เพิ่มวิธีการชําระเงิน app store ไม่ได้

ต่อไปนี้เป็นวิธีเพิ่ม แก้ไข หรือนำวิธีการชำระเงินที่คุณใช้เมื่อซื้อสินค้าใน Google Play ออก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกการชำระเงินที่มีให้ใช้งาน เช่น บัตรเครดิต, การเรียกเก็บเงินผ่านผู้ให้บริการโดยตรง, PayPal และเครดิต Google Play ได้ที่วิธีการชำระเงินที่ยอมรับ หากพบปัญหา โปรดแก้ไขปัญหาการชำระเงินในบัญชี

เพิ่มวิธีการชำระเงิน

  1. ไปที่วิธีการชําระเงินใน Google Play ในโทรศัพท์ Android
  2. แตะเพิ่มวิธีการชำระเงิน
  3. เลือกวิธีการชำระเงินที่ต้องการเพิ่ม
  4. ทำตามวิธีการบนหน้าจอ

หมายเหตุ: หากคุณใช้ Google Pay ในอินเดียเป็นวิธีการชำระเงิน คุณจะต้องอัปเดตรหัสตัวระบุ Unified Payment Interface (UPI)

เพิ่มวิธีการชำระเงินสำรองสำหรับการสมัครใช้บริการ

เพื่อไม่ให้การสมัครรับข้อมูลเกิดการขาดตอน คุณเพิ่มวิธีการชำระเงินสำรองสำหรับการสมัครใช้บริการแต่ละรายการในบัญชี Google Play ได้ หากวิธีการชำระเงินหลักใช้งานไม่ได้ ระบบจะเรียกเก็บเงินโดยใช้วิธีการชำระเงินสำรองแทน คุณนำวิธีการชำระเงินสำรองออกได้ทุกเมื่อ

นำวิธีการชำระเงินออก

แก้ไขวิธีการชำระเงิน

เปลี่ยนวิธีการชำระเงินระหว่างทำการซื้อ

เปลี่ยนวิธีการชำระเงินใน Android TV

  1. เปิดแอป Google Play Store
    ในอุปกรณ์ Android TV
  2. ไปที่หน้ารายละเอียดของรายการที่ต้องซื้อ
  3. เลือกราคา
    วิธีการชำระเงิน
  4. เลือกวิธีการชำระเงินวิธีใดวิธีหนึ่งจากที่มีอยู่
  5. ทำการซื้อให้เสร็จสมบูรณ์

หมายเหตุ: หากคุณเพิ่มวิธีการชำระเงินระหว่างทำการซื้อ ระบบจะบันทึกวิธีการนั้นไว้ในบัญชี

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • ดูวิธีการชำระเงินที่ระบบยอมรับ
  • แก้ไขปัญหาการชำระเงินในบัญชี
  • ยืนยันวิธีการชำระเงิน

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

แก้ไขปัญหาการชำระเงินในบัญชี

หากคุณพยายามซื้อสินค้าใน Google Play แต่การชำระเงินถูกปฏิเสธหรือไม่ได้รับการประมวลผล ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

หากคุณซื้อสินค้าไปแล้วแต่มีปัญหาหรือข้อสงสัย ให้ดูปัญหาเกี่ยวกับการซื้อในแอปหรือการคืนสินค้าและการคืนเงินสำหรับการซื้อใน Google Play

ยืนยันข้อมูลการชำระเงิน

โปรไฟล์การชำระเงินอาจถูกปิดใช้งาน หากต้องการเปิดใช้งานโปรไฟล์อีกครั้ง ให้ส่งข้อมูลการชำระเงิน

  1. ลงชื่อเข้าใช้ Google Pay
  2. เลือก "การแจ้งเตือน"
    ที่ด้านบน
  3. หากมีการแจ้งเตือนสีแดง ให้ป้อนข้อมูลการชําระเงินและรอให้ทีมตอบกลับ

  4. ตรวจสอบผลการตรวจสอบทางอีเมล

ลองชำระเงินด้วยวิธีการชำระเงินแบบอื่น

หากมีปัญหากับวิธีการชำระเงินแบบใดแบบหนึ่ง ให้ลองชำระเงินด้วยวิธีอื่น ดังนี้

  1. เปิดแอป Google Play Store ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต Android
  2. กลับไปที่รายการที่คุณต้องการซื้อและแตะราคา
  3. แตะวิธีการชำระเงินในปัจจุบัน
  4. เลือกวิธีการชำระเงินวิธีอื่นหรือเพิ่มวิธีใหม่
  5. ทำตามวิธีการในหน้าจอเพื่อซื้อให้เสร็จสมบูรณ์

แก้ไขข้อผิดพลาดเกี่ยวกับบัตรเครดิตและบัตรเดบิต

บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของคุณอาจมีปัญหา หากคุณเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาดใดต่อไปนี้

  • "ดำเนินการชำระเงินไม่ได้: ยอดคงเหลือในบัตรต่ำ"
  • "ทำธุรกรรมไม่ได้ โปรดใช้รูปแบบการชำระเงินอื่น"
  • "ดำเนินการกับธุรกรรมของคุณไม่ได้"
  • "ดำเนินการกับธุรกรรมไม่ได้: บัตรหมดอายุ"
  • "แก้ไขข้อมูลของบัตรนี้หรือลองใช้บัตรอื่น"

ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด

ตรวจสอบว่าข้อมูลบัตรและที่อยู่เป็นข้อมูลล่าสุดแล้ว

บ่อยครั้งที่การชำระเงินเกิดปัญหาเนื่องจากบัตรเครดิตหมดอายุหรือที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงินไม่อัปเดต หากต้องการอัปเดตข้อมูลดังกล่าว ให้ดำเนินการใน Google Payments ดังนี้

นำบัตรที่หมดอายุออกหรืออัปเดตข้อมูลบัตร

บัตรที่หมดอายุจะเป็นเหตุให้การชำระเงินถูกปฏิเสธ วิธีอัปเดตบัตรที่หมดอายุ

  1. ลงชื่อเข้าใช้ //pay.google.com ด้วยบัญชี Google
  2. หาวิธีการชำระเงินที่คุณพยายามใช้ซื้อสินค้า
  3. ตรวจสอบวันหมดอายุของวิธีการชำระเงินที่แสดงอยู่
  4. อัปเดตหรือนำวิธีการชำระเงินที่หมดอายุออก

ตรวจสอบว่าที่อยู่ในบัตรตรงกับที่อยู่ใน Google Payments

การที่บัตรเครดิตของคุณลงทะเบียนด้วยที่อยู่อื่นอาจทำให้การชำระเงินถูกปฏิเสธได้ ดังนั้นโปรดตรวจสอบว่ารหัสไปรษณีย์ตรงกับที่อยู่ปัจจุบันของคุณ 

  1. ลงชื่อเข้าใช้ //pay.google.com ด้วยบัญชี Google
  2. หาวิธีการชำระเงินที่คุณพยายามใช้ซื้อสินค้า
  3. คลิกแก้ไข 
  4. ตรวจสอบว่าที่อยู่ที่แสดงตรงกับที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงินของบัตร
  5. อัปเดตที่อยู่หากจำเป็น 

จากนั้นลองสั่งซื้ออีกครั้ง

ส่งข้อมูลที่จำเป็นเพิ่มเติม

หากข้อความแสดงข้อผิดพลาดมีวิธีส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับ Google ต่อท้ายมาด้วย โปรดส่งข้อมูลตามคำแนะนำดังกล่าว เพราะเราจะดำเนินการกับธุรกรรมในบัญชีไม่ได้หากไม่มีข้อมูลนี้

ตรวจสอบว่าคุณมีเงินเพียงพอสำหรับการซื้อนั้น

บางครั้งระบบปฏิเสธการทำธุรกรรมเพราะบัตรมีเงินไม่เพียงพอ โปรดตรวจสอบว่าบัญชีของคุณมีเงินเพียงพอที่จะทำการซื้อ

ติดต่อธนาคารหรือผู้ออกบัตร

บัตรอาจมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้ระบบปฏิเสธธุรกรรม ให้ติดต่อสถาบันที่ออกบัตรเพื่อสอบถามเกี่ยวกับธุรกรรมและดูว่าสถาบันทราบสาเหตุที่ธุรกรรมถูกปฏิเสธหรือไม่

หากคุณเห็น "ระบบปฏิเสธการชำระเงินเนื่องจากมีปัญหากับบัญชี"

อาจเป็นเพราะสาเหตุต่อไปนี้

  • เราพบธุรกรรมที่น่าสงสัยในโปรไฟล์การชำระเงินของคุณ
  • เราต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยเพื่อป้องกันบัญชีของคุณจากการฉ้อโกง
  • เราต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายของสหภาพยุโรป (เฉพาะลูกค้าในรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป)

วิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าว

  1. ไปที่ศูนย์การชำระเงิน
  2. แก้ไขข้อผิดพลาดหรือทำตามคำขอในศูนย์การชำระเงิน
    • คุณอาจต้องยืนยันตัวตนก่อนจึงจะซื้อสินค้าผ่านบัญชี Google ได้
  3. ตรวจสอบว่าชื่อ ที่อยู่ และข้อมูลการชำระเงินเป็นปัจจุบัน

หากคุณพยายามชำระด้วยการเรียกเก็บเงินผ่านผู้ให้บริการโดยตรง (จ่ายผ่านการเรียกเก็บเงินของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ)

หากคุณประสบปัญหาในการจ่ายเงินผ่านการเรียกเก็บเงินผ่านผู้ให้บริการโดยตรง ให้ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ 

  • ตรวจสอบว่าคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายของผู้ให้บริการโดยตรงหรือโดยใช้ Wi-Fi แล้ว
  • ตรวจสอบว่าคุณเพิ่มการเรียกเก็บเงินผ่านผู้ให้บริการโดยตรงเป็นวิธีการชำระเงินแล้ว
  • ตรวจสอบว่าคุณใช้สกุลเงินท้องถิ่น

หากยังประสบปัญหาอยู่ โปรดติดต่อรับความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 

หากเพิ่มวิธีการชำระเงินไม่ได้หรือมีปัญหากับวิธีการชำระเงินแบบอื่น

หากคุณมีปัญหากับวิธีการชำระเงินแบบอื่น ให้ไปที่ Google Payments เพื่อแก้ไขปัญหา

  1. ลงชื่อเข้าใช้ //pay.google.com ด้วยบัญชี Google
  2. หาการแจ้งเตือนหรือคำขอข้อมูล และให้ข้อมูลที่เราขอ 
  3. ตรวจสอบว่าที่อยู่เป็นที่อยู่ล่าสุด
  4. ตรวจสอบว่าวิธีการชำระเงินที่แสดงในรายการเป็นวิธีที่ต้องการใช้

ตัวเลือกบัตรเป็นสีเทาและมีข้อความว่า "ยืนยันที่ pay.google.com"

มีการรายงานว่าบัตรของคุณถูกขโมย คุณต้องยืนยันบัตรก่อนจึงจะใช้ได้อีกครั้ง โดยทำดังนี้

  1. ไปที่ pay.google.com และลงชื่อเข้าใช้บัญชี
    1. หากมีหลายบัญชี ให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่มีบัตรซึ่งกลายเป็นสีเทา
  2. คลิกวิธีการชำระเงิน
  3. ข้างบัตรที่มีข้อความว่า "ต้องมีการยืนยัน" ให้คลิกยืนยัน 
     เรียกเก็บเงินจากบัตร
  4. ภายใน 2 วันคุณจะพบการเรียกเก็บเงินชั่วคราวในรายการบัญชีบัตรพร้อมด้วยรหัส 8 หลัก
  5. ดำเนินการยืนยันให้เสร็จสมบูรณ์โดยไปที่ pay.google.com แล้วป้อนรหัส 8 หลัก 

หากคุณพยายามยืนยันวิธีการชำระเงินอีกครั้ง ให้ทำดังนี้

  1. ตรวจสอบบัตรที่ต้องการยืนยัน
  2. ตรวจดูว่าคุณพยายามยืนยันบัตรไปนานเท่าใดแล้ว
    • หากไม่เกิน 2 วัน: รอให้ถึง 2 วัน
    • หากนานกว่า 2 วัน: ตรวจสอบรายการบัญชีบัตร คุณจะพบการเรียกเก็บเงินชั่วคราวจาก Google ชื่อว่า "GOOGLE TEST" พร้อมด้วยรหัส 8 หลัก

ตัวเลือกบัตรเป็นสีเทาและมีข้อความว่า "บัตรใบนี้ไม่มีสิทธิ์"

คุณใช้บัตรใบนี้กับการซื้อครั้งนี้ไม่ได้ ให้ลองซื้ออีกครั้งโดยใช้บัตรอื่น

หากบัตรที่ต้องการใช้ไม่มีอยู่ในรายการ ให้ทำตามวิธีการบนหน้าจอเพื่อเพิ่มบัตรใหม่

หากใช้อุปกรณ์ที่มีซิมการ์ด 2 ซิม

ตรวจสอบว่าได้ใส่ซิมการ์ดที่ถูกต้องในช่อง 1 และนำซิมการ์ดที่อาจมีอยู่ในช่อง 2 ออก

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

ทำไมถึงเพิ่มการชำระเงินไม่ได้

อาจเป็นเพราะสาเหตุต่อไปนี้ เราพบธุรกรรมที่น่าสงสัยในโปรไฟล์การชำระเงินของคุณ เราต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยเพื่อป้องกันบัญชีของคุณจากการฉ้อโกง เราต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายของสหภาพยุโรป (เฉพาะลูกค้าในรัฐสมาชิกสหภาพยุโรป)

อัพเดทการชําระเงิน IOS ยังไง

อัพเดทวิธีการชำระเงิน — แตะอัพเดทวิธีการชำระเงิน จากนั้นแก้ไขข้อมูลของคุณ อัปเดตวิธีการชำระเงิน - แตะอัปเดตวิธีการชำระเงิน จากนั้นแก้ไขข้อมูลของคุณ คุณอาจต้องป้อนรหัสความปลอดภัยที่พิมพ์อยู่บนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของคุณ หากคุณใช้บัตรกับ Apple Pay ให้ไปที่แอปพ Wallet เพื่อแก้ไขข้อมูลบัตร

จ่ายเงินผ่าน App Store ยังไง

คุณสามารถรวมวิธีจ่ายเงินเพื่อชำระค่าสินค้าที่สั่งซื้อได้ โดยเลือกรูปแบบการรวมบัตรเครดิตกับบัตรของขวัญ Apple Store ต่อไปนี้ บัตรของขวัญ Apple Store สูงสุด 8 ใบ.
โอนทางธนาคารผ่าน ATM..
ชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์.
บัตรเครดิต.
การผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต.
บัตรของขวัญ Apple Store..

ทำไมเพิ่มบัตรใน Apple ID ไม่ได้

1. แก้ไขปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากข้อผิดพลาดยังคงมีอยู่ เปิดใช้งานโหมดเครื่องบิน และปิดกลับ คุณควรจะเพิ่มบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตของคุณไปที่ Apple Pay ได้เมื่ออุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง คุณควรพิจารณาเปลี่ยนไปใช้เครือข่ายอื่นหรือรีบูตเราเตอร์หากคุณใช้การเชื่อมต่อแบบไร้สาย

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก