สาเหตุ แบตเตอรี่รถยนต์


รถสตาร์ทติดยาก อาการของ แบตเตอรี่ เสื่อม

   แบตเตอรี่ ถือเป็นส่วนสำคัญมากของรถยนต์ เพราะ เป็นแหล่งสำรองไฟฟ้า และคอยจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังเครื่องยนต์ ระบบไฟส่องสว่าง อุปกรณ์มัลติมีเดีย ภายในรถยนต์




4 อาการที่บอกว่า แบตเตอรี่ คุณกำลังเสื่อม

• รถสตาร์ทติดยาก เพราะ แบตเตอรี่ เสื่อมกักเก็บไฟไม่เพียงพอที่จะหมุนมอเตอร์สตาร์ทได้


• ระบบไฟสว่างน้อยลง และอุปกรณ์มัลติมีเดียต่าง ๆ ภายในรถทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนปกติ


• น้ำกลั่นแห้งไวกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะ แบตเตอรี่ มีรอยรั่วซึมหรือร้อนจนเกินไป


• แบตเตอรี่ มีรูปทรงบวมขึ้น เพราะแผ่นธาตุภายใน แบตเตอรี่ เสื่อมสภาพ



สาเหตุที่ทำให้ แบตเตอรี่ เสื่อมสภาพไว

• ลืมปิดไฟส่องสว่างส่วนต่าง ๆ ของ รถยนต์ เปิดทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน


• สตาร์ทรถจอดทิ้งไว้เป็นเวลา ส่งผลให้ แบตรถยนต์ ทำงานหนักเกินความจำเป็น


• การเชื่อมต่อ แบตเตอรี่ รถยนต์หลวม หรือเป็นสนิมรอบ ๆ ของขั้ว แบตเตอรี่


• น้ำกลั่นสกปรก หรือมีสิ่งปนเปื้อน


• อุณหภูมิร้อนหรือเย็นเกินไป ส่งผลทำให้ แบตรถยนต์ เสื่อมไว


• สายพานหลวม ทำให้ส่งแรงปั่นกระแสไฟฟ้าไม่เต็มประสิทธิภาพ




เกร็ดความรู้ เพิ่มเติม

     แบตเตอรี่เสื่อม อาการไม่ดี ใช้แบตรถยนต์แบบเก่าที่ใช้แล้ว แบตเตอรี่เสื่อม อาการเหมือนเดิม ต้องเลือกเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ เป็นแบบใหม่แล้ว? แบตเตอรี่เสื่อม อาการแต่ละแบบที่คุณพบนั้น เกิดจากทั้งปัญหาที่แบตเตอรี่เสื่อมตามระยะเวลา แบตเตอรี่เสื่อมเพราะขาดการดูแล หรือแบตเตอรี่เสื่อมเพราะคุณกำลังใช้งานแบบไม่ถนอมตัวแบตรถยนต์ หากคุณพบอาการที่ผิดปกติของแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณและกำลังมองหาร้านแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ของคุณนั้น สิ่งนึงที่สำคัญก่อนการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์คือการเลือกแบตเตอรี่รถยนต์ที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่แห้ง แบตเตอรี่กึ่งแห้ง หรือแบตเตอรี่กึ่งน้ำ หรือมองหาร้านแบตเตอรี่รถยนต์ ที่มีการรับประกันนานๆ คุณสามารถติดตามอ่านได้ที่ “วิธีเลือก แบตเตอรี่ ให้เหมาะสมกับ รถยนต์ของคุณ”



วิธีตรวจเช็ค แบตเตอรี่


• คอยหมั่นตรวจเช็คน้ำกลั่น เป็นประจำทุกเดือน และเติมน้ำกลั่นอยู่ระดับที่พอดี


• ไม่ควรจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน ถ้าไม่ได้ใช้งานก็ควรหาเวลาขับอย่างน้อย 30 นาที/สัปดาห์


• คอยเช็ดทำความสะอาดขั้ว แบตรถยนต์ ไม่ให้ฝุ่นเกาะและเกิดคราบเกลือ


• และควรนำรถไปเข้าศูนย์บริการ ตรวจเช็ค แบตเตอรี่ ทุก 10,000 กิโลเมตร และเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ทุก 40,000 กิโลเมตร

ปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมคือปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำคัญของรถนั้นไม่สามารถจ่ายไฟได้เต็มกำลังเท่าเดิมและจ่ายไฟไม่ได้ในที่สุด ส่งผลต่อระบบไฟฟ้าในรถและการสตาร์ทรถ ทำให้สตาร์ทยากขึ้นหรือสตาร์ทไม่ติด ไม่สามารถใช้งานรถได้ ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมจึงเป็นปัญหาหนึ่งที่ต้องอาศัยการสังเกตอาการของรถว่าเกิดอะไรผิดปกติหรือผิดสังเกตในการใช้งานบ้าง มาทำความเข้าใจไปด้วยกันไปกับ 5 สาเหตุเบื้องต้นของแบตเตอรี่เสื่อม การสังเกตอาการ และวิธีแก้ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม ว่าควรทำอย่างไรหากเกิดขึ้นกับรถของคุณ

อาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเกิดจากอะไร

สาเหตุของแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมนั้นมีมากมายหลายขึ้นอยู่กับการใช้งานและอายุของรถ สำหรับบทความนี้ขอนำเสนอ 5 สาเหตุหลักของอาการ แบตเสื่อม ที่อาจเกิดขึ้นได้กับรถของคุณ

  1. 1. ปัญหา Under Charging / Over Charging ของไดชาร์จหรือตัวปั่นไฟ

    ปัญหา Under charging (ไดชาร์จชาร์จไฟต่ำกว่า 13.60 โวลต์) และปัญหา Over charging (ไดชาร์จชาร์จไฟเกิน 14.50 โวลต์) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ โดยปัญหา Under Charging นั้นจะทำให้เกิดคราบขาวบนแผ่นธาตุของตัวแบตเตอรี่รถยนต์ เป็นสาเหตุให้การประจุไฟเป็นไปได้ยากขึ้นจนเกิดการเสื่อมสภาพ และ Over Charging นั้นจะทำให้ระดับน้ำกลั่นลดลงอย่างรวดเร็วและทำให้ระดับอุณภูมิเพิ่มสูงกว่าปกติ จนแผ่นธาตุในแบตเตอรี่เสียหายในที่สุด

  2. 2. แบตเตอรี่รถยนต์ใกล้หมดอายุ

    แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานราว 3-5 ปีโดยประมาณ ซึ่งอายุใช้งานจริงจะช้าหรือเร็วกว่านั้นขึ้นอยู่กับความสมบุกสมบันในการใช้รถ รวมถึงการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมออีกด้วย

  3. 3. ระบบภายในแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

    ไม่ว่าจะเป็นการรั่วไหลของระบบไฟฟ้า แบตเตอรี่รถยนต์หลวม เกิดสนิมหรือคราบขี้เกลือเกาะขั้วแบตเตอรี่ ปัญหาเหล่านี้เป็นตัวขัดขวางการทำงานของระบบชาร์จและตัวมอเตอร์ ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์หมดหรือเสื่อสภาพเร็วกว่าปกติ

  4. 4. การใช้ระบบไฟในรถยนต์ต่อเนื่อง

    การใช้ระบบไฟในรถยนต์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอย่างการเปิดไฟในห้องโดยสารทิ้งไว้หรือการชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างโทรศัพท์มือถือ ทำให้แรงไฟในแบตเตอรี่ถูกดึงออกมาใช้งานมากกว่าการใช้งานรถปกติ

  5. 5. ไม่ได้ใช้งานรถยนต์เป็นเวลานาน

    แบตเตอรี่รถยนต์เป็นอะไหล่ที่ทำงานตลอดเวลาแม้รถจะจอดสนิท! เพราะแบตเตอรี่ยังคงต้องจ่ายไฟเลี้ยงระบบในรถยนต์อยู่อย่างระบบกันขโมยหรือระบบควบคุม ด้วยเหตุนี้ ต่อให้จอดทิ้งไว้โดยไม่สตาร์ทเครื่องยนต์เป็นเวลานานก็เจอปัญหาแบตเตอรี่หมดได้ นอกจากนี้การพ่วงแบตเตอรี่เพื่อสตาร์ทรถบ่อยๆ ก็ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมได้เช่นกัน

แบบไหนเข้าข่ายอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม

อาการเสื่อมของแบตเตอรี่รถยนต์นั้นสามารถสังเกตได้จากความล่าช้าของการทำงานระบบไฟฟ้าของรถ หากคุณเริ่มรู้สึกว่าต้องเติมน้ำกลั่นรถบ่อยกว่าปกติ ระบบไฟและระบบล็อกของรถเริ่มทำงานไม่ทันใจ ไฟหน้ารถสว่างน้อยกว่าปกติ หรือสตาร์ทรถยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ให้สงสัยไว้ก่อนได้เลยว่ารถของคุณกำลังเจอปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเข้าแล้ว เนื่องจากอาการเหล่านี้เกิดจากประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่มีไม่เพียงพอต่อการดึงมาใช้งานนั่นเอง

วิธีแก้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมทำไงได้บ้าง

เมื่อพบอาการแบตเตอรี่เสื่อมของรถ วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ เนื่องจากแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพนั้นจะไม่สามารถจ่ายไฟได้เท่าเดิม และจะจ่ายไฟได้น้อยลงจนไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์นั้นควรเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ใหม่มือหนึ่งเท่านั้น อย่าเห็นแก่ของถูกใช้แบตเตอรี่มือสอง เพราะนอกจากประสิทธิภาพไม่เต็มร้อยแล้วยังส่งผลเสียต่ออะไหล่อื่นๆ ของรถคุณได้อีกด้วย

แต่หากคุณยังไม่สะดวกเปลี่ยนแบตเตอรี่ก้อนใหม่ การจัมป์หรือพ่วงแบตเตอรี่จากลูกที่ประจุไฟเต็มของรถอีกคันเป็นวิธีแก้ไขในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ได้ผลดี ขั้นตอนไม่ยุ่งยากและช่วยให้รถของคุณสามารถขับเคลื่อนต่อได้ในระยะเวลาหนึ่ง โดยมีวิธีการดังนี้

  • ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถ ดับเครื่องยนต์ จอดรถที่จะพ่วงแบตเตอรี่ในระยะที่สามารถต่อสายพ่วงได้
  • ต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ข้างที่เป็นสีแดงหรือขั้วบวกเข้ากับขั้วบวกของแบตเตอรี่คันที่หมดก่อน แล้วจึงต่อสายพ่วงอีกด้านกับแบตเตอรี่ขั้วบวกของคันที่มีแบตเช่นกัน ส่วนสายพ่วงแบตเตอรี่ข้างที่เป็นสีดำหรือขั้วลบนั้นเริ่มต่อจากขั้วลบของคันที่มีแบตเตอรี่ก่อน จากนั้นหนีบปลายสายเข้ากับโลหะตรงเครื่องยนต์ของรถที่แบตเตอรี่หมด
  • สตาร์ทเครื่องยนต์รถคันปกติก่อน เร่งเครื่องเล็กน้อยแล้วปล่อยเครื่องยนต์ทำงานสักครู่ จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์คันที่แบตเตอรี่หมด ลองเร่งเครื่องเพื่อเช็กว่าประจุไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่หรือไม่ เมื่อไฟเข้าเรียบร้อยดีให้ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ขั้วลบจากคันที่แบตเตอรี่หมดก่อน จากนั้นถอดขั้วลบและขั้วบวกของรถคันปกติตามลำดับและตามด้วยขั้วบวกของรถที่แบตเตอรี่หมด

ข้อควรระวังสำคัญคือห้ามจุดไฟใดๆ หรือทำอะไรให้เกิดประกายไฟเด็ดขาด เนื่องจากระหว่างพ่วงแบตเตอรี่นั้นจะมีแก๊ซออกมา ระวังอย่าให้ปลายสายพ่วงแบตเตอรี่สัมผัสกันเพราะอาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจร นอกจากนี้ สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับต้นๆ หลังจากพ่วงแบตเตอรี่เรียบร้อยแล้วคือขับรถเข้าศูนย์ดูแลเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กแบตเตอรี่ และไม่ควรพ่วงแบตเตอรี่บ่อยครั้งเพราะเป็นสาเหตุหนึ่งให้แบตเสื่อมสภาพและอายุการใช้งานสั้นลงได้

ปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมเป็นอีกปัญหาที่ต้องอาศัยการสังเกตความผิดปกติของรถคุณ เพื่อที่เมื่อเจอความผิดปกติและจะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที หากปล่อยทิ้งไว้หรือแก้ไขไม่ถูกวิธีอาจตามมาด้วยปัญหารถอื่นๆ อีกมากมายทีเดียวเชียวครับ 

และที่สำคัญ! อย่าลืมเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมเพื่อปกป้องรถยนต์ของเพื่อนๆ ในระยะยาวด้วย โดยเพื่อนๆ สามารถเข้ามาเปรียบเทียบประกันชั้น 1, ชั้น 2 และแผนประกันรถยนต์แบบที่ต้องการ พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษได้ที่เว็บไซต์โกแบร์เลยนะครับ

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก