คุณสามารถอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อนำมายกเว้นการอบรมที่สำนักงานขนส่งโดยใช้ข้อมูลจริงในการลงทะเบียน และต้องเข้าอบรมด้วยตนเอง
ย้ำนะครับว่า “ไม่สามารถใช้ผลการอบรมของผู้อื่นได้” เพราะเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลและเอกสารประกอบก่อนการดำเนินการทุกครั้ง
หากไม่มีประวัติผ่านการอบรมต้องเข้าอบรมใหม่ และอาจทำให้เสียสิทธิการจองคิวในวันดังกล่าวอีกด้วย ขั้นตอนการอบรมออนไลน์ มีดังนี้
- เปิดเว็บไซต์ //www.dlt-elearning.com/ เลือกภาษาไทย
- กรอกรหัสบัตรประจำตัวประชาชน
- ใส่รายละเอียดข้อมูลส่วนตัวที่ถูกต้อง แล้วกดลงทะเบียน
- เลือกสำนักงานขนส่งพื้นที่ใกล้ท่าน ที่ต้องการไปใช้บริการ
- เลือกปฏิทินวันที่ต้องการไปใช้บริการ (เลือกวันที่คิวยังว่าง-สีเขียว)
- เลือกรอบเวลาที่ต้องการไปใช้บริการ แล้วกดยืนยันการจอง
- บันทึกหน้าจอที่มีคิวอาร์โค้ด เก็บไว้เป็นหลักฐาน
จองคิวอบรมใบขับขี่ออนไลน์ ง่าย...ไม่ต้องรอนาน
เริ่มจากคลิกเข้าไปจองคิวอบรมผ่านเว็บไซต์ //gecc.dlt.go.th/login และแอป DLT Smart Queue ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน คุณจำเป็นต้องลงทะเบียนจองผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อจัดสรรปริมาณของผู้เข้าใช้บริการ การจัดระบบการจัดคิว โดยคุณสามารถเข้าไปโหลดแอป DLT Smart Queue ได้ที่นี่
iOS : //apple.co/2GIHARd
Android : //bit.ly/2IkLpyO
เว็บไซต์ : //gecc.dlt.go.th
หลังจากเข้าไปในเว็บไซต์หรือแอปแล้ว ต้องทำการลงทะเบียนก่อน โดยคลิ๊กตามหน้าต่างดังต่อไปนี้ เราได้เอาตัวอย่างมาให้ดูตามลำดับจนถึงขั้นตอนการจองคิวทำการอบรมและทดสอบ
ใบขับขี่หาย ไม่ต้องสอบใหม่!
อย่าตกใจเมื่อทำใบขับขี่หาย ไม่ต้องสอบใหม่ และไม่จำเป็นต้องใช้ใบแจ้งความจากสถานีตำรวจ หากว่าเป็นใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล ขอแค่คุณเตรียมเอกสารที่ต้องใช้เหล่านี้ให้พร้อม คุณก็สามารถยื่นขอใบขับขี่ใหม่ได้เลย นั่นคือ
- บัตรประชาชนหรือทะเบียนบ้านตัวจริง (พร้อมสำเนา)
- ค่าธรรมเนียมคำขอ 5 บาท ค่าธรรมเนียมออกใบขับขี่ใบใหม่ 250 บาท รวม 255 บาท
ทำใบขับขี่ครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง
รถยนต์
- การสอบใบขับขี่รถยนต์ ต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
จักรยานยนต์
- การสอบใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องมีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สำหรับใบขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ไม่เกิน 110 ซีซี และ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สำหรับใบขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่จำกัดซีซี เช่น บิ๊กไบค์
เตรียมเอกสารสำหรับการทำใบขับขี่
- บัตรประชาชนตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์ (อายุไม่เกิน 1 เดือน)
เมื่อทำการนัดวันอบรมและทดสอบสมรรถภาพเป็นที่เรียบร้อย ก็รอเข้าไปอบรมและทดสอบในวันและเวลาตามนัดหมาย
การทดสอบสมรรถภาพ มีทั้งหมดดังนี้
- ทดสอบสายตา
- ทดสอบการมองเห็นสีสัญญาณไฟ
- ทดสอบการมองเห็นมุมกว้าง และลึก
- ทดสอบปฏิกิริยาทางเท้า (การเหยียบเบรก)
สำหรับผู้มีความบกพร่องหรือมีความพิการด้านอื่นๆ แนะนำให้ขอรับคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่ขนส่ง
การอบรมที่สำนักงาน / พร้อมสอบข้อเขียน
- สำหรับผู้ที่มีใบขับขี่อยู่แล้ว ใบขับขี่หมดอายุต้องการจะต่ออายุ สามารถอบรมออนไลน์มาก่อนได้
- สำหรับการสอบทำใบขับขี่ครั้งแรก จำเป็นต้องเข้ารับการอบรมที่ขนส่งเท่านั้น
- เริ่มต้นต้องสอบข้อเขียน จำนวน 50 ข้อ
- ผู้เข้าสอบจะต้องตอบถูก 90% หรือคิดเป็น 45 ข้อ จากทั้งหมด 50 ข้อ หากไม่มั่นใจก็ลองหาพวกแบบทดสอบออนไลน์มาทำดูก่อนเป็นการซ้อมมือก็ได้
การอบรมและทดสอบออนไลน์ บ่อยครั้งที่เกิดอาการ Error ของเว็บไซต์หรือแอป อาจต้องใจเย็นกับมันสักหน่อย ค่อย ๆ ทำใหม่ เพราะถ้าเกิดเหตุขัดข้องมันจะไม่เซฟข้อมูล ต้องเริ่มทดสอบใหม่และอบรมทีละข้อ ๆ ละประมาณ 20 นาที
การสอบปฏิบัติ
รถยนต์
ทดสอบ 3 ด่าน
- ขับรถเดินหน้าและถอยหลังในทางตรง: ขับตรงเป็นระยะทาง 12 เมตร โดยต้องขับเดินหน้า 1 ครั้ง ถอยหลัง 1 ครั้ง ห้ามชนหรือเบียดเสาเด็ดขาด
2. ขับรถเดินหน้าและหยุดรถเทียบทางเท้า: จะต้องจอดเทียบห่างจากขอบทางได้ไม่เกิน 25 เซนติเมตร ห้ามให้ล้อเบียดขอบฟุตบาท ห้ามเหยียบเส้นด้านข้าง และกันชนรถต้องไม่เกินเส้นหยุดรถด้านหน้าและห่างได้ไม่เกิน 1 เมตร
3. ถอยรถเข้าซอง: ถ้าเป็นมือใหม่หัดขับก็อาจจะยากสักหน่อย เพราะไม่ใช่ถอยเข้าตรงๆ เหมือนจอดในที่จอดรถ แต่เขาจะเซ็ตเป็นช่องสี่เหลี่ยมซึ่งด้านซ้ายเปิดโล่ง คล้ายกับการจอดเทียบข้างทาง เพียงแต่ว่ามันมีเสาล้อมรอบและมีช่องว่างกว้างกว่ารถเพียงเล็กน้อยจะต้องขับเข้าช่องนั้นให้ได้ โดยเปลี่ยนเกียร์ได้ไม่เกิน 7 ครั้ง ห้ามชนหรือเบียดเสาเด็ดขาด เมื่อจอดสำเร็จ กระจกมองข้างต้องไม่ล้ำออกนอกเส้นที่กำหนด
จักรยานยนต์
ทดสอบ 5 ด่าน
- ขับขี่ตามป้ายจราจร: ขับตามเส้นทางที่กำหนดซึ่งจะมีป้ายจราจรติดอยู่ ต้องหยุดรถหรือเลี้ยวรถตามป้ายสัญญาณจราจรนั้นๆ จำเป็นต้องเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งเมื่อต้องการเลี้ยว ไม่เช่นนั้นจะถือว่าสอบตก
2. ขับขี่ทรงตัวบนทางแคบ: เส้นทางที่ต้องขับจะค่อนข้างแคบ เป็นการทดสอบการทรงตัว ห้ามใช้เท้ายันพื้นโดยเด็ดขาด และห้ามขับเร็วเกินไปด้วย
3. ขี่ผ่านโค้งรูปตัว Z: ทดสอบการเลี้ยวโค้งหักศอก เพราะเส้นทางจะเป็นรูปตัว Z ห้ามล้ม ห้ามใช้เท้าช่วยยันพื้น
4. ขับขี่ผ่านโค้งรูปตัว S: เส้นทางจะดูคล้ายตัว S ทดสอบการเข้าโค้งซ้ายและขวา ห้ามใช้เท้าช่วยยันพื้นเด็ดขาด