จาก สูตร การ คํา น วณ =SUM G4 :K4 หมาย ถึง ข้อ ใด

number 2,... คือ ตัวเลขหรือช่วงเซลล์ที่มีตัวเลข หรืออาร์กิวเมนต์อื่นๆี่ที่มีตัวเลขชุดที่2 ไปจนถึง 255 



มาถึงตอนนี้หวังว่าคงทุกคนคงพอเข้าใจถึงเรื่องการใช้ฟังก์ชัน SUM ใน Excelกันบ้างไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่มากยิ่งขึ้น เรามาดูตัวอย่างการใช้งานใน Excel กันจริงๆเลยดีกว่า ตามตัวอย่างเลยจ๊ะ


ตัวอย่างการใช้ ฟังก์ชัน SUM ใน Excel


สูตรที่ใช้ในการหาผลรวม


ตามรูปนี้จะเป็นสูตรที่ใช้ในการหาผลรวมของยอดขายแต่ละภาค โดยจะรวมยอดของทุกภาคในเดือนมกราคมและยอดขายในเดือนกุมภาพันธ์



ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ฟังก์ชัน SUM


รูปนี้คือผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้สูตร SUM ไม่อยากเลยใช่ไหม ลองฝึกทำเยอะๆ จะเกิดความชำนาญขึ้นเอง  ในครั้งหน้้าเราจะมาศึกษาเรื่องการใช้ ฟังก์ชัน SUMIF กันนะ เพราะว่าบางครั้งเราต้องใช้เงื่อนไขเพื่อให้ได้ผลรวมตามที่เราต้องการ ซึ่งค่อนข้างจะซับซ้อนนิดนึง แต่คงไม่เกินความสามารถของทุกคนแน่นอน ไว้พบกันใหม่จ้า

สำหรับวิธีการรวมค่าผลลัพธ์นี้นะครับ เพื่อนๆหลายคนที่ได้เรียนโปรแกรม เอ็กเซลล์ ( excel ) คงจะสงสัยว่า นอกจากวิธีคลิกลากรวมเซลล์แล้ว ต้องใส่สูตรหาค่าผลรวมยังไงบ้าง ไม่ยากอย่างที่คิดครับ ลองมาดูกันเลย ก่อนอื่นเปิดตารางที่ได้ทำการออกแบบไว้ก่อนนะครับ

ใครที่ไม่มีตาราง หรือยังไม่ได้ออกแบบตาราง ทำตารางไว้ก็เปิดหน้าขึ้นมาใหม่แล้วทดสอบสร้างตารางดูได้

สมมุติว่า แอดมินขอสร้างเป็นตารางค่าใช้จ่าย และรายได้ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นนะครับโดยจะกรอกค่าต่างๆ ในส่วนของหัวข้อ ค่าใช้จ่าย และ หัวข้อรายได้ คร่าวๆ สัก 2-3 ค่า

ขอตกแต่งตารางนิดนึงเพื่อให้เพื่อนๆได้เห็นชัดเจนมากขึ้น

สัง เกตุว่า สิ่งที่เราต้องรู้จักคือ ด้านซ้ายจะเป็นลำดับของเซลล์คือ “3” ด้านบนเป็นลำดับของเซลล์คือ “B” ช่องในตารางที่มีค่า “100” ก็คือเซลล์ “B3”

ถ้าจะเรียกก็คือ “เซลล์ B3 มีค่าเท่ากับ 100” วิธีแรกในการคำนวณค่าผลรวมของเซลล์ต่างๆ ทังแนวตั้ง และแนวนอนคือ การคลิกซ้ายที่เซลล์เริ่มต้น และเซลล์สุดท้าย ตามความต้องการของเรา เช่น คลิกซ้ายที่เซลล์ B3 ลากครอบ มาจนถึง B5 เพื่อดูค่าผลรวมทั้งหมด

สังเกตุด้านล่างตรงแทบ จะมีค่าผลรวมแสดงอยู่ ค่าที่ได้คือ 550 จากที่เราได้ลากครอบเซลล์เมื่อสักครู่ อันนี้เป็นวิธีที่ 1

ส่วน วิธีที่ 2 คือการใส่สูตรให้กับผลรวมที่เราต้องการ เช่น เราต้องการรวมค่าทั้งหมดของ ค่าใช้จ่าย ก็ให้ทำการพิมพ์สูตรลในช่องว่า “=sum”

