อาการเมารถ คือความรู้สึกไม่สบายในท้องขณะเดินทางด้วยรถยนต์หรือเรือ เด็กๆที่ได้รับผลกระทบจะรู้สึกถึงความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องทำให้เด็กรู้สึกคลื่นไส้และอึดอัดอย่างมาก ซึ่งเกิดจากระบบประสาทการทรงตัวทำงานได้ไม่สมดุลค่ะ และอาการเมารถในเด็กคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการเบื้องต้น เช่น ปวดศีรษะ เวียนหัว อาเจียน กระสับกระส่าย เป็นต้น ดังนั้นวันนี้เรามีวิธีรับมืออาการเมารถสำหรับเด็กมาฝากค่ะ เพื่อให้การเดินทางของลูกสบายและสนุกมากขึ้นค่ะ
- ก่อนเดินทาง 30 นาที ให้ลูกกินยาแก้เมารถสำหรับเด็ก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องปรึกษาแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และผลข้างเคียงจากการทานยาแก้เมารถคือการง่วงนอนซึ่งจะทำให้ลูกของคุณหลับในระว่างการเดินทางค่ะ
- การรับประทานอาหารก่อนเดินทาง ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่ายไม่ควรทานอาหารที่มีน้ำมันและมีรสเผ็ด และไม่มากจนเกินไปค่ะ เพื่อให้ลูกรู้สึกสบายท้องระหว่างเดินทางค่ะ
- เตรียมสิ่งของจำเป็น เช่น ถุงพลาสติกเผื่อลูกอาเจียน สิ่งของที่ลูกติดเพื่อให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย เป็นต้น
- การนอนหลับ หากลูกของคุณนอนหลับในระหว่างการเดินทางซึ่งมีโอกาสน้อยที่ลูกของคุณจะมีอาการเมารถ ดังนั้นควรวางแผนการเดินทางเลือกในช่วงเวลาที่ลูกของคุณนอนหลับค่ะ
- ในกรณีที่ลูกรู้สึกคลื่นไส้ในระหว่างการเดินทางเพราะรู้สึกว่าอยู่ในกล่องอึดอัดและหายใจไม่ออก ควรเปิดหน้าต่างเปิดให้อากาศถ่ายเทเพื่อให้ลูกของคุณรู้สึกสดชื่นและสามารถหายใจได้สะดวกมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงกลิ่นแรงๆ เช่น อาหารในรถ น้ำหอมรถ กลิ่นหนังเหม็นอับ ฯลฯ เนื่องจากกลิ่นแรงๆในรถนั้นส่วนใหญ่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้รู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้ค่ะ
- โฟกัสไปที่สภาพแวดล้อมนอกรถ ส่วนหนึ่งของอาการเมารถที่เกิดขึ้นเพราะสมองไม่สามารถปรับสมดุลการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้ ควรให้เด็กๆมองไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้แทนที่การมองสิ่งรอบข้างใกล้ตัวที่เคลื่อนไหวค่ะ ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงเกม ของเล่น หนังสือหรือภาพยนตร์ในระหว่างการเดินทางค่ะ
- หยุดพักระหว่างการเดินทาง การพักระหว่างการเดินทางไม่เพียงดีต่อลูกของคุณที่มีอาการเมารถเท่านั้น แต่ยังดีต่อบุคคลอื่นๆที่ร่วมเดินทางมาด้วยได้เหยียดขาและแขนบ้าง ซึ่งจะช่วยให้สดชื่นและลดอาการเมารถได้ค่ะ
อาการเมารถเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในเด็ก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางได้เพื่อป้องกันหรือลดอาการเมารถในระหว่างการเดินทางได้ค่ะ
อาการเมารถ เมาเรือ เมาเครื่องบิน อาจเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ โดยมักเกิดขึ้นเมื่อโดยสารยานพาหนะที่มีการเหวี่ยงตัวขณะเคลื่อนที่เป็นเวลานาน ส่งผลให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรืออาเจียน ซึ่งอาการดังกล่าวสามารถป้องกันและบรรเทาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างระหว่างเดินทาง และอาจใช้ยาแก้เมารถตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
อาการเมารถเป็นอย่างไร ?
