Advertisement
คนรุ่นใหม่ที่เกิดวันที่ 24 มี.ค. 2544 จะมีสิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากจะมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์พอดีในวันเลือกตั้ง
รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไว้ต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ โดยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้หนึ่งในคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคือ ต้อง “มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีในวันเลือกตั้ง” นั่นหมายความว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดในวันที่ 24 มี.ค. 2544 (รวมถึงคนที่เกิดก่อนหน้านั้น) จะมีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย เนื่องจากในวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 พวกเขาเหล่านี้จะมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์พอดี
สำหรับรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ เช่นฉบับปี 2540 และฉบับปี 2550 ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไว้ต่างออกไป โดยกำหนดไว้ว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต้อง “มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคมของปีที่มีการเลือกตั้ง”
ฉะนั้นแล้วคนรุ่นใหม่ที่เกิดในช่วงต้นปี พ.ศ. 2544 จึงโชคดีจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ ที่ทำให้พวกเขามีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย เพราะหากใช้กฎเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ คนที่เกิดในปี 2544 จะไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้
podcast
กำลังโหลดบทความถัดไป...
|
��ҡ������ ��黡��ͧ�ѧ���Է����駵��Ǩ ��ͧ��ͧ ���͵����Ǵ��¡����¢���˹���¤� �ҡ���� 18 ������ |
����駡�з�� Qwe :: �ѹ���ŧ��С�� 2020-02-15 21:15:56 |
�����Դ��繷�� 1 (4360404) |
|
���Դ������ô� �繼�����ӹҨ����ͧ �Ѻ�ص÷����������ӹҨ����ͧ�ͧ�Դ������ôҹ�� �����кص÷���繼���������ҹ�� �ص÷�����عԵ���������-�����Ҩк���عԵ��������С��������������ؤú 17 �պ�Ժ�ó� -���ͺ���عԵ��������������ؤú 20 �պ�Ժ�ó���� �����Ҿ�����������������ͧ��������ӹҨ����ͧ�ͧ�Դ������ô�ա���� �ѧ��鹵����Ӷ�� ���� 18 �� �֧�ѧ������عԵ����� 㹡óշ���ѧ����騴����¹���� �֧�ѧ��ͧ�������ӹҨ����ͧ�ͧ��黡��ͧ�����Ѻ ����Ѻ�Է�Է����駵��Ǩ ��ͧ��ͧ ��ͧ�������Ѻ ��Ҩд��Թ��աѺ�� ����ͧ���� ����ͺص�˹��͡�ҡ��ҹ�֧���Դ��������������ͧ��ͺ���Ƿ��е�ͧ���Թ�������ͧ �ӹҨ����ͧ����ҵ�� 1566 ��ҹ�������������� | |
����ʴ������Դ��� ���¤����չ��� 085-9604258 �ѹ���ͺ 2020-02-16 12:39:10 |
BaanBaan ประกาศขาย-เช่า โครงการ โปรโมชั่นบ้าน บทความ คำนวณสินเชื่อ เกี่ยวกับเรา ติดต่อเรา
อายุเท่าไหร่ทำ นิติกรรม-สัญญา อสังหาริมทรัพย์ได้นะ ?
เผยแพร่: 9 พ.ค. 2565
|
หมวด:
กฎหมาย
Tags:
นิติกรรม
ความรู้เรื่องบ้าน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ผู้เยาว์ (อังกฤษ: minor) หมายถึง บุคคลผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หลายประเทศมักไม่นิยามคำว่า "ผู้เยาว์" ไว้อย่างเด็ดขาด อายุสำหรับความรับผิดทางอาญา อายุอย่างต่ำที่จะให้ความยินยอมในการมีเพศสัมพันธ์ อายุที่จะต้องผ่านการศึกษาภาคบังคับ อายุที่สามารถทำนิติกรรมด้วยตนเองได้ เป็นต้น อาจแตกต่างกันไป
ในหลายประเทศรวมถึงออสเตรเลีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ บราซิล โครเอเชียและโคลัมเบีย ผู้เยาว์หมายถึงบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี ส่วนในสหรัฐอเมริกาซึ่งกำหนดอายุบรรลุนิติภาวะไว้แตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ผู้เยาว์มักหมายถึงผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่ในบางรัฐอาจหมายถึงผู้มีอายุต่ำกว่า 21 ปีในบางกรณี (เช่นการพนัน การเป็นเจ้าของปืน และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) ในทางอาญาคำว่าผู้เยาว์มักกำหนดไว้แตกต่างกันไป ผู้เยาว์อาจถูกดำเนินคดีและได้รับโทษในฐานะเป็นเยาวชน หรืออาจได้รับโทษเหมือนผู้ใหญ่ในความผิดร้ายแรงอย่างยิ่งเช่นฆาตกรรม