รูป แบบในการใช้สูตรนี้คือ =sum(ตำแหน่งของเซลล์ หรือตัวเลขตำแหน่งที่เราต้องการรวม  เช่น เราต้องการรวม “B3” ไปจนถึง “B15” ก็ให้ใส่สูตร “=SUM(B3:B15)”  เครื่องหมาย : ความหมายคือ “ถึง”

พอกรอกสูตรลงไปเสร็จแล้วก็กด enter จะได้ค่าผลรวมดังต้องการ คือ 550 เช่นเดียวกับวิธีที่ 1 ก่อนหน้านี้ครับ

ใน ช่องถัดมาของหัวข้อ “รายได้” หากต้องการใช้สูตรเดียวกัน ก็ให้ทำการพิมพ์ลงไปคล้ายๆกัน แต่เปลี่ยนจาก B เป็น C  ตามตำแหน่งปัจจุบันและกด enter ก็จะได้ผลลัพธ์

** ที่สำคัญในการใช้งานคือ ต้องรู้ว่า ตำแหน่งไหน อักษรใด ถ้าผิดเพราะบางครั้งเรามองผิดช่อง ผิดตัวอักษร ต้องระวังให้ดีนะครับผม

ถ้า ต้องการคัดลอกสูตร เพื่อคำนวนในหัวข้อ “รายได้พิเศษ” ก็ให้ทำการนำเมาส์ไปเล็งที่มุมล่างของเซลล์ และลากไปด้านข้าง ก็จะได้สูตรมาอัตโนมัติโดยไม่ต้องพิมพ์สูตรเลยครับ

คลิกซ้ายลากจากจุดเล็กๆขวามือของช่อง ที่มีค่า 1100 มาทางขวามือแล้วปล่อยนะครับ ก็จะได้ค่าที่มีสูตรมาให้เรียบร้อยครับ

เป็นการ copy สูตรนะครับ

แต่ก็ ต้องตรวจเช็คสูตรที่ได้มาด้วยนะครับผม กันพลาดครับผม

  •  วิธีคำนวณค่า excel โดยเลือกหลายๆค่า หลายๆเซลล์

สำหรับวิธีนี้ใช้ในกรณีที่ว่า เราต้องการรวมค่าจากหลายๆเซลล์ นอกเหนือจากการรวมค่าทั้งหมดในแถวนั้นนะครับผม

โดยเราสามารถเลือกตามเซลล์ที่เราต้องการได้เลย ตรง นี้หากใครต้องการรวมค่า โดยมีมากกว่าหนึ่งค่า และข้ามตัวอักษร

เช่น รวมค่า B4 , B3 ,C2 ,D2 ก็ให้ใช้เครื่องหมาย , ครับผมตามตัวอย่างเลยครับ
ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเป็นสูตรเช่น =SUM(B4,B3,C2,D2) และกด enter เราก็จะได้ค่าที่เราต้องการออกมาแล้วครับ

สังเกตุด้านบนนะครับ จะมีสูตรที่เรากรอกอยู่ จากผลลัพธ์ที่ได้ 790 ครับผม นั่นคือ รวมค่าของช่อง D3 กับ D5  ครับผม

  • ผลรวมอย่างรวดเร็วและแถบสถานะ

ถ้าคุณต้องการทราบ ผลรวม ของช่วงเซลล์ สิ่งที่คุณต้องทำคือเลือกช่วงเซลล์ แล้วดูที่ด้านล่างขวาของหน้าต่าง Excel

แถบสถานะ นี่คือแถบสถานะ ซึ่งจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้เลือกไว้ ไม่ว่าจะเซลล์เดียวหรือหลายเซลล์ ถ้าคุณคลิกขวาที่ แถบสถานะ กล่องโต้ตอบของฟีเจอร์จะปรากฏขึ้นและแสดงตัวเลือกทั้งหมดที่คุณสามารถเลือกได้ โปรดทราบว่ากล่องโต้ตอบดังกล่าวยังแสดงค่าสำหรับช่วงที่คุณเลือกไว้ได้เช่นกันถ้าคุณได้เลือกแอตทริบิวต์ไว้ 

  • การใช้ตัวช่วยสร้างผลรวมอัตโนมัติ

วิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มสูตร SUM ลงในเวิร์กชีตคือการใช้ตัวช่วยสร้างผลรวมอัตโนมัติ เลือกเซลล์ว่างด้านบนหรือด้านล่างช่วงที่คุณต้องการทำจำนวนรวม แล้วในแท็บ หน้าแรก หรือ สูตร ใน Ribbon กด ผลรวมอัตโนมัติ > ผลรวม ตัวช่วยสร้างผลรวมอัตโนมัติจะใช้ช่วงที่จะนำมารวมผลแล้วสร้างสูตรให้คุณ ซึ่งสามารถใช้ในแนวนอนได้ถ้าคุณเลือกเซลล์ไปทางซ้ายหรือทางขวาของช่วงที่จะนำมารวมผล โปรดทราบว่าไม่สามารถใช้ได้กับช่วงที่ไม่ต่อเนื่อง (ดูตัวอย่างที่ 4)

ใช ้ตัวช่วยสร้างผลรวมอัตโนมัติ เพื่อรวมผลของช่วงที่ต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็ว

กล่องโต้ตอบ ผลรวมอัตโนมัติ ยังช่วยให้คุณเลือกฟังก์ชันทั่วไปได้ เช่น:
  • ตัวอย่างที่ 2 – การรวมผลอัตโนมัติในแนวตั้ง

ตัวช่วยสร้างผลรวมอัตโนมัติได้ตรวจพบโดยอัตโนมัติว่าเซลล์ B2:B5 เป็นช่วงที่ต้องนำมารวมผล สิ่งที่คุณต้องทำคือกด Enter เพื่อยืนยัน ถ้าคุณต้องเพิ่ม/แยกเซลล์อื่น คุณสามารถกดแป้น Shift > แป้นลูกศรทีต้องการจนเลือกได้ตรงตามที่ต้องการ แล้วกด Enter เมื่อทำเสร็จ

วิธีใช้ฟังก์ชัน Intellisense: แท็กแบบลอย SUM(number1,[number2], …) ด้านล่างฟังก์ชันคือวิธีใช้ Intellisense ถ้าคุณคลิก SUM หรือชื่อฟังก์ชัน ข้อมูลดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็นไฮเปอร์ลิงก์สีน้ำเงิน ซึ่งจะพาคุณไปที่หัวข้อ วิธีใช้ สำหรับฟังก์ชันนั้น ถ้าคุณคลิกองค์ประกอบของฟังก์ชันเฉพาะ โปรแกรมจะไฮไลต์ค่าแทนที่ในสูตร ในกรณีนี้ โปรแกรมจะไฮไลต์เฉพาะ B2:B5 เนื่องจากมีการอ้างอิงค่าเพียงรายการเดียวในสูตรนี้ แท็ก Intellisense จะปรากฏขึ้นสำหรับทุกฟังก์ชัน

  • ตัวอย่างที่ 3 – ผลรวมอัตโนมัติตามแนวนอน

  • ตัวอย่างที่ 4 – หาผลรวมของเซลล์ที่ไม่ต่อเนื่อง

  • หาผลรวมของเซลล์ที่ไม่ต่อเนื่อง

โดยปกติตัวช่วยสร้างผลรวมอัตโนมัติจะใช้ได้กับช่วงที่ต่อเนื่องเท่านั้น ถ้าคุณมีแถวหรือคอลัมน์ว่างในช่วงที่หาผลรวม Excel จะหยุดที่ช่วงแรก ในกรณีดังกล่าว คุณต้องหาค่า SUM ตามช่วงที่เลือก ซึ่งคุณจะเพิ่มช่วงเฉพาะทีละช่วง ในตัวอย่างนี้ ถ้าคุณมีข้อมูลในเซลล์ B4 โปรแกรม Excel จะสร้าง =SUM(C2:C6) เนื่องจากโปรแกรมจะระบุช่วงที่ต่อเนื่อง

คุณสามารถเลือกช่วงที่ไม่ต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ Ctrl+คลิกซ้าย อันดับแรก ใส่ “=SUM(“ และเลือกช่วงอื่นๆ Excel จะใส่เครื่องหมายจุลภาคคั่นระหว่างช่วงให้คุณ กด Enter เมื่อเสร็จ

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้ ALT+= เพื่อเพิ่มฟังก์ชัน SUM ลงในเซลล์ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้น สิ่งที่คุณต้องทำคือเลือกช่วง

หมายเหตุ: คุณอาจสังเกตวิธีที่ Excel ไฮไลต์ช่วงของฟังก์ชันอื่นจากสี ซึ่งจะเป็นสีเดียวกันภายในสูตรที่ใช้ เช่น C2:C3 คือสีน้ำเงิน ส่วน C5:C6 คือสีแดง Excel จะใช้วิธีนี้กับฟังก์ชันทั้งหมดถ้าช่วงที่อ้างอิงไม่อยู่ในเวิร์กชีตอื่นหรือในเวิร์กบุ๊กอื่น สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยสำหรับการเข้าถึงโดยใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก คุณสามารถใช้ ช่วงที่มีชื่อ เช่น “Week1”, “Week2” ฯลฯ แล้วอ้างถึงช่วงดังกล่าวในสูตร:=SUM(Week1,Week2)

ในส่วนนี้จะกล่าวถึงหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน SUM ตัวเลือกส่วนใหญ่ของฟังก์ชันนี้สามารถใช้ร่วมกับฟังก์ชันอื่นๆ ได้

  • วิธีการ =1+2 หรือ =A+B – ขณะที่คุณใส่ =1+2+3 หรือ =A1+B1+C2 และได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด วิธีเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะผิดพลาดด้วยสาเหตุหลายประการ:
  1. การสะกดผิด – ลองนึกภาพเมื่อคุณลองใส่ค่าที่เพิ่มขึ้นและ/หรือมีจำนวนมากดังตัวอย่างต่อไปนี้:

    แล้วลองตรวจสอบว่ารายการของคุณถูกต้อง การใส่ค่าเหล่านี้ลงในเซลล์ทีละเซลล์แล้วใช้สูตร SUM เป็นวิธีที่ง่ายกว่ามาก คุณยังสามารถจัดรูปแบบค่าเมื่อค่าเหล่านั้นอยู่ในเซลล์ ทำให้อ่านค่าดังกล่าวได้ง่ายขึ้น เมื่ออยู่ในสูตร

    ใช้ฟังก์ชัน SUM แทนค่าตายตัวในสูตร

  2. =14598.93+65437.90+78496.23

  3. ข้อผิดพลาด #VALUE! จากการอ้างอิงข้อความแทนตัวเลข

    ถ้าคุณใช้สูตรเช่น:

    พยายามเลี่ยงการใช้วิธี =1+2 หรือ =A+B

    คุณสามารถแยกสูตรได้ถ้าสูตรมีค่าที่ไม่ใช่ตัวเลข (ข้อความ) ในเซลล์อ้างอิง ซึ่งจะได้ผลเป็นข้อผิดพลาด #VALUE! SUM จะข้ามค่าที่เป็นข้อความและจะให้ผลรวมจากค่าที่เป็นตัวเลขเพียงอย่างเดียว

    SUM จะข้ามค่าที่เป็นข้อความ

  4. ข้อผิดพลาด #REF! จากการลบแถวหรือคอลัมน์

    ข้อผิดพลาด #REF! เกิดจากการลบคอลัมน์ที่อ้างอิง

    ถ้าคุณลบแถวหรือคอลัมน์ สูตรจะไม่อัปเดตโดยแยกแถวที่ลบออก ทำให้ได้ผลเป็นข้อผิดพลาด #REF! ซึ่งฟังก์ชัน SUM จะอัปเดตโดยอัตโนมัติ

    ฟังก์ชัน SUM จะปรับตั้งค่าเองโดยอัตโนมัติ

  5. สูตรจะไม่อัปเดตค่าอ้างอิงเมื่อคุณแทรกแถวหรือคอลัมน์

    สูตรสไตล์ =A+B จะไม่อัปเดตเมื่อเพิ่มคอลัมน์หรือแถว

    ถ้าคุณแทรกแถวหรือคอลัมน์ สูตรจะไม่อัปเดตการรวมแถวที่เพิ่ม ซึ่งฟังก์ชัน SUM จะอัปเดตโดยอัตโนมัติ (ตราบใดที่คุณอยู่ในช่วงที่อ้างอิงในสูตร) ส่วนนี้จะสำคัญเป็นพิเศษถ้าคุณคาดว่าสูตรจะอัปเดตแต่ไม่มีการอัปเดตใดๆ ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้คุณไม่เข้าใจ

    ฟังก์ชัน SUM จะปรับตั้งค่าเองโดยอัตโนมัติ

  6. SUM ที่มีการอ้างอิงเซลล์เฉพาะ และ ช่วง

    การใช้สูตร เช่น:

    มีแนวโน้มที่จะผิดพลาดพอๆ กันเมื่อแทรกหรือลบแถวภายในช่วงที่อ้างอิงด้วยสาเหตุเดียวกัน คุณควรใช้ช่วงแยกจากกัน เช่น:

    ซึ่งจะอัปเดตเมื่อมีการเพิ่มหรือลบแถว

  • การใช้ตัวดำเนินการกับ SUM
  1. ถ้าคุณต้องการนำ ค่าส่วนลดเปอร์เซ็นต์ ไปใช้กับช่วงเซลล์ที่คุณหาผลรวมไว้

    การใช้ตัวดำเนินการคณิตศาสตร์กับ SUM

    จะให้ส่วนลด 25% จากช่วงของผลรวม อย่างไรก็ตาม 25% จะเป็นค่าคงที่ในสูตร ซึ่งถ้าคุณต้องการเปลี่ยนค่าดังกล่าว อาจกลับมาหาในภายหลังได้ยาก คุณต้องใส่ 25% ลงในเซลล์แล้วอ้างอิงค่านั้นแทน ซึ่งช่วยให้เปลี่ยนค่าดังกล่าวได้ง่าย เช่น:

    เมื่อต้องการคำนวณด้วยการหารแทนการคูณ คุณเพียงแค่แทนที่ “*” ด้วย “/”: =SUM(A2:A14)/E2

  2. การเพิ่มหรือลบออกจากผลรวม

    i. คุณสามารถ บวก หรือ ลบ จาก ผลรวม ได้โดยใช้เครื่องหมาย + หรือ - เช่น:

    • =SUM(A1:A10)+E2

    • =SUM(A1:A10)-E2

  1. บางครั้งคุณอาจต้องการหาผลรวมจากเซลล์ที่เจาะจงในเวิร์กชีตหลายแผ่น คลิกแผ่นงานทีละแผ่นและเซลล์ที่คุณต้องการ แล้วใช้เพียงแค่ “+” เพื่อบวกค่าของเซลล์ แต่นั่นก็ยุ่งยากและอาจเกิดความผิดพลาดได้มากกว่าการพยายามสร้างสูตรเพื่อใช้อ้างอิงแผ่นงานเดี่ยวเท่านั้น

    • i. =Sheet1!A1+Sheet2!A1+Sheet3!A1

    คุณสามารถทำให้สำเร็จได้ง่ายขึ้นเมื่อใช้ SUM แบบ 3D หรือ 3-Dimensional

    ซึ่งจะหาผลรวมของเซลล์ A1 ในแผ่นงานทั้งหมดตั้งแต่ แผ่นที่ 1 ถึง แผ่นที่ 3

    สูตรนี้จะช่วยได้มากเป็นพิเศษในสถานการณ์ที่คุณมีแผ่นงานแผ่นเดียวในแต่ละเดือน (มกราคม - ธันวาคม) และคุณต้องนำค่าในแผ่นงานแต่ละแผ่นมารวมกันลงในแผ่นงานสรุป

    • =SUM(January:December!A2)

    ซึ่งจะหาผลรวมเซลล์ A2 ในแต่ละแผ่นตั้งแต่มกราคมถึงธันวาคม

    หมายเหตุ: ถ้าเวิร์กชีตมีช่องว่างในชื่อต่างๆ เช่น “ยอดขายประจำเดือนมกราคม” คุณต้องใช้เครื่องหมายวรรคตอนเมื่ออ้างอิงชื่อแผ่นงานในสูตร:

    • =SUM(‘January Sales:December Sales’!A2)

  • SUM ใช้ร่วมกับฟังก์ชันอื่นๆ
  1. คุณสามารถใช้ SUM ร่วมกับฟังก์ชันอื่นๆ ได้อย่างแน่นอน นี่คือตัวอย่างที่สร้างการคำนวณเฉลี่ยประจำเดือน:

    SUM ใช้ร่วมกับฟังก์ชันอื่นๆ

    • =SUM(A2:L2)/COUNTA(A2:L2)

  2. นำผลรวม SUM จาก A2:L2 ที่หารด้วยจำนวนของเซลล์ที่ไม่ว่างใน A2:L2 (พฤษภาคมถึงธันวาคมเป็นเซลล์ว่าง)

ปัญหา

สิ่งที่ผิดพลาด

ตัวเลขบางตัวไม่ได้ถูกรวมเข้ามาด้วย

ถ้าอาร์กิวเมนต์เป็นช่วงของเซลล์หรือการอ้างอิง เฉพาะค่าที่เป็นตัวเลขในการอ้างอิงหรือช่วงเท่านั้นที่จะถูกรวม โดยเซลล์ว่าง, ค่าตรรกะ เช่น TRUE หรือข้อความจะถูกละเว้น

ค่าความผิดพลาด #NAME? ปรากฏขึ้นแทนที่ผลลัพธ์ที่คาดไว้

โดยปกติแล้วจะหมายความว่าสะกดสูตรผิด

//www.tososay.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%99-excel-sum.html

//support.office.com/th-th/article/%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99-SUM-043e1c7d-7726-4e80-8f32-07b23e057f89

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก