อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โปรดติดต่อหน่วยบริการด้านเงินตราต่างประเทศของธนาคารเพื่อตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราก่อนทำธุรกรรม
การซื้อขายเงินสกุล MYR หรือ IDR ที่ไม่ใช่ธนบัตร จะอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การชำระเงินสกุลท้องถิ่นระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางของเงินสกุลดังกล่าว
ข้าพเจ้าได้ทราบวัตถุประสงค์และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของธนาคาร ตลอดจนสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้ในหนังสือแจ้งการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) และหนังสือขอความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของธนาคารแล้ว ก่อนการตกลงผูกพันด้านท้ายนี้ และข้าพเจ้าขอรับรองต่อธนาคารว่า (1) ข้าพเจ้าได้แจ้งรายละเอียดตามหนังสือแจ้งการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ของธนาคาร ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้าพเจ้าได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้นไว้แก่ธนาคารตลอดมาทราบแล้ว และบุคคลดังกล่าวได้รับทราบรายละเอียดตามหนังสือแจ้งการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ของธนาคารแล้ว และ (2) ข้าพเจ้ามีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ของบุคคลอื่น ซึ่งข้าพเจ้าได้ให้ไว้แก่ธนาคาร
ข้าพเจ้ายอมรับและตกลงว่า ธนาคารมีสิทธิเก็บรวบรวม และใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้าพเจ้าได้ให้ไว้แก่ธนาคารข้างต้น หรือที่ธนาคารจะได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น ตลอดจนมีสิทธิส่ง โอน หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจของธนาคาร ผู้ให้บริการภายนอก ตัวแทนของธนาคาร หรือบุคคลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของธนาคาร ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ในหนังสือแจ้งการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ของธนาคาร ซึ่งรวมถึงการดำเนินการให้เป็นไปตามคำขอของข้าพเจ้าหรือที่เกี่ยวเนื่องกับคำขอของข้าพเจ้า หรือให้เป็นไปตามสัญญาหรือข้อตกลงที่ทำขึ้นระหว่างธนาคารหรือบุคคลอื่น การแจ้ง ติดต่อ ตรวจสอบ หรือตอบข้อซักถามหรือข้อร้องเรียนใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำขอของข้าพเจ้า และการดำเนินการต่างๆ ตามที่กฎหมาย กฎเกณฑ์ คำสั่ง หรือระเบียบวิธีปฏิบัติที่หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานกำกับดูแลกำหนด ตลอดจนการใช้สิทธิเรียกร้อง หรือการบังคับสิทธิตามกฎหมาย
การวิจัยเชิงคุณภาพ - Presentation Transcript
- การวิจัยเชิงคุณภาพ ( Qualitative research )
- การวิจัยเชิงคุณภาพเป็นการวิจัยที่แสวงหาความจริงในสภาพที่เป็นอยู่ โดยธรรมชาติ ( Naturalistic inquiry ) ซึ่งเป็นการสอบสวน มองภาพรวมทุกมิติ ( Holistic perspective ) ด้วยตัวผู้วิจัยเอง เพื่อหาความสัมพันธ์ของปรากฏการณ์ที่สนใจกับสภาพแวดล้อมนั้น โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลที่เป็นความรู้สึกนึกคิด คุณค่าของมนุษย์ และความหมายที่มนุษย์ให้ต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัว เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการตีความสร้างข้อมูลสรุปแบบอุปนัย ( Inductive analysis ) ความหมายของการวิจัยเชิงคุณภาพ
- เพื่อเข้าใจบริบทของสังคมอันเป็นแนวคิดพื้นฐานที่เห็นได้ชัดเจนในงานวิจัย ซึ่งต้องการศึกษาชุมชน หรือสังคมอย่างรอบด้านทุกแง่ทุกมุมในการศึกษาเพื่อรวบรวมข้อมูล จะมีการเก็บข้อมูลทางด้านสภาพแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง ความเชื่อ พิธีกรรม ฯลฯ
- 1. มีความต้องการข้อมูลที่รอบด้าน ( Holistic )
- แต่ปรากฏการณ์ทางสังคมบางประการไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลธรรมดาทั่วไปได้ นักวิจัยจึงพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม เพื่อนำมาอธิบายปรากฏการณ์ในสังคม
- 2. มีวัตถุประสงค์ที่จะอธิบายปรากฏการณ์ทางสังคม ( Contextual )
- การศึกษาระบบความคิดนี้มาสามารถศึกษาได้จากการเก็บข้อมูลเพียงครั้งเดียว หรือโดยการใช้แบบสอบถาม เพราะผู้วิจัยต้องซักถามผู้ตอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ให้เข้าใจจริงๆ ว่าการสื่อความหมายระหว่างผู้ถามกับผู้ตอบตรงกัน ข้อมูลที่ได้จะต้องเป็นข้อมูลที่สะท้อนความคิดของผู้ตอบโดยตรง
- 3. ต้องการเข้าใจระบบความคิด ระบบความเชื่อ และตรรกะของผู้ที่อยู่ในชุมชน หรือสังคม
- 4. ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในสังคม และปรากฏการณ์ในสังคม
- เป็นอีกลักษณะซึ่งจำเป็นต้องใช้วิธีการวิจัยเพื่อให้สามารถค้นพบคำตอบเกี่ยวกับสาเหตุความเป็นมา และความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ในลักษณะที่ชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันขั้นตอนของการเกี่ยวข้อง ช่วงเวลาของการเกี่ยวข้องจะเกิดเป็นกระบวนการศึกษา กระบวนการเปลี่ยนแปลง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการศึกษาเชิงมนุษย์วิทยาจะช่วยให้คำตอบในการอธิบายปรากฏการณ์
- 5. การศึกษากระบวนการติดตามระยะยาว เจาะลึก
- การเก็บรวบรวมข้อมูลที่ต้องการจากแหล่งข้อมูลบุคคลที่เลือกสรรแล้วว่าเป็นผู้ที่รู้เรื่องนั้นๆดี ( Key informant ) วิธีการเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ถามเฉพาะคนในเรื่องที่คนอื่นไม่รู้ ถือได้ว่าเป็นเทคนิคการวิจัยเชิงคุณภาพที่มีลักษณะเด่น
- 6. การเก็บรวบรวมข้อมูลที่ต้องการจากแหล่งข้อมูลบุคคลที่เลือกสรร
- วิธีตีความจากข้อมูลที่มีอยู่เพื่อเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ เช่นการพยายามเข้าใจวิถีชีวิตของผู้หญิงชนบทอีสาน จากข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งทอที่มีอยู่ การวิเคราะห์สิ่งทอรูปแบบต่างๆ และการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการทอผ้าของผู้หญิงชนบท ช่วยให้นักวิจัยสามารถอธิบายได้ว่ากระบวนการรวบรวมเลี้ยงดูลูกสาวของคนอีสานสะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมในเรื่องของการทอผ้าได้อย่างไร
- 7. วิธีตีความจากข้อมูลที่มีอยู่เพื่อเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่
- ปัญหาการวิจัย การวางแผนการวิจัย - สมมุติฐานการวิจัย - รูปแบบการวิจัย - เครื่องมือ - การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การทบทวนวรรณ กรรมงานวิจัยที่ เกี่ยวข้อง สรุปผลข้อมูล ทบ . ที่เกี่ยวกับ องค์ความรู้ปัจจุบัน ขยายความรู้ องค์ความรู้ใหม่
- การเก็บรวบรวมข้อมูลของการวิจัยเชิงคุณภาพ
- ในการเก็บข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพนั้น ขั้นตอนที่สำคัญอีกขั้นตอนหนึ่ง ที่จะทำให้ผลการวิจัยออกมาเป็นที่ยอมรับคือ การเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งมีวิธีหลักอยู่ 3 วิธี คือ การรวบรวมข้อมูลจากเอกสารการสังเกต และการสัมภาษณ์
- 1. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร
- เป็นการรวบรวมขั้นแรกเมื่อเริ่มทำการวิจัย โดยนักวิจัยจะต้องศึกษาผลงานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อนำมาประกอบการวิจัย การศึกษาเอกสารจะช่วยในการกำหนดประเด็นและตัวแปรที่จะศึกษา กำหนดแนวคิดนำ รวมทั้งนำมาใช้ในการวิเคราะห์ ถ้าไม่ทำการศึกษาจากเอกสาร
- 2. การสังเกต ( Observation)
- 1. การสังเกตแบบไม่ได้มีส่วนร่วม ( non-participant observation)