ในญี่ปุ่น ไต้หวัน ไทย และเกาหลีใต้ ผู้เยาว์หมายถึงบุคคลผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี กฎหมายนิวซีแลนด์ก็กำหนดอายุของผู้บรรลุนิติภาวะไว้ 20 ปีเช่นกันแต่ผู้เยาว์ในนิวซีแลนด์สามารถใช้สิทธิส่วนใหญ่ได้ก่อนหน้าที่จะบรรลุนิติภาวะ เช่นเข้าทำสัญญาและทำพินัยกรรมได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี
กฎหมายไทย[แก้]
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย ไม่ได้นิยามคำว่าผู้เยาว์ไว้ อย่างไรก็ตาม มาตรา 19 และ 20 ได้กำหนดเหตุพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะไว้ดังนี้
"มาตรา ๑๙ บุคคลย่อมพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุยี่สิบปีบริบูรณ์"
"มาตรา ๒๐ ผู้เยาว์ย่อมบรรลุนิติภาวะเมื่อทำการสมรส หากการสมรสนั้นได้ทำตามบทบัญญัติมาตรา ๑๔๔๘"
ดังนั้น บุคคลจึงบรรลุนิติภาวะและไม่เป็นผู้เยาว์ได้เมื่ออายุครบยี่สิบปี หรือสมรสโดยถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้เยาว์จะถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมต่าง ๆ ไว้ โดยหากผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน มิฉะนั้นจะตกเป็นโมฆียะ ซึ่งผู้แทนโดยชอบธรรมนั้นโดยปกติก็คือบิดามารดาของผู้เยาว์นั่นเอง ส่วนปู่ย่าตายาย ญาติ หรือผู้ปกครองตามความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมและไม่มีอำนาจให้ความยินยอมผู้เยาว์ในการทำนิติกรรม เว้นแต่บิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองและศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้ปู่ย่าตายาย ญาติ หรือบุคคลอื่นเป็นผู้ปกครองตามกฎหมาย
นิติกรรมตกเป็นโมฆียะ หมายถึงนิติกรรมนั้นสมบูรณ์อยู่จนกว่าจะถูกบอกล้างโดยผู้แทนโดยชอบธรรมหรือโดยตัวผู้เยาว์เองเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว และเมื่อถูกบอกล้างแล้วจะถือว่านิติกรรมนั้นตกเป็นโมฆะมาตั้งแต่เริ่มแรกโดยให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิมเสมือนไม่มีการทำนิติกรรมดังกล่าวมาก่อนเลย
อย่างไรก็ตาม ผู้เยาว์สามารถทำนิติกรรมบางอย่างได้เองโดยไม่ต้องขอความยินยอม และไม่ตกเป็นโมฆียะ กล่าวคือ
- ก. ทำนิติกรรมเพียงเพื่อจะได้สิทธิ หรือหลุดพ้นจากหน้าที่ ซึ่งเป็นนิติกรรมที่เป็นคุณต่อผู้เยาว์ฝ่ายเดียว เช่น รับการให้โดยสเน่หา
- ข. ทำนิติกรรมซึ่งเป็นการต้องทำเองเฉพาะตัว เช่น สมรส
- ค. ทำนิติกรรมซึ่งเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตนและเป็นการอันจำเป็นในการดำรงชีพตามสมควร เช่น ซื้อขายอาหารที่โรงอาหารในโรงเรียน
- ง. ทำพินัยกรรมได้เมื่ออายุสิบห้าปีบริบูรณ์
- จ. จำหน่ายทรัพย์สินตามที่ผู้แทนโดยชอบธรรมอนุญาต
- ฉ. กระทำการใด ๆ อันเกี่ยวพันกับประกอบธุรกิจทางการค้าหรือธุรกิจอื่น หรือเป็นลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน ตามที่ผู้แทนโดยชอบธรรมยินยอม
ข้อจำกัดข้างต้นเป็นข้อจำกัดเฉพาะกรณีการทำนิติกรรมเท่านั้น ส่วนนิติเหตุนั้นไม่มีข้อจำกัดแต่อย่างใด ดังนั้นผู้เยาว์จึงมีหนี้ที่เกิดโดยนิติเหตุ เช่น กระทำละเมิดได้ แต่กฎหมายก็กำหนดให้บิดามารดาของผู้เยาว์ต้องร่วมรับผิดด้วย
ในทางอาญา กฎหมายก็ได้จำกัดความสามารถในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอาญาไว้ กล่าวคือผู้เยาว์จะไม่สามารถเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้เองไม่ว่าจะได้รับความยินยอมหรือไม่ และจะขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการก็ไม่ได้ โดยผู้แทนโดยชอบธรรมจะต้องเป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนหรือดำเนินคดีแทนผู้เยาว์ทั้งหมด แต่ข้อจำกัดนี้ไม่รวมถึงการร้องทุกข์หรือการถอนคำร้องทุกข์ ที่ผู้เยาว์ในฐานะผู้เสียหายสามารถดำเนินการด้วยตนเองได้
ทั้งนี้ คำว่า "ผู้เยาว์" จะแตกต่างจากคำว่า "เด็ก" และ "เยาวชน" ซึ่งแต่ละกฎหมายก็กำหนดไว้แตกต่างกันไป เช่นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก กำหนดนิยามคำว่าเด็กไว้ว่าบุคคลที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี ในขณะที่พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว กลับนิยามคำว่าเด็กไว้ว่าบุคคลที่ยังอายุไม่เกินสิบห้าปี ส่วนเยาวชนคือบุคคลที่อายุเกินสิบห้าปีแล้วแต่ยังไม่ถึงสิบแปดปี