลเสียงคุณภาพสูงในระดับ Hi-Res และระบบป้องกันเสียงรบกวนจากรอบด้านอย่าง Over-Ear Wireless Noise Cancelling นอกจากนี้ในด้านของระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงสุดก็ทำได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 22 ชั่วโมง เมื่อใช้ฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนบนตัวหูฟังครับ
ข้อดี
✓ คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res
✓ เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์
✓ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง 22 ชั่วโมง
ข้อเสีย
✘ ตัวอุปกรณ์มีน้ำหนักค่อนข้างมาก
7. Samsung Galaxy Buds+
★★★★★
หูฟัง Noise Cancelling แบบไร้สายจากแบรนด์ Samsung ที่ถูกออกแบบมาอย่างกะทัดรัดพกพาสะดวก และใช้พื้นที่จัดเก็บไม่มากนักในการเดินทาง
ยี่ห้อ / รุ่น | Samsung Galaxy Buds+ |
น้ำหนักของหูฟัง | 52.6 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 22 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
Samsung Galaxy Buds+ เป็นหนึ่งในหูฟังแบบ In-Ear ที่มีดีไซน์การออกแบบสุดกะทัดรัด และพกพาได้ง่ายดายจากน้ำหนักโดยรวมไม่มากจนเกินไป มาพร้อมความสามารถในการสั่งใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ทำได้ง่ายเพียงการสัมผัสด้วยปลายนิ้ว ตั้งแต่การกดหนึ่งครั้งบนตัวหูฟังเพื่อหยุด-เล่นเพลง, การแตะสองครั้งสำหรับการเล่นเพลงถัดไปหรือวางสาย, การแตะสามครั้งซึ่งใช้ในการย้อนกลับเพลง และการกดค้างสำหรับใช้งานฟังก์ชันที่คุณได้ตั้งค่าเอาไว้ อีกทั้งในด้านของการปรับระดับเสียงรบกวนจากภายนอก ก็ยังทำได้ดีแบบไร้ที่ติด้วยฟังก์ชัน Ambient Sound ที่เลือกปรับตามความต้องการได้หลากหลายด้วยเช่นกันครับ
ข้อดี
✓ การใช้งานต่อเนื่อง 22 ชั้วโมงจากเคสชาร์จ
✓ ปุ่มสั่งการที่ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
✓ ดีไซน์ขนาดเล็กกะทัดรัด
ข้อเสีย
✘ ไม่รองรับการใช้งานกับเวอร์ชันระบบปฏิบัติการบางรุ่น
8. Realme Buds Air Pro
★★★★★
หูฟังไร้สายแบบ In-Ear พร้อมฟังก์ชัน Noise Cancellation ที่ทำงานได้ดีจากไดร์เวอร์เสียงขนาด 10 มิลลิเมตร
ยี่ห้อ / รุ่น | Realme Buds Air Pro |
น้ำหนักของหูฟัง | – |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 25 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
Realme Buds Air Pro เป็นรุ่นที่ใช้งานชิปประมวลผลเสียง Realme S1 ควบคู่ไปกับการใช้งานไดร์เวอร์เสียงแบบเน้นเบสขนาด 10 มิลลิเมตร ซึ่งมีคุณสมบัติหลักอยู่ในเรื่องของการส่งออกเสียงที่มีความคมชัด และรักษาคุณภาพเสียงได้เช่นเดียวกับเสียงที่ออกมาจากคอนเทนต์ต้นทาง โดยที่ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานไปตลอดวันหรือประมาณ 25 ชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ตัวเครื่องโดยรวมที่มีอยู่ 486mAh และใช้ระยะเวลาในการชาร์จเพียงแค่ 2 ชั่วโมง รวมไปถึงยังสวมใส่ได้สบายอย่างยาวนานจากน้ำหนักของตัวอุปกรณ์ ที่มีข้างละ 50 กรัมเพียงเท่านั้นครับ
ข้อดี
✓ น้ำหนักเบาสวมใส่สบาย
✓ ดีไซน์การออกแบบสุดกะทัดรัด
✓ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 25 ชั่วโมง
ข้อเสีย
✘ รูปลักษณ์ตัวเครื่องค่อนข้างเรียบง่าย
9. Mi True Wireless Earphone 2 Basic
★★★★★
หูฟัง True Wireless แบบตัดเสียงรบกวนที่สั่งการสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายดายผ่านการใช้งานระบบสัมผัสบนตัวหูฟัง
ยี่ห้อ / รุ่น | Mi True Wireless Earphone 2 Basic |
น้ำหนักของหูฟัง | 48 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 20 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
สำหรับรุ่นนี้เป็นหูฟังไร้สายแบบ True Wireless ที่มาพร้อมความสามารถในการตัดเสียงรบกวนจากรอบด้าน, การใช้งานต่อเนื่องที่ยาวนาน 5 ชั่วโมงเมื่อนำออกจากเคสชาร์จ, และการสวมใส่ที่ทำได้ยาวนานโดยไม่ปวดหู จากรูปทรงการออกแบบเป็นหูฟังแบบ Earbuds ซึ่งเป็นประเภทของหูฟังที่สวมใส่ได้สบายมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความง่ายดายในการใช้งานตัวอุปกรณ์ รุ่นนี้ยังทำได้ดีและง่ายดายจากการใช้งานระบบสัมผัส ที่ถูกติดตั้งอยู่บริเวณตัวหูฟังอีกด้วยครับ
ข้อดี
✓
การสั่งการฟังก์ชันผ่านระบบสัมผัส
✓ ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง
✓ น้ำหนักโดยรวมเพียง 48 กรัม
ข้อเสีย
✘ ดีไซน์การออกแบบมีความเรียบง่าย
10. Oppo Enco Free True Wireless
★★★★★
หูฟัง Oppo ไร้สายตัดเสียงรบกวนแบบ True Wireless ที่มีดีไซน์การออกแบบสุดหรูหรามีราคา และสวมใส่ได้ยาวนานโดยไม่ปวดหู
ยี่ห้อ / รุ่น | Oppo Enco Free True Wireless |
น้ำหนักของหูฟัง | 48.2 กรัม |
ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องยาวนานสูงสุด | 25 ชั่วโมง |
ระบบปฏิบัติการที่รองรับการใช้งาน | Android และ iOS |
เวอร์ชัน Bluetooth | Bluetooth 5.0 |
สุดท้ายเป็นหูฟังรูปทรง Airpods ที่ถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้อย่างยาวนานโดยไม่ปวดหู ด้วยน้ำหนักเบาสบายเพียง 4.6 กรัมต่อหนึ่งข้าง และการใช้วัสดุในการผลิตที่ดูไม่หนักมากจนเกินไป โดยที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดไปถึงสองวัน จากแบตเตอรี่เคสขนาดความจุ 410mAh และใช้งานต่อเนื่องต่อหนึ่งรอบการชาร์จได้มากถึง 5 ชั่วโมง จากแบตเตอรี่ของหูฟังที่มีอยู่ประมาณ 31mAh ที่สำคัญยังสั่งใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ง่ายด้วยการสไลด์ขึ้นลงและแตะที่ตัวอุปกรณ์ ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นจะต้องมีปุ่มกดสำหรับสั่งการการใช้งานของตัวหูฟังเลยแม้แต่ปุ่มเดียวนั่นเองครับ
ข้อดี
✓ การสั่งการผ่านระบบสัมผัส
✓ น้ำหนักหูฟังแต่ละข้างเพียง 4.6 กรัม
✓ การใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 25 ชั่วโมง
ข้อเสีย
✘ ขนาดค่อนข้างใหญ่หากเทียบกับหูฟังประเภทเดียวกัน
เลือกซื้อ หูฟังตัดเสียงรบกวน อย่างไรดี
1. เลือกจากประเภทของหูฟัง
โดยปกติแล้วหูฟังที่มาพร้อมความโดดเด่นในเรื่องของการป้องกันเสียงรบกวน มักมาพร้อมดีไซน์การออกแบบทั้งหมด 2 ประเภท คือ
- หูฟังไร้สายแบบ In-Ear ที่มีจุดเด่นอยู่ในเรื่องของขนาดตัวอุปกรณ์สุดกะทัดรัด และสามารถใช้งานต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่เกิดอาการเมื่อยล้าบริเวณใบหู แต่จะวัดประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนจากการออกแบบจุกหูฟัง และการทำงานของหน่วยประมวลผลเสียงต่าง ๆ ใน
- ขณะที่หูฟังแบบ Headphone จะเป็นหูฟังไร้สายขนาดใหญ่ ที่ป้องกันการเกิดเสียงรบกวนได้แบบดีเยี่ยม จากการถูกออกแบบให้สวมใส่ครอบหูไปได้แบบสนิท ส่งผลให้ป้องกันเสียงรบกวนจากด้านนอกได้ดีมากกว่า แต่ด้วยน้ำหนักของตัวอุปกรณ์ที่มีอยู่ค่อนข้างมาก จะทำให้เมื่อใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ก็อาจเกิดอาการเมื่อยล้าได้มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเลือกซื้อตามประเภทของหูฟังให้เหมาะสมกับสไตล์การใช้งานของแต่ละคน ก็จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและมีคุณภาพมากที่สุดตามไปด้วยนั่นเองครับ
2. ตรวจสอบขนาดและน้ำหนักของหูฟัง
เนื่องจาก
หูฟัง เป็นอุปกรณ์เสริมแบบต่อพ่วง ที่จำเป็นจะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บระหว่างการเดินทาง จึงทำให้การพิจารณาถึงขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสม ก็นับเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไปไม่ได้เพื่อให้ได้รุ่นที่คุ้มค่ามากที่สุดด้วยเช่นกัน
เพราะหาก คุณเลือกรุ่น ที่มีขนาดใหญ่ และ มีน้ำหนักมากจนเกินไป ก็อาจมีผลโดยตรงให้การพกพาหรือจัดเก็บลงในกระเป๋าทำได้ยากและลำบากมากยิ่งขึ้น โดยหากต้องการเน้นจุดเด่นในด้านของการพกพาเป็นหลัก ก็อาจเลือก ซื้อหูฟัง ที่มาพร้อมกับ เคสชาร์จ เพื่อทำให้การจัดเก็บทำได้ง่าย
และสามารถชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติมได้ต่อเนื่องในการใช้งานระหว่างวัน หรือหากต้องการเน้นไปในเรื่องของคุณภาพเป็นหลัก ก็อาจเลือกเป็นหูฟังแบบครอบหูที่ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี และมักใช้งานระบบเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าก็ได้ด้วยเช่นกันครับ
3. พิจารณาระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องของแบตเตอรี่
หูฟังตัดเสียงรบกวน ในปัจจุบันโดยส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นหูฟังแบบไร้สาย ที่จำเป็นจะต้องชาร์จแบตเตอรี่เพื่อการใช้งานด้วยกันทั้งสิ้น เป็นผลให้การพิจารณาถึงความจุแบตเตอรี่ของตัวหูฟัง ก็เรียกได้ว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันกับเรื่องอื่น ๆ อยู่ไม่น้อย
เพื่อให้หูฟังรุ่นนั้น ๆ รองรับการใช้งานต่อเนื่องไปได้ยาวนานตลอดวัน แต่ในบางครั้งการได้มาซึ่งแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ และระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องที่ยาวนาน ก็อาจทำให้จำเป็นต้องแลกมาด้วยขนาดและน้ำหนักของตัวหูฟังที่มากยิ่งขึ้น
จนกระทั่งในบางครั้งก็อาจจำเป็นต้องใช้งานรุ่นที่มาพร้อมเคสชาร์จ สำหรับการสำรองแบตเตอรี่เพื่อให้ใช้งานได้ในหลาย ๆ รอบ ซึ่งคุณสามารถเลือกให้เหมาะสมตามความต้องการของคุณได้เลยครับ
4. ให้ความสำคัญฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ เพื่อการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบทั้งการฟังเพลง, การดูวิดีโอบน Youtube และการรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านทาง Netflix การเลือกซื้อหูฟังตัดเสียงรบกวนที่มีประสิทธิภาพการใช้งานยอดเยี่ยม และมีฟังก์ชันการใช้งานครบครันรอบด้าน จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้คุณใช้งานในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ได้ดีแบบไร้ที่ติมากที่สุด
จากความสามารถของตัวอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมา สำหรับรองรับการใช้งานในด้านนี้โดยตรง และการมาพร้อมฟังก์ชันหรือคุณสมบัติอื่น ๆ
ที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ โดยที่ในด้านของการเลือกซื้อก็ควรเริ่มต้นจากสิ่งที่มีความสำคัญในการใช้งาน
เช่น ประเภทของหูฟัง, ขนาดและ น้ำหนักของตัว หูฟัง และการใช้งานต่อเนื่องที่ยาวนานจากขนาดความจุของแบตเตอรี่ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
แล้วจึงให้ความสนใจไปในด้านของระดับราคารองลงมา เพื่อให้เลือกซื้อรุ่น ที่ต้องการได้ดีและคุ้มค่ามาก ที่สุด ซึ่งหากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือก ซื้อ หูฟัง Noise Cancelling รุ่นไหนดี ในปี 2020 นี้ รุ่นที่คุณกำลังมองหาอยู่อาจจะเป็น 1 ใน 10 รุ่น ที่เราได้รวบรวมมาให้คุณในบทความนี้ก็เป็นได้ครับ
บทสรุป
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอบทั้งการฟังเพลง, การดูวิดีโอบน Youtube และ การรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านทาง Netflix การเลือก ซื้อ หูฟังตัดเสียงรบกวน ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานยอดเยี่ยม และมีฟังก์ชันการใช้งานครบครันรอบด้าน จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้คุณใช้งานในด้านต่าง ๆ เหล่านี้ได้ดีแบบไร้ที่ติมากที่สุด
จากความสามารถของตัวอุปกรณ์ ที่ถูกออกแบบมา สำหรับรองรับการใช้งานในด้านนี้โดยตรง
และการมาพร้อมฟังก์ชันหรือ คุณสมบัติอื่น ๆ ที่ช่วยให้เหมาะกับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
โดยที่ในด้านของการเลือกซื้อ ก็ควรเริ่มต้นจากสิ่งที่มีความสำคัญในการใช้งาน เช่น ประเภทของหูฟัง, ขนาดและน้ำหนักของตัวหูฟัง และการใช้งานต่อเนื่องที่ยาวนานจาก ขนาดความจุของแบตเตอรี่ ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน แล้วจึงให้ความสนใจไปในด้านของระดับราคารองลงมา
เพื่อให้เลือกซื้อรุ่น ที่ต้องการได้ดีและ คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งหากยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกซื้อหูฟัง Noise Cancelling รุ่นไหนดีในปี 2020 นี้ รุ่นที่คุณกำลังมองหาอยู่อาจจะเป็น 1 ใน 10 รุ่น ที่เราได้รวบรวมมาให้คุณในบทความนี้ก็เป็นได้ครับ