- 2. การสังเกตแบบมีส่วนร่วม ( participant observation)
- ในการวิจัยเชิงคุณภาพ จะเป็นการสัมภาษณ์ชนิดเจาะลึกแบบไม่เป็นทางการ ในการสัมภาษณ์นั้น ควรสัมภาษณ์จากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ( key informant) ซึ่งเป็นผู้ที่รู้เรื่องที่จะศึกษาดี
- เทคนิคการวิจัยเชิงคุณภาพ
- การเก็บรวบรวมข้อมูลภาคสนามในการวิจัยเชิงคุณภาพ นอกจากจะใช้วิธีการสังเกตและสัมภาษณ์แล้ว ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่ประยุกต์มาจากวิธีสังเกตและสัมภาษณ์ เช่น เทคนิค Life History Collection และเทคนิค Focus Group Discussions
- Life History Collection
- เป็นเทคนิคในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยเชิงคุณภาพที่พัฒนามาจากการสัมภาษณ์ การทำ Life History Collection แตกต่างจากการทำอัตชีวประวัติที่จะเล่าไปอย่างอิสระตามเวลา ตามลำดับเหตุการณ์ แต่จะมีประเด็นที่น่าสนใจในแต่ละกรณีศึกษา ที่ศึกษาแล้วเราก็เข้าไปสัมภาษณ์พูดคุยในเรื่องต่าง ๆ เข้าไปศึกษาหลาย ๆ กรณีศึกษา ยิ่งมากยิ่งดี ถ้าเวลาน้อยจะศึกษาโดยเลือกจาก key informant ซึ่งจะมีกี่คนก็ได้ การให้เขาเล่านั้นในรอบแรกจะให้เขาเล่าให้ฟัง นักวิจัยจะฟังอย่างเดียว เมื่อผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงจึงค่อยตะล่อมเข้าเรื่อง และประเด็นที่ต้องการ ( โดยสัมภาษณ์และใช้วิธีบันทึกเทปไว้ ) แล้วเอาสิ่งที่บันทึกไว้ทั้งหมด มาสรุปเป็นประเด็นที่สำคัญ บรรยากาศของการใช้เทคนิคนี้ต้องไม่เป็นทางการมากที่สุด เป็นธรรมชาติมากที่สุด
- Focus Group Discussions
- เป็นเทคนิคซึ่งประยุกต์มาจากการสัมภาษณ์ ที่นิยมนำมาใช้ในการวิจัยเชิงคุณภาพ มักเป็นการสัมภาษณ์ในประเด็นเกี่ยวพันกับข้อเท็จจริงหรือเรื่องทั่ว ๆ ไป จุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายขนาดของกลุ่มมักจะมีประมาณ 5-6 คน เพราะถ้ากลุ่มเล็กเกินไป จะไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการอภิปราย แต่ถ้ากลุ่มใหญ่เกินไปก็อาจจะกระทำได้ไม่ทั่วถึง ประเด็นที่อภิปรายจึงมักมีจำนวนไม่มากเกินไป ผู้ดำเนินการ ( moderator) จะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้คนในกลุ่มพูดในประเด็นที่กำหนด ข้อสำคัญคือ กลุ่มที่เราเลือกทำ Focus Group Discusions ควรทราบเรื่องนั้นจริง ๆ สถานภาพของสมาชิกในกลุ่มน่าจะใกล้เคียงกัน ผู้ดำเนินการควรปล่อยให้กลุ่มสรุปประเด็นออกมา
- เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
- ตัวนักวิจัย เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการพูดคุย โดยการสัมภาษณ์ สังเกต และปฏิบัติตนเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ครอบคลุม และชื่อถือได้
- ข้อดี ข้อด้อย ของการวิจัยเชิงคุณภาพ
- ข้อดี การวิจัยเชิงคุณภาพมีข้อดี
- ข้อด้อย การวิจัยเชิงคุณภาพมีข้อด้อย 1. ไม่เหมาะสมกับกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ 2. มีความยืดหยุ่นในการดำเนินการวิจัย หากนักวิจัยไม่มีประสบการณ์เพียงพอ อาจมีปัญหาในเรื่องความน่าเชื่อถือ ( reliability ) ของการใช้เครื่องมือ และความถูกต้องตรงประเด็นของการศึกษา ( Validity ) 3. การเลือกตัวอย่างในการศึกษาแบบเจาะจงทำให้มีข้อจำกัดในการนำผลการศึกษาไปใช้ในวงกว้าง ( generalization ) 4. เป็นการวิจัยที่มีกระบวนการดำเนินการที่จะเป็น อัตวิสัย 5. ไม่เหมาะสำหรับใช้ทดสอบสมมติฐาน หรือทดสอบแนวทฤษฏี
- การวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งเสริม และปัจจัยที่เป็นอุปสรรคของการมีส่วนร่วมของชุมชนกับโรงเรียนประถมศึกษา : กรณีศึกษาโรงเรียนวัดถนอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
- เรื่องที่ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับโรงเรียน
- ผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับโรงเรียน
- วิธีการเข้ามามีส่วนร่วมกับโรงเรียน
- ปัจจัยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนกับโรงเรียน
- ปัจจัยที่เป็นอุปสรรค์ในการมีส่วนร่วมของชุมชนกับโรงเรียน
- เรื่องที่ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับโรงเรียน
- ผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับโรงเรียน
- วิธีการเข้ามามีส่วนร่วมกับโรงเรียน
- ปัจจัยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนกับโรงเรียน
- ปัจจัยที่เป็นอุปสรรค์ในการมีส่วนร่วมของชุมชนกับโรงเรียน
- 6.1 ปัจจัยเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในด้านเศรษฐกิจ จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ด้านการเมืองการปกครอง มีนำท้องถิ่นมีความสำพันธ์กับโรงเรียนน้อย และด้านสังคมวัฒนธรรมจากความเชื่อที่ว่า ทำบุญกับวัดจึงจะได้บุญ จึงไม่ทำกับโรเรียน
- 6.2 ปัจจัยเกี่ยวกับชุมชนได้แก่ประชาชนที่เข้ามาอยู่อาศัยใหม่ไม่ผูกพันกับชุมชน และโรงเรียน
- 6.2 ปัจจัยเกี่ยวกับโรงเรียนด้านบุคลากร ผู้บริหารขัดแย้งกับชุมชน และ บุคลากรในโรงเรียน ผู้บริหารปละครูประพฤติตนไม่เหมาะสม ครูดูแลนักเรียนไม่ทั่วถึง และด้านอื่นๆ
- ประชากรที่ใช้ในการวิจัย ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือโรงเรียนประถมศึกษาโรงเรียนวัดถนน อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย สมุดบันทึกภาคสนาม กล้องถ่ายรูป เครื่องคอมพิวเตอร์
- เทคนิคในการเก็บรวบรวมข้อมูล
- การเข้าสู่สนามเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล
- ขั้นตอนในการเก็บรวบรวมข้อมูล แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
- ระยะแรก เป็นการเตรียมตัวก่อนเข้าสู่สนามเก็บข้อมูล ผ้วิจัยได้ศึกษาข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของชุมชนและโรงเรียน จากเอกสารต่างๆ
- ระยะที่สอง เก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานที่เป็นบริบทของชุมชน และโรงเรียนโดยผู้วิจัยใช้เวลาประมาณ 4 เดือน โดยเริ่มจากการเดินสำรวจชุมชน ร่วมทั้งการสังเกต และการเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชน
- ระยะที่สาม เป็นกรเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของชุมชนกับโรงเรียนเป็นการศึกษาเชิงลึกด้วยวิธีการต่างๆได้แก่ การศึกษาเอกสาร การสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นต้น
- 3. ผู้ให้ข่าวสารสำคัญ ( key informants ) การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยเจาะจงเก็บข้อมูลข่าวสารสำคัญ จากกลุ่มบุคคลจำนวน 10 กลุ่ม ได้แก่
- 3.1 คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
- 3.3 ผู้นำและนักการเมืองท้องถิ่น
- 3.4 กลุ่มอาชีพและผู้ประกอบการในชุมชน
- 3.7 หน่วยราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
- วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
- การศึกษาเอกสาร ( Documentary study )
- การสังเกต ( Observation )
- การสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทาการ
- การสนทนากลุ่ม ( Focus group discussion )
- การตรวจสอบข้อมูล
- การให้บุคคลอยู่ในปรากฏการณ์ ได้ตรวจสอบและรับข้อมูลที่ถูกต้องของข้อมูล
- การตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า ( Triangulation )
- การตรวจสอบข้อมูลด้วยวิธีการจำแนกข้อมูลออกเป็น 2 ส่วน
- การตรวจสอบความเที่ยงตรงของข้อมูล
- การตรวจสอบความเชื่อมั่นของข้อมูล
- การวิเคราะห์ข้อมูล
- มีขั้นตอนการวิเคราะห์ดังนี้
- นำข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มาเก็บให้เป็นระบบระเบียบ
- จัดหมวดหมู ความหมายของข้อมูล
- วิเคราะห์และสรุปรวบรวมความหมาย