เมารถ เป็นอาการที่เกิดขึ้นเฉพาะบุคคล ดังนั้น ขณะโดยสารยานพาหนะใด ๆ ก็ตาม จึงมีทั้งคนที่มีอาการเมารถและคนที่ไม่มีอาการ ซึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่ากำลังเมารถ ได้แก่
- เวียนศีรษะ
- รู้สึกไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนเพลีย
- ไม่อยากอาหาร
- มีเหงื่อออก
- เด็กเล็กที่เมารถอาจหน้าซีด กระสับกระส่าย หาว หรือร้องไห้ร่วมด้วย
เมารถเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
อาการเมารถ เมาเรือ หรือเมาเครื่องบิน เกิดขึ้นเมื่อประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวของหูชั้นในทำงานไม่ประสานกับภาพที่ดวงตามองเห็น สมองจึงได้รับสัญญาณที่ขัดแย้งกันจนมีอาการเมารถตามมา โดยอาจเกิดจากการโดยสารรถที่ขับเหวี่ยงไปมาหรือขับบนถนนที่คดเคี้ยวนานเกินไป การนั่งเรือที่โคลงเคลงตามลูกคลื่น การโดยสารเครื่องบิน หรือแม้แต่ระหว่างเล่นเครื่องเล่นผาดโผนต่าง ๆ ในสวนสนุกอย่างรถไฟเหาะก็อาจทำให้มีอาการได้เช่นกัน
ทั้งนี้ บุคคลในกลุ่มต่อไปนี้ อาจเสี่ยงเกิดอาการเมารถได้มากกว่าคนทั่วไป
- ผู้ที่มีประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวเร็ว
- ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงรับการบำบัดด้วยฮอร์โมน
- ผู้ป่วยไมเกรน
- เด็กอายุ 2-12 ปี
- ผู้ที่กำลังใช้ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคหืด ยาต้านอาการซึมเศร้า ยาไอบูโพรเฟน ยานาพรอกเซน เป็นต้น
- ผู้ที่มีพฤติกรรมใช้สารเสพติด
บรรเทาอาการเมารถได้อย่างไร ?
อาการเมารถ เมาเรือ หรือเมาเครื่องบิน สามารถป้องกันและบรรเทาได้ด้วยตนเอง เพียงปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- หากนั่งรถควรเลือกนั่งที่เบาะหน้า ส่วนการโดยสารเรือหรือเครื่องบินก็ควรเลือกนั่งตรงกลางลำ เพื่อลดแรงเหวี่ยงหรือการโคลงเคลงของยานพาหนะ
- ขณะโดยสารรถให้มองตรงไปทางด้านหน้า โดยให้สายตาจดจ้องไปยังจุดที่หยุดอยู่กับที่ เช่น ตึกสูง เส้นขอบฟ้า เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการจ้องมองสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ อย่างรถที่กำลังวิ่งอยู่บนถนน หรือเรือลำอื่นที่แล่นไปมา
- หลับตาและกำหนดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ
- หากอยู่ในพาหนะส่วนตัว อาจพูดคุยกับคนอื่น ๆ หรือร้องเพลงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
- แวะจอดรถตามจุดพักรถระหว่างทาง เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ พักดื่มน้ำ หรือสูดอากาศภายนอก
- หลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือหรือใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดระหว่างเดินทาง
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อใหญ่และอาหารที่มีรสจัด รวมทั้งงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนโดยสารยานพาหนะใด ๆ
ยาแก้เมารถ
นอกจากการปฏิบัติตามคำแนะนำต่าง ๆ ผู้ที่เมารถเป็นประจำอาจรับประทานยาแก้เมารถ หรือแปะพลาสเตอร์ยาแก้เมารถ ดังต่อไปนี้
- ยาต้านฮิสตามีน เป็นยาที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันหรือบรรเทาอาการเมารถที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น ยาไซไคลซีน ยาไดเมนไฮดริเนต เป็นต้น แต่ยาเหล่านี้อาจส่งผลข้างเคียงทำให้รู้สึกง่วงนอนได้
- ยาสโคโปลามีน มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเมารถ โดยตัวยาจะอยู่ในรูปของพลาสเตอร์สำหรับแปะลงบนผิวหนัง ใช้แปะไว้ด้านหลังใบหูตั้งแต่ก่อนเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ผู้ใช้ยาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือตามฉลากยาอย่างเคร่งครัด รวมทั้งปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนให้เด็กรับประทานยาต้านฮิสตามีนหรือใช้พลาสเตอร์ยาสโคโปลามีน เพราะเด็กอาจเสี่ยงได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยามากกว่าคนในช่วงวัยอื่น