พระพุทธ ศาสนา ฝึกตนไม่ให้ประมาท

เมื่อ อาทิตย์, 12/09/2010 - 00:02 | แก้ไขล่าสุด จันทร์, 13/09/2010 - 09:10| โดย sss28798

 วิธีการฝึกตนไม่ให้ประมาท ทำได้ดังนี้

๑. ฝึกจิตพิจารณาเนืองๆ ว่าเรามีความแก่, ความเจ็บ, ความตาย เป็นธรรมดา ไม่สามารถล่วงพ้นได้

๒. ฝึกตั้งสติในเวลาประสบกับสิ่งที่ทำให้ ติดใจ, พอใจ, ให้โกรธ, ขัดเคือง, ให้หลง, ให้มัวเมา อย่าให้ครอบงำจิตใจได้

๓. ฝึกตั้งสติตามหลังพุทธพจน์ว่า ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย

ย้อนกลับ :)                                                                                                                                            กลับหน้าแรก :)

แหล่งอ้างอิง: 

พระมหาถวิล จารุเตโช

งานนำเสนอเรื่อง: "พระพุทธศาสนา ฝึกคนไม่ให้ประมาท."— ใบสำเนางานนำเสนอ:

1 พระพุทธศาสนา ฝึกคนไม่ให้ประมาท

2 พระพุทธศาสนาในด้านการฝึกตนไม่ให้ประมาท
ความประมาท คือ ความเลินเล่อ เผลอสติ ไม่สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ ส่วนความไม่ประมาทมีวินัยตรงกันข้าม ได้แก่ ความรอบคอบ มีสติคอยกำกับการกระทำ วาจา ใจ สติ  คือ ความระลึกรู้สึกตัวอยู่เสมอจำเป็นต้องใช้ในกิจกรรมทุกอย่าง ตั้งแต่การทำการงานตามปกติ

3 พระพุทธศาสนา มุ่งประโยชน์สุข แก่บุคคล สังคม และโลก

4 ประโยชน์ของความไม่ประมาทต่อการดำเนินชีวิตและสังคม 1
ประโยชน์ของความไม่ประมาทต่อการดำเนินชีวิตและสังคม              1. ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตส่วนบุคคล               ความไม่ประมาทมีประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่และการดำเนินชีวิต เช่น ในการปฏิบัติหน้าที่หรือการดำเนินชีวิตที่มีความเสี่ยง ต่ออุบัติภัยมาก  ในการทำงานที่ละเอียดประณีต ในการครองเรือน ในการป้องกันโรค              2. ประโยชน์ต่อสังคม  การป้องกันประเทศ การป้องกันอาชญากรรม การวางแผนเศรษฐกิจและสังคม ความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศ              3. ประโยชน์ในการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา การปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาจะต้องมีความไม่ประมาท กล่าวคือมีสติกำกับอยู่ เสมอ การรักษาศีล การเจริญสมาธิหรือการทำกรรมฐาน การเจริญปัญญา

5 ธรรมะที่สร้างความไม่ประมาท                        ธรรมะที่เป็นเครี่องมือสร้างความไม่ประมาท ได้แก่                        1. สติ ความระลึกได้ก่อนที่จะทำ จะพูด จะคิด ในสิ่งต่างๆ และ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว ในขณะที่ทำ พูด คิดอยู่ โดยไม่เผลอใจ หรือขาดสติ                        2. ปธาน คือความเพียร อันเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่ประมาทในชีวิต ได้แก่                                              1) สังวรปธาน ความเพียรในการระวังมิให้ความชั่วเกิดกับตน หรือป้องกันมิให้ตนเองกระทำในสิ่งที่ไม่ดี                                              2) ปหานปธาน ความเพียรในการละทิ้งความไม่ดีที่เคยเกิดขึ้นกับตนให้หมดไป                                              3) ภาวนาปธาน ความเพียรในการสร้างสรรค์ความดีที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้นกับตน หรือเพียรในการสิ่งดีๆ ที่ยังไม่ได้สร้าง                                              4) อนุรักขนาปธาน เพียรในการรักษาความดี ที่เราได้ทำไว้แล้วมิให้หายไป คือรักษาสิ่งดีๆ ที่ทำไว้แล้วให้คงอยู่เหมือนเดิม                        3. หิริ โอตตัปปะ หิริ คือความละอายใจในการจะทำความชั่ว และโอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อผลของความชั่ว เมื่อบุคคลมีความละอาย และเกรงกลัวต่อบาป แล้ว ก็จะทำให้ผู้นั้นดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาทเผลอตัวทำความชั่วได้

6 พระพุทธศาสนามีหลักธรรมคำสอนมากมาย ที่มุ่งประโยชน์สุขแก่บุคคล สังคมและโลก ดังตัวอย่างหลักธรรมคำสอนดังนี้ 1. ทิฎฐธัมมิกัตถะ คือ ประโยชน์ในปัจจุบัน 2. สัมปรายิกัตถะ คือ ประโยชน์ในภายหน้า 3. ปรมัตถะ ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ นิพพาน

7 หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่มุ่งความสุขแก่สังคมและโลก ได้แก่
อิทธิบาท 4 คือหลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของผู้อื่น 1. ทาน คือ การให้ การเสียสละ 2. ปิยวาจา คือ การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน 3. อัตถจริยา คือ การประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น 4. สมานัตตา คือ การเป็นผู้มีความสม่ำเสมอ,เสมอต้นเสมอปลาย พรหมวิหาร 4 คือหลักธรรม ประจำใจอันประเสริญของบุคคลผู้มีคุณความดีอันยิ่งใหญ่ 1. เมตตา แปลว่า ความรัก 2.กรุณา แปลว่า ความสงสาร 3.มุทิตา แปลว่า มีจิตอ่อนโยน 4.อุเบกขา แปลว่าความวางเฉย คือมีการวางเฉยต่ออารมณ์ที่มากระทบ

8 พระพุทธศาสนา กับเศรษฐกิจพอเพียง

9 พระพุทธศาสนากับเศรษฐกิจพอเพียง
วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายหลักของเศรษฐกิจพอเพียงก็คือ  ความสงบสุขของผู้คนในสังคม ประชาชนมีกินมีใช้อย่างเพียงพอแก่ความต้องการ ที่สำคัญต้องไม่ทำตนและผู้อื่นเดือนร้อน ซึ่งสอดคล้องกับหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาหลายประการ ดังนี้                          1. หลักธรรมการพึ่งพาตนเอง ( อตฺตา หิ อตฺต โน นาโถ)                          2. หลักธรรมความรู้จักพอประมาณ (อตฺตญฺญุตา)                           3. หลักธรรมเรื่องราวความสันโดษ ( สนฺตุฏฺฐิ ปรมํ ธนํ)                          4. หลักธรรมความเป็นผู้รู้จักใช้เหตุผลในการดำเนินชีวิต (ธมฺมญฺญุตา อตฺถญฺญุตา)                           5. หลักธรรมเรื่องทางสายกลาง หรือ ความพอดี (มชฺฌิมปฏิปทา)                          6. หลักธรรมเรื่องความไม่โลภมาก (อโลภ)

10

11

พระพุทธศาสนาฝึกคนไม่ให้ประมาทหมายความว่าอย่างไร

10.พระพุทธศาสนามุ่งฝึกตนไม่ให้ประมาท - Coggle Diagram.
10.4.1 มีสติระลึก ก่อนจะทำ พูด คิด ในทุกสิ่ง หากสิ่งที่ทำไปแล้วเป็นทุกข์ ก็ไม่ทำ.
10.4.2 ตระหนักในผลของการกระทำที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง และผู้อื่นรอบข้าง.
10.4.3 ระลึกอยู่ในคุณงามความดีเสมอ เอาคุณธรรมความดีมาผูกไว้ที่ใจ.

หลักธรรมที่มีอุปการะในการฝึกตนไม่ให้ประมาทในทางพระพุทธศาสนาคือหลักธรรมใด

F ความไม่ประมาทหรืออัปปมาทธรรม เป็นหลักธรรมสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนาเป็นธรรมที่ เป็นตัวกระตุ้นให้มีการปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา อัปปมาทธรรม พระพุทธเจ้าทรง เน้นไว้มากที่สุด ถึงกับตรัสเป็นปัจฉิมวาจาคือพระดำรัสสุดท้ายก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน เป็นการประทานพระโอวาทครั้งสุดท้ายของพระพุทธเจ้าแก่พุทธศาสนิกชน ว่า “วยธม ...

พระพุทธเจ้าทรงตรัสธรรมใดที่สอนในเรื่องของความไม่ประมาท

พระพุทธองค์ทรงบอกข้อปฏิบัติ เป็นที่รวมของ ธรรมะอื่นๆ คือ อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ เธอทั้งหลาย จงท ากิจทุกอย่างให้ส าเร็จ ด้วยความไม่ประมาท เถิด หรือ เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึง

เหตุการณ์ใดที่พระพุทธเจ้าสอน เน้นให้พุทธสาวก ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท

โอวาทสุดท้ายของพระพุทธองค์ที่แสดงในสาลวโนทยาน เมืองกุสินาราก็คือ “อัปปมาทธรรม” หรือความไม่ประมาท เป็นการสอนให้สาวกทั้งหลายครองตนอยู่ในความไม่ประมาทในการใช้ชีวิต และหาทางปฏิบัติเพื่อให้หลุดพ้นจากทุกข์โดยรอบคอบ

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก