ความเครียดเป็นภาวะของอารมณ์หรือความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่ทำให้ไม่สบายใจ วิตกกังวล รู้สึกกดดัน ซึ่งเมื่อต้องตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ไปนานๆ อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจได้ ความเครียดส่งผลกระทบต่อร่างกายในเรื่องใดบ้าง เรามีคำตอบมาบอกค่ะ
ผลของความเครียดสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกาย โดยจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ
- ทางด้านจิตใจและอารมณ์ ความเครียดอาจทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นในความสามารถจัดการกับชีวิตตนเองทำให้ขาดสมาธิ วิตกกังวล โมโหง่าย จิตใจขุ่นมั่ว ในบางรายที่ต้องเผชิญกับภาวะเครียดเป็นเวลานาน ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น จะทำให้เซลล์ประสาทฝ่อและลดจำนวนลง และยังมีผลต่อการทำงานของระบบสารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับอารมณ์และพฤติกรรมโดยเฉพาะสารสื่อประสาท จึงทำให้เกิดอาการซึมเศร้าและวิตกกังวลกว่าเวลาปกติ
- ทางด้านร่างกาย ความเครียดที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้เป็นลม หน้ามืด ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน และเมื่อต้องตกอยู่ในภาวะความเครียดนี้เป็นเวลานาน จะทำให้สุขภาพเลวลงเนื่องจากเกิดความไม่สมดุลของระบบฮอร์โมน ซึ่งทำหน้าที่ช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่างๆภายใน การเกิดอาการทางกายนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตั้งแต่ปวดหลัง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ในบางรายหากเกิดความเครียดที่รุนแรงมากๆ อาจส่งผลต่อชีวิตได้เนื่องจากการทำงานที่ล้มเหลวของร่างกาย
- ทางด้านพฤติกรรม นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายแล้ว ยังส่งผลทำให้พฤติกรรมการแสดงออกนั้นเปลี่ยนแปลงด้วย เช่น เบื่ออาหาร มีอาการไม่หลับหรือหลับยาก ปลีกตัวออกจากสังคม การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีบางอย่างในสมองมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น ทำร้ายผู้อื่น หรือทำร้ายตนเอง
ทั้งนี้หากเริ่มรู้สึกว่าความเครียดส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ควรเข้าพบและปรึกษาจิตแพทย์สำหรับแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสมถูกต้องต่อไปค่ะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 0 2265 7777
ให้คะแนนบทความนี้
[คะแนนบทความนี้: 2]
.
สาเหตุของความเครียด
ความเครียดเกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยใหญ่ๆ นั่นคือ
- ปัจจัยภายนอก เช่น เรื่องงาน การหย่าร้าง ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ การย้ายบ้าน เป็นต้น
- ปัจจัยภายใน โดยที่บางคนมีนิสัยคิดมาก ชอบวิตกกังวลในเรื่องเล็กน้อย หรือสารเคมีในสมองไม่สมดุลทำให้เกิดอารมณ์เครียดและเศร้าง่าย
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดความเครียด
เกิดได้ทั้งจากกรรมพันธุ์ที่ทำให้ระบบประสาทเกิดความเครียดง่ายหรือพ่อแม่มีนิสัยเครียด กังวลง่าย ลูกก็เรียนรู้นิสัยจากพ่อแม่ รวมถึงคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เครียด เช่น ทำงานที่กดดัน มีปัญหาในครอบครัว
อายุที่เสี่ยงต่อการเกิดความเครียดได้ง่าย คือช่วงที่เป็นรอยต่อ จากเด็กไปสู่วัยรุ่น เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน มีการปรับตัวในสังคม และในช่วงของวัยใกล้หมดประจำเดือน (menopause) ของผู้หญิง รวมถึงผู้ชายวัยทองที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเช่นกัน ถึงแม้อาการน้อยกว่าผู้หญิง แต่ก็ทำให้มีอารมณ์หงุดหงิด วิตกกังวลและโกรธง่ายเช่นกัน
ประเภทของความเครียด
ความเครียดสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้
- Acute stress คือ ความเครียดที่เกิดขึ้นทันทีจากความกดดันในสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง เช่น เส้นตายในการทำงาน การเผชิญหน้ากับความท้าทายหรือเหตุการณ์ที่ทำให้สะเทือนใจ เมื่อความเครียดหายไป ร่างกายก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
- Episodic acute stress คือ เกิดจากการประสบกับความเครียดที่เกิดขึ้นทันทีหลายครั้งติดต่อกัน เช่น เริ่มจากมีปัญหาสุขภาพ หลังจากนั้นตกงาน ตามมาด้วยการหย่าร้าง เป็นต้น หรือบางคนชอบเครียดและวิตกกังวลจนรีบเร่งและใจร้อนในทุกเรื่อง ทำให้เกิดความเครียดบ่อยๆ
- Chronic stress คือ ความวิตกกังวลและความกดดันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเหมือนไม่มีวันสิ้นสุดจนสะสมเป็นความเครียดเรื้อรัง ความเครียดเช่นนี้มีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต
อาการ
นอกจากความรู้สึกที่บ่งบอกว่าเครียดแล้ว เมื่อรู้สึกเครียดมากยังทำให้เกิดอาการอื่นๆได้ เช่น
- ปวดหัว ปวดตามร่างกาย
- ลำไส้ทำงานปั่นป่วน มีปัญหาการย่อยอาหาร ท้องเสีย
- ใจสั่นง่าย เหงื่อออก
- อ่อนล้า ไม่อยากทำอะไร
- ความดันโลหิตสูง
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- โรคหัวใจ
- โกรธ หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย
- ไม่มีสมาธิ
- รู้สึกซึมเศร้า
- รู้สึกวิตกกังวล
คุณควรปรึกษาแพทย์เมื่อใด
หากคุณรู้สึกว่าคุณเครียดและวิตกกังวลเกินกว่าเหตุ ควบคุมความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้หรือมีความเครียดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานจนไม่มีความสุข และมีอาการที่มีผลกระทบด้านลบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น นอนไม่หลับอย่างต่อเนื่อง มีอาการทางกายต่างๆที่มาจากความเครียด
การวินิจฉัยและการรักษาความเครียด
แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการพูดคุย สอบถามอาการเพื่อให้เข้าใจถึงพฤติกรรมและสถานการณ์ที่เป็นสาเหตุของความเครียด และช่วยคุณปรับความคิดและพฤติกรรมเพื่อให้คุณเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
การป้องกันความเครียด
มีวิธีการมากมายที่ช่วยลดความเครียดและจัดการกับความเครียด นอกจากปฎิบัติตามหลักสุขศึกษา คือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังและนอนหลับให้เพียงพอแล้ว ยังมีวิธีการอื่นๆเช่น
- ทำกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกสนุกเพลิดเพลินและผ่อนคลาย
- ระบายอารมณ์ออกมาบ้าง เช่น พูดคุยถึงความรู้สึกกับเพื่อนหรือคนใกล้ชิด
- ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การฝึกหายใจ การทำสมาธิ การฝึกจินตภาพเพื่อเอาชนะความเครียด ความวิตกกังวล
- เปลี่ยนแปลงทัศนคติ เช่น มองความท้าทายว่าเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต หรือใช้หลักการทางศาสนาเข้าช่วยเพื่อให้มีสติและมีความสงบสุขในจิตใจ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง
คะแนนโหวต 9.42 of 10, จากจำนวนคนโหวต 48 คน
Related Health Blogs
หากรู้สึกว่าตัวเองเครียด และวิตกกังวลเกินกว่าเหตุเป็นเวลานาน ควรรีบปรึกษาแพทย์
โรควิตกกังวลภาวะเครียด
อ่านเพิ่มเติม
โรควิตกกังวล เป็นโรคทางจิตใจอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรควิตกกังวล มักจะมีอาการแสดงเช่น เครียด รู้สึกไม่สบายใจ
โรควิตกกังวลภาวะเครียด
อ่านเพิ่มเติม